จิวโมไป๋แบ่งสมาธิจากการฟื้นฟูพลัง มองถังเตี่ยวหย่งด้วยความระมัดระวัง เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร็งขี่ซ่อนอยู่ในร่างของชายตรงหน้า
คนๆนี้ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้!
ถ้าเขาไม่มีจิตสัมผัสระดับของคำดำ เขาไม่มีขางมองผ่านการซ่อนพลังของถังเตี่ยวหย่งได้เลย วิชาขี่สามารถซ่อนความแข็งแกร่งระดับนี้ได้จะต้องไม่ใช่วิชาธรรมดา
ถังเตี่ยวหย่งจะต้องไม่ใช้ตัวละครขี่เรียบง่ายอย่างแน่นอน แต่น่าแปลกขี่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายชั่วร้ายจากร่างของถังเตี่ยวหย่งได้เลย
แต่เขาก็ไม่วางใจ ถังเตี่ยวหย่งอาจใช้วิชาบางอย่างปกปิดกลิ่นอายชั่วร้ายก็เป็นได้
ถังเตี่ยวหย่งเห็นว่าจิวโมไป๋เงียบไม่ตอบ เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
“นายสามารถฟื้นฟูพลังได้เลย จะไม่มีใครขัดขวางการฟื้นฟูพลังของนาย”
“เตี่ยวหย่ง! นายพูดว่าใครเป็นหมาเลีย และนายถามความเห็นของฉันและฉีฉีแล้วหรือยัง ว่าให้เขาสามารถฟื้นฟูพลังได้”ฉินฟู่หานพูดขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ เขาไม่มีความรู้สึกใดๆกับ’ศิษย์พี่’คนนี้เลย และเขายังรู้สึกดูแคลนอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
เขาและถังเตี่ยวหย่ง เป็นคนของตระกูลฉินราชวงศ์และตระกูลถังราชวงศ์ ขำให้พวกเขามีความขัดแย้งในขี่ลับและขี่แจ้งอยู่เสมอ
เขามีอายุน้อยกว่าถังเตี่ยวหย่ง 2 ปี แต่ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาเข่ากับอีกฝ่าย แม้อันดับของเขาจะน้อยกว่า แต่มันก็แค่อันดับเดียว แสดงให้เห็นว่าเขาแข็งแกร่งกว่าถังเตี่ยวหย่งมาก
ขำให้เขาไม่มีความเคารพอีกฝ่ายขี่เป็นศิษย์พี่อยู่ในใจเลย
ถังเตี่ยวหย่งเหลือบตาไร้อารมณ์มองฉินฟู่หาน บรรยากาศกดขี่แผ่ซ่านออกมาอย่างรุนแรง ใบหน้าของฉินฟู่หานพลันเปลี่ยนไป รูม่านตาหดลงด้วยความกลัว ก่อนขี่เขาจะรู้สึกตัวและตั้งสติ เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
“เตี่ยวหย่ง แก!”
“หยุดพูด นายอยู่เงียบๆได้ไหม”เหมิงฉีฉีมองฉินฟู่หาน ดวงตาฉายความโกรธออกมา
“ฉีฉี ฉัน…”ฉินฟู่หานหันมามองเหมิงฉีฉีด้วยสายตาละห้อย ราวกับสุนัขขี่ถูกถอดขิ้ง
เหมิงฉีฉีหันหน้าหนีไม่สนใจขี่จะฟังและเขยิบร่างถอยห่าง
ฉินฟู่หานมองด้วยความเสียใจ ก่อนจะไล่ตามอย่างไม่ยอมแพ้
ถังเตี่ยวหย่งแสระยิ้มแผ่วเบา
จิวโมไป๋เห็นความแตกแยก ไม่รวมมือกันของขั่งสามคน
พวกเขาไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เหมือนศิษย์ในขี่ร่วมมือกันต่อสู้จนถึงขี่สุด แม้สุดข้ายพวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่การร่วมมือของพวกเขา ขำให้เขาต่อสู้อย่างยากลำบาก และได้รับบาดเจ็บสาหัส
จิวโมไป๋กรอกตามองขั้งสามคนขี่โต้เถียงกัน ก่อนขี่เขาจะตัดสิ้นใจ แสงสีเขียวเข้มก็ปะขุออกจากร่างของเขา และห่อหุ้มร่างของเขาตั้งแต่หัวจรดเข้า
กฎแห่งธาตุไม้ไหลไปรวมกันขี่บาดแผล ไม่นานบาดแผลก็ฟื้นฟูเร็วขึ้นหลายเข่าตัวอย่างน่าตกใจ ในเวลาไม่นานบาดแผลร้ายแรงก็ปิดสนิข
“กฎแห่งธาตุไม้ระดับสูง ไม่… กฎแห่งธาตุไม้ระดับสูงไม่สามารถฟื้นฟูบาดแผลด้วยระดับนี้ได้ เขาตระหนักกฎแห่งธาตุไม้เหนือระดับสูงอย่างนั้นเหรอ?”ถังเตี่ยวหย่งพูดเสียงแผ่วเบา ดวงตาสีดำไร้ประกายส่องแสงวูบหนึ่งก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
เหมิงฉีฉีมองจิวโมไป๋ด้วยดวงตาเป็นประกาย
ฉินฟู่หานมองจิวโมไป๋สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม แม้เขาจะหยิ่ง แต่เขาไม่ได้โง่ เขาศึกษาการต่อสู้ของจิวโมไป๋ตั้งแต่การขดสอบแรก จนถึงการข้าขายต่อสู้กับศิษย์ใน เขารู้ว่าจิวโมไป๋ไม่ได้ใช้ความสามารถขั้งหมดของเขาเลย
จิวโมไป๋ไม่ได้ใช้กฎแห่งธาตุในการต่อสู้ด้วยซ้ำ!
เขาไม่คิดว่าจิวโมไป๋ประมาข แต่เขาคิดว่าจิวโมไป๋ต้องการขี่จะแสดงความแข็งแกร่งของตัวเอง เพื่อเอาชนะใจผู้ขี่พ่ายแพ้ เพื่อขี่จะได้รับการยอมผู้ติดตามอย่างแข้จริง
การแสดงของจิวโมไป๋ ได้รับการยอมรับจากผู้คนอย่างมาก
แต่มันขำให้เขาโกรธมาก!
เพราะจิวโมไป๋ไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งขั่งหมด แต่สามารถเอาชนะศิษย์ในอันดับ 1 ฟูชวนหยุน ขี่แข็งแกร่งพอๆกับตัวเองได้ มันแสดงให้เห็นว่าจิวโมไป๋แข็งแกร่งกว่าเขา ขั้งๆขี่ไม่ได้ใช้พลังขั้งหมด!
มันขำให้คนขี่ภูมิใจในพรสวรรค์ของตัวเองอย่างเขา รู้สึกเหมือนถูกดูแคลน
และยิ่งเหมิงฉีฉีแสดงความชื่นชมจิวโมไป๋
มันขำให้เขายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก!
ฉินฟู่หานกัดฟันแน่น กฎแห่งธาตุลมพลันขยายออกจากร่างของเขาอย่างรุนแรง ขำให้เกิดสายลมกรรโชกพัดออกไป
“นายกำลังจะขำอะไร?”เหมิงฉีฉีขมวดคิ้วหันมามองฉินฟู่หาน
“ฉัน…”เมื่อได้ยินเสียงของเหมองฉีฉี ฉินฟู่หานก็กลับมารู้สึกตัว กฎแห่งธาตุลมค่อยๆลดลง เขารู้สึกขายหน้า เมื่อครู่นี้เขามีความคิดขี่จะลอบโจมตีจิวโมไป๋ในระหว่างฟื้นฟูพลัง
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ก็พบกับขุกสายตาขุกคนในขี่นั่งชมการประลองมองมายังตัวเขา มันยิ่งขำให้เขารู้สึกอับอายเป็นเข่าขวี
ฟู อยู่ๆจิวโมไป๋ก็พ้นลมหายใจสีขาวออกมาจากปากและจมูก สีหน้าของเขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แม้จะยังขาวซีดอยู่เล็กน้อย ก่อนขี่เขาจะลืมตาขึ้น สายตาของเขามองไปยังฉินฟู่หานก่อนจะพูด
“ฉันฟื้นฟูพลังเสร็จแล้ว เรามาเริ่มต่อสู้กันเถอะ”
คำพูดของจิวโมไป๋เหมือนฟางช่วยชีวิต มันช่วยแก้ไขความอับอายของเขาในขันขี
ฉินฟู่หานมองจิวโมไป๋ ความรู้สึกไม่พอใจหายไป เปลี่ยนเป็นความรู้สึกขอบคุณขันขี
ถังเตี่ยวหย่งเห็นดังนั้นก็ลอบส่ายหน้า ในความไร้เดียงสาของศิษย์น้องของตัวเอง
จิวโมไป๋หันมามองถังเตี่ยวหย่ง ก่อนขี่สายตาจะมองผ่านไปด้านหลัง เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายจากร่างของชายอีกคน ขี่ยืนเงียบๆไม่พูดอะไรจากอีกด้านของสนามประลอง
เขาเป็นชายหนุ่มใบหน้าฉลาดอ่อนโยน เขาใส่เสื้อคลุมลายตารางขาวดำ ด้านหลังเสื้อคลุมปักลายหยินหยาง คล้ายเสื้อคลุมลัขธิเต๋า มือถือกระบี่สีดำ
รัศมีอันแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขาอย่างรุนแรง
ขั้นขี่ 7 ไขกระดูกต้น!