เซี่ยลี่เยว์หันไป ก็พบกับเหยาติงติงที่เผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอยกมือซ้ายขึ้นมาปิดปาก ในมือขวาของเธอถือถุงผ้าใส่ของที่ปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด เธอพึ่งกลับมาจากการซื้อของข้างนอก เธอไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญได้เห็นเพื่อนร่วมห้องสาวที่ไม่สุงสิงกับใครของเธอ มีคนมาส่งที่หอพัก และดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมห้องของเธอ จะมีใจให้กับคนที่มาส่งด้วย
น่าเสียดาย เธอไม่เห็นหน้าตาของผู้ชายที่มาส่งเพื่อนร่วมห้องสาว เธอเห็นเพียงแค่หลังสูงดูดี ที่เดินไปไกลแล้วเท่านั้น
ใบหน้าของเซี่ยลี่เยว์แดงก่ำ เธอก้มหน้าซ่อนความเขินอาย รีบเดินเข้าหอพัก
โป๊ก! หัวของเธอโขกเข้ากับประตูกระจกอย่างแรง ร่างของเธอถอยออกมาหนึ่งก้าว ด้วยความตกใจ เธอไม่เจ็บแต่มันทำให้เธอยิ่งอายมากขึ้น
“เป็นอะไรหรือเปล่า! ฉันจะเปิดให้เอง”เหยาติงติงเธอเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับใช้กำไลข้อมือแสกนยืนยันตัวตน ประตูกระจกก็เปิดออก
“ขอบคุณ”เซี่ยลี่เยว์กล่าวขอบคุณเสียงเบาราวกับเสียงยุง
“ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันไม่ใช่เหรอ”เหยาติงติงยิ้มกว้างด้วยความจริงใจ
จิวโมไป๋ขับรถกลับบ้าน ไฟในบ้านส่องสว่าง แสดงว่าพ่อและแม่อยู่ในบ้าน เขาเดินเข้าไปในบ้าน
“ผมกลับมาแล้วครับ”จิวโมไป๋พูดเสียงดังให้คนในบ้านได้ยิน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ไม่มีเสียงตอบ เขาประหลาดใจเล็กน้อย เดินเข้าไปในพื้นที่ห้องนั่งเล่น กลิ่นอาหารหอมอบอวลก็ลอยกระทบจมูก เขาหันไปห้องทานอาหาร ก็เห็นพ่อ แม่ และแขกขนปุยสองตัวกำลังนั่งบนโต๊ะกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ไม่สนใจเขาที่พึ่งกลับมา
เขาเดินเข้าไปในห้องอาหาร ฮั่นหวูเหยาก็เห็นลูกชาย ดวงตาของเธอก็ฉายความอบอุ่น
“โมไป๋ กลับมาแล้วเหรอลูก”
“ครับแม่”จิวโมไป๋ส่งเสียงตอบสายตามองไปยังเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยที่กำลังสวาปาม เนื้อย่างชิ้นโต
“เจ้าสองตัวยุ่งนี้มาได้ยังไง”จิวโมไป๋ถาม ระยะทางจากเกาะโดดเดี่ยวมาที่นี่มันไกลมาก ทั้งสองวิ่งมาได้ยังไง โดยไม่หลงทาง
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อตอนเย็นเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยมาที่บ้านแล้ว”ฮั่นหวูเหยาตอบ เธอยกมือลูบขนเสี่ยวเหมยที่อยู่บนโต๊ะข้างๆเธออย่างอ่อนโยน
เสี่ยวเหม่ยขยับร่างกายกับมือของฮั่นหวูเหยาอย่างไม่รังเกียจ แม้เธอจะไม่ชอบการถูกสัมผัสมากนัก แต่สัมผัสของหญิงวัยกลางคนข้างๆเธอ มันอบอุ่นอ่อนโยน ราวกับสัมผัสของมารดา เธอชอบมันมาก
จิวโมไป๋ที่อยู่ๆก็ถูกเมิน เขามองไปที่พ่อ อีกฝ่ายกำลังอ่านข่าวผ่านแผ่นโฮโลแกรมโดยไม่สนใจตัวเอง เขาจึงเดินเข้าห้องครัวลงมือทำอาหารของตัวเอง
กลิ่นอาหารหอมอร่อยปกคลุมห้องครัว
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย ที่กำลังกินเนื้อย่าง เงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในครัว ประสาทสัมผัสของพวกมันแข็งแกร่งมาก ทำให้พวกมันสามารถแยกแยะความอร่อยของอาหารที่จิวโมไป๋ทำได้
“โฮกกกก!”หอมมาก
เสี่ยวไป๋ยืดตัวขึ้น มองไปยังห้องครัวด้วยความหิวกระหาย
เสี่ยวเหมยหายตัวจากโต๊ะอาหารอย่างไร้ร่องรอย ไปปรากฏตัวที่คอของจิวโมไป๋ หางยาวๆของมันโอบคอจิวโมไป๋ มันใช้หัวเล็กๆชนที่แก้มของจิวโมไป๋อย่างออดอ้อน
พ่อครัว นายทำอาหารให้ฉันด้วยนะ
จิวโมไป๋ยิ้มเจ้าเล่ห์ มุมปากยกยิ้มขึ้นมา
“โฮกกก”คนทรยศ เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะไม่พูดกับพ่อครัว จนกว่าเขาจะทำอาหารมาอ้อนวอนขอคืนดีกับพวกเรา
เสี่ยวเหมยหันไปมองเสี่ยวไป๋ก่อนจะร้องเสียงแหลม
“ฮึมม”เจ้างี่เง่า เห็นอยู่ชัดๆว่าพ่อครัวกำลังทำอาหารให้เรา
“โฮกกก”พ่อครัวยังไม่ง้อพวกเรา เจ้ายอมคืนดีง่ายๆได้ยังไง
เสี่ยวไป๋ขยับตัวกระโดดเข้าห้องครัว กระโดดขึ้นไปเกาะหลังจิวโมไป๋
“เสี่ยวไป๋อย่าเล่น มันหนัก ฉันทำอาหารไม่ถนัด”จิวโมไป๋ยกตะหลิวขึ้น เพื่อไม่ให้เผลอ ควักทอดปลาออกจากกระทะ
“โฮกกก”พ่อครัว นายกล้าว่าฉันหนักเหรอ
เสี่ยวไป๋โกรธมาก มันใช้เล็บจิกที่ผ้า ไม่ทะลุเข้าไปถึงเนื้อจากนั้นมันก็เหวี่ยงร่างไปมา ทำให้ร่างจองจิวโมไป๋โยกเยกไม่มั่นคง
“ฮึม”หยุด มันเวียนหัว
เสี่ยวเหม่ยหันมายกเท้าตบใส่เสี่ยวไป๋ที่เกาะอยู่
“โฮกกกก”อย่ายุ่งฉันกำลังลงโทษพ่อครัวที่ไม่น่าเชื่อถือคนนี้อยู่
“ฮึม”เจ้าโง่ ลงไปซะ
ทั้งสองทะเลาะกันโดยมีจิวโมไป๋ เป็นที่ยืนของพวกมัน ห้องครัวส่งเสียงดังวุ่นวาย
จิวโมเทียนและฮั่นหวูเหยามองห้องครัว และหันมาสบตากันพร้อมกับยิ้ม
บรรยากาศในบ้านตระกูลจิวเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
เช้าวันต่อมาจิวโมไป๋ถือพลองสีทองในมือขวา โบกมือซ้ายลาพ่อและแม่เพื่อออกไปทำธุระข้างนอกอีกครั้ง ไหล่สองข้างถูกเจ้าตัวเล็กขนปุยสีขาวสองตัวยึดครอง
จิวโมเทียนและฮั่นหวูเหยามองลูกชายออกไปด้วยสายตาอาวรณ์เล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสองจะกลับเข้าบ้าน
จิวโมไป๋เดินมาที่ถนนสายหลัก รถตู้สีดำก็ขับมาจอดตรงหน้า ประตูรถตู้สีดำเลื่อนเปิด ฟงอี้เฟยเดินลงมา ใบหน้าของฟงอี้เฟยหมองคล่ำแผงความเหนื่อยล้า แสดงให้เห็นว่าในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย