ในเวลาเดียวกันที่เกาะโดดเดี่ยว
ทะเลสาบรอบนอกเกาะโดดเดี่ยว สงบนิ่งไร้ระลอกคลื่น วันนี้หิมะไม่ตก ทำให้ท้องฟ้าปลอดโปร่งเห็นดวงดาวระยิบระยับบนฟากฟ้า ดวงจันทร์ครึ่งดวงสองแสงเหลืองนวล ให้ความสว่างกับพื้นโลกอันมืดมิด
ติ๋ง ทะเลาสาบฝั่งตะวันตกติดหน้าผาเกาะโดดเดี่ยว เกิดระลอกน้ำขยายเป็นวงกว้าง เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างขึ้นจากน้ำ แต่มองไม่เห็นว่ามันคืออะไร
จากนั้นก็มีเศษผงดินตกลงมาจากหน้าผา แทบจะสังเกตไม่เห็น
วัดดอกบัว ภายในกำแพงชั้นหนึ่ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ เสี่ยวไป๋และชายซอมซ่อกำลังนั่งเผชิญหน้ากันคนละด้านของกองไฟสีส้มที่กำลังลุกไหม้ ข้างกองไฟ มีปลาตัวใหญ่เสียบไม้สี่ตัวปักบนพื้น หันด้านข้างตัวปลาย่างกับไฟ กลิ่นหอมลอยไปทั่วบริเวณ
“โฮกกกก เจ้ามนุษย์ตัวเหม็น! ออกไปซะ! นี้คืออาหารของข้า”เสี่ยวไป๋ร้องคำรามขู่ ดวงตาสีเขียวมองชายซอมซ่อด้วยความโกรธแค้น
ชายซอมซ่อนั่งอย่างเฉยชา ไม่สนใจท่าทางคุกคามของเสี่ยวไป๋เลย เขาไม่โกรธความหยาบคายของเสี่ยวไป๋ เขายังช่วยพลิกปลาให้อีกด้านโดนไฟ อย่างชำนาญ
“บัดซบ! น่าไม่อาย เจ้าคนน่าไม่อาย!”เสี่ยวไป๋เห็นดังนั้นมันก็โกรธจนแทบกระอักเลือด เมื่อไหร่ก็ตามที่มันย่างปลา เจ้ามนุษย์ตัวเหม็นนี้จะโผล่ออกมาแย่งปลาย่างของมันไปอย่างน่าด้านๆ
ในอดีตมันยังเกรงกลัวอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่พอถูกแย่งอาหารไปหลายๆครั้ง ความกลัวก็หมดไป มีแต่ความแค้นในการถูกแย้งชิงอาหาร มันลืมความกลัวต่อว่าอีกฝ่ายทุกครั้ง เหลือแค่โจมตีเพียงอย่างเดียวที่มันยังไม่กล้าทำ
เสี่ยวเหมยที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้ด้านบน ยกขาปุกปุยสีขาว ปิดใบหน้าด้วยความอับอาย
เจ้าแมวขาวห่วงแต่กิน ทำให้เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ อับอายขายหน้าไปหมดแล้ว
“หืม”เสี่ยวเหมยสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างได้ มันมองไปทางทิศตะวันตกของเกาะโดดเดี่ยว ก่อนที่ร่างของมันจะหายไปจากที่เดิมในพริบตา
เสี่ยวไป๋ก็สัมผัสอะไรบางอย่างได้เช่นกัน มันหันไปมองดวงตาสีเขียวส่องประกาย มันหันกลับมามองชายซอมซ่อ
“ข้าต้องไปจัดการสิ่งกวนใจก่อน เจ้าคนตัวเหม็น เจ้าห้ามแตะต้องอาหารของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะจัดการกับเจ้าแน่!”เสี่ยวไป๋ขู่ฟ่อ ก่อนที่มันจะพุ่งตัวออกไป พริบตาเดียวร่างของมันก็หายลับไปจากสายตา ด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
ชายซอมซ่อยิ้มแผ่วเบา ก่อนจะโบกมือปลาทั้งสี่ไม้หมุนอย่างรวดเร็ว เปลวไฟลุกไหม้ราวกับเต็นระบำ พริบตาเดียวปลาย่างก็สุกอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ เขาโบกมืออีกครั้ง กองไฟก็ดับลง เขาหยิบปลาย่างสองไม้ ร่างของเขาก็หายไปราวกับไม่เคยอยู่
บนหน้าผารอบเกาะโดดเดี่ยว ร่างลึกลับที่มองไม่เห็น มองเข้าไป ก็เห็นภูเขาสูงใจกลางเกาะ เขากำหนดเป้าหมายจะลอบเข้าไปตรวจสอบ อยู่ๆหมอกสีขาวก็ค่อยๆหนาขึ้น ร่างลึกลับชะงักกึก กวาดสายตามองรอบๆ สัญชาตญาณนักฆ่าในร่างถูกกระตุ้น เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายบางเบา เขาตัดสินใจถอนตัวทันที
แต่ในขณะที่กำลังจะหันกลับ ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไป เป็นทางเดินยาวสองข้างทางมืดสนิท ไม่สามารถมองผ่านความมืดไปได้
ร่างลึกลับตกตะลึง ก่อนจะรู้สึกตัว เขาก้มลง ก็เห็นร่างของตัวเองปรากฏขึ้น ใบหน้าใต้ผ้าปิดหน้าพลันเปลี่ยนไป
เขาเป็นผู้มีสายเลือดปีศาจเร้นลับ มีความสามารถในการล่องหน แม้จะไม่สามารถปกปิดเสียงหรือลมหายใจได้ แต่ด้วยการฝึกฝน การปกปิดตัวตนหลายปี ทำให้เขาสามารถปกปิดร่องรอยอย่างสมบูรณ์ เมื่อรวมเข้ากับความสามารถของสายเลือด ความสามารถในการลอบเร้นของเขาแข็งแกร่งขึ้นเป็นทวีคูณ
ทำให้เขากลายเป็นนักฆ่าอันดับ 4 ของโลก
ในทุกการลอบสังหาร เขาไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็น เป้าหมายของเขาจะถูกสังหารโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองตาย ทำให้เขาได้รับฉายา ปีศาจไร้เงา!
แต่ตอนนี้ความสามารถในการล่องหนถูกปลดออก
คนที่ค้นพบเขา จะต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงอย่างแน่นอน
แย่แล้วแน่ๆ!
เขารีบกระตุ้นความสามารถล่องหนทันที แต่ไม่สามารถใช้ความสามารถได้ เขากรอกตามองซ้ายมองขวาหาทางหลบหนี ในตอนนั้นเอง เขาก็พึ่งรู้สึกตัวว่า ร่างกายของเขาไร้ความรู้สึกโดยสมบูรณ์ ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ เขาไม่สามารถบังคับร่างกายของตัวเองได้ด้วยซ้ำ!
เขารู้สึกหวาดกลัวเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เป็นนักฆ่า ความรู้สึกที่ถูกจับด้วยพลังลึกลับ ไม่สามารถตอบโต้ทำอะไรได้ มันโหดเหี้ยมน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
พึบ เสียงบางอย่างดังขึ้น เขาเพ่งสายตา เห็นเท้าปกคลุมด้วยขนสีขาวเล็กๆเดินมาจากทางเดิน เข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนเห็นร่างของลูกเสือขาวตัวหนึ่ง
เขาถอนหายใจ
เสี่ยวไป๋หยุดเดิน เงยหน้าขึ้นมองชายแปลกหนาด้วยสายตาเย่อหยิ่ง
“กลิ่นเลือดเหม็นฉุน แสดงว่าไม่ใช่คนดี”
เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสัตว์สามารถพูดได้!
“มองอะไรเจ้าคนชั่วร้าย อย่าใช้สายตาต่ำช้านั้นมองหน้าข้า!”เสี่ยวไป๋แยกเขี้ยว ก่อนจะยกขาขวาขึ้นเปลวไฟสีเขียวเข้มลุกไหม้อย่างรุนแรง อุณหภูมิโดยรอบพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามา เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่เสี่ยวไป๋ไม่ปล่อยให้นักฆ่ามีโอกาสได้พูด มันตบเท้าเล็กๆลงพื้น เปลวไฟสีเขียวเข้มก็พุ่งขึ้นจากพื้นตรงที่นักฆ่ายืนอยู่
เปลวไฟลุกท่วมร่างของนักฆ่า เนื้อหนังของเขาแห้งเหี่ยว ก่อนจะกลายเป็นโครงกระดูกขาวเหลืองกองหนึ่ง
นักฆ่าอันดับ 4 ของโลก ฉายาปีศาจไร้เงา เสียชีวิตที่นี่โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“โฮกกก”เสี่ยวไป๋ร้องคำรามอย่างเย่อหยิ่ง
“หึ เจ้าซื่อบื้อ เจ้าภูมิใจอะไร”เสี่ยวเหมยเดินออกมาจากความมืด มองเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
เสี่ยวไป๋เหล่ตามองเสี่ยวเหมย
“ข้าจะทำอะไรก็เรื่องของข้า เจ้าจิ้งจอกขี้ขลาด”
“เจ้าโง่!”
ทั้งสองเขม่งกันครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดหัวหนีอย่างไม่พอใจ
เสี่ยวไป๋มองโครงกระดูก มันก็แยกเขี้ยวบ่นอย่างไม่พอใจ
“มนุษย์คนนี้มีกลิ่นเลือดเหม็นฉุน เขาจะต้องเป็นนักฆ่าที่สังหารสิ่งมีชีวิตไปแล้วนับไม่ถ้วน และเขายังแข็งแกร่งกว่าผู้บุกรุกคนก่อนมาก ไม่รู้ว่าพ่อครัวไร้ความรับผิดก่อเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เสี่ยวเหมยนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“นักฆ่าคนนี้ระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ขั้นที่ 7 ไขกระดูก พ่อครัวจะต้องสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งมากแน่ๆ”
ทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อย พวกมันทั้งสองวางแผนบางอย่าง