เช้าวันต่อมา
จิวโมไป๋ตื่นขึ้นมาด้วยอย่างปลอดโปร่ง ความเจ็บปวดทางวิญญาณถูกฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ไม่มีอาการเจ็บหรือมึนงงหลงเหลืออยู่ นอกจากนั้นเขายังรู้สึกได้ว่า จิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย
จิวโมไป๋ผุดลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ และหลับตา ภายในทะเลสติ เมฆสีทองคำดำเหนือทะเลปราณ จับกลุ่มกันหนาแน่นขึ้น กว่าก่อนที่วิญญาณจะถูกประทับประสบการณ์กระบี่
“พลังวิญญาณก้าวหน้าขึ้นจริงๆ”จิวโมไป๋ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
เขาไม่คิดเลยว่าหลังฟื้นฟูวิญญาณจากความเสียหาย วิญญาณจะแข็งแกร่งขึ้น เขาครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ เขาก็คาดเดาว่า มันอาจเป็นเพราะวิญญาณพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บทางวิญญาณอีก
นอกจากวิญญาณจะแข็งแกร่งขึ้น มันยังมีผลพลอยได้ที่คาดไม่ถึง คือทำให้พลังวิญญาณก้าวหน้าขึ้นอีกด้วย
ต้องรู้ก่อนว่าการการบ่มเพาะพลังวิญญาณนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งระดับพลังวิญญาณสูงยิ่งต้องใช้ความตระหนักรู้ที่สูงมากขึ้นไปด้วย ผู้ไม่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะวิญญาณ ความยากในการพัฒนาจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ที่เขาสามารถพัฒนาพลังวิญญาณถึงระดับทองคำดำได้อย่างรวดเร็ว ก็เพราะว่าเขาสะสมการตระหนักรู้เกือบร้อยปีก่อนเกิดใหม่ ทำให้เขาสามารถพัฒนาอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นผู้บ่มเพาะวิญญาณทั่วไป กว่าพวกเขาจะพัฒนาพลังวิญญาณได้แต่ละระดับ มันเป็นเรื่องยากมาก แม้จะมีพรสวรรค์ระดับสุดยอดยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากับกำแพงที่ยากจะผ่าน
แม้ว่าเขาจะมั่นใจในพรสวรรค์ของตัวเอง แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะสามารถพัฒนาพลังวิญญาณระดับทองคำดำต้น ไปถึงพลังวิญญาณทองคำดำกลาง ในเวลาหนึ่งถึงสองปีได้
เมื่อเขารู้ว่าบันทึกคมกระบี่ช่วยให้เขาพัฒนาวิชากระบี่และพลังวิญญาณสามารถก้าวหน้าไปได้ต่อ โดยไม่หยุดชะงัก ไม่แปลกเลยที่เขาจะดีใจ
จิวโมไป๋ลืมตาขึ้น ลุกขึ้นยืนบิดตัว มองหวังเสี่ยวเปาที่ยังนอนหลับอยู่อีกเตียง เขาก็ไม่ส่งเสียงดังรบกวน เพราะอีกฝ่ายมีสอบตอนบ่าย
เขาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย หยิบกระเป๋าขึ้น และออกจากห้องและไปสอบ
เขาเข้าสอบและออกจากห้องสอบอย่างรวดเร็ว หลังจากสอบเสร็จเขากลับหอพัก หวังเสี่ยวเปาออกไปสอบช่วงบ่าย เขาจึงสั่งอาหารมาทาน หลังจากทานอาหารเสร็จ เขาก็นั่งขัดสมาธิบนพื้น ขณะที่เขากำลังจะหลับตาเข้าไปในทะเลสติ
กำไลข้อมือของเขาก็ส่งเสียงเตือน ว่ามีคนติดต่อเข้ามา เมื่อก้มลงดูก็เห็นชื่อของฟงอี้เฟย เขากดรับสายทันที
“นายท่าน สองหรือสามหลังจากวันนี้ อย่าออกนอกเมืองเด็ดขาด มีนักฆ่าอันตรายกำลังซ่อนตัวอยู่”ฟงอี้เฟยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความกังวล
“เกิดอะไรขึ้น”คิ้วของจิวโมไป๋ขมวดแน่น
ฟงอี้เฟยเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายถึงเหตุการณ์อันน่าตกใจที่เกิดขึ้น
เมื่อเช้าวันนี้ตระกูลจิง ถูกทำลายอย่างลึกลับ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลจิงถูกสังหารจนหมด ไม่มีใครรอดชีวิตสักคนเดียว แม้แต่แม่บ้านทำความสะอาดที่พึ่งเริ่มไปทำงานแค่วันเดียวก็ไม่รอด
สาเหตุการเสียชีวิตของทุกคน พวกเขาถูกสังหารด้วยมีดสั้น แทงที่ตำแหน่งหัวใจ เสียชีวิตในครั้งเดียว จากรอยมีดและวิธีการสังหารของผู้ลงมือ เหมือนกันไม่มีผิด บ่งบอกได้ว่ามือสังหารมีแค่คนเดียว!
นอกจากรอยมีดจากศพแล้ว ไม่พบเบาะแสใดๆอีกเลย ในสถานที่เกิดเหตุทั้งหมด ของผู้ที่ถูกสังหารในครั้งนี้ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือขัดขืน ผู้ร้ายไม่ถึงหลักฐานใดๆไว้เลย ระบบรักษาความปลอดภัยยังคงใช้งานได้ปรกติ แต่ไม่มีบันทึกกล้องวงจรปิด พวกมันถูกลบด้วยเทคโนโลยี่พิเศษ ไม่สามารถกู้คืนข้อมูล ทำให้ไม่สามารถหาเบาะแสใดๆได้
การสังหารและลบร่องรอยอย่างหมดจดอย่างนี้ นักฆ่าคนนี้จะต้องเป็นนักฆ่ามืออาชีพ อันดับสูงของโลก แต่เพราะไม่มีเบาะแสเพิ่ม ทำให้ยังไม่สามารถยืนยันตัวตนของนักฆ่าได้
การที่ตระกูลผู้ปกครองเมืองถูกทำลายในชั่วข้ามคืน กลายเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงอันดับสูงสุดทันที ทำให้คนระดับสูงรัฐบาลและหน่วยมังกรซ่อน ต้องลงปฏิบัติการสืบสวนด้วยกำลังเกือบทั้งหมด เพื่อหาตัวนักฆ่า
เหตุการณ์นี้มันไม่ใช่แค่กระทบคนกลุ่มอำนาจหนึ่งเท่านั้น แต่มันกระทบถึงความปลอดภัยของทุกคนในประเทศ!
“การเสียชีวิตของตระกูลจิง จะต้องเกี่ยวกลับแผนการบางอย่าง นายท่านมีส่วนที่ทำให้ตระกูลจิงถูกจับตามอง ผมกลัวว่านักฆ่าคนนั้น จะตั้งเป้าไปที่นายท่าน ดังนั้นในช่วงการสืบสวน นายท่านต้องระวังตัวอยู่แต่ในเมือง อย่าออกนอกเมืองเด็ดขาด”ฟงอี้เฟยเน้นย้ำอีกครั้ง
“ทำไมต้องรอ 2-3 วัน”จิวโมไป๋ถาม
ฟงอี้เฟยเงียบไปเล็กน้อยและตอบด้วยน้ำเสียงประหม่าเล็กน้อย
“ตระกูลของผมได้ยืนยันเวลาการทดสอบ เพื่อรับผมเป็นผู้ติดตาม ในอีก 4 วันครับ”
“เข้าใจแล้ว”จิวโมไป๋พยักหน้า ถ้าเป็นเขาในอดีต เขาจะไม่สนใจที่จะไปทดสอบ เพราะเขาไม่ต้องการผู้ติดตาม แต่ในตอนนี้ เขาเห็นว่ากองกำลังต่างๆ เริ่มเคลื่อนไหว ถ้าเขาอยู่คนเดียวไม่มีใครสนับสนุน
แม้เขาจะเข้าหน่วยมังกรซ่อนแล้ว แต่หน่วยมังกรซ่อนในเวลานี้ ยังเน่าเหม็น ไม่ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์
เขาไม่กลัวการต่อสู้ตรงๆ แต่กลัวมือมืดที่เล่นงานลับหลัง
การมีกองกำลังที่มีสิทธิ์พูด ในระดับสูงของประเทศสนับสนุน มันช่วยให้เขาปลอดภัยจากการถูกเล่นงานลับหลังได้มาก
เขาจึงยอมรับการทดสอบของตระกูลฟง เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลผู้พิทักษ์ของประเทศ
ฟงอี้เฟยแปลกใจเล็กน้อยที่จิวโมไป๋ตอบรับง่ายๆ แต่เขาไม่คิดอะไร เพราะเขาถือว่าตัวเองเป็นผู้ติดตามของจิวโมไป๋แล้ว
พวกเขาทั้งสองคุยกันอีกสองสามประโยค ก่อนจะวางสาย