ร้านหม้อไฟฝั่งริมแม่น้ำถล่มลงไปครึ่งหนึ่ง จากการต่อสู้เพียงชั่วเวลาสั้นๆ เพดานและหลังคาเสียหาย ถล่มลงมาใส่ร่างของกลุ่มคนที่นอนหมดสติในร้าน โชคดีที่เดิมที่ร้านหม้อไฟเป็นร้านกลางแจ้งริมแม่น้ำแบบเปิดโล่ง ทำให้วัสดุที่ใช้สร้างอาคารไม่ได้มีน้ำหนักมากนัก เพดานปูด้วยไม้กระดาน หลังคากระเบื้องเคลือบ ทำให้ผู้โชคร้ายไม่ถูกทับจนตาย แต่ร่างกายก็มีบาดแผลและรอยบอบช้ำจากสิ่งของตกใจไม่น้อย
ใจกลางร้านหม้อไฟที่เสียหาย ด้านบนเปิดโล่งเห็นท้องฟ้ามืดมิด กลุ่มของซุนกวนสุ่ยและกลุ่มของจิวโมไป๋หยุดการต่อสู้ หันมามองผู้มาใหม่
จ้าวลู่เฟินปรายตามองซุนกวนสุ่ยที่ตะโกนใส่เธอ คิ้วคู่งามย่นเล็กน้อยและหันหน้าออก เธอเมินซุนกวนสุ่ยราวกับไม่อยากจะเสียเวลาพูดกับเขา
ซุนกวนสุ่ยยิ้มเย็นชา กำหมัดแน่น แต่ไม่ลงมือ เขารู้ว่าจ้าวลู่เฟินมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเบื้องหลังของเธอคือกองกำลังใด เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงหาเรื่องเธออย่างโง่เขลา
แม้ว่าเขาจะมีเฮยหยุนคังหนุนหลังอยู่ก็ตาม
เฮยหยุนคังมองจ้าวลู่เฟินที่เดินผ่านไป ดวงตาสองข้างเป็นประกายวาววับ ความงดงามของจ้าวลู่เฟิง ทำให้ผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเห็นมาก่อนดูด้อยค่าลง เพลิงแห่งความหลงใหลพลันลุกโชนขึ้นในใจ
จ้าวลู่เฟินสัมผัสได้ถึงสายตาอันน่ารังเกียจ แต่เธอไม่สนใจ ก้าวขายาวๆเดินผ่านซุนกวนสุ่ยไปทางกลุ่มของจิวโมไป๋
หวังเสี่ยวเปาประคองเหยาติงหลงที่บาดเจ็บขึ้น เขามองจ้าวลู่เฟินและนิ่งเล็กน้อย เขารู้สึกคุ้นเคย เหมือนเคยพบกับหญิงสาวมาก่อน
คิดไม่นานภาพอันโหดร้ายที่เขาพยายามลืม ก็แล่นขึ้นมา ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยน รูม่านตาหดเล็กลงด้วยความหวาดกลัว เขาก้มหน้าพยายามบีบร่างอ้วนของตัวเองให้ตัวเล็กลง
ประสบการณ์ที่เคยถูกผู้หญิงโหดร้ายตรงหน้า สอบสวนตลอด 3 วัน มันสร้างแผลใจยากที่จะลืม เขาอยากจะหายออกไปจากตรงนี้
จ้าวลู่เฟินไม่สนใจหวังเสี่ยวเปา เธอเดินตรงไปหาจิวโมไป๋และมองเขาด้วยสายตาอ่อนลง ไม่ห่างเหินมากนัก
“ฉันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าพวกนายจะถูกไล่ออก ฉันจะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของพวกนายเอง ส่งบันทึกฉบับคัดลอกมา ฉันใช้มันเป็นหลักฐาน รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด”
จิวโมไป๋พยักหน้าและส่งภาพวงจรติดทั้งหมดไปทันที ไม่แม้แต่จะเสียเวลาคิด
ซุนกวนสุ่ยเห็นดังนั้นใบหน้าของเขาก็มืดลง เขาไม่กลัวว่าจะถูกลงโทษที่เขาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบ เพราะเขาสะสมภารกิจจำนวนมาก ความผิดพวกนี้ สามารถหักลบออกไปได้ แต่ที่เขาโกรธคือ เหตุการณ์นี้จะถูกบันทึกลงในประวัติของเขา มันจะกลายเป็นประวัติอันน่าอับอาย ที่ไม่สามารถลบได้
เฮยหยุนคังเดินเข้ามา ดวงตาจ้องไปยังเรือนร่างของจ้าวลู่เฟินด้วยความกระหาย เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะข่มควงามรู้สึกลงและหันมามองซุนกวนสุ่ยด้วยตาแข็งกร้าว
“มัวทำอะไรอยู่ รีบจัดการเร็วเข้า ไม่ต้องกลัว นายสามารถลงมือเต็มที่ได้เลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสำนักหัวใจทมิฬ จะช่วยเหลือนายเอง”
ซุนกวนสุ่ยได้ยินดังนั้น ดวงตาก็ลุกโชนด้วยความตื่นเต้น ปลุกความกล้ากลับมาอีกครั้ง สำนักหัวใจทมิฬมียอดฝีมือ ที่มีระดับการบ่มเพาะพลังถึงขั้นที่ 9 กำเนิดปราณ เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งอันดับต้นๆของประเทศมังกร หรือแม้แต่ระดับโลก ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกลัวเบื้องหลังของจ้าวลู่เฟิงเลย
“คุณเฮยโปรดรอ ผมจะรีบจัดการและ…”ซุนกวนสุ่ยพูดแค่นั้น เขาอ่านสายตาของเฮยหยุนคังได้ เขาพยายามประจบเจ้าหนายของตัวเองอย่างไม่อาย เขาล้วงไปหยิบดาบสั้นออกจากเสื้อคลุม ใช้กฎแห่งธาตุดินอาบใบดาบสั้น จนใบดาบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม เขาหันไปหาลูกทีมทั้งห้าและโบกมือส่งสัญญาณ
ลูกทีมทั้งห้าเข้าใจคำสั่งของซุนกวนสุ่ย พวกเขากระจายกันล้อมจ้าวลู่เฟิงและกลุ่มของจิวโมไป๋ และดึงอาวุธของตัวเองออกมา
ซุนกวนสุ่ยเดินมายืนด้านหน้าและกล่าวด้วยเสียงอันดัง
“จ้าวลู่เฟิง! ส่งหลักฐานทั้งหมดมาให้ฉัน และถอยออกไปซะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะแจ้งขอหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่และช่วยเหลือผู้กระทำผิด เธอจะต้องโดนลงโทษ แม้แต่หัวหน้าของเธอก็ไม่สามารถช่วยได้”ซุนกวนสุ่ยขู่เสียงดัง
“น่ารำคาญ!”จ้าวลู่เฟินหันกลับมา ดวงตาพลันฉายแววดุดัน แส้สีแดงเลือดพลันเคลื่อนไหวราวกับงูเลื่อนในกระแสน้ำ ฟาดไปที่กลางอกของซุนกวนสุ่ยอย่างแรง
ซุนกวนสุ่ยตกตะลึง เขาไม่คิดว่าจ้าวลู่เฟินจะโจมตีอย่างกระทันหัน เขาจึงไม่ได้ป้องกันการโจมตี
เพียะ!
“อ๊าาาก!”ซุนกวนสุ่ยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสื้อคลุมสีน้ำตาลถูกทำลายเห็นรอยแส้สีแดงยาวบนผิวหนัง ก่อนที่เม็ดเลือดจะผุดออกจากรอยแส้ ไม่นานเลือดจำนวนมากไหลออกมาอาบร่าง
ซุนกวนสุ่ยกดที่รอยแส้ มองหญิงสาวด้วยความตกใจ
“เธอ… ทะลวงขั้นที่ 6 โลหิตต้นแล้วเหรอ?”
เขาไม่คิดเลยว่าจ้าวลู่เฟินจะทะลวงขึ้นที่ 6 โลหิตแล้ว มันทำให้การต่อสู้ยุ่งยากขึ้นไปอีก
แม้เขาว่าเขาจะมีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 โลหิตกลาง ก็ไม่สามารถประมาทจ้าวลู่เฟิงได้
จ้าวลู่เฟิงถือเป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆของหน่วยมังกรซ่อน และเธอยังเป็นรองหัวหน้าหน่วย ของหน่วยที่ไม่ใช้หมายเลข อันดับต้นๆอีกด้วย
แม้เขาจะเป็นหัวหน้าหน่วย ที่ไม่ใช้หมายเลยเช่นกัน แต่หน่วยของเขาอยู่อันดับกลางๆเท่านั้น ความแข็งแกร่งไม่สามารถเทียบกับหน่วยของจ้าวลู่เฟินได้เลย
และจ้าวลู่เฟิงยังมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา ทำให้เธอได้วางรากฐานมั่นคง ทำให้เธอแข็งแกร่งกว่าระดับเดียวกัน
เขาสูดลมหายใจลึกๆ พยายามสงบความโกรธ มองหญิงสาวอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น