เหล่าชายฉกรรจ์นับสิบก็พุ่งตัวเข้ามา แต่เพราะทางเดินในร้านหม้อไฟแคบ ทำให้เข้าไปพร้อมกันเพียงแค่ 3 คน
เหยาติงหลงโบกมือพัดฝุ่นดินที่บดบังสายตาออกไป ในตอนนั้นเองหมัดและเท้าก็โจมตีเข้ามาพร้อมกัน
“พี่!”เหยาติงติงตะโกนด้วยความตกใจ
หวังเสี่ยวเปาพุ่งเข้าไปช่วยอย่างไม่ลังเล การต่อสู้กลายเป็นชุลมุนวุ่นวาย
เหล่าชายฉกรรจ์แม้จะมีระดับการบ่มเพาะพลังเพียงขั้นที่ 3 เส้นเอ็น แต่การประสานงานก็ไม่ธรรมดา พวกเขามีประสบการณ์ต่อสู้อย่างโชกโชน ในระหว่างการต่อสู้พวกเขาจะหยิบสิ่งของโดยรอบมาโยน เพื่อทำลายกระบวนท่าของหวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลง ก่อนจะโจมตีอย่างดุดัน
เพียงไม่ถึงนาที พื้นที่โดยรอบก็ถูกทำลาย โต๊ะและผนังฉากกันถูกทำลาย พื้นที่การต่อสู้ก็ขยายออก เหล่าชายฉกรรจ์ล้อมหวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลงตรงไว้กลาง และรุมโจมตี
หวังเสี่ยวเปามีร่างกายที่แข็งแกร่งและได้รับการฝึกจากจิวโมไป๋ ขาสามารถตอบโต้กลับได้ไม่อยาก แต่เพราะอีกฝ่ายรวมมือกันดีเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถจบการต่อสู้ได้ง่ายๆ
เหยาติงหลงน่าอึดอัดกว่า เขาถูกกดดันเรื่อยๆ ที่เขาสามารถยืนอยู่ได้ เพราะเขามีระดับการบ่มเพาะพลังที่มากกว่า
ในตอนนั้นเอง จิวโมไป๋ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างเหยาติงติงและร้องตะโกนออกไป
“ก้มลง!”
หวังเสี่ยวเปาได้ยินเสียงคุ้นเคยก็ก้มลงทันทีโดยไม่คิดอะไร
เหยาติงหลงชะงักเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงตาม
จิวโมไป๋ยกมือขวาที่จับถ้วยใส่ตะเกียบขึ้น และปาออกไป
ตะเกียบนับสิบๆอันทะยานออกไป ใส่ร่างของคนที่ยืนอยู่
แม้จะไม่รุนแรง แต่มันมันทำให้เหล่าชายฉกรรจ์เสียจังหวะ ทำให้การประสานการโจมตีเกิดความผิดพลาด พังทลายในทันที
หวังเสี่ยวเปาลุกขึ้นและเตะกวาดออก ทำให้สองคนล้มลง ก่อนจะทะยานออกไป ราวกับนักล่าที่โจมตีใส่เหยื่อ เขาจัดการทุกคนจนล้มไปหมดด้วยเวลาอันรวดเร็ว
เปะๆ เปะๆ
“ยอดเยี่ยมๆ ฝีมือของพวกนายใช้ได้ แข็งแกร่งกว่าขยะพวกนี้ ฉันอนุมัติให้พวกนายเข้ากลุ่มเมฆาทมิฬของฉัน!”
เสียงตบมือดังขึ้นจังหวะการต่อสู้ หวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลงหันไปมอง ก็เห็นชายร่างสูงใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาล กางเกงสีอ่อน บนร่างมีเครื่องปะดับสีเงินแวววาวราคาแพง ใบหน้าธรรมดาไปทางดี แต่ดวงตาชั่วร้ายทำให้ผู้คนไม่อยากเข้าใกล้
หวังเสี่ยวเปายกเท้าถีบหัวของคนที่นอนอยู่จนสลบ ก่อนจะจ้องมองไปยังชายร่างสูง ด้วยสายตาระมัดระวัง
เหยาติงหลงไม่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งจากร่างของชายร่างสูงตรงหน้า แต่ท่าทางมั่นใจและเย่อหยิ่ง ไม่เกรงกลัว พวกเขาที่สามารถจัดการลูกน้องของตัวเองได้ มันแสดงให้เห็นว่า ชายตรงหน้าจะต้องมีบางอย่างที่ทำให้ตัวเองมั่นใจ เขาคาดเดาว่าความมั่นใจของชายตรงหน้า คือเบื้องหลังของตัวเองที่ไม่ธรรมดา
เหยาติงติงวิ่งไปจับแขนของหวังเสี่ยวเปา
ชายร่างสูงเหลือบตามองเหยาติงติง ดวงตาฉายแววโลภออกมาอย่างไม่ปิดบัง
ใบหน้าของหวังเสี่ยวเปาพลันเปลี่ยนไป ดวงตาฉายความโกรธ
ชายร่างสูงเลียปากด้วยความหิวกระหาย ก่อนจะเบือนหน้าออก มองไปยังจิวโมไป๋ด้านหลัง
“เราไม่สามารถรับพวกเขาได้ คนพวกนี้เป็นอัจฉริยะของมหาวิทยาลัยเทียนซู”อยู่ๆชายร่างกำยำสูงเกินสองเมตร ก็ปรากฏตัวเบื้องหลังชายร่างสูงอย่างเงียบเชียบ ความเร็วในการเคลื่อนไหวไม่ธรรมดาผิดกับขนาดร่างกายที่สูงใหญ่
“น่าเสียดาย”ชายร่างสูงพยักหน้าช้าๆอย่างผิดหวัง เขาไม่สามารถรับอัจฉริยะเข้ากลุ่มได้
ตอนนี้กลุ่มของเขากลืนกินกลุ่มใต้ดินของตระกูลเซียวไปมากแล้ว ถ้าเขายังดึงอัจฉริยะของเมืองเข้ารวมด้วย กลุ่มของเขาจะกลายเป็นที่จับตามองของรัฐบาล มันจะทำให้พวกเขาทำอะไรยากขึ้น
ชายร่างสูงหมดความสนใจพวกจิวโมไป๋ แต่อยู่ๆเขาก็คิดอะไรได้ ดวงตาพลันเปล่งประกายชั่วร้าย”พวกเขาคงได้เข้าหน่วยลับแล้ว ดีมาก! เรียกคนของหน่วยลับมา ฉันอยากเห็นการแสดงสนุกๆ”
ชายกำยำพยักหน้า ก่อนจะก้มลงกดกำไลข้อมือ
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบอยู่ เขาได้ยินที่ชายร่างสูงพูด แต่เขาไม่หยุด เขากำลังรอดูว่าใครจะมา
หวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลงและเหยาติงติง มองกันไปมา พวกเขาอยากจะออกจากที่นี่
แต่ชายกำยำด้านหลังชายร่างสูงแผ่พลังกดดันขั้นที่ 6 โลหิตออกมา ทำให้พวกเขาระมัดระวังไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม และพวกเขาก็อยากดูเหมือนกันว่าคนตรงหน้าจะทำอะไร
ไม่ถึงนาทีรถตู้สีดำ 5 คันก็ขับมาจอดในลานจอดรถ ก่อนที่คนกลุ่มคนในชุดคลุมหลายสี 6 คน จะลงมาและตรงเข้ามาในร้าน
ชายในชุดคลุมสีน้ำตาลด้านหน้าสุด มองเห็นชายร่างสูง เข้าก็วิ่งไปหาด้วยอย่างกระตือรือร้น
“คุณเฮย เกิดอะไรขึ้นครับ ใครทำให้คุณไม่สบาย บอกผมมาได้เลย ผมจะจัดการทุกอย่าง”ชายชุดคลุมสีน้ำตาลกล่าวประจบเอาใจ โดยไม่สนใจภาพลักษณ์แม้แต่น้อย คนในชุดคลุมอีก 5 คนด้านหลังยืนเงียบไม่พูดอะไร
“นายคือ…”เฮยหยุนคังเหลือบตามองชายชุดคลุมน้ำตาลอย่างพอใจ
“ผมซุนกวนสุ่ย”
เฮยหยุนคังทำเป็นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า”ไม่กี่วันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าตระกูลซุนจะทำผลงานได้ดี”
“เพราะความสามารถของคุณเฮย ทำให้ตระกูลซุนของผมสามารถพัฒนาอย่างรวดเร็ว ผมต้องขอบคุณคุณเฮยที่สนับสนุน…”ซุนกวนสุ่ยกล่าวยกยออย่างต่อเนื่อง
เฮยหยุนคังเยียดยิ้มกว้างภูมิใจ หันไปมองยังกลุ่มของจิวโมไป๋
“จะจัดการคนพวกนั้นยังไง นายคงรู้นะว่าต้องทำอะไร”
ดวงตาของซุนกวนสุ่ยเป็นประกาย เขารู้แล้วว่าถึงเวลาที่เขาจะได้ทำผลงาน เขาหันไปยังกลุ่มของจิวโมไป๋ ใบหน้าพลันกลายเป็นเรียบเฉย พลังกดดันอันทรงพลังแผ่ขยายออกมาราวพายุอันรุนแรง
“พวกนายกำลังทำอะไร!”
ขั้นที่ 6 โลหิตกลาง!