คนโต๊ะนั้นตะโกนข้ามโต๊ะคุยกันเสียงดัง บางก็ชนแก้วเหล้าเสียงดัง หรือใช้ตะเกียบหรือช้อนเคาะจาน ชาม ตามจังหวะเสียงดนตรี โดยไม่สนใจว่าจะรบกวนคนอื่น พนักงานร้านหม้อไฟ ไม่กล้าเข้าไปห้ามให้พวกเขาพูดเสียงเบาลง ทำให้บรรยากาศในร้านน่าอึดอัดอย่างมาก
คนที่กำลังทานอาหารอยู่ในร้านยกเว้นโต๊ะของจิวโมไป๋ มีสี่โต๊ะ พวกเขาก้มหน้าก้มตากิน ไม่กล้าหันไปมอง มีโต๊ะหนึ่งเรียกพนักงาน ชำระเงิน และรีบออกไป
นักดนตรีชายบนเวที สีหน้าบิดเบี้ยวเหมือนจะร้องไห้ พยายามร้องเพลง ให้เสียงตรงที่สุด
จิวโมไป๋ขมวดคิ้ว มองกลุ่มอันธพาลที่ยังคงทำเสียงดัง ไม่เกรงใจใคร ก่อนจะส่ายหัวหันกลับมาพูดคุยกับหวังเสี่ยวเปาและทานหม้อไฟกันต่อ
ติ๊ดๆ กำไลข้อมือของหวังเสี่ยวเปาดังขึ้น เขาก้มลงมอง เห็นรายชื่อผู้ติดต่อ เขาไม่รับสาย แต่ส่งข้อความตอบกลับไป อย่างรวดเร็ว
จิวโมไป๋ขยับดวงตา เขาเห็นชื่อผู้ติดต่อเป็นเหยาติงติงแฟนสาวของหวังเสี่ยวเปา
หวังเสี่ยวเปาเห็นสายตาของจิวโมไป๋ เขาก็ยิ้ม”ถ้าฉันรับติงติงจะต้องถามแน่ว่าฉันอยู่ที่ไหน ถ้าเธอมาฉันไม่มีเวลาพักแน่”
หวังเสี่ยวเปาพูดแค่นั้น ก็จะลงมือทานต่อ
จิวโมไป๋ยิ้ม ก่อนจะยกมือขึ้นชี้ไปด้านหลังตัวเอง
หวังเสี่ยวเปาชะงัก เงยหน้าขึ้นตามองตามที่จิวโมไป๋ชี้ รูม่านตาพลันขยายออก เขาเห็นแฟนสาวของเขากำลังจ้องเขม่งมาทางเขา สองแก้มฟอง เหมือนกำลังโกรธ ด้านหลังของเธอ เหยาติงหลงที่หน้าบึ้งตึงมองเขาด้วยตาขวาง
หวังเสี่ยวเปายิ้มแห้งก่อนจะยกมือจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และลุกขึ้นวิ่งไปหาแฟนสาว ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาเข้าไปออดอ้อนแฟนสาวอย่างไม่อาย
“ที่รัก ฉันคิดถึงเธอจังเลย”
“หึ นายหายไปไหนตั้ง 7 วัน ทำไมฉันติดต่อนายไม่ได้”เหยาติงติงกอดอกมองแฟนหนุ่ม ไม่ให้เขาเข้าใกล้
“ฉันไปทำภารกิจช่วยโลก เลยไม่สามารถติดต่อใครได้”หวังเสี่ยวเปายิ้มขณะพูดเหมือนล้อเล่น”ที่รัก 7 วันนี้ฉันคิดถึงเธอแทบทุกลมหายใจ…”
เหยาติงหลงเหล่ตามองหวังเสี่ยวเปา สองมือกำหมัดแน่น อยากจะชกคนหน้าไม่อายให้ห่างจากน้องสาวของตัวเอง แต่เขาทำไม่ได้ เพราะหวังเสี่ยวเปาเคยช่วยเหลือกลุ่มของเขาในการประลอง เขาถือว่าติดหนี้บุญคุณอีกฝ่ายอยู่ เขาได้แต่อดทน พยายามรักษาความเยือกเย็นเอาไว้
หวังเสี่ยวเปาง้อแฟนสาวครู่หนึ่ง ก่อนจะพาเหยาติงติงและเหยาติงหลงมานั่งโต๊ะของพวกเขา
บรรยากาศอึดอัดเล็กน้อย เพราะจิวโมไป๋ไม่สนิทกับทั้งสองนัก แต่ไม่นานหวังเสี่ยวเปาก็สามารถสลายความอึดอัดได้ พวกเขาทานหม้อไฟและพูดคุยกันสองสามคำ
หวังเสี่ยวเปาคอยป้อนแฟนสาว ไม่แคร์สายตาเพื่อนและพี่ชายของแฟนสาวเลย
เหยาติงหลงสูดลมหายใจลึกๆ ข่มความโกรธ
จิวโมไป๋คีบผักขึ้นมากิน ไม่สนใจคู่รักทั้งสอง
เวลาผ่านไปพักใหญ่ พวกเขาทานหม้อไฟไปครึ่งหนึ่ง เหยาติงติงขอตัวไปห้องน้ำ
“หัวหน้าเชิญทางนี้ครับ!”ในตอนนั้นเองเสียงโหร้องก็ดังขึ้นอีก พวกเขาหันไปมอง ก็เห็นชายที่นั่งอยู่โต๊ะแถวหน้าของกลุ่มชายฉกรรจ์ เขาลุกขึ้นและวิ่งไปหา ชายสองคนที่กำลังเดินเข้าร้าน เพราะพวกเขาอยู่อีกด้าน ทำให้เห็นแค่แผ่นหลัง ไม่เห็นหน้าคนที่เข้าร้าน
เหยาติงหลงขมวดคิ้วแน่น จิวโมไป๋เห็นว่าเหยาติงหลง เหมือนจะรู้จักคนพวกนั้นเขาจึงถาม
“รุ่นพี่ รู้จักคนพวกนั้นด้วยเหรอครับ?”
เหยาติงหลงมองจิวโมไป๋ และนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าพูดเสียงเบา”ฉันก็ไม่รู้เกี่ยวกับคนพวกนั้นมากนักหรอก แต่ฉันได้รู้อะไรบางอย่างที่สำคัญมา มันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของกองกำลังระดับบนและล่างของเมืองเทียนซู”
สีหน้าของจิวโมไป๋พลันกลายเป็นจริงจัง หวังเสี่ยวเปาวางตะเกียบลง ยืดตัวเข้ามาฟังใกล้ๆ
เหยาติงหลงเหล่ตามองไปยังโต๊ะนั้น ที่ตอนนี้ทุกคนลุกขึ้นยืน ทำความเคารพสองคนที่มาใหม่ เขาเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบ”ฉันไม่รู้ว่าข้อมูลที่ฉันสืบได้มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมดหรือเปล่า แต่มันน่าจะมีส่วนความจริงอยู่บ้าง พวกนายไม่ต้องเชื่อที่ฉันพูดทั้งหมด
เมื่อไม่นานนี้ ตระกูลเซียวหนึ่งในตระกูลชั้นสูงที่มีอิทธิพลของเมืองเทียนซู ดูเหมือนว่าจะเกิดการขัดแย้งกับกองกำลังภายนอก และสุดท้ายก็พ่ายแพ้ สูญเสียกิจการสำคัญและอิทธิพลบางส่วนไป มันเปิดโอกาสให้กองกำลังภายนอก ได้เข้ามาแย้งชิงส่วนแบ่งกิจการต่างๆในเมืองเทียนซู โดยเฉพาะกองกำลังใต้ดิน กองกำลังภายนอกเหล่านั้นได้สร้างกลุ่มใต้ดินใหม่ขึ้นในเมืองเทียนซู แล้วกลืนกลุ่มใต้ดินของตระกูลเซียว”
“กองกำลังอิทธิพลนอก มีสองกลุ่ม ที่ได้สร้างกลุ่มใต้ดินของตัวเอง กลุ่มแรก กลุ่ม’เมฆาทมิฬ’ เป็นกลุ่มกองแก๊งใต้ดิน ที่แข็งแกร่งที่สุดและโหดเหี้ยมที่สุดด้วย คนพวกนี้เป็นคนของกลุ่มเมฆาทมิฬ”
จิวโมไป๋ได้ยินดังนั้น เขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตระกูลเซียวสูญเสียเหมืองแร่เหล็กดำไป ในการต่อสู้ ทำให้อิทธิพลที่พวกเขาครอบงำ สูญเสียความแข็งแกร่ง กลุ่มกองกำลังอื่นเห็นดังนั้น จึงเข้าแย่งชิงส่วนแบ่งการครอบครองกลุ่มแก๊งใต้ดินของตระกูลเซียวไป
ดูเหมือนว่าในระหว่างที่เขาไม่อยู่ เมืองเทียนซู จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
จิวโมไป๋ครุ่นคิด มือขวายกลูบคางโดยไม่รู้ตัว
“ยัยสารเลว! แกกว่าทำร้ายลูกพี่ของฉัน แกไม่อยากตายดีใช่ไหม”อยู่ๆเสียงร้องตะโกนดังลั้นร้าน
ทำให้ทุกคนในร้านหันไปมองพร้อมกัน
วูบ หวังเสี่ยวเปาที่นั่งอยู่ พลันลุกขึ้นและพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว
จิวโมไป๋พึ่งได้สติ มองตามหลังไป เขารู้สึกเหมือนว่าเหตุการแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน
**อ่านนิยายก่อนใครได้ที่ **