“ผู้หญิงคบกันงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอกน่า”
พอฉันได้ยินคำถามจากเพื่อนของฉัน ฉันก็หัวเราะออกมา ทุกอย่างเริ่มจากการที่ก่อนหน้านี้เพื่อนของฉันคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาพวกเราที่โต๊ะและพูดอะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึงออกมา “นี่ เธอเคยได้ยินข่าวลือบ้างรึเปล่า เรื่องที่ว่ามีคนพบเห็นการสารภาพรักระหว่างผู้หญิงด้วยกันน่ะ”
พวกเราทั้งสามคนเลยคุยเรื่องนี้ต่อจากเมื่อตอนนั้น
“มาริกะ เธอจะทำยังไงเหรอ ถ้าเกิดว่าได้รับคำสารภาพรักจากผู้หญิงคนอื่นน่ะ” เพื่อนของฉันถาม ฉันส่ายหัวและปฏิเสธเรื่องที่ว่าอย่างแน่วแน่ นั่นคงจะเป็นไปไม่ได้ละนะ
“อย่างที่คิดไว้เลย” เพื่อนของฉันพูดพลางหัวเราะไปด้วย ฉันมีชื่อว่า ซากากิบาระ มาริกะ นักเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่ 5 ฉันได้พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้เป็นที่นิยมในชั้นเรียน ฉันได้ทำทุกอย่างตั้งแต่ เลือกใส่แต่ชุดแฟชั่นที่น่ารัก ไปจนถึงทำให้ผมนวลยาวนุ่มสลวย
ผมยาวนุ่มที่ผูกเป็นเปียนี้ คือสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของฉัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหมือนแค่ทรงผมธรรมดาทั่วไปก็เถอะ แต่มันเป็นสิ่งที่ฉันได้เรียนมาจากคลาสเรียนเสริมสวยเลยนะ! ภาพลักษณ์ที่ฉันต้องการคือ เส้นผมที่ละมุนละไมและนุ่มนวล รวมไปถึงการพยายามทำตัวให้เป็นคนสุภาพและด้วยความสามารถในการพูดคุยของฉันที่สามารถจะเข้าร่วมบทสนทนากับคนอื่นได้อย่างลื่นไหลดุจสายน้ำ ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ฉันจะเป็นที่นิยมในชั้นเรียน
“ก็แบบว่า ทำไมผู้หญิงจะต้องคบกันด้วยล่ะ มันมีจุดประสงค์อะไรอยู่ด้วยงั้นเหรอ หรือเป็นเพราะไม่ได้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชายก็เลยไปยอมคบกับผู้หญิงแทนงั้นเหรอ”
พอฉันพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปเรื่อย ยูเมะและชิซากิ ที่ได้ฟังสิ่งที่ฉันพูดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ก็ตอบกลับคำถามของฉันด้วยเสียงหัวเราะที่สดใส
“ที่เธอพูดมานี่ตลกดีนะ มาริกะ”
พวกเราต่างเห็นพ้องกันด้วยว่าเป็นเรื่องที่แปลกและหัวเราะกันต่อ แต่ทันใดนั้น ฉันก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงจากด้านหลัง ฉันจึงหันหลังไปมองหาต้นเหตุของแรงกดดันนั้น
พอฉันมองไปด้านหลัง ดวงตาของฉันก็ได้สบกับดวงตาดุดันคู่หนึ่ง ที่เจาะจงจ้องมองมาที่พวกเรามาได้ซักครู่หนึ่งแล้ว ดันเป็นว่าสายตาที่เฉียบแหลมนั้นมาจากเพื่อนร่วมห้องที่เยือกเย็นและสวยคนหนึ่ง ฟุวะ อายะ
เมื่อเห็นรูปร่างที่แสนประณีตของเธอแล้วทำให้ผู้คนไม่อาจคิดว่าเธอเป็นฝ่ายที่ผิดได้เลย กลิ่นอายและดวงตาของเธอนั้นดูเหมือนคนที่ดูง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา ผสมกับบรรยากาศโดยรอบและรูปลักษณ์ที่สง่างามของเธอ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงตัวของเธอได้ และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมเธอถึงเป็นหมาป่าเดียวดายในชั้นเรียนของพวกเรา
จมูกที่ได้รูปทรง ผมที่ยาวนวลสลวยและปลิวสะบัดไปมาโดยไม่ได้ขยับศีรษะ ผิวหนังอันเปล่งปลั่งที่ทำให้ฉันถึงกับอยากรู้ถึงครีมที่เธอได้ใช้ ตั้งแต่เส้นผมยันนิ้วเท้า ทุกๆส่วนดูสวยงดงามไปหมดจนถึงกับฉันคิดว่าเธอเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเครื่องแก้ว เธอมีความสูงอยู่ราว 160 เซนติเมตร นอกจากนี้เธอยังมีสไตล์ที่ดูดีและเผยความสง่างามออกมาทุกๆที่ที่เธอได้ย่างกรายไปอีกด้วย ฉันยังเคยเห็นเธอถูกชักชวนให้เข้าชมรมกีฬาของโรงเรียนเราอยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่ก็จบลงด้วยการที่เธอเลือกเข้าชมรมกลับบ้าน
ถึงแม้ว่าฟุวะจะเป็นคนประเภทสันโดษ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะไม่ชอบการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ถ้าเธอต้องการอะไรบางอย่าง เธอก็จะเข้าหาผู้คนบ้าง ดูเหมือนว่าสำหรับเธอแล้วจะชอบการอยู่คนเดียวมากกว่า และถึงแม้ว่าเธอจะอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ก็ไม่มีใครที่กล้าพอที่จะยื่นมือเข้าไปแตะต้องตัวเธอ เหมือนกับมีข้อตกลงบางอย่างที่ทุกคนรับรู้กันสำหรับใครก็ตามที่จะเข้าหาเธอ เธอเป็นคนที่เล่นกีฬาเก่ง ฉลาด และก็ยังสวยอีก อีกทั้งเธอยังดูเหมือนกับว่าเป็นคุณหนูจากครอบครัวที่ร่ำรวยอีกด้วย
มันทำให้ชั้นรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เมื่อคิดว่าผู้หญิงสันโดษคนนี้พอๆกับชั้นในเรื่องของความนิยม ยิ่งกว่านั้นเมื่อคิดไปถึงความไม่แยแสกับเรื่องนี้ของเธอแล้ว
ฟุวะ อายะ เป็นคนที่ไม่เคยที่จะดูกังวลหรือรู้สึกประหม่าเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม เธอจะทำตัวโดดเดี่ยวและแสดงท่าทีที่มืดมนอยู่เสมอ ฟุวะมักจะก้าวเดินไปด้วยความมั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ การกระทำของเธอทำให้ฉันนึกถึงดีไซน์เนอร์คนหนึ่งจากร้านที่ฉันเคยไปมาก่อน เธอมักจะทำตัวเหมือนกับว่ากำลังคิดบางสิ่งที่ดูซับซ้อนอยู่ตลอดเวลา และแทนที่เธอจะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เธอไม่แม้แต่จะพยายามปรับตัวเลยด้วยซ้ำ
นี่คือสาเหตุว่าทำไมฉันถึงรับมือกับเธอไม่ค่อยได้
ขณะที่ฉันกำลังปิดปากเงียบ ยูเมะและชิซากิก็ได้กระซิบกัน “นี่เธอคนนั้นกำลังมองมาที่พวกเราอยู่เหรอ”
ถึงแม้ว่ามันคงจะไม่มีปัญหาอะไร ถึงพวกเราจะคุยกันแบบปกติ แต่แรงกดดันนี้ทำให้พวกเราเบาเสียงของพวกเราลง ทุกคนในกลุ่มแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับฟุวะเหมือนกันหมด อย่างที่คาดไว้จากมิตรภาพของพวกเรา! และนั่นเป็นเหตุผลที่จะทุกอย่างจะไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าเธอจะจ้องมาที่พวกเราก็ตาม เพราะฉันคือ ซากากิบาระ มาริกะ คนนี้เชียวนะ
“จะว่าไปแล้วนะ…!”
ฉันเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา ด้วยน้ำเสียงที่สดใสและร่าเริง
“หืมมม ทำไมเหรอ”
“มีอะไรอย่างอื่นที่น่าสนใจเกิดขึ้นงั้นเหรอ”
รู้สึกได้ถึงความต้องการของฉันที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ พวกเธอทั้งสองคนจึงร่วมเริ่มหัวข้อใหม่กับฉันด้วย ฉันจึงเริ่มด้วยการล้อเลียนตัวเองเล็กน้อย
“รู้ไหม คือช่วงนี้ฉันก็แบบถังแตกละน้า แต่ก็ดันมีกระเป๋าใบหนึ่งที่ฉันอยากจะได้มากซะด้วยสิ”
“อ๊ะ มาลองคิดดูแล้ว เธอเลิกทำงานพาร์ทไทม์งานนั้นไปแล้วนี่ใช่ไหม”
“เป็นเพราะว่าเธอไร้ประโยชน์จนเกินไป พวกเขาเลยไล่เธอออกรึยังไงกัน”
ยูเมะที่ร่าเริง และปากที่เสียอยู่ตลอดเวลาของชิซากิ
“ไม่ใช่ซักหน่อย! มันมีไอตาลุงผู้จัดการที่คอยคุกคามทางเพศฉันอยู่ต่างหาก ดังนั้นฉันเลยรู้สึกรำคาญเขาและลาออกมาน่ะ อึก มันทำให้รู้สึกน่ารำคาญทุกครั้งที่นึกถึงเลย ฉันควรจะไปแจ้งความสินะเนี่ย!”
ฉันเน้นย้ำความหงุดหงิดด้วยการเคลื่อนไหวให้ดูเกินจริงและถอนหายใจออกมา มันอาจจะดูเหมือนว่าฉันตอบสนองกับเรื่องเหล่านี้เกินจริงไปหน่อย แต่คนที่ถูกอ่านง่ายก็มักจะเป็นที่ชื่นชอบของคนรอบข้าง นั่นคือสิ่งที่ฉันเรียกว่า ‘ไหลไปตามกระแสยังไงล่ะ’
พวกเธอทั้งสองคนก็ได้เบนความสนใจจากฟุวะมายังเรื่องของฉัน อืม นี่คือชัยชนะของฉันสินะ เป็นไงบ้างล่ะฟุวะ
อย่างน้อยแผนของฉันที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาก็สำเร็จลุล่วง แต่ฉันก็ไม่ได้ล้อเล่นเรื่องที่ว่าฉันถังแตกละนะ
“อยากรู้จังว่าช่วงนี้มีงานพาร์ทไทม์ไหนดีๆบ้างไหมน้า”
“ถ้าเธอสนใจล่ะก็ รุ่นพี่ที่ฉันรู้จักเคยบอกว่าเป็นคู่เดทสนับสนุนเองก็ได้เงินเยอะอยู่นะ”
(คู่เดทสนับสนุน มาจากคำว่า 援助交際 หรือ compensated dating คือการแสดงของนักเรียนหญิงมัธยมปลาย (13 ถึง 17) หรือแม่บ้านที่คบกับชายที่มีอายุมากกว่าเพื่อหาเงินของขวัญของฟุ่มเฟือยและอื่น ๆ อีกมากมาย ใครมีคำที่เหมาะกว่านี้ก็บอกมาได้)
“คู่เดทสนับสนุนเหรอ หืม…”
ยูเมะมาพร้อมกับคำแนะนำที่ไม่เหมือนใครของเธอ เธอเองก็เป็นคนที่ดีแต่ในทางตรงกันข้ามก็เป็นคนที่ซื่อบื้อคนหนึ่ง ทำให้ฉันต้องกังวลเกี่ยวกับเธอบ่อยครั้ง ฉันผ่อนคลายไหล่โดยการปล่อยวางร่างกายส่วนบนให้แผ่ราบลงบนโต๊ะ
“ไม่เอาตาลุงน่าขยะแขยงอีกแล้วน่า”
“แต่มันง่ายและก็จ่ายหนักมากเลยนะ เธอจะได้ตั้ง 10,000 เยนต่อมื้อนึงแน่ะ”
“จริงเหรอ งั้นก็แปลว่าฉันสามารถได้ตั้ง 30,000 เยนในแค่วันเดียวเลยน่ะสิ”
ฉันยืดหลังตรงขึ้นมาและกลับมาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างรวดเร็ว จนชิซากิหัวเราะออกมา
“มารินี่ละก็คิดแต่เรื่องเงินนะเนี่ย”
“นี่ เงียบไปเลย ฟังนะ ฉันโดนคุกคามทางเพศมาก่อนและไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย แต่ถ้าเป็นงานนี้ ฉันจะโดนคุกคามทางเพศแต่ได้ตั้ง 10,000 เยนเลยนะ”
“ไม่ใช่ว่ามันก็คือแบบเดียวกันหรอกเหรอ”
ยูเมะ ที่ได้ฟังการโต้เถียงของพวกเราตั้งแต่เมื่อครู่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ฉันและชิซากิก็จบลงด้วยการหัวเราะออกมาทั้งคู่เช่นเดียวกัน อื้ม นี่สิคือสิ่งที่ฉันชอบ บรรยากาศที่ขบขันและสนุกสนานระหว่างพวกเรา ฉันถูกห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนที่ดีและรู้สึกขอบคุณสำหรับเรื่องนี้จริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ดีกว่าการอยู่อย่างสันโดษโดยที่ไม่มีอะไรสนุกๆในชีวิตของพวกเขาเลยอย่างแน่นอน หลังจากนั้นซักพักหนึ่งกริ่งก็สั่นขึ้นมาซึ่งเป็นสัญญาณแสดงถึงช่วงพักกลางวันที่กำลังจะจบลงเร็วๆนี้
“นี่”
“ทำไมเหรอ”
ทันใดนั้น ก็ได้มีใครบางคนเรียกหาฉัน ฉันจึงหันหน้ากลับไปมองต้นกำเนิดของเสียงที่ว่านั้น โดยที่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงเพราะว่าฉันเป็นคนที่เป็นที่นิยมในชั้นเรียนยังไงล่ะ ดังนั้นแน่นอนว่าทุกคนจะพบว่าการพูดคุยกับฉันเป็นเรื่องที่ง่ายดาย อีกทั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่หายากอีกด้วยที่ฉันจะถูกเรียกโดยใครบางคน สำหรับฉันแล้ว มันเป็นสิ่งที่ดั่งคำอวยพรและฉันมักจะมีความสุขกับเรื่องนี้อยู่เสมอ… หรืออย่างน้อยฉันก็คิดแบบนั้นในตอนนี้
อึก
ฉันเผลอปล่อยเสียงออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว เอ๋ ฟุวะ นี่นา ทำไมเธอถึง…
“เธอพอมีเวลาว่างซักครู่รึเปล่า”
“ม-ไม่ทราบว่า มีอะไรให้ฉันช่วยงั้นเหรอคะ”
มันกระทันหันจนเกินไปจนทำให้ฉันรู้สึกวิตกกังวลและเผลอกลับไปใช้คำสุภาพ นี่ฉันเป็นบ้าอะไรอยู่เนี่ย เธอก็เป็นแค่เพื่อนร่วมห้องเองนะ ทำไมฉันถึงต้องรู้สึกตื่นเต้นอะไรขนาดนี้กันด้วย ฉันจัดการทำให้ตัวเองใจเย็นลงและยิ้มอย่างสุภาพเหมือนกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติประจำ
“ทำไมเหรอ หายากนะเนี่ยที่ฟุวะจะยื่นมือขอความช่วยเหลือและพูดคุยกับฉันเนี่ย”
ฟุวะทำเพียงจ้องมองลงมาที่ฉันด้วยดวงตาเย็นชาคู่นั้นของเธอ เหมือนกับว่าเธอกำลังประเมินฉันอยู่ อ-อะไรกันเนี่ย นี่เธอต้องการอะไรกัน พูดอะไรซักอย่างเซ่!
ฉันเริ่มที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ยูเมะและชิซากิกำลังมองมาที่ฉันด้วยความหวังอยู่ ดังนั้นฉันจึงรวบรวมความกล้าและมองกลับไปยังฟุวะด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ดูสิ ฉันอยู่ในระดับเดียวกับฟุวะเลยนะ ไม่จะเห็นยากตรงไหนเลย ฉันพยายามที่จะทำให้เธอรู้ว่าฉันสามารถที่จะพูดคุยกับเธอได้ตามปกติ และก็ไม่ใช่ว่าฉันกลัวเธอหรืออะไรหรอกนะ
ฟุวะก็ยังคงปราศจากการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย อะไรกัน นี่เธอยังหายใจอยู่รึเปล่าเนี่ย หรือว่าเธอกำลังรอให้ฉันเบนสายตาออกก่อนถึงจะเริ่มพูดงั้นเหรอ ถ้านี่คือสิ่งที่เธอต้องการล่ะก็ แย่หน่อยนะเพราะว่าฉันจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ยังไงล่ะ
มันเป็นเวลาหลายวินาทีแล้วตั้งแต่พวกเราได้แข่งจ้องตากัน(ฝั่งเดียว) การต่อสู้ของพวกเราได้ดึงดูดความสนใจของทั้งชั้นเรียนไป บรรยากาศโดยรอบเองก็ได้กลายเป็นแปลกไป ฉันยังทนได้อยู่น่า
ฉันจะไม่ยอมแพ้แน่ เพราะว่านี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฟุวะ การต่อสู้ครั้งนี้แหละที่จะเป็นศึกตัดสินตำแหน่งสูงสุดในชั้นเรียนของพวกเรา แต่ฟุวะก็ปฏิเสธที่จะละสายตาและท้ายที่สุดก็ตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างกับฉัน
“วันนี้หลังเลิกเรียน เธอว่างรึเปล่า”
“ฉันเองก็ยังไม่ได้มีแผนจะทำอะไรเหมือนกัน อืม งั้นก็คงว่างแหละ”
ทำไมอยู่ดีๆ เธอถึงคิดชวนฉันออกไปหลังเลิกเรียนกันล่ะเนี่ย!? ฉันตอบกลับเธอไปด้วยเสียงนุ่มนวล ถึงแม้ว่าข้างในจะกำลังวิตกกังวลอยู่ก็ตาม ฟุวะได้เผยรอยยิ้มสดใสหลังจากที่ได้ยินคำตอบของฉัน เธอได้ส่งคำเชิญออกไปแบบนั้น
“งั้น ไปที่ไหนซักที่กันเถอะ ฉันมีเรื่องบางอย่างที่ฉันอยากจะคุยด้วยน่ะ”
“หืมมมม เอาสิ”
ด้วยความกล้าจอมปลอมที่มี ฉันได้ตอบกลับคำเชื้อเชิญของเธอพลางมองเธอไปด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้เหงื่อไหลย้อยตามแผ่นหลังอยู่ก็ตาม… นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย เธอวางแผนอะไรไว้กันแน่นะ ฟุวะ…
ฉันไม่สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ได้เลย และนั่นทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมา…..