ยามดอกวสันต์ผลิบาน 440 บุตรชายคนเล็ก

ตอนที่ 440 บุตรชายคนเล็ก

ทาง​ด้าน​ประตู​เฉาหยาง​นั้น​เฉิงฉือ​กลับ​กำลัง​คุย​ธุระ​กับ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​อย่าง​เอาจริงเอาจัง​อยู่​ “…ใต้เท้า​ซ่งอยาก​ให้​ข้า​ไป​ช่วย​ข้าหลวง​หยาง​โซ่ว​ซาน​จัดการ​ดูแล​ทางน้ำ​ที่​ฝ่ายจัดการ​น้ำ​ เริ่ม​งาน​ตำแหน่ง​ที่ปรึกษา​ขั้น​หก​ผิ่น​ของ​กรม​โยธา​ ถือได้ว่า​ทำงาน​อยู่​ที่​ที่ว่าการ​ของ​ข้าหลวง​เป็นการชั่วคราว​ ไม่ว่า​จะเป็นการ​แต่งตั้ง​หรือ​โยกย้าย​ล้วน​อยู่​กับ​กรม​โยธา​ทั้งหมด​ ข้า​ได้​ไตร่ตรอง​อย่าง​ถี่ถ้วน​แล้ว​ แทนที่จะ​ยื่น​ประวัติส่วนตัว​ไป​ที่​กรม​ขุนนาง​อย่าง​ถ่อมตัว​เพื่อ​ขอร้อง​ให้​พวกเขา​มอบ​งาน​ให้​ข้า​สัก​ตำแหน่ง​หนึ่ง​ มิสู้ตอบรับ​คำเชิญ​ของ​ใต้เท้า​ซ่งไป​ทำงาน​ที่​ฝ่ายจัดการ​น้ำ​ ณ ที่ว่าการ​ข้าหลวง​ จะดีร้าย​ก็​เป็น​พวกเขา​ที่​เชิญข้า​ไป​ นอกจากนี้​พอ​เข้าไป​ก็​ได้รับ​ตำแหน่ง​ขั้น​หก​ผิ่น​อีกด้วย​ รอง​เจ้ากรม​โยธา​จางฮุ่ย​เป็น​ลูกศิษย์​ของ​ใต้เท้า​ซ่ง การ​ที่​ใต้เท้า​ซ่งจัดเตรียม​เช่นนี้​ ก็​ถือว่า​ใช้ความพยายาม​ลง​ไป​ไม่น้อย​”

แรกเริ่ม​ก่อตั้ง​ประเทศ​ใหม่​ๆ นั้น​ ยัง​ไม่มีปัญหา​จาก​แม่น้ำเหลือง​มาก​นัก​ ราชสำนัก​จึงให้​ฝ่ายจัดการ​การขนส่ง​ทางน้ำ​เป็น​ผู้ดูแล​เรื่อง​ต่างๆ​ ที่​เกี่ยวกับ​ทางน้ำ​ กระทั่ง​ประสบ​กับ​น้ำท่วม​ครั้ง​ใหญ่​ จึงจัดส่ง​หัวหน้า​ฝ่ายจัดการ​น้ำ​ในกรม​ไป​ดูแล​เป็นการชั่วคราว​ สุดท้าย​จึงขจัด​ปัดเป่า​ปัญหา​ออก​ไป​ได้​ แต่​นับตั้งแต่​รัช​ศก​หย่ง​ชังปี​ที่​สิบ​เป็นต้นมา​ นับวัน​ปัญหา​อุทกภัย​ของ​แม่น้ำเหลือง​ก็​รุนแรง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ กระทั่ง​รัช​ศก​จื้อเต๋อ​ปี​ที่สาม​ ฝ่ายจัดการ​น้ำ​และ​ฝ่ายจัดการ​การขนส่ง​ทางน้ำ​แยกตัว​ออก​จากกัน​ ราชสำนัก​จึงแต่งตั้ง​ตำแหน่ง​ข้าหลวง​ฝ่ายจัดการ​น้ำขึ้น​มาเป็นพิเศษ​ ให้​รับผิดชอบ​ดูแล​แม่น้ำเหลือง​ ทางน้ำ​สาย​ใหญ่​ระหว่าง​จิงเฉิงและ​หังโจว​รวมถึง​เขื่อน​แม่น้ำ​หย่ง​ติ้ง​ และ​การ​ขุด​ลอก​คู​คลอง​ ซึ่งหยาง​โซ่ว​ซาน​ผู้​นั้น​ก็​คือ​ข้าหลวง​ฝ่ายจัดการ​น้ำ​คน​ปัจจุบัน​นั่นเอง​

เป็น​สหาย​ร่วม​สอบ​ปี​เดียวกัน​กับ​ซ่งจิ่งหรา​น​

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ได้ยิน​แล้วก็​ขมวดคิ้ว​มุ่น​อย่า​งอด​ไม่ได้​ จอก​น้ำชา​ที่​ถือ​อยู่​ใน​มือ​ยังคง​รั้ง​อยู่​ที่​เดิม​ไม่ขยับ​เข้าใกล้​ริมฝีปาก​เลย​สักนิด​ พลาง​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “หาก​ข้า​จำไม่ผิด​ ดู​เหมือนกับ​ว่า​ที่ว่าการ​ของ​ข้าหลวง​ฝ่ายจัดการ​น้ำ​ผู้​นั้น​จะมิได้​อยู่​ที่​จิงเฉิงกระมัง​”

เฉิงฉือ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “อยู่​ที่​เมือง​จี่หนิง​ของ​ซาน​ตง​ขอรับ​”

คิ้ว​ของ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ขมวด​เป็น​ปม​มุ่น​ขึ้น​มา กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “เรื่อง​อย่าง​การ​จัดการ​น้ำ​นี้​ ทำงาน​อย่าง​ยากลำบาก​แต่​ก็​เป็นงาน​ที่​มอง​ไม่ออ​กว่า​ทำ​อะไร​บ้าง​ หาก​ไม่เกิดเรื่อง​ก็​ถือว่า​สุขสงบ​และ​สำราญ​ดี​ แต่​ถ้าเกิดเรื่อง​ขึ้น​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​ต้อง​ถูก​กุด​ศีรษะ​…เจ้าลอง​ไตร่ตรอง​ดู​อีก​สักหน่อย​ดี​หรือไม่​ คราวก่อน​เจิงเจี่ยเอ๋อร์​มาที่นี่​ บอ​กว่า​ทาง​ด้าน​กรม​อาญา​มีตำแหน่ง​เจ้าพนักงาน​ฝ่าย​พลเรือน​ว่าง​อยู่​หนึ่ง​ตำแหน่ง​ แม้น​จะเป็น​เพียง​ตำแหน่ง​ขั้น​เจ็ด​ผิ่น​ แต่​ก็​เป็นที่​นับหน้าถือตา​ ต่อไป​ย้าย​ไป​อยู่​ที่ทำการ​หก​กรม​ก็​ง่าย​ ไม่จำเป็นต้อง​เข้า​รับราชการ​ด้วย​การ​ไป​จัดการ​ดูแล​น้ำ​เพียง​อย่าง​เดียว​ก็ได้​ ต่อไป​หาก​มีตำแหน่ง​นี้​ติดตัว​เจ้าไป​แล้ว​ ผู้คน​ก็​จะมองว่า​เจ้าเป็น​เมล็ดพันธุ์​ของ​กรม​โยธา​ เมื่อ​จัดการ​เรื่อง​น้ำ​เสร็จ​ก็​ไป​ดูแล​เรื่อง​การขนส่ง​ทางน้ำ​อีก​ ชีวิต​นี้​ของ​เจ้าคง​ต้อง​วนเวียน​อยู่​แต่​ใน​นี้​แล้ว​ ตาม​ความเห็น​ของ​ข้า​แล้ว​ ได้​ไม่คุ้ม​เสีย​”

เฉิงฉือ​กล่าว​อย่าง​สงวนท่าที​ว่า​ “ข้า​มิได้​ทำ​เพื่อ​ตำแหน่ง​ใน​ราชสำนัก​ นับตั้งแต่​ที่​เสาจิ่น​ปฏิเสธ​เรื่อง​งานแต่ง​ของ​ตระกูล​ซ่งเป็นต้นมา​ ข้า​ก็​รู้สึก​กระดาก​ที่จะ​พบ​หน้า​คน​ตระกูล​ซ่งอยู่​บ้าง​เล็กน้อย​ แต่​เมื่อ​พบ​ข้า​ใต้เท้า​ซ่งยังคง​รู้สึก​ผิด​ เอาแต่​กล่าว​ขอโทษ​ข้า​ไม่หยุด​ นาย​ท่าน​ผู้เฒ่า​ซ่งเอง​ก็​มาหา​ข้า​ซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ ไม่ชวน​ไป​ร่ำสุรา​ก็​ชวน​ไป​กินข้าว​ด้วย​…ตอนนี้​หยาง​โซ่ว​ซาน​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ไม่ราบรื่น​นัก​ แล้ว​เขา​ก็​เป็น​คน​ที่​ใต้เท้า​ซ่งแนะ​นำมา​ด้วย​ ทั้งสอง​ตระกูล​มีความสัมพันธ์​อัน​ดี​ต่อกัน​มาอย่าง​ยาวนาน​ คน​หนึ่ง​รุ่งโรจน์​อีก​คน​ก็​รุ่งโรจน์​ด้วย​ คน​หนึ่ง​สูญเสีย​อีก​คน​หนึ่ง​ก็​สูญเสีย​ไป​ด้วย​ ใน​เมื่อ​ใต้เท้า​ซ่งเอ่ยปาก​มาแล้ว​ ข้า​จะปฏิเสธ​ได้​อย่างไร​ อย่างไร​ก็​ต้อง​ช่วยเหลือ​หยาง​โซ่ว​ซาน​ให้​พ้น​จาก​สถานการณ์​นี้​ไป​ให้ได้​ถึงจะถูก​”

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ไม่เคย​รู้เรื่อง​ที่​โจว​เสาจิ่น​ปฏิเสธ​ซ่งมู่มาก่อน​ จึงรีบ​สอบถาม​ว่า​มัน​เรื่อง​อะไร​กัน​แน่​

เฉิงฉือ​เลือก​เล่า​เฉพาะ​ส่วน​ที่​สำคัญ​ให้​ฟัง

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ไม่กล่าว​อะไร​ไป​ครู่ใหญ่​

นาง​ยอมรับ​ว่า​ตัวเอง​เป็น​คน​เงียบขรึม​และ​ใช้เหตุผล​ ส่วน​คู่ชีวิต​ที่​จากไป​แล้ว​เป็น​คน​เด็ดเดี่ยว​มีแบบแผน​ ไม่รู้​ว่า​บุตรชาย​ที่​ตน​คลอด​ออกมา​ทั้ง​สามคน​นี้​ได้​นิสัย​จาก​ผู้ใด​มา แต่ละคน​ช่างมีความรู้สึก​ลึกซึ้ง​ต่อ​คนรัก​ได้​ไม่น้อยหน้า​กัน​เลย​

เจ้าใหญ่​นั้น​ไม่ต้อง​พูดถึง​ ส่วน​เจ้ารอง​สะใภ้รอง​เจ็บป่วย​มานาน​หลาย​ปี​ขนาด​นี้​ ก็​ไม่เห็น​เขา​มีคน​อุ่น​เตียง​หรือ​ไปเที่ยว​หอ​เริงรมย์​จำพวก​นั้น​เลย​ เจ้าสี่ยิ่ง​แล้ว​ใหญ่​ นอกจาก​ต้องการ​จะแต่ง​กับ​คน​ที่​ได้​ชื่อว่า​เป็น​หลานสาว​แล้ว​ ยัง​ยอม​เป็นหนี้​ทุ่มเท​อย่าง​หนัก​เพื่อ​เด็กสาว​ที่​ไม่มีวี่แวว​จะประสบความสำเร็จ​นี้​อีกด้วย​!

ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ นาง​จึงเอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “เจ้าเอง​ก็​รู้​ด้วย​หรือว่า​เจ้าเป็น​คน​ที่​กำลัง​แต่งงาน​แล้ว​ เจ้าทำใจ​ทิ้ง​นาง​เอาไว้​ที่​จิงเฉิงเพียงลำพัง​ได้​หรือ​ พี่สะใภ้​ใหญ่​ของ​เจ้าเป็น​คน​ไร้​ระเบียบแบบแผน​ พี่ชาย​ใหญ่​ของ​เจ้าก็​เป็น​คน​ไร้​ระเบียบแบบแผน​ด้วย​หรือ​อย่างไร​ รอ​ให้​เรื่อง​แต่งงาน​ของ​เจ้ากับ​เสาจิ่น​ถูก​เปิดเผย​ออกมา​ก่อน​ พี่ชาย​ใหญ่​ของ​เจ้าจะไม่รู้​เล่ห์เหลี่ยม​ที่อยู่​ใน​ท้อง​ของ​เจ้าเหล่านั้น​หรือ​ ถึงเวลา​นั้น​เสาจิ่น​จะยัง​อยู่ดี​ได้​อยู่​หรือ​”

เฉิงฉือ​หัวเราะ​คิก​ออกมา​

เนื่องจาก​มารดา​กลัว​ว่า​เมื่อ​เขา​ไป​ดูแล​ฝ่ายจัดการ​น้ำ​แล้ว​ จะกลายเป็น​เจ้าพนักงาน​ฝ่าย​ช่าง ต่อไป​จะโยกย้าย​ลำบาก​ กระทั่ง​หยิบยก​เอา​เสาจิ่น​ออกมา​หว่านล้อม​เขา​

กล่าว​ได้​ว่า​นาง​เป็น​เสมือน​กับ​คน​ป่วยหนัก​ที่​พร้อม​จะกระโจน​เข้าหา​หมอ​ทุกคน​แล้ว​

เฉิงฉือ​ขยิบตา​ให้​พร้อมกับ​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “มิใช่ว่า​ท่าน​ไม่เห็นด้วย​มาโดยตลอด​หรอก​หรือ​ ข้า​ก็​จะได้​มีที่​ให้​หลบ​ออก​ไป​พัก​ใจด้วย​พอดี​!”

“เจ้าคน​ร้ายกาจ​ผู้​นี้​!” ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​วาง​จอก​ชาลง​พลาง​กวาด​มือ​หา​ของ​สัก​อย่าง​ไป​ทั่ว​หมาย​จะเอา​มาตี​เฉิงฉือ​ “หาก​มิใช่เพื่อ​เจ้า ข้า​ยัง​จะเสียเวลา​คิด​เรื่อง​นี้​อีก​หรือ​ เพียง​ข้า​นึกถึง​วันที่​ต้อง​ไป​เอ่ย​เรื่อง​สู่ขอ​ที่​ตระกูล​โจว​ หน้า​ข้า​ก็​แห้งเหือด​ด้วย​ความกังวล​แล้ว​ ไม่รู้​ว่า​จะถูก​ตระกูล​โจว​ไล่​ออกจาก​ประตู​บ้าน​หรือไม่​ ที่ผ่านมา​ข้า​มีชีวิต​อย่าง​สูงส่งและ​สง่างามมาโดยตลอด​ ไม่คาดคิด​ว่า​เมื่อ​แก่​ชรา​ลง​แล้ว​ กลับ​ยัง​ต้อง​ลดตัว​ลง​ก้มหน้า​ให้​ผู้อื่น​เพื่อ​บุตรชาย​คน​เล็ก​ที่​ไม่เอาไหน​ผู้​หนึ่ง​อยู่​อีก​…”

“ท่าน​แม่ ท่าน​กล่าว​เช่นนี้​ได้​อย่างไร​กัน​ขอรับ​!” หนัง​หน้า​ของ​เฉิงฉือ​หนา​ดั่ง​กำแพง​บ้าน​ แสร้ง​ทำท่า​หวาดกลัว​รีบ​หลบ​ไป​อยู่​ข้างๆ​ พลาง​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “เรื่อง​สู่ขอให้​บุตรชาย​หญิง​ได้​เป็นฝั่งเป็นฝา​นี้​มิใช่ว่า​เป็น​หน้าที่​ของ​บิดา​มารดา​หรอก​หรือ​”

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​มีน้ำ​โห​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “ข้า​ดู​แล้ว​คุณหนู​หก​ตระกูล​ฟางของ​พวกเรา​ก็​ไม่เลว​ ใน​เมื่อ​เรื่อง​แต่งงาน​ของ​เจ้าขึ้นอยู่กับ​ข้า​ เช่นนั้น​ก็​แต่ง​กับ​คุณ​หก​ตระกูล​ฟางก็แล้วกัน​…”

เฉิงฉือ​หัวเราะ​ร่า​ จงใจกล่าว​อย่าง​เอาใจ​ว่า​ “ท่าน​แม่ให้​ข้า​แต่ง​กับ​ผู้ใด​ ข้า​ก็​จะแต่ง​กับ​ผู้​นั้น​!”

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​โกรธจัด​ ลุกขึ้น​ก้าว​ออก​ไป​ตี​เฉิงฉือ​สอง​สามฝ่ามือ​อย่า​งอด​ไม่ได้​ พลาง​กล่าว​ “ยัง​กล้า​มาเถียง​กับ​ข้า​อีก​!”

เฉิงฉือ​จึงหลอกล่อ​มารดา​ว่า​ “ข้า​เป็น​เช่นนี้​ ก็​มิใช่เพราะ​เห็น​ว่า​ท่าน​สงสาร​เห็นใจ​ข้า​หรอก​หรือ​ ท่าน​รีบ​หายโกรธ​เถิด​ ท่าน​จะไป​เอ่ย​เรื่อง​สู่ขอ​กับ​ตระกูล​โจว​ อย่างไร​ข้า​ก็​ต้อง​มีตำแหน่ง​อะไร​สัก​ตำแหน่ง​หนึ่ง​ ตระกูล​โจว​จะได้​ปฏิเสธ​ท่าน​ไม่ได้​! อีก​อย่าง​ ผู้อื่น​อาจ​ไม่รู้​ แต่​ท่าน​จะไม่รู้​อย่างนั้น​หรือ​ ที่​บอ​กว่า​จะไป​ดูแล​ฝ่ายจัดการ​น้ำ​นั้น​ ก็เพราะว่า​ข้า​เก่ง​เรื่อง​คำนวณ​ เพราะฉะนั้น​สิ่งที่​นาย​ท่าน​ผู้เฒ่า​ซ่งกล่าว​มาเหล่านั้น​ถึงได้​เข้าใจ​ได้​โดยง่าย​ ครั้งนี้​ที่​บอ​กว่า​ให้​ข้า​ไป​เป็น​ผู้ช่วย​ของ​หยาง​โซ่ว​ซาน​จัดการ​น้ำ​นั้น​ ความจริง​แล้ว​นาย​ท่าน​ผู้เฒ่า​ซ่งก็​ร่วม​เดินทาง​ไป​ด้วย​ การ​จัดการ​แก้ไขปัญหา​แม่น้ำเหลือง​ให้​สำเร็จ​นั้น​เป็น​ความปรารถนา​ของ​เขา​มาทั้ง​ชีวิต​ ก็​เพียง​อ้าง​ชื่อ​ของ​ข้า​ก็​เท่านั้น​ จุดแข็ง​ของ​ข้า​ยัง​คงอยู่​ที่​การคำนวณ​ เมื่อก่อน​ไม่ได้​ติดต่อ​กับ​ใต้เท้า​ซ่ง ใต้เท้า​ซ่งจึงไม่รู้​ ต่อมา​ได้​ไปมาหาสู่​กับ​ใต้เท้า​ซ่ง ข้า​เอง​ก็​มิได้​ปิดบัง​แต่อย่างใด​ ไม่อย่างนั้น​ใต้เท้า​ซ่งก็​คง​ไม่ให้​ข้า​ไป​รับ​ตำแหน่ง​ในกรม​โยธา​ ทั้งหมด​นี้​ก็​เพื่อ​จะได้​เข้าสู่​หก​กรม​ในอนาคต​”

กล่าว​ไป​กล่าว​มาก็​ยังคง​ทำ​เพื่อ​โจว​เสาจิ่น​อยู่ดี​

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​กล่าว​อย่าง​เคือง​ๆ ว่า​ “ใน​เมื่อ​เจ้าคิด​มาดีแล้ว​ ยัง​จะมาถามข้า​อีก​ทำไม​”

เฉิงฉือ​จึงดัน​มารดา​ให้​นั่งลง​บน​ตั่ง​ใหม่​อีกครั้ง​ ช่วย​นวด​หัวไหล่​ให้​มารดา​อย่าง​เอาใจ​ไป​ด้วย​ กล่าว​เสียง​อบอุ่น​เจือ​รอยยิ้ม​ไป​ด้วยว่า​ “ท่าน​แม่เป็น​ดั่ง​กระดูกสันหลัง​ของ​ครอบครัว​พวกเรา​ เมื่อก่อน​ตอนที่​ท่าน​พ่อ​ยัง​มีชีวิต​อยู่​นั้น​มิใช่ว่า​มีเรื่อง​อะไร​ก็​เอา​ปรึกษา​ท่าน​ทุก​เรื่อง​หรอก​หรือ​ ข้า​ประสบ​กับ​เรื่องใหญ่​เพียงนี้​ ย่อม​เป็นธรรมดา​ที่​ต้อง​เอา​มาหารือ​กับ​ท่าน​แม่ก่อน​หัวใจ​ดวง​นี้​ถึงจะรู้สึก​มั่นใจ​ขึ้น​มาได้​!”

กระบอกตา​ของ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​พลัน​รื้น​ชื้น​ขึ้น​มา

นาง​เฉลียวฉลาด​และ​มาก​ความสามารถ​มาตลอดทั้ง​ชีวิต​ เมื่อ​แก่ตัว​ลง​แล้ว​กลับ​ถูก​สามีลวง​หลอก​ เอา​บุตรชาย​คน​เล็ก​ที่​นาง​อุ้มท้อง​มากว่า​สิบ​เดือน​และ​คลอด​ออกมา​อย่าง​ยากลำบาก​นั้น​ไป​ให้​เฉิงซวี่คน​หยาบช้า​ผู้​นั้น​เลี้ยงดู​จน​กลายเป็น​หัวหน้าพรรค​อะไร​นั่น​ไป​เสีย​ หาก​มิใช่เพราะ​บุตรชาย​ของ​นาง​เป็น​คน​ฉลาด​และ​เชื่อฟัง​แล้ว​ละ​ก็​ คง​กลายเป็น​จอม​ยุทธ์​ไป​นาน​แล้ว​ ไหน​เลย​จะมีวันนี้​ วันที่​พวกเขา​สอง​แม่ลูก​ได้มา​ปรึกษาหารือ​เรื่อง​รับราชการ​อยู่​ตรงนี้​

เมื่อ​คิด​เช่นนี้​ หัวใจ​ของ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ก็​อ่อน​ยวบ​ลงมา​

อยาก​จะไป​อยู่​ฝ่ายจัดการ​น้ำ​ก็​ไป​เถิด​!

ผู้​สูงส่งไม่มีอะไร​ให้​ต้อง​รู้สึก​อับอาย​

ใน​เมื่อ​เป็น​พวกเขา​ที่​ต้อง​เป็น​ฝ่าย​ขอโทษ​คน​ตระกูล​ซ่ง เช่นนั้น​ก็​ตั้งใจ​ตอบแทน​น้ำใจ​พวกเขา​สักครั้ง​ก็แล้วกัน​

ส่วน​เสาจิ่น​นั้น​ คิดไม่ถึง​ว่าด้วย​อายุ​ที่​ยัง​น้อย​อยู่​นั้น​ นาง​จะเป็น​คน​ที่​มีความคิด​เป็น​ของ​ตัวเอง​ผู้​หนึ่ง​

ไม่แปลกที่​คราวก่อน​ตอนที่​นาง​ทดสอบ​นาง​นั้น​นาง​จะตัดสินใจ​ได้​อย่าง​แน่วแน่​เช่นนั้น​ ที่แท้​ก็​เพราะ​ตัดสินใจ​เลือก​เอาไว้​ตั้ง​นาน​แล้ว​นี่เอง​

เด็ก​ผู้​นี้​ก็​ไม่ธรรมดา​เช่นกัน​…

ก็​เท่ากับ​ว่า​นาง​หนุนหลัง​คน​สอง​คน​นี้​แล้ว​

รอ​ให้​หน้าที่​การงาน​ของ​เจ้าสี่กำหนด​ออกมา​เป็นที่​เรียบร้อย​แล้ว​ ก็​จะส่งคน​ไป​พูด​เรื่อง​งานแต่ง​ที่​ตระกูล​โจว​

ที่​เจ้าสี่กล่าว​มาก็​ถูก​ เมื่อ​เขา​มีตำแหน่ง​เป็น​ขุนนาง​แล้ว​ ตระกูล​โจว​ก็​จะให้เกียรติ​เขา​มากยิ่งขึ้น​ ไม่แน่​ว่า​งานแต่ง​ใน​ครั้งนี้​อาจจะ​ประสบความสำเร็จ​ได้​อย่าง​ราบรื่น​ก็​เป็นได้​!

จัด​พิธี​มงคล​ช่วง​ฤดูใบไม้ผลิ​ปีหน้า​ ปี​ถัดไป​ก็​มีหลานชาย​ตัว​อ้วนจ้ำม่ำ​มาให้​อุ้ม​ผู้​หนึ่ง​แล้ว​…ไม่ได้​ เจีย​ซ่าน​จะแต่งงาน​ช่วง​ฤดูใบไม้ผลิ​ของ​ปีหน้า​…เช่นนั้น​ก็​กำหนดให้​เป็นช่วง​สิ้นปี​ของ​ปี​นี้​ก็แล้วกัน​…เนื่องจาก​เจ้าสี่เป็น​อา​ อีก​ทั้ง​ยัง​อายุ​มากกว่า​เจีย​ซ่าน​ ไม่มีเหตุ​อัน​สมควร​ใด​ให้​คน​เป็น​อา​ยัง​อยู่ตัว​คนเดียว​ขณะที่​หลานชาย​แต่งงาน​ไป​ก่อน​แล้ว​…

ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ครุ่นคิด​อยู่​ใน​ใจ สีหน้า​จึงยิ่ง​ดู​อบอุ่น​มากขึ้น​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “ทาง​ด้าน​ของ​พี่ชาย​ใหญ่​ของ​เจ้านั้น​ เจ้าไม่ต้อง​เป็น​กังวลใจ​ ข้า​จะพูด​กับ​เขา​เอง​ เขา​ไม่กล้า​คัดค้าน​อย่าง​แน่นอน​ ทาง​ด้าน​ของ​ใต้เท้า​ซ่ง ก็​จะให้​เขา​ไป​ทักทาย​สักครั้ง​ ไป​กล่าว​ขอบคุณ​ใต้เท้า​ซ่งสัก​คำ​หนึ่ง​ด้วย​เช่นกัน​ ให้​เขา​ยอมรับ​น้ำใจ​ใน​ครั้งนี้​ของ​ใต้เท้า​ซ่ง”

เฉิงฉือ​มักจะ​รู้สึก​มาตลอด​ว่า​เฉิงจิงผู้​เป็น​พี่ชาย​ใหญ่​นั้น​เป็น​คน​หูเบา​ โอนเอน​เข้าหา​ตระกูล​หยวน​มากเกินไป​ มีบาง​เรื่อง​ที่​ไม่อยาก​ไป​ปรึกษา​เขา​ เรื่อง​ที่​ซ่งจิ่งหรา​น​ชวน​เขา​ไป​รับราชการ​นั้น​ เขา​ก็​ไม่บอก​เฉิงจิง

ปัญหา​เรื่อง​การ​จะนำ​เกียรติ​มาสู่ตระกูล​เฉิงอย่างไร​นั้น​เขา​และ​เฉิงจิงมีความเห็น​ที่​แตก​ต่างกัน​มาโดยตลอด​

ใน​ความเห็น​ของ​เฉิงจิงแล้ว​ ตระกูล​เฉิงและ​ตระกูล​หยวน​เป็น​ญาติ​ที่​เกี่ยวดอง​กัน​ ย่อม​เป็น​พันธมิตร​กัน​โดยธรรมชาติ​อยู่แล้ว​ อีก​ทั้ง​หยวน​เหวย​ชางยัง​เป็น​หัวหน้า​สภาขุนนาง​ ไม่ว่า​จะด้วย​เหตุ​หรือ​ผล​ตระกูล​เฉิงก็​ควร​เดินตาม​การนำ​ของ​ตระกูล​หยวน​

แต่​ใน​มุมของ​เฉิงฉือ​ ด้วย​เหตุ​เพราะ​ตระกูล​เฉิงและ​ตระกูล​หยวน​เป็น​ญาติ​ที่​เกี่ยวดอง​กัน​ เป็น​พันธมิตร​กัน​โดยธรรมชาติ​อยู่แล้ว​ บางครั้ง​จึงไม่จำเป็นต้อง​ตึง​หรือ​เคร่งเครียด​ไป​เสีย​ทุกอย่าง​ ควรจะ​ลอง​ไป​หยั่งเชิง​สร้างความสัมพันธ์​กับ​ขุนนาง​ท่าน​อื่น​ใน​สภาดู​บ้าง​ หา​โอกาส​ไป​แสดง​จุดยืน​ของ​ตัวเอง​ แสดงความคิดเห็น​ด้าน​การเมือง​การปกครอง​ของ​ตัวเอง​ ถือโอกาส​สลัด​สถานะ​พันธมิตร​เช่นนั้น​กับ​ตระกูล​หยวน​ออก​ไป​ ยืน​อยู่​ตรงกลาง​ระหว่าง​ขุนนาง​แต่ละ​ท่าน​ใน​สภา

แต่​เฉิงจิงไม่เห็นด้วย​

รู้สึก​ว่า​เฉิงฉือ​นั้น​ไร้เดียงสา​และ​บ้าบิ่น​ประหนึ่ง​ม้าจาก​สรวงสวรรค์​ที่​ทะยาน​ผ่าน​ฟากฟ้า​ ไม่ได้​เป็น​คน​ดูแล​บ้าน​ย่อม​ไม่รู้​ว่า​ฟืน​ไฟข้าวสาร​น้ำมัน​และ​เกลือ​นั้น​แพง​เพียงใด​

เฉิงฉือ​รู้สึก​ว่า​เฉิงจิงนั้น​กลัว​ที่จะ​เสียชื่อเสียง​ จน​ไม่คิด​ที่จะ​พยายาม​ก้าวหน้า​และ​ประสบความสำเร็จ​

แม้น​ระหว่าง​พี่น้อง​จะไม่ได้​พูด​เรื่อง​นี้​ออกมา​อย่าง​ชัดเจน​ แต่​ก็​เผย​ออกมา​ให้​เห็น​เป็นนัย​ผ่าน​การกระทำ​ เพียงแต่ว่า​ยัง​ปิดบัง​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​เอาไว้​ และ​ยัง​ไม่มีโอกาส​ได้​เปิดเผย​เรื่อง​นี้​ก็​เท่านั้น​

ถ้าเฉิงจิงรู้​ว่า​เฉิงฉือ​รับ​ความช่วยเหลือ​ของ​ซ่งจิ่งหรา​น​ล่ะ​ก็​ ไม่ต้อง​คิด​เฉิงฉือ​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​ เฉิงจิงไม่เพียง​คัดค้าน​อย่าง​แข็งขัน​ ยัง​จะทำเป็น​หูหนวก​ไม่รับรู้​สิ่งที่​เขา​จะอธิบาย​ ทั้ง​ให้​คำแนะนำ​และ​วางแผนการ​ให้​เขา​อย่าง​ที่​ตัวเอง​ต้องการ​ จัดเตรียม​ตำแหน่ง​ที่​เห็น​ว่า​จะเป็นประโยชน์​ต่อ​อนาคต​ของ​ตัวเอง​ที่สุด​ให้​เขา​ตำแหน่ง​หนึ่ง​ และ​อาจจะ​เรียก​เขา​ไป​สั่งสอน​ด้วย​อีก​คำรบ​หนึ่ง​ ให้​เขา​อย่า​ติดต่อ​กับ​ซ่งจิ่งหรา​น​อีก​ เพราะ​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​ซ่งจิ่งหรา​น​และ​หยวน​เหวย​ชางนั้น​ค่อนข้าง​ตึงเครียด​เล็กน้อย​ หาก​เขา​ใกล้ชิด​กับ​ซ่งจิ่งหรา​น​มากเกินไป​ อาจ​ทำให้​คน​คิด​ว่า​พวกเขา​สอง​พี่น้อง​กำลัง​เล่น​ละคร​ ประจบสอพลอ​ทั้งสอง​ฝั่ง ไม่มีจุดยืน​ของ​ตัวเอง​…ใน​ท้องพระโรง​แห่ง​นี้​ นอกจาก​กลัว​ว่า​จะยืน​ผิด​ฝั่งแล้ว​ ยัง​กลัว​ว่า​คน​ที่​เป็น​นักฉวยโอกาส​ลู่​ไหว​ไป​ตาม​ลม​นั้น​จะล้ม​ทั้งสองฝ่าย​ด้วย​…

คราวก่อน​ตอนที่​ซ่งจิ่งหรา​น​เสนอ​ให้​เขา​รับราชการ​นั้น​ เฉิงจิงก็​เรียก​เขา​ไป​สั่งสอน​แล้ว​คำรบ​หนึ่ง​

เฉิงฉือ​นึกถึง​เรื่อง​พวก​นี้​แล้วก็​เบะ​ปาก​อย่าง​ไม่เห็นด้วย​

ความบาดหมาง​ระหว่าง​ซ่งจิ่งหรา​น​และ​หยวน​เหวย​ชางนั้น​เฉิงฉือ​ทราบ​ดี​

หยวน​เหวย​ชางเป็น​หัวหน้า​สภาขุนนาง​ ได้​ชื่อว่า​เป็น​คน​ไหล​ลื่น​เข้าสังคม​เก่ง​ มีความสัมพันธ์​จำนวนมาก​ที่​ต้อง​รักษา​ให้​อยู่​ใน​สมดุล​ ส่วน​ซ่งจิ่งหรา​น​ดูแล​กรม​การคลัง​ มีชื่อเสียง​เป็นเลิศ​ด้าน​การคำนวณ​ว่า​จี้เซียง​ หยวน​เหวย​ชางต้องการ​ขอให้​ซ่งจิ่งหรา​น​ให้​อภิสิทธิ์​แก่​เขา​ มาขอให้​จัดสรรเงิน​ให้​เหล่า​เสนา​อำมาตย์​ ลูกศิษย์ลูกหา​ เจ้าเมือง​และ​ข้าหลวง​ทั้งหลาย​ของ​เขา​ให้​เร็ว​ขึ้น​สักหน่อย​หรือไม่​ก็​จัดสรร​ให้​มาก​สักหน่อย​ เนื่องจาก​ซ่งจิ่งหรา​น​เป็น​ขุนน้ำขุนนาง​คน​หนึ่ง​ ก็​มีนิสัย​และ​อารมณ์​ของ​ตัวเอง​เช่นกัน​ ไม่จำเป็นต้อง​ไว้หน้า​หยวน​เหวย​ชางทุกครั้ง​ไป​ เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน​วัน​เข้า​ หยวน​เหวย​ชางก็​บังเกิด​ความคิด​อยาก​จะต่อต้าน​ซ่งจิ่งหรา​น​ แต่​ไม่อาจ​ทัดทาน​ที่​ซ่งจิ่งหรา​น​เป็นที่​โปรดปราน​ของ​องค์​ฮ่องเต้​ เป็น​คน​ที่​หยั่งถึง​ความคิด​ของ​องค์​เหนือ​หัว​ได้​ บวก​กับ​ที่​หยวน​เหวย​ชางก​ระ​ทำ​เรื่อง​นี้​ได้​ไม่รัดกุม​พอ​ ถูก​ซ่งจิ่งหรา​น​จับ​ได้เสีย​ก่อน​

จึงถือได้ว่า​ทั้งสอง​คน​เป็น​อริ​กัน​ตั้งแต่​นั้น​เป็นต้นมา​

ได้ยิน​มารดา​บอ​กว่า​จะให้​พี่ใหญ่​ยอมรับ​น้ำใจ​ของ​ซ่งจิ่งหรา​น​แล้ว​ เฉิงฉือ​ก็​หัวเราะ​ร่า​ รู้สึก​เบิกบาน​ที่จะ​ได้​เห็น​สิ่งที่​กำลังจะ​เกิดขึ้น​

พี่ใหญ่​ใกล้ชิด​สนิทสนม​กับ​ตระกูล​หยวน​มากเกินไป​แล้ว​ ถึงเวลา​สร้าง​ความร้าวฉาน​สัก​เล็กน้อย​เพื่อให้​เขา​กลับมา​ทบทวน​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​ตระกูล​เฉิงและ​ตระกูล​หยวน​ใหม่​แล้ว​!

ดังนั้น​ตอนที่​เฉิงจิงและ​หยวน​ซื่อ​มาคารวะ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ ตอนที่​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​เอ่ยถึง​เรื่อง​นี้​ขึ้น​มา ตอนที่​เฉิงจิงมอง​เฉิงฉือ​ด้วย​ความประหลาดใจ​อย่าง​ปิดไม่มิด​นั้น​ เฉิงฉือยก​จอก​น้ำชา​ขึ้น​มาแล้ว​ค่อยๆ​ จิบ​ชาไป​คำ​หนึ่ง​

ยามดอกวสันต์ผลิบาน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน

Score 10
Status: Completed

ในยามที่ โจวเสาจิ่น เด็กสาวจากตระกูลโจวผู้แสนอ่อนหวานและว่านอนสอนง่ายถูกชายคนรักที่นางไว้ใจหักหลังคร่าชีวิต นางได้แต่ภาวนาร้องขอโอกาสที่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

หากนางสามารถย้อนเวลากลับไปได้ นางจะหนีไปให้ห่างไกลจากบุรุษจอมเสแสร้งอย่างเขา นางจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกย่ำยีอย่างน่าอดสู จะไม่ทำให้ตระกูลต้องอับอายขายขี้หน้า ไม่มีวันทำให้พี่สาวผู้แสนอ่อนโยนหัวใจแตกสลาย ขอแค่โอกาสอีกเพียงสักครั้ง…

ดูเหมือนสวรรค์จะสดับฟังคำอธิษฐานก่อนสิ้นใจของนาง ท่ามกลางค่ำคืนอันแสนสงบปราศจากเค้าลางของพายุ โจวเสาจิ่นสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้ายและพบว่าตนได้ย้อนเวลากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งราวปาฏิหาริย์ในร่างเดิมวัยสิบสองปี!

ด้วยประสบการณ์อันขื่นขมที่นางได้เผชิญมาในชาติก่อน หญิงสาวตั้งปณิธานว่าจะต้องหาทางแก้ไขชะตาชีวิตของตนเองและของตระกูลในชาตินี้ให้ได้ ไม่มีอีกแล้วเด็กสาวที่ขี้ขลาดและอ่อนแอ แม้แต่ดอกไม้ก็ยังไม่กล้าเด็ดคนนั้น ได้เวลาที่นางต้องยืนหยัดลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเองแล้ว

Options

not work with dark mode
Reset