กลับเป็นฮ่องเต้ที่อดจะทอดพระเนตรดูอีกให้มากขึ้นอีกนิดไม่ได้
เมื่อได้ทรงเห็นคนหนุ่มสาวจำนวนมากสวมใส่ชุดฮั่นฝูและตึกรามบ้านช่องแบบโบราณก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมากนัก
ชั่วขณะหนึ่งจึงรู้สึกเหมือนกับว่าได้ย้อนกลับไปยังต้าโจว
ประวัติศาสตร์ของโลกปัจจุบันและโลกโบราณไม่เหมือนกัน….ที่นี่ก็มีเมืองหลวงโบราณที่เคยมีผู้ครองแคว้นแซ่จี…..แต่ก็ไม่เหมือนกับต้าโจวของพวกเขา
เรื่องสามารถเข้าใจได้….เพราะโลกปัจจุบันกับโลกโบราณเป็นคู่เสมือนในมิติที่ต่างกัน
ต่างก็มีประวัติศาสตร์ของตนเอง มีทั้งจุดที่เหมือนและแตกต่าง
ดังนั้นจีเฉวียนย่อมไม่อาจเห็นการล่มสลายของต้าโจวของพระองค์จากในโลกปัจจุบันได้
ตู๋กูซิงหลันขับรถไปจนถึงโรงถ่ายทำ 《พระสนมคลั่ง》
จอดรถตรงตำหนักแห่งหนึ่งที่มีป้ายว่า ‘ตำหนักอ๋อง’
ตำหนักอ๋องแห่งนี้คือบ้านหลังแรกของนางเอกและนางรอง…..ตำหนักจ้านอ๋อง
ตู๋กูซิงหลันพึ่งจะไปถึงก็เห็นรอบตำหนักจ้านอ๋องรายล้อมเอาไว้ด้วยนักข่าวมากมายชนิดน้ำก็ยังไหลไม่ออกเลย
เพราะนับตั้งแต่ที่ตู๋กูซิงหลันกลับเข้าสู่วงการก็ยังไม่เคยให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการมาก่อนเลย …..ดังนั้นจึงมีพวกนักข่าวจำนวนมากแอบเข้าไปถ่ายรูปที่หุบเขาปีศาจ
แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หุบเขาปีศาจนั่น คล้ายจะมีผีอยู่จริงๆ
พอพวกเขาเข้าไป ก็หลงทิศหลงทาง แถมยังโดนผีหลอกอยู่หลายครั้ง……
สุดท้ายแม้แต่บ้านพักร้อนของเยี่ยซิงหลันก็ยังหาไม่พบ
ก็เพราะว่าได้ยินข่าวว่านางรับละครเรื่องใหม่…..แต่ละคนจึงรีบร้อนมาเฝ้ากันใหญ่
อย่าว่าแต่…..พอนางกลับมาจากที่หายตัวไปสองปี ก็รับเล่นละครประกบคู่กับอดีตเพื่อนสนิท….
ราชินีจอเงินคนใหม่ซ่งเจียงเสวี่ยกับอดีตราชินีจอเงินเยี่ยซิงหลันจะเล่นละครเรื่องเดียวกัน….
แค่คิดก็ระเบิดเป็นพลุแล้ว
ที่นี่มีแฟนคลับของเยี่ยซิงหลันมารออยู่ไม่น้อย ……แต่ละคนต่างก็ถือป้าย ‘ลูกพี่หลันเอ็นดูเราด้วย’ ‘ลูกพี่หลัน พวกเรารักคุณ’ ‘พวกเราเชื่อมั่นในตัวคุณ’ ต่างก็มาให้กำลังใจนางด้วยกันทั้งนั้น
แฟนคลับในโลกปัจจุบันนั้นยึดมั่นในความรักและความชื่นชมดาราของตนอย่างเหนียวแน่น ช่วงก่อนหน้านี้พอมีข่าวฉาวและใส่ความต่างๆออกมา…..แฟนคลับต่างก็โกรธแค้นกันจนแทบจะระเบิด
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาล้วนตัดสินใจที่จะสนับสนุนเยี่ยซิงหลันต่อไป รักนาง ปกป้องนาง!
ตู๋กูซิงหลันมองดูแฟนคลับของตนเองผ่านหน้าต่างรถ ในใจก็อดที่จะอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้
นับตั้งแต่ที่นางถูกสาดสีใส่ข่าว ก็ไม่เคยออกมาแก้ตัวอะไรแม้แต่คำเดียว แต่ว่าแฟนคลับเหล่านี้กลับเชื่อมั่นในตัวนางอย่างไม่มีข้อแม้ …..สำหรับนางแล้ว นี่นับเป็นความอบอุ่นใจอย่างหนึ่ง
ความรู้สึกที่มีคนเชื่อมั่น รักใคร่ ช่างมีค่าเป็นอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้และท่านอาจารย์ต่างก็มองดูแผ่นป้ายเหล่านั้นผ่านหน้าต่างด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น
สีหน้าของพวกเขาซีดขาว กล่าวอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว…….เพราะกำลังกลั้นอาเจียนอย่างเต็มที่
มีแต่วิญญาณทมิฬที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมาว่า “ตัวน่ารักอย่างข้าก็เคยบอกเอาไว้แล้วนิว่า ศัตรูความรักมีเยอะแยะมากมาย….”
ใช่แล้ว ศัตรูความรักของท่านอาจารย์ไม่ได้มีแต่ฮ่องเต้สุนัขเพียงผู้เดียว …..ลองหันไปดูเหล่าแฟนคลับพวกนั้นสิ
ทั้งชายหญิงผู้ใหญ่เด็กล้วนมีหมด…..ในบรรดาคนเหล่านั้นยังมีมหาเศรษฐีที่เป็นคนใหญ่คนโต
มารอทักทายหลันหลันด้วยตนเองอีกด้วย
หันไปอีกด้านเป็นกลุ่มแฟนคลับของซ่งเจียงเสวี่ย….ดูเป็นพวกผู้ชายลามก……ราวกับพวกซอมบี้ติดยา
พวกแฟนคลันของซ่งเจียงเสวี่ยทางด้านโน้นมีจำนวนค่อนข้างมากอยู่เหมือนกัน….แต่ว่าการแสดงพลังไม่ค่อยแข็งขันเท่าไหร่
พอมาเปรียบเทียบกันแบบนี้ ก็ดูออกเลยว่าใครได้รับความนิยมจากคนหมู่มาก ใครเป็นที่รักของผู้คนมากกว่ากัน
Sherry ที่หรี่ตาหยี มองออกไปแวบเดียวก็เห็นเฌอรี่QQที่เก่าๆของตู๋กูซิงหลันจอดอยู่ท่ามกลางรถคันอื่นๆ ก็รีบตาลีตาเหลือกออกมา คิดจะพานางลัดเลาะไปทางเล็กๆในวัดด้านข้าง
“ทูนหัว! บริษัทจัดส่งรถพี่เลี้ยงไปรับ…..ทำไมถึงได้ขับรถมาเองล่ะ?” Sherry กรีดนิ้วดุจดอกกล้วยไม้เคาะลงไปบนกระจกหน้าต่าง ขยับกรอบแว่นตาสีทอง กระซิบกระซาบเสียงเบา
พอพึ่งจะพูดจบก็รู้สึกว่าร่างกายหนาวยะเยือกขึ้นมาทั้งร่าง
พอกวาดตามองไป ก็เห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับก็คือพ่อคุณทูนหัว (พ่อคุณคุณพี่เขย)
…………………….
ไอ้หนุ่มหน้าขาวคนนี้ไม่เพียงแต่จะกินจะนอนก็ต้องให้ตู๋กูซิงหลันคอยเลี้ยงดู นี่ยังตามติดเป็นแมลงวันตอมก้น ไปไหนมาไหนด้วยตลอดเลยหรือ?
ดูใบหน้านั่นสิ ว่าตามจริงนะ…..ทูนหัวไม่ยอมให้เขาเข้าสู่วงการบันเทิงช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ
พอSherryมองดูจีเฉวียนเต็มตา ก็หันไปมองดูคนที่นั่งอยู่ด้านหลังอีกคน
ชุดสีม่วงแบบตะวันตก ทรงผมเสยไปด้านหลังที่ให้กลิ่นอายโบราณ…..เนื่องเพราะแสงสว่างด้านหลังมืดมากเกินไป Sherry จึงมองไม่เห็นรูปหน้าของเขาได้ชัดนัก
แต่จากเค้าโครงที่มองดู ก็เข้าใจว่าไอ้หนุ่มหน้าขาวคงจะพาพี่หรือน้องชายของตนมาด้วย
ก็ดูจากรูปร่างและโครงหน้า …….หากบอกว่าคนทั้งสองไม่ใช่พี่ชายน้องชายกันละก็ Sherryหวัง ก็จะขอเขียนชื่อแซ่กลับข้างเลยแล้วกัน!
“ทูนหัว…..ฉันก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ…..เธอเลี้ยงดูผู้ชายคนหนึ่งก็ถือว่าเสียเปรียบมากแล้ว…..แล้วนี่ยังจะเอาพี่น้องเค้ามาเลี้ยงดูด้วยอีกหรือ?”
Sherry ปวดใจแทนตู๋กูซิงหลันจริงๆ
เขายังไม่รู้เรื่องที่เมื่อวันก่อนทูนหัวของตนเองต่อยกำแพงจนเป็นรูโบ๋………
ช่วงนี้เขากำลังวุ่นวายกับการหาหนทางช่วยนาง ‘ล้างข่าว’ รวบรวมข้อมูลต่างๆเพื่อมา จัดการกับคนที่เผยแพร่ข่าวลือ คืนความยุติธรรมให้กับนาง
ตู๋กูซิงหลันส่ายหน้า พลางหัวเราะ “ไม่ใช่…..ฉัน….”
คำพูดยังไม่ทันหลุดจากปาก ก็ไม่รู้ว่าใครที่อยู่ในหมู่ฝูงชนตะโกนขึ้นมาว่า “ดูนั่นเร็ว นั่นเยี่ยซิงหลัน!”
ทันใดนั้น เหล่านักข่าวและแฟนคลับที่รายล้อม ‘ตำหนักจ้าน’ เอาไว้ชนิดที่น้ำก็ยังไหลไม่ผ่านต่างก็วิ่งมาทางนี้อย่างบ้าคลั่ง
ทางเล็กๆด้านหน้าที่เยื้องไปทางขวาก็มีคนหนุ่มสาวในชุดฮั่นฝูวิ่งออกมามากมาย ตู๋กูซิงหลันถึงกับไม่สามารถก้าวเท้าออกจากประตูได้แม้แต่ก้าวเดียว
เพียงแค่ครู่เดียว รถเฌอรี่QQของนางก็ถูกรายล้อมเอาไว้เรียบร้อย
แม้แต่ Sherry ก็ยังพลอยถูกผลักออกไปด้วย
เขาแทบจะกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว จนได้แต่รีบล้วงเอายาน้ำตราคุณนายหลับง่ายสบายใจออกมากรอกลงไปขวดหนึ่งถึงได้ค่อยหายใจโล่งขึ้นมาบ้าง
“เยี่ยซิงหลัน……ผมคือนักข่าวXX ขอถามคุณหน่อยว่า ที่กลับเข้ามาวงการบันเทิงอีกครั้งหลังจากที่หายตัวไปสองปี คุณมีอะไรจะบอกกับแฟนคลับและคนอื่นๆบ้างไหมครับ?”
“ช่วงนี้ในอินเตอร์เน็ตมีข่าวออกมาว่าคุณถูกคุณชายใหญ่Zทอดทิ้ง ก็เลยจำเป็นต้องออกมาหางานทำใหม่อีกครั้ง…..เรื่องนี้จริงหรือเปล่าครับ?
“เมื่อหลายปีก่อน คุณใช้วิธีการต่างๆมากมายเพื่อข่มทั้งนักแสดงหญิงในวงการ ผู้กำกับหลิวXX ดาราชายแซ่พานXXก็ฆ่าตัวตาย นั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“เพื่อความโด่งดัง คุณไม่เสียดายที่ต้องเอาร่างกายเข้าแลก จนมีข่าวคาวกับคนในวงการบันเทิงและนักธุรกิจหลายต่อหลายคน…..”
นักข่าวมากมายเคาะหน้าต่างรถเสียงดังโป๊กๆ ทุกคำถามล้วนแล้วแต่เป็นข่าวฉาวที่โจมตีตู๋กูซิงหลันทั้งนั้น
ตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เหลือบไปเห็นว่าฮ่องเต้สุนัขและท่านอาจารย์…..กำจายกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกออกมาทั่วร่าง
ทั้งๆที่เป็นหน้าร้อนแท้ๆ แต่ว่าทั่วทั้งรถเฌอรี่QQที่ผุๆพังๆกลับมีสภาพเหมือนถูกหิมะแช่งแข็งอย่างไรอย่างนั้น
นักข่าวทั้งหลายอดที่จะรู้สึกหนาวๆวูบวาบขึ้นมาไม่ได้จนต้องถอยออกไปเล็กน้อย
ในตอนนั้นเองพวกเขาจึงถูกแฟนคลับของเยี่ยซิงหลันขับไล่ออกไป
“พวกแกมันนักข่าวไร้จรรยาบรรณ วันๆเอาแต่กุข่าวเล่าเรื่อง”
“จริงด้วย! พี่หลันของพวกเราตั้งแต่เข้าวงการมา ก็บริสุทธิ์ผุดผ่อง คนรวยๆตั้งมากตั้งมายคิดจะถือรองเท้าให้นางยังไม่คู่ควรเลย!”
“ขอโทษทีนะ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ตกเป็นข่าวลือ เพื่อจะได้เชิญคุณหลันไปทานข้าวด้วยสักมื้อ ผมไล่ตามเธอมาแล้วครึ่งค่อนโลก ……หากว่าคุณหลันตัดสินใจจะใช้ร่างกายแลกเงินเมื่อไหร่ ต่อให้ต้องทุ่มสมบัติจนหมดตัวผมก็เต็มใจ”
……………..