น้ำเสียงของนางคล้ายจะย้อมไปด้วยเลือด ยามได้ยินที่ริมหู ก็เหมือนดังสายลมในหิมะที่พัดกลางฤดูหนาวพลิ้วผ่านต้นคอออกไป
เมื่อครู่เยี่ยเฉินยังคงมุ่งหวังจะครอบครองจิตมังกรทมิฬในร่างของนางอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว
จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนจะฉี่ราด!
เมื่อครู่เขามองไม่เห็นเลยว่าตู๋กูซิงหลันมาถึงเบื้องหน้าของเขาได้อย่างไร!
ผู้ที่ได้ครอบครองพลังของจิตมังกรทมิฬจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นน่าตื่นตระหนกถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เยี่ยเฉินไม่อยากจะเชื่อ!
เขากุมง้าวมังกรเอาไว้แน่น ขยับร่างไล่ฟาดเงาร่างของตู๋กูซิงหลัน
ง้าวมังกรยังคงสร้างร่างจิตของถูซีออกมา มันร้องคำรามดั่งจะทำลายตู๋กูซิงหลันให้เป็นผุยผง
ในขณะเดียวกันดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันก็ฟันลงมาสั่งสอนมัน
ดาบนี้พอฟันออกไปก็เห็นจิตของดาบยักษ์แปลงเป็นมังกรสีเงินยวงขนาดใหญ่ มังกรยักษ์ตัวนั้นอ้าปากกว้างกลืนกินถูซีของเยี่ยเฉินลงไป
มังกรยักษ์กลืนกินถูซีที่มีขนาดราวภูเขาเล็กๆลูกหนึ่งลงไปก็เรอขึ้นมาเบาๆครั้งหนึ่ง
ดวงตาสีเงินยวงของมังกรหลุบลงเล็กน้อย สีหน้าอิ่มเอมเปรมปรี
ในขณะเดียวกันบนตัวดาบของดาบยักษ์ก็เพิ่มลวดลายถูซีตัวเล็กๆขึ้นมาอีกลายหนึ่ง
ง้าวมังกรในมือของเยี่ยเฉินแตกสลายกลายเป็นฝุ่นธุลี
เยี่ยเฉิน “……..”
เขาแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา!
ตู๋กูซิงหลันตกตะลึงไปเล็กน้อย ดาบยักษ์ของพี่ใหญ่…..ดูเหมือนจะน่าเกรงขามกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้เสียอีก
มังกรตัวนี้ทำไมถึงได้ดูแล้วคุ้นตานัก…..ถึงแม้ว่านางจะไม่เคยเห็นบิดากลายร่างเป็นมังกรมาก่อน แต่พอได้มองดูมังกรตัวนี้…..ก็รู้สึกว่าช่างคล้ายคลึงกับบิดาคนงามอย่างยิ่ง
บิดาคนงามทำสิ่งใดลงไปกันแน่?
พอเยี่ยเฉินได้สติขึ้นมา ก็เห็นมังกรสีเงินยวงที่ดาบยักษ์จำแลงขึ้นมาค่อยๆเลือนหายไป
ตู๋กูซิงหลันสะบัดปลายดาบลงไป นัยตาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าจะสับเขาให้เป็นสองส่วน!
ในตอนนั้นเอง กางเกงท่อนล่างของเขาก็เพิ่มรอยเปียกชื้นขึ้นมา เปียกชื้นจนชุ่มโชกไปหมดอย่างไม่อาจควบคุมได้
ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย เขาถึงกับ…..ฉี่ราดแล้ว?
เยี่ยเฉินไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเรื่องนี้คือความจริง เขาเชื่อว่าจิตใจของเขาแข็งแกร่งอย่างที่สุด แต่ว่าร่างกายกลับซื่อสัตย์กว่ามาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเฉียดตายตรงหน้า ร่างกายก็ไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป
ยังโชคดี….ที่เขาสวมใส่เสื้อผ้าสีดำ คนอื่นย่อมมองไม่เห็น
เพียงแต่กลิ่นหึ่งที่เสียดแทงจมูกนั่นจะอย่างไรก็ไม่อาจกลบเกลื่อนได้ ริมฝีปากสีแดงของตู๋กูซิงหลันขยับอย่างเย็นชา น้ำเสียงก็เย็นยะเยือก
“อ๋อ? ตกใจจนฉี่ราดงั้นหรือ?”
ซุ่มเสียงของนางไม่ได้ดัง แต่ว่ากลับสะท้อนไปทั่วทุกหลืบมุมของวัง จนทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน
องค์ไท่จื่อของพวกเขา ….กลับถูกลูกนอกสมรสผู้หนึ่งทำให้ตกใจจนฉี่ราด?
พวกเขาทั้งตื่นตระหนกทั้งละอาย ในยามนี้จึงไม่มีใคร….กล้าเข้าไปให้ความช่วยเหลือองค์ไท่จื่อแม้แต่คนเดียว
สตรีผู้นี้คือมารปีศาจ แม้แต่ดาบยักษ์ของนางก็มิใช่อาวุธธรรมดา!
ก่อนหน้านี้จะต้องมีพลังอำนาจบางอย่างปกปิดความพิเศษของมันเอาไว้อย่างแน่นอน …….ถึงได้ทำให้ทุกคนต่างเข้าใจผิดไปว่าดาบนั้นเป็นเพียงแค่อาวุธธรรมดาของพวกมนุษย์
เมื่อครู่นี้ตอนที่จิตของดาบกลายเป็นมังกร พวกเขาต่างก็ได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า นั่นก็คือราชามังกร
คำพูดของตู๋กูซิงหลัน เยี่ยเฉินไร้หนทางจะปฏิเสธ ชั่วขณะนั้น ร่างของเขาคล้ายดั่งจะถูกผนึกเอาไว้ ฝ่าเท้าหนักขึ้นอีกเป็นพันชั่ง ทั้งยังถูกรังสีจากดาบยักษ์และความอหังการของตู๋กูซิงหลันกดดันจนขยับไม่ได้
ได้แต่รอให้ตู๋กูซิงหลันบุกเข้ามาฟาดฟัน
ชั่วขณะที่ดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันกำลังจะฟันลงมาบนกระหม่อมของเขานั้น สายลมที่รุนแรงหอบหนึ่งก็โหมเข้ามา
สายลมแต่ละระรอกรุนแรงดั่งคมดาบลม ฉีกทำลายยันต์สีเหลืองของตู๋กูซิงหลันจนขาดวิ่น
ดาบลมเหล่านั้นยังสาดประกายของสายฟ้าฟาดออกมาด้วย
มันทำลายข่ายยันต์สีเหลืองของตู๋กูซิงหลันลงจนหมดสิ้น
จากนั้นก็เห็น หวาชางสุ่ยเหินลงมานางสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีเงิน บนศีรษะเกล้ามวยทรงสูง ปักปิ่นหงส์ประดับหยกชิ้นหนึ่งเอาไว้
นางมาถึงเบื้องหลังของเยี่ยเฉินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กำบังเขาเอาไว้ที่ด้านหลัง
ในมือของนางมีพัดวายุ นัยตาสีน้ำเงินครามนั้นจับจ้องตู๋กูซิงหลันด้วยแววเนตรเ**้ยมโหด
ขณะที่มองไปยังดาบยักษ์ในมือของนางด้วยเช่นกัน…..
ความลำเอียงของเยี่ยจ้านทำให้นางถึงกับหมดสิ้นขีดจำกัดไปแล้ว
อยู่ๆนางก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนที่เยี่ยเฉินกลับมายังก้นทะเลลึกนั้น …..เขามังกรบนศีรษะของเขาหายไปข้างหนึ่ง
นางเข้าใจมาตลอดว่าเขาไปเผชิญหน้ากับเทพไท้บนสวรรค์ชั้นฟ้า ถึงได้ถูกตัดเขามังกรไปข้างหนึ่ง
แต่คิดไม่ถึงว่า…..เขาจะอุทิศเขามังกรของตนเองมาเป็นโลหะวัตถุเพื่อสร้างยอดศาสตราวุธขึ้นมาด้วยตนเอง…..
ไม่เพียงแต่จะมีพลังโจมตีและพลังป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างที่สุดเท่านั้น แต่ว่ายังถ่ายทอดพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งของเขาลงไปด้วย……พลังดูดซับจิตวิญญาณ
นี่จึงสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมดาบเล่มนั้นถึงได้สามารถดูดซับจิตของกระบี่ผงาดฟ้าและง้าวมังกรของเฉินเอ๋อร์ได้!
เขาไม่เพียงแต่มอบขุมพลังหนึ่งเดียวของจิตมังกรทมิฬให้กับนังแพศยาน้อยนั่น แม้แต่เขามังกรของตนเองก็ยังยกให้มัน!
ทุกสิ่งที่นังเด็กนั่นได้มีและได้เป็นล้วนเป็นเพราะเยี่ยจ้านมอบให้กับมันอย่างไม่มีหวงแหน!
ทำไมเขาถึงได้ลำเอียงเช่นนี้!
นังแพศยาน้อยนั่นเป็นเพียงเศษสวะเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น แม้แต่คุณสมบัติที่จะเหยียบย่างเข้ามาในเผ่ามังกรทมิฬก็ยังไม่มี!
ตู๋กูซิงหลันกุมดาบยักษ์เอาไว้แน่น สองตากวาดมองออกไปอย่างเย็นชา
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเผชิญหน้ากับหวาชางสุ่ยอย่างตรงๆ
เยี่ยเฉินและเยี่ยอิงต่างก็มีส่วนคล้ายคลึงกับนางอยู่มาก แค่ได้เห็นนาง ตู๋กูซิงหลันก็คิดถึงมารดาที่ต้องตายอย่างอนาถขึ้นมา
สีแดงเลือดในแววตาของนางยิ่งเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม นางมองดูหวาชางสุ่ยอย่างเย็นชา “ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว”
หวาชางสุ่ยปกป้องเยี่ยเฉินเอาไว้อย่างจริงจัง ชุดกระโปรงสีครามของนางพลิ้วไหวไปตามสายลม ดวงตาทั้งคู่ของนางจ้องมองอยู่ที่ตู๋กูซิงหลัน
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นตู๋กูซิงหลันใกล้ๆ นังแพศยาน้อยผู้นี้ช่างเหมือนกับตู๋กูชิงชิงไม่มีผิด ต่างก็มีแต่ความจองหองอยู่ทั้งตัวจนทำให้คนอยากอาเจียน
“มารดาของเจ้าแย่งชิงสามีของข้า แย่งชิงบิดาของเฉินเอ๋อร์และอิงเอ๋อร์ไป วันนี้ สายเลือดชั้นต่ำของนางก็ยังจะมาก่อความวุ่นวายในเผ่ามังกรทมิฬอีก เจ้ามันช่าง….ด้านดีนัก”
หวาชางสุ่ยยกตนขึ้นไปอย่างสูงส่ง นางชิงชังรังเกียจตู๋กูซิงหลันไปจนถึงแก่นกระดูก
โดยเฉพาะเรื่องที่นางได้รับสืบทอดพลังของจิตมังกรทมิฬไป
“วาจาไร้สาระช่างมากมาย” ตู๋กูซิงหลันยกดาบยักษ์ชี้ออกไป “เจ้าลองกล้าหยามยันมารดาของข้าดูอีกทีไหม?”
นางบอกเอาไว้แต่แรกแล้ว ว่ามารดาไม่ใช่มือที่สาม! นางไม่เคยกระทำเรื่องทำลายครอบครัวของผู้อื่นมาก่อน ตอนนั้นนางควักลูกตาออกมา คิดถอยออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนั่น กลับบ้านไปดูแลลูกๆใช้ชีวิตอย่างสงบเสี่ยมแล้ว
แต่ว่าหวาชางสุ่ยกลับบีบคั้นนางจนหมดหนทาง ทำให้นางต้องร่างแหลกวิญญาณแตกสลาย!
ตอนนี้ก็ยังจะมาเหยียดหยามนางอยู่อีกหรือ?
ดวงตาของตู๋กูซิงหลันมีแต่หมอกเลือดเข้มข้น นางมาเพื่อแก้แค้น! ไม่ได้มาเพื่อฟังหวาชางสุ่ยลบหลู่มารดา!
ดาบยักษ์พุ่งไปที่ใบหน้าของหวาชางสุ่ย จนนางต้องใช้กระบวนท่า ยกพัดวายุขึ้นมาปัดป้องอย่างกระทันหัน
ได้ยินเสียง ‘ฮึม’ ครั้งหนึ่ง ดาบยักษ์ปะทะกับพัดวายุ จนเกิดระเบิดพลังสะท้อนสะท้านอย่างรุนแรง
ครู่ต่อมาเห็นหวาชางสุ่ยยังยืนอยู่ในที่เดิม
นางคล้ายมิได้รับบาดเจ็บใดๆแม้แต่น้อย เพียงแต่สีหน้าซีดขาวอย่างปราศจากสีเลือดโดยสิ้นเชิง ดวงตาคู่นั้นยังคงหรี่มองตู๋กูซิงหลันอย่างเย็นชา “ที่วันนี้เจ้าสามารถมาเหิมเกริมอยู่ในเผ่ามังกรทมิฬได้ ก็เป็นเพราะว่าเยี่ยจ้านถ่ายทอดพลังส่วนหนึ่งให้กับเจ้า หากว่าไม่มีเขาคอยปกป้อง เจ้ามันเทียบไม่ได้กับมดตัวเล็กด้วยซ้ำ เป็นเพียงเศษสวะเผ่ามนุษย์!”
คำพูดนี้ของนางไม่ได้พูดเพื่อให้ตู๋กูซิงหลันฟัง แต่ว่าเอ่ยออกมาให้เผ่ามังกรทมิฬทั้งหมดได้ยินต่างหาก
ต่อให้ตู๋กูซิงหลันได้รับจิตมังกรทมิฬไป แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่านางเป็นเพียงแค่ชาวเผ่ามนุษย์เท่านั้น
เฉินเอ๋อร์ของนางต่างหากคือผู้สืบสายเลือดที่แท้จริง!
สิ่งที่นางกำลังจะทำ ก็คือการนำสิ่งที่สมควรจะเป็นของเฉินเอ๋อร์กลับมา
หวาชางสุ่ยอ้าปากขึ้นมา กำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่พลันเห็นว่าตู๋กูซิงหลันขยับตัววูบหนึ่งก็มาถึงเบื้องหน้าของนาง ดาบยักษ์ในมือกวาดออกไปด้านข้าง หมัดลุ่นๆข้างหนึ่งก็ซัดใส่ปากของนางในทันที
หลังจากที่คลายสะกดออกไป พละกำลังในร่างของนางก็เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างมหาศาลจนหน้าตื่นตระหนก
แต่ว่าตัวตนในโลกก่อนโน้นของนางก็มิได้อ่อนแอ!
ทั้งหมดนั้นเกิดจากการฝึกฝนด้วยตัวของนางเอง!
ในร่างของหวาชางสุ่ยมีบาดแผลที่ไม่อาจรักษาหายชั่วชีวิต เพราะฉะนั้นหมัดนี้ของตู๋กูซิงหลันนางจึงไม่มีทางหลบได้ทัน ถูกตู๋กูซิงหลันต่อยใส่เต็มปากไปครั้งหนึ่ง
“ข้าย่อมมีความสามารถเพียงพอที่จะรับการสืบทอด หากไม่พอใจ ก็มาทุบข้าสิ?”