เยี่ยเฉินถึงกับโง่งมไปแล้ว!
เขามองดูง้าวมังกรในมือที่ยังไม่ทันได้ฟาดออกไป แล้วก็หันมามองดูเยี่ยอิงที่ถูกผ่าเป็นสองส่วนในอ้อมแขนของตนเอง……
เสื้อผ้าทั้งร่างของเขาถูกเลือดของเยี่ยอิงย้อมจนเป็นสีแดง……เยี่ยอิงถูกกรีดผ่าตั้งแต่ศีรษะจรดหน้าขา ร่างถูกแบ่งครึ่งกลายเป็นสองส่วน!
แม้แต่กระดูกสันหลังยังแหลกละเอียด เครื่องในไหลออกมากองอยู่บนตัวเขา เลือดอุ่นๆที่สาดกระจายจนทั่วร่างของเขาเย็นลงอย่างรวดเร็ว
นางเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!
สวะที่มาจากเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่ง ไยจึงสามารถสังหารนางที่เป็นองค์หญิงผู้สูงส่งจนกลายเป็นสองส่วน?
ร่ายกายของนางยังแข็งแกร่งยิ่งกว่ากำแพงเมือง…….จะถูกผ่าเป็นสองส่วนได้อย่างไร…
เยี่ยอิงไม่หลงเหลือพลังที่จะขบคิดปัญหาอีกต่อไปแล้ว
ร่างกายของนางถูกผ่าออกเป็นสองส่วนไปแล้วแท้ๆ แต่ว่านางก็ยังไม่ตาย จิตวิญญาณคล้ายดั่งถูกกักขังเอาไว้ในร่าง ไม่เคลื่อนออกไปแม้แต่น้อย
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ปากแผลบนร่างกายที่ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนมีไฟสีน้ำเงินกำลังลุกไหม้ขึ้นมา
ไม่รู้ว่าลูกไฟนี้มาจากที่ใด มันค่อยๆเผาไหม้จนลามไปตามร่างกายที่ถูกผ่าของนาง
ทั้งนางกลับยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดนี้ ไฟนั้นคล้ายจะแทรกจากรอยแผลแผดเผาลึกเข้าไปในผิวเนื้อของนาง จนแม้แต่จิตวิญญาณของนางก็ยังถูกแผดเผาไปด้วย แต่ว่านางกลับร้องไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
นังแพศยาน้อยนั่นเป็นตัวปีศาจ!
มันกำลังทรมานนาง! ให้นางไม่อาจส่งเสียง เจ็บปวดก็ไม่อาจบอกออกไป ร่างกายก็ไม่อาจเคลื่อนไหว ให้นางต้องนอนมองดูตนเองถูกแผดเผาไปทั้งๆอย่างนี้…….
ดวงวิญญาณของเยี่ยอิงได้แต่ตะโกนกรีดร้อง แต่ว่านอกจากตู๋กูซิงหลันแล้วก็ไม่มีผู้ใดได้ยินนางทั้งสิ้น
ตู๋กูซิงหลันถูกซื่อมั่วเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มากับมือ อุปนิสัยจึงค่อนไปทางซื่อมั่วอยู่หลายส่วน
ผู้อื่นไม่ทำร้ายข้าข้าก็ไม่ทำร้ายผู้ใด ใครกล้าทำร้ายข้า ต้องทบยอดกลับไปร้อยเท่าพันทวี
ไม่มีผู้ใดเห็นว่า ในตอนที่ร่างของเยี่ยอิงถูกผ่าออกเป็นสองส่วน นางได้ผนึกยันต์สีแดงแผ่นหนึ่งลงไปในร่างของเยี่ยอิง
ตอนนี้นางแข็งแกร่งมากกว่าเดิมจนสามารถใช้ยันต์สีแดงได้วันละสิบใบแล้ว
รอให้ร่างของเยี่ยอิงถูกแผดเผาจนหมดสิ้น วิญญาณของนางก็จะต้องตกนรกขุมที่สิบแปด
มองดูทุกสิ่งที่นางรักทุกสิ่งที่อาลัยทอดทิ้งนางไป มองดูทุกสิ่งที่นางอาวรณ์แตกสลายลงไปตรงหน้านางทุกๆวัน
ท่ามกลางความสิ้นหวังที่ไร้จุดสิ้นสุดนั้น นางจะต้องทนรับความเจ็บปวดจากพันดาบหมื่นกระบี่ ถลกหนังและควักหัวใจ
จนกว่าขุมนรกจะว่างเปล่า ใต้หล้าไม่เหลือผู้ที่ใจดำอำมหิตอีก จึงจะได้รับการปลดปล่อย
แน่นอนว่า ตู๋กูซิงหลันย่อมเหมือนกับซื่อมั่ว มีความโหดเ**้ยมอยู่ในกระดูก
นางไม่ได้เหลือทางรอดเอาไว้ให้เยี่ยอิงเลยแม้แต่น้อย นรกจะปราศจากวิญญาณได้อย่างไร ใต้หล้าหรือจะหมดสิ้นคนไร้น้ำใจ?
ฝีมือในการสาปแช่งเช่นนี้ ย่อมเท่ากับชั่วกัปชั่วกัลป์
ในใจของนางมีทั้งส่วนที่ห่วงใยสรรพชีวิตใต้หล้า และส่วนที่เป็นจอมมารอันโหดเ**้ยม
ทั้งสว่างและมืดมิด
นางกับซื่อมั่วนั้นแม้แต่กระดูกก็ยังเป็นชนิดเดียวกัน
สตรีผู้นี้ เป็นทั้งผู้ปกป้องและผู้ทำลาย!
จุดจบของผู้ที่ต่อต้านนางย่อมเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!
บนหอสูง หวาชางสุ่ยนั่งไม่ติดอีกต่อไปแล้ว นางลุกขึ้นมา เกือบจะลงมือออกไปแล้ว
นางเห็นบุตรสาวของตนเองถูกนังแพศยาน้อยนั้นฟันเป็นสองส่วนกับตา!
พัดวายุในมือถึงกับถูกกำแนบแน่นจนสั่นสะท้าน แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พัดออกไป
“องค์ราชินีเพคะ….องค์หญิงนาง…….” นางกำนัลผู้นั้นก็ตกตะลึงจนวิญญาณหลุดลอยเช่นกัน แต่กลับเห็นว่าหวาชางสุ่ยยังคงอดกลั้นเอาไว้ได้อยู่
“ขอเพียงนางยังเหลือปลายนิ้วอยู่ข้อหนึ่ง ข้าก็สามารถทำให้นางฟื้นคืนมาได้ ไม่ต้องรีบร้อน” หวาชางสุ่ยแววเนตรเย็นชา ถึงจะเอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่ว่าปลายนิ้วของนางกลับสั่นสะท้าน
นางถึงกับก็ต้องทนดูบุตรสาวถูกฟันเป็นสองส่วน ต่อให้จิตใจของนางเข้มแข็งสักเพียงไร หัวใจก็ย่อมไม่อาจทนอยู่เฉยๆได้
นังแพศยาน้อยนั่น…..ปล่อยให้นางได้เหลิงลำพองไป อีกเพียงไม่นาน ตนจะต้องให้นางร่างสลายกระดูกกลายเป็นผง!
ความลำพองของนางจะต้องได้รับค่าตอบแทนอันแสนเจ็บปวด!
เมื่อสิบสองปีก่อน นางบีบคับตู๋กูชิงชิงด้วยตนเองจนต้องกระโดดลงไปในหุบเหวไร้ก้น ตนเองถูกเยี่ยจ้านทุบตีจนปางตาย กลายเป็นบาดแผลที่ไม่อาจรักษาหายขาดไปจนชั่วชีวิต เส้นผมที่ขาวโพลนทั่วศีรษะก็เกิดขึ้นหลังจากที่บาดเจ็บคราวนั้นเป็นต้นมา
พัดวายุเล่มนี้แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ แต่ว่าตอนนี้นางไม่อาจใช้ออกไปได้ตามใจปรารถนา เมื่อครึ่งเดือนก่อนตอนที่ปะทะกับบุรุษเผ่ามนุษย์ผู้นั้น นางใช้มันติดต่อกันไปถึงห้าครั้ง ต้องสูญเสียพลังวิญญาณของนางไปอย่างมากมาย ตอนนี้จึงไม่อาจลงมือได้อย่างง่ายๆอีกต่อไป
นางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างกายได้แต่เหลือบตามองดูนาง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
คนที่เป็นมารดาผู้หนึ่ง กลับสามารถยืนมองดูบุตรสาวของตนเอง….. ยากนักที่นางจะเข้าใจได้ว่าในพระทัยขององค์ราชินีนั้นที่จริงแล้วกำลังทรมานถึงเพียงไร
แต่ว่าก็ยังดีอยู่…..ขอเพียงดวงวิญญาณขององค์หญิงยังไม่สลาย องค์ราชินีย่อมต้องทรงมีวิธี ‘คืนชีพ’ให้กับนางอย่างแน่นอน
นี่คือวิชาลับสุดยอดของเผ่าสวรรค์อันยิ่งใหญ่เกรียงไกร! หมื่นปีก่อนที่จะผละจากเผ่าสวรรค์ลงมาอยู่ในเผ่ามังกรทมิฬนั้น มีแต่องค์ราชินีเพียงผู้เดียวที่รู้จักวิชานี้
……………………..
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยเฉินเองก็พึ่งจะวาง ‘ร่าง’ ของเยี่ยอิงลงไปข้างๆ
ดวงตาสีครามของเขาคู่นั้นทอประกายเอาจริงเอาจังขึ้นมา……
เขาจ้องมองดูชุดสีแดงที่พลิ้วไหวของตู๋กูซิงหลัน เมื่อครู่นี้ เขาพึ่งจะต้องยอมรับว่า ‘น้องสาว’ ผู้นี้ไม่ใช่ผู้ที่สมควรจะไปตอแยด้วย
นี่เป็นสตรีที่มีหนามแหลมคมทั่วร่างผู้หนึ่ง หากไปตอแยเข้า มีแต่จะต้องถูกทิ่มแทงเป็นร้อยเป็นพันแผลเท่านั้น
ความเร็วที่นางใช้ผ่าเสี่ยวอิงเมื่อครู่นั้น รวดเร็วมากเสียจนแม้แต่เขาเองก็ยังไม่ทันได้มีปฏิกริยาใดๆ
กว่าพันปีมาแล้ว นี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่เยี่ยเฉินถูก ‘หยามหมิ่น’ ถึงเพียงนี้
น้องสาวแท้ๆของเขา ถูกฆ่าตายในอ้อมแขนของเขาเอง!
ถึงแม้ว่าเขาจะอยากจะครอบครองตู๋กูซิงหลันมากเพียงใด ตอนนี้ก็คิดแต่จะฉีกนางให้เป็นชิ้นๆเท่านั้น!
จิตมังกรที่อยู่ด้านหลังของเขากลายร่างเป็นมังกรยักษ์ที่ส่งเสียงคำรามกึกก้อง มันก้มศีรษะที่ใหญ่โตลงมา พลางทะยานลงไปในร่างของเยี่ยเฉิน
จากนั้นตลอดท่อนแขนของเขาก็ปรากฏเกล็ดมังกรสีครามขึ้นมามากมาย
บนใบหน้าของเขาก็มีตราประทับมังกร ทั่วทั้งร่างระเบิดพลังที่โหดเ**้ยมออกมา
ง้าวในมือกวัดแกว่งออกไปรอบหนึ่ง ร่างของเขามีประกายสีทองทั่วทั้งร่าง ดวงตาคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่ตู๋กูซิงหลัน ปลายง้าวชี้เข้าใส่หน้าผากของนาง
“เจ้าทำให้ข้าผู้เป็นไท่จื่อพิโรธแล้ว!”
ว่าแล้ว เขาอ้าปากส่งเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
ทันทีที่เสียงนั้นสะท้อนออกไป ผืนแผ่นดินที่พึ่งจะสงบนิ่งก็ต้องสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ตำหนักที่อยู่ห่างไกลออกไปโคลงเคลงจนล้มระเนระนาดลงมา
ชาวเผ่ามังกรทมิฬที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงต่างก็เลือดออกทั้งเจ็ดทวารจนต้องแยกย้ายแตกกระเจิงกันออกไป
องค์ไท่จื่อทรงพิโรธเข้าจริงๆแล้ว
เสียงคำรามของเชื้อพระวงค์ในเผ่ามังกรทมิฬ ……เพียงส่งเสียงครั้งเดียวก็สามารถทำลายเมืองเมืองหนึ่งลงไปได้ ยามนี้แม้แต่วังมังกร องค์ไท่จื่อก็ไม่ทรงคิดจะรักษาเอาไว้อีกแล้ว ต้องการแต่เพียงทำลายสตรีต่ำต้อยผู้นั้นจนแหลกละเอียดเท่านั้น!
เสียงคำรามนี้ ทำให้แสงสีเงินอมดำที่ครอบคลุมอยู่บนร่างของนางสั่นสะท้านจนจางลงไปหลายส่วน
พลังที่แข็งแกร่งนั่นแทบจะสามารถทะลวงผ่านพลังบนร่างเข้าไปถึงชั้นเนื้อและกระดูกของนาง
ทำให้นางสั่นสะเทือนไปทั้งร่างจนถึงกระดูก
เยี่ยเฉินมิได้ให้เวลาแก่นางแม้แต่น้อย มือของเขากำง้าวมังกรเอาไว้พุ่งเข้าไปที่หน้าผากของตู๋กูซิงหลันในทันที
ง้าวมังกรยังไม่ทันมาถึง ก็เห็นพลังที่พุ่งออกมากลายเป็นร่างของแรดขนาดใหญ่ นอที่แหลมคมของแรดพุ่งเข้าทำลายจิตมังกรของบนร่างของนางจนแตกออก
“ไปตายเสียเถอะ” แววตาของเยี่ยเฉินมีแต่ความโหดเ**้ยม ทั้งยังแดงก่ำดุจเลือด
……………………………..
ตอนต่อไป “จับเจ้าได้แล้ว หึ….”