ดาบนั้นแทงลึกลงไปยังแนวกระดูกสันหลังอย่างแม่นยำ ทำเอาลู่กว่างเจ็บปวดจนหลั่งเหงื่อท่วมใบหน้า
จากนั้นก็ค่อยๆแทรกใบมีดลงไปอย่างช้าๆทีละนิ้วทีละนิ้ว
เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าผิวหนังของตนเองถูกกรีดออก เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลังถูกเลาะออกมา
ลู่เวยมองดูอย่างตกตะลึง สตรีผู้นี้จงใจใช่หรือไม่?
จงใจใช้อาวุธของนางไปทำร้ายเสด็จพ่อใช่ไหม?
“เจ้ามันหญิงชั่วใจอำมหิต รู้หรือไม่ว่าทำร้ายราชามังกรมีโทษหนักสถานใด? เผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลจะไม่มีผู้ใดยอมปล่อยเจ้าไป!” ลู่เวยฝืนประคองลมหายใจร้องตะโกนออกมา
ที่นางกังวลไปยิ่งกว่านั้นก็คือจะไม่อาจเอาดาบกระดูกมังกรของนางคืนมาได้…..
หากไม่มีดาบกระดูกมังกร พลังของนางก็จะลดทอนลงไป
ตลอดหลายปีมานี้ที่นางสามารถกลายเป็นผู้เยาว์ที่โดดเด่นของเผ่ามังกรได้นั้น ดาบกระดูกมังกรมีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนนี้หากดาบกระดูกมังกรถูกใช้เลาะกระดูกของเสด็จพ่อ แล้วต่อไปนางจะใช้มันได้อย่างไรกัน?
ถึงแม้ว่านางจะเป็นมังกรทอง…..แต่คล้ายกับว่านางจะแตกต่างจากมังกรทองตัวอื่นๆ
พอฝึกฝนไปจนถึงระดับหนึ่งก็ยากที่จะทะลวงขึ้นไปได้อีก ตั้งแต่เล็กเสด็จแม่ก็ต้องเสาะหาเม็ดยาจำนวนมากมายส่งเสริมการฝึกฝนของนาง ถึงได้ทำให้นางหลบเลี่ยงความบกพร่องที่ไม่เหมาะสมกับฐานะของมังกรทองไปได้
เพื่อจะได้เพิ่มพูนพลังในการฝึกฝน หลายปีมานี้นางจึงกินคนไปไม่น้อย….
ดงนั้นในสายตาของคนภายนอก นางจึงยังคงเป็นมังกรทองอยู่
“แม่นาง ข้าเองก็ขอเตือนเจ้าสักคำ เป็นคนสมควรมีความเมตตาปราณีอยู่บ้าง เจ้าใช้ดาบของเวยเอ๋อร์ไปทำร้ายเสด็จพ่อของนาง นี่มันเป็นจิตใจที่ชั่วช้าเพียงไร?” หลิ่วฮุ่ยรู้ถึงความหมายในวาจาของลู่เวย จึงรีบเอ่ยขึ้นมา
“ดาบนี้มีที่มาอย่างไร ในใจของพวกเจ้ามิใช่รู้ดีอยู่แล้วหรือ?” ตู๋กูซิงหลันกวาดสายตาเย็นชาไปยังสองแม่ลูก ทั้งเย็นยะเยือกทั้งเด็ดขาด
หัวใจของสองแม่ลูกพลันกระตุกขึ้นมา จนใจสั่นสะท้าน แต่ว่าบนใบหน้ายังคงไม่ยอมแสดงสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น
ชือหลีเองก็เห็นดาบในมือของนางแล้ว……นั่นคือกระดูกของตนเอง นางย่อมต้องคุ้ยเคยยิ่งกว่าผู้ใด
นางไม่เคยคิดเลยว่า ……กระดูกของนางจะถูกนำไปหลอมเป็นดาบ!
ตอนนั้นที่ลู่กว่างลงมือเลาะกระดูกของนางด้วยตนเองก็เพื่อที่จะเอาไปทำศาสตราวุธให้กับลู่เว่ย?
ชั่วขณะนั้น เยื่อใยความผูกพันในสายเลือดที่ยังหลงเหลืออยู่เล็กน้อยของชือหลีก็เหือดแห้งไปในทันที
จะต้องมีจิตใจที่ชั่วช้าถึงเพียงไรถึงจะสามารถเลาะกระดูกของบุตรสาวคนหนึ่งไปทำเป็นอาวุธให้กับบุตรสาวอีกคนโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าได้กัน?
ที่นางต้องการย่อมมิใช่แค่ให้ลู่กว่างอยู่มิสู้ตายอีกต่อไปแล้ว!
“ไอ้สารเลว!” นางกำหมัดขึ้นมา นัยตาสีแดงมีแต่ความเคียดแค้นสุดหยั่ง!
หากมิใช่เพราะว่าบนทรวงอกยังคงมีตะปูตรึงมังกรที่ยังมิได้ถอนออกไป ตอนนี้นางจะต้องพุ่งเข้าไปถอดกระดูก เลาะเส้นเอ็น ดื่มเลือดของเขาด้วยตนเองเป็นแน่!
“อาหลัน! เจ้ารีบสังหารไอ้แก่สารเลวนั้นเสีย!” ชือหลีปราศจากความลังเลแม้แต่น้อย
ตู๋กูซิงหลัน “เข้าใจแล้ว”
แค่ประโยคเดียวของชือหลี ก็ทำให้ลู่กว่างระเบิดโทสะออกมาในทันที
เขาพยายามทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อทะลวงออกจากขอบเขตยันต์กักจิตวิญญาณของตู๋กูซิงหลัน แต่ว่ายิ่งดิ้นรนร่างกายก็ยิ่งสิ้นไร้เรี่ยวแรง
เขานอนแผ่ลงไป ส่งเสียงคำรามออกมา เสื้อผ้าบนร่างล้วนขาดวิ่น บนร่างค่อยๆเปลี่ยนเป็นเกล็ดสีน้ำตาลอย่างรวดเร็ว
จากนั้นด้วยความเร็วที่ดวงตาสังเกตเห็นได้เขาก็กลายเป็นมังกรยักษ์ที่ยาวถึงห้าจั้ง
ถึงพลังกำลังภายในร่างถูกผนึกเอาไว้ แต่อย่างไรเขาก็เป็นถึงราชามังกร ย่อมสามารถเปลี่ยนร่างกลับเป็นมังกรได้อยู่
พอเห็นว่าลู่กว่างยังสามารถจะกลายเป็นร่างจริงได้ หลิ่วฮุ่ยกับลู่เวยก็ผ่อนลมหายใจออกมา
ยามที่มังกรอยู่ในร่างจริง จึงจะแข็งแกร่งอย่างที่สุด
ร่างแท้ของราชามังกรย่อมมิอาจมองข้าม ต่อให้ใช้เพียงกำลังจากเนื้อหนังก็ยังสามารถมอบความตายให้กับฮ่องเต้หญิงเผ่ามนุษย์ได้อยู่!
ร่างสีน้ำตาลของมังกรยักษ์เหยียดขยายออกไปจนเต็มลานกว้างของตำหนักกลาง เขายกเศียรขนาดใหญ่ขึ้นสูง เกล็ดทั่วร่างเหมือนดั่งแผ่นหิน พอมองเห็นตู๋กูซิงหลันที่อยู่ตรงหน้าก็กางกรงเล็บตะปบลงไป
ตู๋กูซิงหลันเองก็ไม่ได้ใช้ดาบใหญ่
นางเหาะถอยหลังออกไปอย่างพลิ้วไหวก็หลบพ้นการตะครุบของมังกรยักษ์ไปได้
ร่างของมังกรยักษ์ใหญ่โตมาก แต่การเคลื่อนไหวก็ยังคล่องแคล่วว่องไว ถึงเขาจะไม่อาจใช้พลังเวทย์ เช่นนั้นก็ยังสามารถใช้ร่างเนื้อทั้งร่างเข้ากดทับ
ตู๋กูเจวี๋ยคว้ามือของชือหลีเอาไว้แน่นอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของเขาเป็นประกาย “น้องเล็กของข้าแข็งแกร่งไร้ต้าน ไอ้ปลาดุกเฒ่านั้นไม่มีทางสู้นางได้แน่นอน ไม่ต้องกลัวไป”
ชือหลี “ข้าก็ไม่เคยคิดว่านางจะพ่ายแพ้”
……………
ดาบกระดูกมังกรในมือของตู๋กูซิงหลันยังคงมีเลือดหยาดหยด นางขมวดคิ้วเบาๆ ขณะที่มังกรยักษ์ใช้กรงเล็บตะปบลงมาอีกครั้ง นางก็ยื่นมือออกไปคว้ากรงเล็กของมังกรยักษ์เอาไว้ไต่ขึ้นไปตามแผ่นเกล็ดหนาๆของเขา เพียงสองสามครั้งก็ปีนขึ้นไปจนถึงลำคอของมังกร
ที่ด้านหลังลำคอ มีรอยแผลลึกจากดาบอยู่รอยหนึ่ง เป็นบาดแผลที่เมื่อครู่ตู๋กูซิงหลันแทงเอาไว้
ต่อให้แปลงเป็นร่างมังกร รอยแผลจากคมดาบนั้นก็ยังไม่อาจสมานตัวได้
นางสวมชุดแดงตลอดร่าง ยืนตระหง่านอยู่บนหลังคอของมังกรยักษ์ แสงแวววาวจากไข่มุกราตรีทั่วทั้งตำหนักคล้ายจะทอทาบลงไปบนร่างของนาง
มังกรยักษ์ขยับร่างอย่างคลุ้มคลั่ง คิดจะสะบัดนางให้หล่นลงมา
ตู๋กูซิงหลันย่อตัวลงเล็กน้อย คว้าเขามังกรบนเศียรของเขาเอาไว้ คนก็ยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง ทั้งยังไม่ยอมเสียเวลา ใช้ดาบแทงซ้ำลงไปบนปากแผลกรีดลึกลงไปในเนื้อ
“โฮ่ว~” มังกรยักษ์ส่งเสียงคำรามกึกก้องออกมา ดาบกระดูกมังกรแทงลึกลงไปบนผิวเนื้อของมันทีละนิ้วๆ
เนื่องเพราะว่าเขาเปลี่ยนร่างกลับเป็นมังกรยักษ์ ความยาวของดาบกระดูกมังกรนี้จึงสั้นเกินไป ไม่อาจกรีดลงไปให้ถึงแนวกระดูกของเขา แต่แค่กรีดผิวหนังออกมาก็สร้างความเจ็บปวดจนเขาต้องม้วนร่างลงไปแล้ว
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงไม่เข้าใจว่า ทำไมสตรีเผ่ามนุษย์ผู้นี้จึงสามารถใช้ดาบกระดูกมังกรได้อย่างสะดวกสบาย
เพราะขนาดเป็นเวยเอ๋อร์…..ยังต้องใช้เวลาฝึกฝนอยู่เป็นนานจึงจะสามารถยกดาบเล่มนี้ขึ้นมาได้
นางเป็นเพียงแค่เผ่ามนุษย์เท่านั้น……ไยจึงสามารถใช้าตราของเผ่ามังกรได้กัน?
ตู๋กูซิงหลันมิได้รีบร้อน
นางไม่ได้ใช้ดาบยักษ์เฉือนเจ้ามังกรยักษ์ตัวนี้ แต่เลือกใช้ดาบกระดูกมังกร
ใช้กระดูกของชือหลี มาล้างแค้นให้กับชือหลี! นี่คือการแสดงความเคารพนับถือต่อชือหลี
พอดาบกระดูกมังกรไม่อาจแทงลึงลงไปได้มากกว่านี้แล้ว ตู๋กูซิงหลันก็กระชับข้อมือลากยาวไปตามแนว กรีดเป็นปากแผลยาวไล่ลงไป
แต่ว่าความยาวของตัวดาบจะมีข้อจำกัด เพียงกรีดเอาเนื้อหนังออกมา ยังคงไม่ลึกถึงข้อกระดูก
ลู่กว่างรู้สึกได้แล้วเช่นกัน เจ็บปวดนั้นก็ส่วนเจ็บปวด แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ร้อนรนแล้ว
หากคำนวนตามเวลา คนที่จะมารับตัวเจ้าสาวจากเผ่ามังกรทมิฬกำลังจะมาถึงแล้ว
ถึงอย่างไรเผ่ามังกรทมิฬก็ถือเป็นผู้นำของเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเล เมื่อเห็นเขาที่เป็นราชามังกรทะเลตะวันตกถูกรังแก ไหนเลยจะนั่งดูอยู่เฉยๆโดยไม่สนใจได้กัน?
ขอเพียงเขาใช้ร่างจริงต้านทานเอาไว้ ไม่ปล่อยให้นางถอดกระดูกของตนเองออกไป ก็จะสามารถพ้นวิกฤตนี้ไปได้
เขายังคงพลิกร่างม้วนลงไป ไม่ให้นางลงมือได้โดยง่าย
ลู่เวยฝืนลุกขึ้นมานั่ง นางแทบจะใช้กำลังออกไปทั้งหมด ฉวยโอกาสนี้ปล่อยลูกดอกลับใส่ตู๋กูซิงหลัน
ลูกดอกลับเจ็ดแปดดอกพุ่งเข้าใส่หัวใจของตู๋กูซิงหลัน อย่างไม่อาจหลบพ้น
“ระวัง!” ชือหลีร้องเสียงดังออกมา เตะเท้าออกไปใส่**บสินเจ้าสาวตรงหน้า คิดจะใช้มันสกัดกั้นลูกดอกลับของลู่เวยเอาไว้
นางถูกตะปูตรึงมังกรกักพลังเอาไว้จึงไม่มีกำลังมากพอจะสกัดพวกมันได้ทัน
ลูกดอกลับเหล่านั้นยังคงพุ่งเข้าใส่ตู๋กูซิงหลัน
ขณะที่เห็นอยู่ว่ากำลังจะเข้าสู่หัวใจของนางอยู่แล้ว
ตู๋กูซิงหลันก็ยื่นมือเปล่าออกมาข้างหนึ่ง คว้าลูกดอกลับทั้งหมดรวบเอาไว้ในฝ่ามือ
ผลักฝ่ามือส่งกลับออกไป ลูกดอกลับทั้งเจ็ดแปดดอกก็พุ่งเข้าไปในร่างของลู่เวย แทบจะทำให้นางทะลุเป็นกระชอน
ขณะที่ตู๋กูซิงหลันคว้าลูกดอกเหล่านั้นขึ้นมาไว้ในมือ ก็สกิดโดนฝ่ามือเป็นปากแผลเล็กๆ หยดโลหิตสองหยดไหลออกมา พอดีหยดลงไปบนดาบกระดูกมังกร
ทันใดนั้นเองก็เห็นดาบกระดูกมังกรเปล่งแสงสว่างจ้าออกมา…..มันกำลังเคลื่อนไหว ราวกับหัวใจที่เต้นอยู่!
……………………………….
ไรท์ : (กำลังลับดาบให้หลันหลันอยู่ เอาให้คมๆ)
ตอนต่อไป “นางมิใช่เผ่ามนุษย์ทั่วๆไป”