ฉางซุนซิ่วพูดพลางก็ทรุดลงนั่งบนพื้น กลิ่นเหม็นที่ตลบอบอวลอยู่ภายในตำหนักคล้ายจะมิได้ส่งผลกระทบอะไรกับเขาทั้งนั้น
ทางด้านซ้ายของเขาคือร่างของเหยียนฉิว ทางด้านขวาคือฮ่องเต้ชราที่ถูกเขากระทืบจนพระเศียรแตกร้าว
เขานั่งอยู่ตรงกลาง สีหน้ายังคงมีรอยยิ้มเย็นชา “ตอนนั้นท่านยังอายุน้อย อยู่ในแคว้นต้าเหยียนย่อมถูกรังแกอยู่เสมอ แต่น้องสาวของข้าละ? นางโชคดีกว่าท่านที่ไหนกัน? นางเป็นหินรองเท้าให้ท่าน ยอมถูกหมิ่นหยาม โดยไม่ตัดพ้อต่อว่า …..อดทนกล้ำกลืนอย่างยากลำบากจนกระทั่งถึงวัยกลายเป็นสาวน้อยบอบบาง แต่สุดท้าย สุดท้ายเพื่อท่านแล้ว ก็มามีจุดจบอยู่ในต่างบ้านต่างเมือง”
“ฝ่าบาท หลายปีมานี้ ท่านเคยคิดถึงนางบ้างหรือไม่ เคยรำลึกถึงความดีของนางบ้างไหม?”
ฉางซุนซิ่วดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงที่ถามออกไปของเขาสงบนิ่งอย่างมาก แต่ว่าดวงตาคู่นั้นกลับฉายแววคลุ้มคลั่ง
“ท่านไม่เคยเลย” เขาหัวเราะเสียเย็นออกมา เขาทุบมือลงไปบนพื้น “แม้แต่ชื่อของนางท่านก็ไม่เคยเอ่ยถึง!”
“เดิมทีข้าเคยคิดว่าท่านมันเป็นคนที่ใจแข็งโหดเ**้ยม ไม่ว่ากับใครก็ไร้น้ำใจไร้ความรู้สึก แต่แล้วยังไง? ท่านมีสิทธิอะไรจะไปชอบตู๋กูซิงหลันกัน?”
“นางเคยทำอะไรเพื่อท่านบ้าง? เสียสละอะไรบ้างไหม? แต่ท่านกลับชอบนาง ชอบนางจนจะเป็นจะตาย แล้วกับอิงเอ๋อร์ที่สละชีวิตเพื่อท่านไยจึงไม่เคยมีความละอายไม่เคยคิดถึงเลยสักนิด?”
จีเฉวียนเงียบงั้นอยู่ตรงนั้น พระหัตถ์ของพระองค์กำด้ามง้าวเอาไว้อย่างแนบแน่น
“ตอนที่นางตาย มีแต่เลือดท่วมตัว ตลอดร่างไม่เหลือผิวเนื้อที่ดีเลยสักแห่ง นางกอดข้าเอาไว้ บอกว่า ‘พี่จ๋า อิงเอ๋อร์เจ็บเหลือเกิน….’ ”
ฉางซุนซิ่วปิดตาลง ราวกับว่าไม่ยินดีจะคิดถึงเรื่องนั้นอีก แต่ยิ่งไม่อยากจะคิด ภาพนั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ในสมองของเขา “จีเฉวียน ท่านรู้หรือไม่ว่านางตายเพื่อท่าน! ตอนที่ท่านถูกฮ่องเต้ต้าเหยียนเรียกไปเข้าเฝ้า ตอนที่จะให้ท่านต่อสู้กับสัตว์อสูรหงเหมิง [1] นั้น! สาวน้อยที่โง่งมนางนี้ นางกลัวว่าท่านจะเกิดเรื่อง ดังนั้นจึงแอบออกไปขอร้องแทนท่าน สุดท้ายไม่เพียงถูกคนกระทำชำเรา ยังถูกคนทุบตีอย่างโหดร้ายจนตาย ตอนนั้นนางพึ่งจะอายุได้สิบสามเอง!”
พอพูดถึงตรงนี้ ฉางซุนซิ่วก็น้ำตาไหลอาบนอง
“หากว่าตอนนั้นข้า……ไปถึงแคว้นต้าเหยียนเร็วขึ้นอีกวันหนึ่ง…. นางก็คง…..นางก็คงไม่ต้องตายแล้ว….ข้าจะต้องปกป้องนางได้แน่ๆ ปกป้องนางอย่างดี”
“ทั้งที่เป็นเช่นนี้ นางก็ยังขอให้ข้าอย่าได้เกลียดชังท่าน! ขอให้ข้าสนับสนุนท่านอย่างที่สุด!”
“ข้าเชื่อฟังคำขอของอิงเอ๋อร์ ตลอดหลายปีมานี้คอยช่วยเหลือท่านขจัดอุปสรรค กำจัดศัตรู กรุยหนทางแห่งบัลลังก์ฮ่องเต้ให้กับท่าน อยู่เคียงข้างท่านมาตลอด….”
ในมุมที่ซ่อนอยู่ หัวใจของตู๋กูซิงหลันหล่นวูบ
ตอนที่อยู่ที่สระสวรรค์ในแคว้นเซอปี่ซือ….ขณะที่นางถูกเหยียนเฉียวหลัวลากลงไปในน้ำนั้น ก็เคยได้ยินชื่อของฉางซุนอิงมาก่อน
ตอนนั้นนางไม่ทันได้ใส่ใจ
ช่วงที่ผ่านมาที่จีเฉวียนลุกไล่ตามจีบนางอย่างบ้าคลั่ง นางเองก็ไม่เคยถามเรื่องของฉางซุนอิงมาก่อน
นางไม่ได้ถาม จีเฉวียนก็ยิ่งไม่เคยเอ่ยถึง
แต่คิดไม่ถึงว่า จะมีอดีตเช่นนี้อยู่?
สหายติ๊งต๊องเองก็ตกตะลึงเป็นไก่ตาแตก มันรู้แต่แรกแล้วว่าฮ่องเต้ผู้นั้นมิใช่ตัวดี…..แต่ไม่คิดว่าเขาจะเสเพลจนชั่วร้ายขนาดนี้เชียว?
วิญญาณทมิฬชักจะรู้สึกว่า ซื่อมั่วเริ่มจะมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
…………………….
ฉางซุนซิ่วพยายามบังคับตนเองให้สงบสติลง เขาถอนหายใจอย่างยืดยาว ค่อยเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองจีเฉวียน
“แต่ดูท่านสิ ท่านทำอะไรลงไป? ท่านลืมเลือนอิงเอ๋อร์ไปจนหมดสิ้นตั้งแต่แรกแล้ว! ท่านสงสัยในตัวข้า ตรวจสอบข้า เพื่อตระกูลตู๋กูที่สร้างความยากลำบากให้กับท่าน ท่านกลับละทิ้งข้า”
“ไม่เพียงแต่อิงเอ๋อร์ ตอนนั้นญาติผู้พี่ของข้าอาซู่ก็ยังต้องมาตายด้วยน้ำมือของตู๋กูจุน”
“ฝ่าบาทยังทรงจำได้หรือไม่ว่าตอนที่ขึ้นครองราชย์นั้นตรัสกับข้าไว้ว่าอย่างไร”
“ท่านบอกว่า จะต้องล้างตระกูลตู๋กูทิ้ง”
“ท่านบอกว่า จะรวบรวมใต้หล้าด้วยกันกับข้า ทำให้แผ่นดินมีแต่ความสงบสุข”
“คำพูดของฝ่าบาท ข้าเองก็หลงเชื่อเข้าแล้ว…..”
เพราะเหตุนี้ตอนนั้นเขาถึงได้กำจัดตัวหมากของตำหนักซิวหลัวเตี้ยนที่คิดร้ายกับพระองค์ทิ้งไป
ตลอดหลายปีมานี้ แม้แต่ท่านประมุขก็ยังถูกเขาปิดบังความจริงเอาไว้
ตระกูลฉางซุนของเขาเพื่อจีเฉวียนแล้วได้เสียสละไปอย่างมากมาย ….แม้แต่วัยเด็กของเขาก็ยังเคยเป็นเงาติดตามจีเฉวียนอยู่ตลอด
ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเขาฮว่าชิ่งซานที่สวยสดงดงาม จะแฝงเอาไว้ด้วยเงามืดและความสกปรกมากมายเพียงไหน
จีเฉวียนผ่านวัยเยาว์มาอย่างยากลำบาก แล้วเขาผ่านมาอย่างสุขสบายหรือไร?
ฮ่องเต้ทรงประทับอยู่เบื้องหน้าเขา โดยมิได้ตรัสวาจาใดๆ อยู่นาน
ที่จริงแล้วเรื่องมากมายที่ผ่านมาทั้งหมด พระองค์ทรงทราบเป็นอย่างดีว่าเกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นอน แต่เพราะว่าพวกเขาเคยผ่านประสบการณ์ต่างๆ มาด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก ดังนั้นจีเฉวียนจึงปล่อยเขาไปครั้งแล้วครั้งเล่า
คนเราล้วนมีความเปลี่ยนแปลง ฉางซุนซิ่วเปลี่ยนแปลง พระองค์จีเฉวียนเองก็ทรงเปลี่ยนแปลง
ไม่มีใครที่จะรับรองได้ว่าตนเองเหมือนเดิมไปตลอด
“ฝ่าบาท นับตั้งแต่วันที่ท่านกลายเป็นตัวประกัน ข้าฉางซุนซิ่วก็ถูกบ่มเพาะให้กลายเป็นเงาของท่าน ท่านไม่เคยรู้เลยว่าตลอดหลายปีนั้นข้าต้องผ่านประสบการณ์เช่นไรมาบ้าง….”
“ทุกสิ่งที่เป็นของข้า ล้วนมอบให้กับท่านจนหมดสิ้นสุดจิตใจ แต่พอถึงที่สุดแล้ว …..กลับต้องถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวเพียงลำพัง”
“หลายปีมานี้เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลฉางซุนต่างก็พากันจากไปจนหมดสิ้นแล้ว ข้าไม่หลงเหลือญาติมิตรที่แซ่ฉางซุนอีกแล้ว ทั้งยังเอาใจออกห่างจากท่าน ข้าเกลียดชังท่าน นั่นย่อมเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว”
ในที่สุด จีเฉวียนค่อยเอ่ยวาจาออกมา “เรารู้ว่าเจ้าเกลียดชังเรา แต่ทั้งหมดนี้ เจ้าสมควรมาคิดบัญชีกับเรา นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับซิงซิง ยิ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับกองทัพต้าโจวและราษฏร์ชาวต้าเหยียนทั้งสิ้น”
“เจ้าไม่ควรจะไปแตะต้องนางแม้แต่น้อย ยิ่งไม่สมควรแพร่กระจายเชื้อผีดิบออกไป ทำร้ายชีวิตของผู้คนมากมาย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ….” ฉางซุนซิ่วหัวเราะเหมือนกับว่าได้ยินเรื่องขำขันบัลลือโลกอย่างไรอย่างนั้น
“ถึงตอนนี้ท่านก็ยังจะห่วงใยนาง? แล้วยังจะเสแสร้งแกล้งเป็นมีเมตตาต่อสรรพชีวิต? เฮอะ ชีวิตของพวกมันมีค่า….แล้วชีวิตของน้องสาวข้าไม่มีค่าหรืออย่างไร?”
“ตอนที่คนเหล่านั้นทำร้ายอิงเอ๋อร์ ทำร้ายพวกเรา มีใครเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าอิงเอ๋อร์นั้นเป็นผู้บริสุทธิ์?”
“ท่านเองก็รู้สึกว่าอิงเอ๋อร์สมควรจะต้องตายกระนั้นหรือ?”
ฉางซุนซิ่วจะพยายามระงับอารมณ์เอาไว้อย่างที่สุด หมัดที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อนั้นกำแน่นเข้าหากัน เพราะออกแรงมากไปข้อนิ้วทั้งหมดจึงขาวโพลน
คำพูดเหล่านี้ เขาไม่เคยเอ่ยกับจีเฉวียนมาก่อนเลยสักครั้ง
วันนี้พอได้กล่าวออกมา ความโกรธเกรี้ยวที่เก็บกดเอาไว้ก็ระงับไม่อยู่อีกต่อไป
เขาเคยนึกว่าพระองค์จะไร้ความรู้สึกต่อคนทั้งมวล…..หากเป็นเช่นนั้นก็แล้วไปเถอะ
แต่ว่าพระองค์กลับมีพระทัยให้กับตู๋กูซิงหลัน!
“อิงเอ๋อร์ไม่เคยได้รับความเห็นใจจากท่านเลยแม้แต่น้อย นางตายอย่างทรมาน แม้จะตายก็ยังรู้สึกว่าตนเองนั้นสกปรก ไม่กล้าพบหน้าท่าน”
“นางตายอย่างน่าอนาถ ตายอย่างน่าสงสาร! จีเฉวียนคนเช่นท่านมีสิทธิ์อะไรจะก้าวข้ามเลือดเนื้อของนางไปมีความสุข?”
“ท่านมันไม่คู่ควร! ท่านมันสมควรจะต้องโดดเดี่ยวจนแก่เฒ่าไปชั่วชีวิต มีแต่วันที่เหน็บหนาวอันยาวนานอยู่เคียงคู่ตลอดไปเท่านั้น!”
ฉางซุนซิ่วคำรามเสียงเบา ในดวงตาของเขามีแต่เส้นเลือด คร่ำครวญด้วยน้ำเสียงแหบแห้งปานจะขาดใจ
ที่ผ่านมายามอยู่ต่อหน้าผู้คน เขาคือท่านราชครูผู้งดงามปราชญ์เปรื่อง สุภาพและอ่อนโยน
แต่ตอนนี้ เขากลับเป็นเหมือนคนบ้าผู้หนึ่ง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านเห็นไหม มีแต่ข้าที่เป็นพี่ชายเท่านั้นที่รักนางที่สุด ใช่หรือไม่? ในเมื่อนางต้องตายอย่างอนาถในแคว้นเหยียน ข้าก็จะให้ทั่วทั้งแคว้นเหยียนถูกกลบฝังเป็นเพื่อนนาง! ในเมื่อท่านไม่เคยสนใจนาง ข้าก็จะให้ท่านต้องลงนรกตามไปด้วย!
เดิมทีข้าเคยคิดเอาไว้ว่า รอให้ท่านตายแล้ว….ก็จะฝังท่านกันอิงเอ๋อร์เอาไว้ด้วยกัน”
………………………………….
ตอนต่อไป “อย่างมากก็คืออดีตหญิงคนรัก”
——
[1] 鸿蒙巨兽 (สัตว์อสูรในบรรพกาล)