อาปู้ถาลาไม่รู่ว่าหากท่านหัวหน้าได้เห็นภาพนี้แล้วจะรู้สึกเช่นไรบ้าง!
ราชาสุนัขป่าที่เลี้ยงดูมาหลายต่อหลายปี แม้แต่ขนก็ยังไม่ยอมให้จับ แต่พอมาถึงนี่กลับยอมให้แม่นางน้อยผู้หนึ่งขี่เสียเฉยๆ
หรือจะเป็นเพราะว่าไทเฮาน้อยทรงงดงาม แม้แต่ราชาสุนัขป่าก็ยังหลงใหลเข้าแล้ว?
อาปู้ถาลาคิดถึงคำถามนี้มาตลอดทาง ใช่แล้ว จะต้องเป็นเพราะว่าท่านหัวหน้าเผ่าของตนหน้าตาน่าเกลียดเกินไป ถึงได้ถูกราชาสุนัขป่าเมิน
เดิมที สุนัขป่าตะวันตกก็เป็นพวกที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์อยู่แล้ว……
บนหลังราชาสุนัขป่า วิญญาณทมิฬที่อยู่ข้างกายตู๋กูซิงหลันถึงกับตัวสั่นน้อยๆ
ตอนที่พบกันที่เชิงเขานั้น ทันทีที่ราชาสุนัขป่าได้เห็นมัน สายตาก็ทอประกายรักใคร่ออกมา ถึงขนาดน้ำลายไหลเลยเสียด้วยซ้ำ
กระทั่งสตรีอย่างตู๋กูซิงหลัน ก็ยังไม่ลืมทิ่มแทงมัน “วิญญาณทมิฬ ข้ารู้สึกว่าราชาน้อยจะถูกใจเจ้านะ”
วิญญาณทมิฬหมดหนทางทำอะไรไม่ถูก…. มันก็ยอมรับว่าราชาสุนัขป่าตัวนี้สวยงามมาก
แต่ว่าประเด็นสำคัญก็คือ….มันไม่ได้สนใจสุนัขป่านิ!
มันเป็นวิญญาณสัตว์อสูร เพียงแต่ว่าลักษณะภายนอกของมันในโลกก่อนคล้ายกับสุนัขป่าเท่านั้นเอง!
ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นตัวผู้! มันชอบแต่สัตว์อสูรตัวเมียเท่านั้น ขอบคุณนะ! แต่ว่าราชาสุนัขป่าก็เป็นตัวผู้ไม่ใช่หรือ?
จากนั้น…. ภายใต้การขมขู่ของสตรีเช่นตู๋กูซิงหลัน มันก็ได้แต่ต้องสละตนขายตัวเอง เพื่อให้ราชาสุนัขยอมให้นางขี่อย่างว่าง่าย
ดูสิ กระทั่งตอนนี้ราชาสุนัขนั่นคอยแต่จะหันมามองดูมันอยู่ตลอด สวรรค์ทรงโปรดเถอะ สายตาที่มองมายังมัน เห็นแล้วเป็นต้องขนลุกขนพองไปหมด
ยามนี้ ผู้คนทั้งหลายต่างก็พากันประหลาดใจ
ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่บนหลังราชาสุนัขป่า กวาดตามองดูผู้คนโดยรอบ นางวางมาดสง่างาม กล่าวอย่างมีจริตว่า “อย่าได้อิจฉาไปเลย ราชาน้อยของพวกเราไม่ใช่ว่าใครๆก็จะขี่ได้”
ผู้คน “…….” แม่นางตุ๊กตาน้อยนั่นสวยงามน่ารักก็จริง แต่ว่าปากคอเราะรายนัก
อิ๋งฉีและเหยียนหยุนต่างก็มองดูนาง ในดวงตาของพวกเขาทอแวววับวามด้วยความตื่นตะลึง
แค่ได้เห็นนาง เหยียนหยุนก็รู้สึกว่าขาที่ขาดไปของตนไม่ค่อยเจ็บสักเท่าไหร่แล้ว สายตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา เขาอยากจะไปที่ข้างกายนางสนทนากันสักสองสามประโยค
แต่ว่าอ๋องสิบแปดแคว้นฉินอิ๋งฉีผู้นั้นกลับยืนบังอยู่ด้านหน้า ทั้งยังจดจ้องอยู่ไม่วางตา ท่าทางไม่คิดจะเขยิบให้เขาแม้สักนิด
ครั้งก่อนที่พบเจอตู๋กูซิงหลันนั้น อิ๋งฉีก็ตกตะลึงไม่น้อยเช่นกัน
นางงดงามอย่างยิ่ง ทั้งๆที่รูปร่างออกจะอวบอั๋น แต่กลับเป็นความงามที่สมบูรณ์พร้อม ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยสักนิด
และสตรีที่งดงามเลอเลิศผู้นี้ได้มอบยันต์คุ้มภัยให้กับเขา ทำให้เขารอดชีวิตจากทะเลสาบมาได้
อิ๋งฉีเป็นคนที่รู้จักแยกแยะบุญคุณและความแค้นอย่างชัดเจนมาโดยตลอด บุญคุณช่วยชีวิตในครั้งนี้เขาจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน
ขณะที่ผู้คนทั้งหลายยังพูดอะไรไม่ออกนั้น ก็เห็นตู๋กูซิงหลันยื่นนิ้วมือเรียวยาวดุจต้นหอมออกมา ชี้ไปยังใบหน้าที่บวมฉึ่งและตกตะลึงของเหยียนเฉียวหลัว
“เอ๋? คนเมื่อครู่นั้นเป็นใครกันนะ บังอาจข่มขู่ฝ่าบาทของพวกเราเล่น เจ้าออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ พวกเรามาถกกันเป็นไง?”
เหยียนเฉียวหลัวกระอักเลือดออกมาบนอกคำหนึ่ง จดจ้องมาที่นางอย่างชิงชัง
ยายอ้วนนี้หน้าตาคล้ายคลึงกับไทเฮาน้อยแห่งต้าโจวมาก นางก็คือนังตัวสำรองคนโปรดที่จีเฉวียนซุกซ่อนเอาไว้ในพระตำหนักตี้หัวกง?
ช่างสมกับที่จีเฉวียนโปรดปรานอย่างไม่ลืมหูลืมตา ถึงกับไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้ามาชี้มือชี้ไม้ใส่นางได้เชียวหรือ?
“ว่าเจ้านั่นแหละ! ยังจะมาถลึงตาทำไม!” ตู๋กูซิงหลันทำท่าเป็น ‘นังคนโปรด’ ที่เหิมเกริมอย่างที่สุด ประหนึ่งว่านางคือที่สุดแห่งความโปรดปราน ใครก็อย่าได้เผยอขึ้นมาหาเรื่องกับนางอย่างเด็ดขาด
สองพี่น้องตระกูลตู๋กูเห็นท่าทางของน้องเล็ก ก็ขยับเข้าไปยืนเคียงข้างนาง คอยพิทักษ์นางอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้เอ่ยปากขัดขวาง
พอหยวนเฟยมองเห็นตู๋กูซิงหลันก็เหมือนดั่งได้เห็นฟางช่วยชีวิต
นางไม่วาดหวังว่าฮ่องเต้จะช่วยชีวิตนางได้ ไทเฮาน้อยต่างหากที่พึ่งพาได้มากกว่าฮ่องเต้เสียอีก!
แค่ประโยคเดียวของของตู๋กูซิงหลัน ก็ทำเอาเหยียนเฉียวหลัวโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
นางลุกขึ้นจากพื้น มองดูตู๋กูซิงหลันด้วยสายตาอึมครึม “ข้าคือองค์หญิงแห่งแคว้นเหยียน เจ้าคือใครกัน? มีฐานะอะไรจึงมีสิทธิมาพูดจากับข้า? อย่างเจ้ามันก็แค่พวกคนชั้นต่ำที่แคว้นต้าโจวอุปโลกน์ขึ้นมามิใช่หรือ?”
ต่อให้เป็นที่โปรดปรานเพียงไร อย่างไรเสียก็เป็นแค่ตัวสำรองมิใช่หรือ? ยังจะกล้าผยองได้สักกี่น้ำกันเชียว?
จีเฉวียนไม่มีทางยอมให้สตรีที่จองหองเช่นนี้อยู่ข้างกายเขาไปตลอดอย่างแน่นอน
“เอ๋? ตอนนี้เจ้าเองก็เป็นเชลยของแคว้นต้าโจวอยู่มิใช่หรือ?” ตู๋กูซิงหลันเอียงคอ พลางหัวเราะกึ่งจริงกึ่งเล่น “ดูอาจารย์ของเจ้าสิ กระทั่งพวกอาจารย์ลุงของเจ้าก็ยังไม่มีใครกล้าออกมาช่วยเจ้าสักคน เจ้ามีฐานะเป็นถึงองค์หญิงแล้วมีประโยชน์อะไร?”
เหล่านักพรตจากภูเขาฮว่าชิ่งซานต่างก็ถูกด่าจนรู้สึกแสบหน้าไปหมด แม่นางตุ๊กตาผู้นี้ช่างมีคารมแสบสันอย่างยิ่ง ขณะที่ด่าทอเหยียนเฉียวหลัวก็ยังไม่วายด่ากระทบพวกเขาไปด้วย
เนื่องเพราะยังไม่ได้รับคำสั่งจากองค์ชายน้อย พวกเขาย่อมไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ
ได้แต่ต้องทนกล้ำกลืนอยู่กับที่เดิม ยืนหน้าทนให้นางตีกระทบต่อไป
เหยียนเฉียวหลัว “……..”
“คนอย่างเจ้ายังจะมีหน้ากล้ามาลบหลู่ฝ่าบาทของพวกเราด้วย?” ตู๋กูซิงหลันได้แต่กรอกตาใส่
“ต่อให้องค์หญิงอย่างข้าตกระกำลำบาก แต่ก็ยังเป็นคนของราชวงศ์แคว้นต้าเหยียน เป็นองค์หญิงผู้สูงส่ง ไม่ใช่เรื่องที่คนชั้นต่ำอย่างเจ้าจะมาเหยียบย่ำได้?” เหยียนเฉียวหลัวเดือดดาลอย่างที่สุด นังตัวสำรองนั่นก็เป็นแค่สุนัขที่ยืมบารมีผู้อื่นมากำแหงเท่านั้น
มันรอให้จีเฉวียนควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว ถึงได้ค่อยโผล่หน้า เปิดเผยตัวออกมา
นางสารเลวผู้นี้จิตใจลึกซึ้งยิ่งนัก มิน่าเล่า…ถึงได้รับความชื่นชมจากจีเฉวียน แต่อย่างไรเสีย….ก็เป็นแค่ของปลอมเท่านั้น
ตู๋กูซิงหลันไม่ได้สนใจนาง เห็นนางโน้มตัวลงไป กระซิบกระซาบอะไรสักอย่างที่ข้างหูของราชาสุนัขป่า แล้วค่อยก็ตบคอของมันเบาๆ
จากนั้นก็เห็นราชาสุนัขป่าเชิดอกขึ้นมาพานางไปหาจีเฉวียน
ยามที่มันเดินผ่านเหยียนเฉียวหลัวนั้น ก็ถีบส่งๆออกไปครั้งหนึ่ง เหยียนเฉียวหลัวพยายามหลบอย่างรวดเร็วแล้ว แต่ก็ยังไม่วายถูกเตะจนกระดูกซี่โครงหักอยู่ดี
เลือดคั่งที่นางพยายามกล้ำกลืนเอาไว้ในอกถึงกับถูกนางสำรอกออกมาจริงๆ ดูแล้วอเนจอนาถอย่างยิ่ง
“อ้ายย่าห์ ไม่ได้ตั้งใจนะ ราชาน้อยสายตาไม่ดีเท่าไหร่น่ะ เจ้าเองก็จริงๆเลย ทำไมถึงไม่รู้จักหลบๆไปเสียบ้างนะ จะออกมาให้ถูกถีบทำไม?” รอจนราชาสุนัขป่าเตะออกไปแล้ว ตู๋กูซิงหลันถึงได้ทำท่าป้องปากกล่าวออกไป ด้วยสีหน้าขออภัย
กริยาเช่นนั้นยิ่งทำให้เหยียนเฉียวหลัวอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกหน้านางให้ได้
นังคนนี้เล่นละครมากเกินไปแล้ว!
จีเฉวียนเป็นคนตาบอดหรือไร ดูไม่ออกเลยหรือ?
ผู้คนทั้งหลายแม้จะเกิดความรู้สึกต่อต้านตู๋กูซิงหลัน แต่พอเห็นว่าราชาสุนัขป่าถึงกับเชื่อฟังวาจาของนางเช่นนี้ ต่างก็ไม่กล้ากล่าวอะไรมากไป ได้แต่พากันประหลาดใจว่าตกลงแล้วนางมีฐานะอะไรกันแน่
หากดูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็คล้ายจะเป็นนางกำนัลน้อย
นางกำนัลน้อยในแคว้นต้าโจวสามารถเหิมเกริมได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เหยียนเฉียวหลัวแม้จะพ่ายแพ้น่าเวทนาเช่นไรแต่ก็ยังเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับถูกนางกำนัลผู้หนึ่งดูถูกลบหลู่ ศักดิ์ศรีของแคว้นต้าเหยียนนับว่าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ดูเอาสิ ถึงขนาดนี้ฮ่องเต้ต้าโจวก็ยังมิได้ตำหนิติเตียนอะไรแม้แต่ครึ่งคำทั้งสิ้น โดยเฉพาะยามเมื่อสายพระเนตรหันไปมองดูนาง แววพระเนตรถึงกับอ่อนโยนลงไปโดยไม่รู้พระองค์
เมื่อครู่ยังทำท่าจะฆ่าคนอยู่เลย ตอนนี้พอได้พบนางเข้าเท่านั้น กระทั่งสายตาที่เก็บเอาไว้กับตัวถึงได้อ่อนโยนลงสามารถมองออกได้อย่างชัดเจน
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้แห่งต้าโจวเปิดเผยความรู้สึกอย่างไม่มีปิดบัง
หยวนเฟยใกล้จะกลายเป็นต้นไม้หนามอยู่แล้ว แต่สีพระพักตร์ของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
แต่แค่แม่นางอ้วนผู้นี้ปรากฏตัวออกมา เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน….
ผู้คนทั้งหลายต่างก็มิใช่คนตาบอด ย่อมต้องรู้สึกว่านางกำนัลน้อยผู้นี้มิใช่ธรรมดา
ตู๋กูซิงหลันเยาะเย้ยเหยียนเฉียวหลัวจบแล้ว ก็เตรียมจะพลิกตัวลงจากหลังของราชาสุนัขป่า นางพึ่งจะขยับตัว ก็เห็นว่าจีเฉวียนยื่นพระหัตถ์มารออยู่ด้านข้างแล้ว
——
ตอนต่อไป “เราจะหนุนหลังเจ้าเอง”