ผู้คนเหล่านั้นค่อยรู้สึกตัวขึ้นมา …..พวกเขาเกือบจะลืมไปเสียแล้ว รากหนามที่อยู่ในร่างกายยังไม่ได้ถูกถอนออกไป
เหล่านักพรตจากภูเขาฮว่าชิ่งซานคล้ายจะฟังแต่คำสั่งของเหยียนเฉียวหลัวเพียงผู้เดียวเท่านั้น
หากว่านางตายไป ….พวกเขาก็คงมีแต่ต้องลงหลุมตามไปด้วย
ผู้คนทั้งหลายต่างก็ลังเล ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งความเป็นความตายเช่นนี้
สุดท้ายแล้วก็ยังจำเป็นจะต้องยืนอยู่ฝ่ายเหยียนเฉียวหลัวอยู่ดี
คนที่ขึ้นมายังภูเขาเทียนซานได้สำเร็จ มากกว่าครึ่งล้วนถูกไม้หนามทิ่มแทง พอขุมกำลังกลุ่มนี้ยืนอยู่ข้างเหยียนเฉียวหลัว ก็มีกำลังรวมกันนับพันคน
แม้จะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของจีเฉวียน แต่ก็ยังต้องถือว่าสามารถงัดข้อกันได้อยู่
เห็นผู้คนย้ายข้างกลับมา สีหน้าของเหยียนเฉียวหลัวก็เปลี่ยนไป นางหันไปกล่าวกับเหยียนหยุนที่ขาขาดว่า “ข้าผู้เป็นองค์หญิงเห็นพระเชษฐาถูกพวกปีศาจไร้หน้ากลืนกินลงไปกับตา คนผู้นี้ก็แค่คนที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับองค์รัชทายาทอยู่หลายส่วนเท่านั้น ที่ผ่านๆ มาจีเฉวียนล้วนแล้วแต่เจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก นี่จะต้องเป็นแผนการของเขาที่จะหาตัวปลอมมาตบตาทุกคน!”
“ขุมสมบัตินี้หากตกไปอยู่ในมือของจีเฉวียน ทุกคนก็คงไม่มีโอกาสได้ดื่มแม้แต่น้ำแกงแล้ว เพื่อขุมสมบัติ และเพื่อความสงบสุขในแว่นแคว้นของพวกเรา พวกเราจะต้องต่อต้านฮ่องเต้แคว้นโจว!”
เมื่อมีผู้คนมากมายเช่นนี้คอยหนุนหลัง เหยียนเฉียวหลัวย่อมไม่หวั่นเกรง
นางชูมือขึ้นสูง ราวกับว่าเป็นผู้นำของกลุ่มก่อกบฏ “หากว่าทุกท่านไม่ร่วมกันต่อต้าน ก็จะมีแต่ต้องตายเท่านั้น! จีเฉวียนย่อมไม่มีทางปล่อยพวกท่านกลับไปอย่างแน่นอน มาร่วมมือกันเถอะ!”
ฝูงชนที่ถูกนางโน้มนาวจิตใจต่างก็พากันก้าวออกมา แต่ละคนกัดฟันกรอด ตัดสินใจเผชิญหน้าอย่างถึงที่สุด
จีเฉวียนยังคงมีสีพระพักตร์สงบนิ่งเย็นชา แม้กระทั่งถึงตอนนี้แล้ว เขาก็ยังไม่มองดูเหยียนเฉียวหลัวเลยสักนิด
ขณะที่นางกำลังปลุกปั่นอย่างฮึกเหิมนั้น เขาก็ตรัสออกมาคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หนวกหู”
“กระหม่อมจะรีบไปจัดการโดยเร็วพะยะค่ะ” ตู๋กูจุนถวายคำนับเขาครั้งหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ในจดหมายของน้องรอง ก็เคยเล่าถึงเรื่องที่องค์หญิงแคว้นเหยียนผู้นี้ลอบทำร้ายน้องเล็ก พวกเขาที่เป็นบุรุษตระกูลตู๋กู ไม่เคยปล่อยคนที่กล้ารังแกน้องเล็กไป!
ก็แค่องค์หญิงต่างแคว้นถึงกลับกล้ามารังแกน้องเล็กได้?
ยามนี้สายตาของตู๋กูจุนที่มองดูเหยียนเฉียวหลัวเหมือนดังมองเห็นศพๆ หนึ่ง
ทั้งยังเป็นศพที่เย็นชืดแล้วอีกด้วย
เขากระชับดาบใหญ่ในมือ เพียงวูบเดียวก็โผมาถึงเบื้องหน้าเหยียนเฉียวหลัว กวาดดาบออกไปอย่างไร้ปรานี ราวกับจะสับนางให้กลายเป็นสองส่วน
ยังดีที่ผู้อาสุโสหยู่ซั่งลากเหยียนเฉียวหลัวออกมาได้ทันเวลา ดาบใหญ่นั้นจึงเพียงแต่เฉือนปลายจมูกของนางออกไปเท่านั้น
จมูกของเหยียนเฉียวหลัวถูกเฉือนเป็นแผลกว้าง ทันใดนั้นก็หลั่งเลือดสดออกมามากมาย
เหยียนเฉียวหลัวทั้งตระหนกทั้งเจ็บปวด นางตะครุบจมูกเอาไว้ถอยไปด้านหลัง แม้แต่ในดวงตาก็มีแต่ความหวาดกลัว
แต่ไหนแต่ไรนางชอบ ‘ถกเถียงเหตุผล’ กับผู้คน แต่เห็นได้ชัดเลยว่าคนผู้นี้ไม่สนใจเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น
นางพึ่งจะอ้าปากขึ้นมา ก็เห็นตู๋กูจุนผู้นั้นยกดาบขึ้นกวาดดาบลงมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ เหยียนเฉียวหลัวถึงกับถอยไม่ทันแล้ว ดาบเล่มใหญ่ปรี่ลงมาที่ปลายจมูกของนาง
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสตรีผู้หนึ่งส่งเสียงร้องดังออกมาจากกลุ่มคน “โอ๊ย!”
เสียงนั้นทำให้ดาบในมือของตู๋กูจุนชะงักไปในทันที เขาหันหน้ากลับไป มองไปยังที่มาของเสียง ก็เห็นว่าเป็นหยวนเฟย
ใบหน้าของนางเหลืองซีด ดวงตาเบิกโพลงมองดูหลังมือของตนเองด้วยความตกใจ ในตอนนั้น มียอดอ่อนของไม้หนามกำลังงอกออกมาจากปากแผลบนหลังมือของนาง ยอดหนามที่ม้วนงออยู่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่ครู่เดียวก็กลายเป็นต้นอ่อนน้อยๆ
ความรู้สึกที่ได้รับช่างทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างฉีกออกมาจากผิวหนังของนาง ทั้งยังดึงดูดเรี่ยวแรงในร่างทั้งหมดออกไป
ก่อนหน้านี้หยวนเฟยพยายามอดทนมาโดยตลอด ใครจะไปรู้ว่าอยู่อยู่ไม้หนามนั่นก็จะงอกออกมา ทำเอานางตกใจจนสะดุ้งทั้งตัว
ตู๋กูจุนมองดูนางที่สีหน้าถอดสี ก็เก็บดาบของตนเองกลับมาที่เบื้องหน้าของนาง
“พระสนมหยวนเฟย อย่าได้ร้อนพระทัย” เขาคว้ามือของหยวนเฟยเอาไว้ ส่งกระแสความอบอุ่นจากใจกลางฝ่ามือไปให้นาง “สิ่งนั้นไม่น่ากลัว ท่านต้องอดทนเอาไว้”
นิ้วที่เรียวยาวและฝ่ามือที่นุ่มนวลถูกเขาเกาะกุมเอาไว้ในมือ ใจกลางฝ่ามือของเขาอบอุ่นเหมือนดั่งเตาอุ่นใบหนึ่ง พอได้เห็นดวงหน้าที่มีหิมะเกาะพราว และหนวดเคราที่รุงรังทั่วใบหน้าของเขา หยวนเฟยก็รู้สึกว่าหัวใจที่กำลังตื่นกลัวและหวาดผวาของนางค่อยๆ สงบลงได้แล้ว
นางผงกศีรษะ กล่าวกับตู๋กูจุนว่า “ขอบพระคุณท่านแม่ทัพผู้พิชิต ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
ยิ่งเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งต้องไม่ตื่นตระหนก
สิ่งที่อยู่ในปากแผลนั้นจะต้องมีหนทางกำจัดได้อย่างแน่นอน
เพียงแต่การพบกันของนางกับตู๋กูจุนไยจึงมักจะต้องเป็นเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่เสมอ ….เจอกันที่ไรก็จะเป็นจะตายอยู่ทุกครั้ง คงมิใช่ว่าโดนอะไรสาปแช่งเข้าหรอกนะ
ถึงแม้ว่าบนหลังมือจะมีต้นไม้หนามงอกขึ้นมา แต่ว่าหยวนเฟยก็ยังคงแอบมองดูหน้าอกของตู๋กูจุนแวบหนึ่ง….ไม่รู้ว่าการสู้รบในสงครามในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ขนหน้าอกดกๆ ของเขาร่วงไปบ้างหรือไม่?
ตู๋กูจุนเห็นนางก้มหน้าเงียบงันไป ก็นึกว่านางคงจะกำลังเจ็บปวด จึงกุมมือของนางให้แนบแน่นกว่าเดิม
“พระสนมพะยะค่ะ อย่าได้หวาดกลัว กระหม่อมจะปกป้องท่านเอง”
ประโยคเดียวของเขา ถึงกับทำให้หัวใจของหยวนเฟยอ่อนนุ่มลงไปแล้ว
เห็นหรือไม่ เปรียบเทียบกับตู๋กูเจวี๋ยที่พูดมากนั่นแล้ว พี่ใหญ่ผู้นี้น่าชื่นชมกว่ามากนัก
“กระหม่อมติดค้างบุญคุณช่วยชีวิตของท่าน”
แค่เขากล่าวเสริมไปอีกประโยคหนึ่ง แต่กลับทำให้หัวใจของหยวนเฟยร่วงลงไปทันที
นางคงจะ…….คิดมากเกินไปแล้ว
ตู๋กูจุนกับนางเป็นเพียงสหายที่เคยผ่านความเป็นความตายร่วมกันเท่านั้นเอง……
คนที่เขาชอบตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้ก็คือองค์หญิงใหญ่…….ทำไมนางถึงได้ไปคิดอะไรกับเขามากมายนัก?
คงจะเป็นเพราะว่าขนหน้าอกดกดำของเขาดึงดูดใจผู้คนมากเกินไปแล้ว
จีเฉวียนเองก็ยังอยู่ข้างๆ ตรงนี้ พระสนมของตนเองถูกแม่ทัพของตนเองเกาะกุมเอาไว้อย่างแนบแน่นถึงเพียงนี้ เขาที่เป็นถึงฮ่องเต้กลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น
พวกคนที่สนอกสนใจ ต่างก็พากันคิดขึ้นมาแล้วว่าบนพระเศียรของฮ่องเต้ชักจะมีประกายแสงสีเขียววาวแววออกมาแล้ว
เหยียนเฉียวหลัวเห็นแล้ว ก็ทอดถอนใจออกมาครั้งใหญ่ นางกุมหน้าอกเอาไว้ ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “หยวนเฟยแห่งต้าโจว ช่างสูงส่งอะไรเช่นนี้? ใครจะไปคิดว่า ท่านเองก็จะถูกพิษเช่นกัน”
เดิมทีคิดว่าตนเองมาถึงทางตันแล้วเสียอีก แต่ว่าฟ้ากลับส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้นาง
มิใช่หรือ…..หยวนเฟยผู้นี้ก็คือของขวัญชิ้นใหญ่ไง
“แต่ว่าท่านอย่าได้ร้อนใจไปล่ะ หากร้อนใจ เลือดพิษก็จะยิ่งไหลเวียนไปทั่วทุกทิศซึมเข้าไปในกระดูก ท่านก็จะยิ่งรู้สึกทรมาน แต่หากเวลายิ่งทอดเวลาออกไป จุดจบเป็นเช่นไรท่านก็ได้เห็นแล้ว กลายเป็นตัวประหลาดที่มีต้นไม้หนามน่าเกลียดขึ้นเต็มไปหมด จุ๊ จุ๊…….” เหยียนเฉียวหลัวกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกลับน่าหวาดกลัว มุมปากก็โค้งขึ้นมา “ดูสิ ฮ่องเต้ต้าโจวรักใคร่โปรดปรานท่านถึงเพียงไหน อุตส่าห์พาท่านมาลำบากถึงที่นี่ด้วยพระองค์เองเชียวนะ”
“น่าเสียดาย ที่พิษของไม้หนามชนิดนี้ มีแต่ข้าผู้เป็นองค์หญิง ท่านอาจารย์และอาจารย์ลุงที่สามารถถอนได้เท่านั้น”
นางยิ้มอย่างเย็นชา “ท่านดูสิ ตอนนี้ฮ่องเต้แคว้นโจวอยากจะฉีกข้าเป็นแปดส่วน ข้าสามารถช่วยท่านก็ได้ แต่คงไม่อาจช่วยเปล่าๆ จริงไหมละ?”
“ขอเพียง…จีเฉวียนยินดีกระโดดลงไปในทะเลสาบ ข้าก็จะช่วยชีวิตของเจ้า เป็นอย่างไร?”
ว่าแล้ว เหยียนเฉียวหลัวก็หันไปหาจีเฉวียน “ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าโจว คงจะไม่ได้อ่อนแอจนถึงขนาดที่แม้แต่ผู้หญิงของตนเองก็ไม่มีปัญญาจะช่วยเหลือหรอกจริงไหม?”
จีเฉวียนผู้นี้รักหน้าตาเป็นที่สุด ไม่ว่าเขาจะชอบหยวนเฟยหรือไม่ แต่ในเมื่อพามาด้วย แล้วเกิดเรื่องขณะอยู่ต่อหน้าฝูงชนทั้งหลายเขาก็ไม่อาจเห็นความตายโดยไม่ช่วยเหลือ ฮิ ฮิ ฮิ …นี่ช่างน่าสนุกจริงๆ
——
คุยกันนิดนึง: ใช้! กำลังสนุกมากๆ เลย
ตอนต่อไป “สาวน้อยและราชาสุนัขป่า”