ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 974 ราชาวิญญาณ (4)

บทที่ 974 ราชาวิญญาณ (4)

“รู้​ไหม​ว่า​ที่นี่​ที่ไหน​” ลู่​เซิ่งชี้ไปที่​พื้น​

สการ์เล็ต​งุนงง​

“บ้าน​ฉัน​เอง​โว้ย​!” ลู่​เซิ่งมีน้ำ​โห​บ้าง​แล้ว​

เขา​ตะปบ​มือ​ใส่คอ​ของ​สการ์เล็ต​

ตูม​ๆๆ!

พริบตา​นั้น​พลัน​มีรังสี​สีแดง​ระเบิด​ขึ้น​บน​ฝ่ามือ​ของ​ลู่​เซิ่งอย่าง​ต่อเนื่อง​

เขา​ยิ่ง​เข้าใกล้​สการ์เล็ต​มาก​เท่าไร​ การ​โจมตี​กับ​การ​กัดกร่อน​ใน​ฝ่ามือ​ที่​เจอ​ก็​ยิ่ง​รุนแรง​มาก​เท่านั้น​

เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​สการ์เล็ต​ครอบครอง​ชุด​ป้องกัน​มาร​มายา​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​โลก​

นั่น​คือ​ปราการ​เกราะ​ที่ว่า​กัน​ว่า​ต้านทาน​การ​โจมตี​ด้วย​กระสุน​นิวเคลียร์​ได้​ มัน​มีวงแหวน​เวท​หลาก​หลายชนิด​มากกว่า​หมื่น​ชั้น​ซึ่งเชื่อม​ระบบ​ป้องกัน​เข้าด้วยกัน​

“หือ​” พอ​รู้สึก​ได้​ถึงแรง​ต้าน​ ลู่​เซิ่งก็​ส่งเสียง​อย่าง​ฉงน​ ก่อน​เพิ่ม​พละกำลัง​ขึ้น​อย่าง​รวดเร็ว​

ฝ่ามือ​ของ​เขา​ห่าง​จาก​คอ​ของ​สการ์เล็ต​แค่​ไม่กี่​เซนติเมตร​ แต่​ใน​ระยะ​ไม่กี่​เซนติเมตร​นี้​ แสงสีแดง​นับไม่ถ้วน​ระเบิด​ขึ้น​บน​มือ​เขา​ พลังงาน​ใน​ลักษณะ​ตาข่าย​สีแดง​ดำ​หลาย​สาย​เริ่ม​ปกคลุม​มือ​เขา​ไว้​

ตูม​ๆๆ!

แรง​ต้าน​แข็งแกร่ง​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ เริ่ม​กลายเป็น​ลูกบาศก์​สีแดง​อม​ดำ​ ห่อหุ้ม​ทุก​ส่วน​ของ​สการ์เล็ต​เอาไว้​

มือ​ของ​ลู่​เซิ่งกำลัง​ปะทะ​เข้ากับ​รู​รู​หนึ่ง​บน​ผิว​ลูกบาศก์​

“อะไร​กัน​เนี่ย​ ยังมี​รู​ที่​ฉัน​เข้าไป​ไม่ได้​อยู่​ด้วย​เหรอ​” ลู่​เซิ่งประหลาดใจ​

เวลานี้​สการ์เล็ต​ได้สติ​กลับมา​แล้ว​ พลัน​ผุด​สีหน้า​เคร่งขรึม​

เมื่อครู่นี้​เธอ​เพียง​นึกไม่ถึง​ว่า​มนุษย์​ธรรมดา​คน​หนึ่ง​จะมีพละกำลัง​มหาศาล​ได้​ถึงขนาด​นี้​ พละกำลัง​นั้น​แข็งแกร่ง​กว่า​มาร​ยักษา​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใต้​การบังคับบัญชา​ของ​เธอ​ด้วยซ้ำ​

ความจริง​เธอ​ยัง​ไม่ได้รับ​ข่าว​ที่​มาร​ยักษา​ของ​ตน​ถูก​จับเป็น​เชลย​ ไม่อย่างนั้น​เวลา​นึ้​คงจะ​ไม่ประหลาดใจ​กับ​พละกำลัง​ของ​ลู่​เซิ่งแน่ๆ​

“นึกไม่ถึง​ว่า​คน​ที่​แบล็ค​มิสต์​รัก​ จะเป็น​พ่อ​หนุ่ม​รูปหล่อ​ที่​หา​ยาก​คน​หนึ่ง​” เธอ​ยิ้ม​อย่าง​หยาดเยิ้ม​ตาม​ความเคยชิน​

“น่าเสียดาย​จริงๆ​…อยาก​มาอยู่​กับ​พี่สาว​ไหม​ แบล็ค​มิสต์​ใกล้​จะดับสูญ​อย่าง​สมบูรณ์​แล้ว​ เจ้าอยู่​กับ​นาง​ไปก็​ไม่มีความหวัง​กับ​อนาคต​อะไร​หรอก​”

ลู่​เซิ่งเงยหน้า​ขึ้น​มอง​เธอ​

“แบล็ค​มิสต์​เป็น​ใคร​”

“หวัง​จิ้ง หรือ​ก็​คือ​พี่สาว​ของ​เจ้าไง” สการ์เล็ต​หัวเราะ​

ตูม​!

แขน​ของ​ลู่​เซิ่งมีเมือก​สีดำ​อม​ม่วง​ปกคลุม​ มัน​เจาะทะลุ​รู​ป้องกัน​สีแดง​ไปจับ​คอ​ของ​เธอ​ได้​พอดี​

ตูม​!

พละกำลัง​อัน​มหาศาล​ทำให้​สการ์เล็ต​กระแทก​ใส่กำแพง​ของ​คฤหาสน์​ด้านหลัง​อย่าง​แรง​ จน​เกิด​รอยแตก​ขึ้น​เหมือน​ใยแมงมุม​

สการ์เล็ต​ที่​ไม่ทัน​ตั้งตัว​ผุด​สีหน้า​ตกตะลึง​ โดน​กด​ไว้​บน​กำแพง​ ดิ้น​ไม่หลุด​อยู่​ชั่วขณะ​

“เจ้า!” ใบหน้า​ของ​เธอ​แดงก่ำ​ จากนั้น​ก็​ถลึงตา​อ้า​ปาก​ คิดไม่ถึง​โดยสิ้นเชิง​ว่า​จะพลาดท่า​ง่ายๆ​

ครืน​!

เธอ​พ่น​คลื่น​อัน​น่ากลัว​ที่​ไร้​รูปร่าง​ออก​มาจาก​ปาก​อย่าง​บ้าคลั่ง​

ลู่​เซิ่งกำลังจะ​เพิ่ม​แรง​ อยู่​ๆ มือ​ก็​คลาย​ออก​

พอ​มอง​ด้านหน้า​อีกครั้ง​ สการ์เล็ต​ก็​ล้ม​ลง​ไปแล้ว​ สอง​ตา​สูญเสีย​ประกาย​ ร่างกาย​หลอมละลาย​อย่าง​รวดเร็ว​เหมือน​เทียนไข​

พริบตาเดียว​ก็​เหลือ​แค่​โคลน​สีแดง​ไหล​นอง​อยู่​บน​พื้น​เท่านั้น​

เปรี้ยง​!

เวลานี้​หวง​ย่า​เพิ่ง​พัง​ประตู​เข้ามา​ ก่อน​จะเห็น​โคลน​สีแดง​ที่​กำลัง​ละลาย​หาย​ไปบน​พื้น​พอดี​

“หุ่นเชิด​เลือด​หรือ​” เธอ​เหมือน​จะรู้จัก​มัน​

“หมายความว่า​ไง” ลู่​เซิ่งมอง​เธอ​

“วิชา​แทน​ตัว​ระดับ​สูงสุด​ชนิด​หนึ่ง​ สามารถ​เปลี่ยน​ตำแหน่ง​กับ​หุ่นเชิด​ของ​ตัวเอง​ได้​ใน​เวลา​ที่​สั้น​ที่สุด​เพื่อให้​บรรลุผล​ตาย​แทน​” หวง​ย่า​ผุด​สีหน้า​คร่ำเคร่ง​ “ยิ่ง​เป็น​ผู้​ที่​มีพลัง​วิญญาณ​แข็งแกร่ง​ ก็​จะสับเปลี่ยน​ร่าง​ใน​ระยะทาง​ที่​ไกล​มาก​ๆ ได้​”

เธอ​เดิน​เข้าไป​ทรุดนั่ง​มอง​รอย​แตกกลุ่ม​ใหญ่​บน​ผนัง​อย่าง​ตะลึง​เล็กน้อย​ จากนั้น​ก็​ป้าย​โคลน​แดง​บน​พื้นที่​ยัง​ไม่สลาย​ขึ้น​มาดม​

“เป็น​วิชา​ที่​มีระดับสูง​มาก​ ฉัน​ไม่เคย​เห็น​หุ่นเชิด​สับตัว​ที่​มีระดับ​ความ​เข้มข้น​ของ​พลัง​วิญญาณ​แบบนี้​มาก​่อน.​..นี่​…นี่​มัน​…ช่าง”

เธอ​ตื่นตระหนก​ถึงขีดสุด​

“ช่างเถอะ​ ไม่เป็นไร​แล้ว​ หา​คน​มาจัดการ​ผนัง​ให้​ฉัน​ที​ นอกจากนี้​…” ลู่​เซิ่งยัง​คิด​จะถามอะไร​อีก​

อยู่​ๆ ประตู​ห้อง​ก็​ถูก​กระแทก​เปิด​อีกครั้ง​

เงาสีขาว​สาย​หนึ่ง​กระโจน​เข้าใส่​อ้อม​อก​ของ​เขา​

“ตงตง…!”​

เดิม​ลู่​เซิ่งกำลังจะ​ง้างเท้า​ถีบ​ พอ​ได้ยิน​เสียง​และ​ได้กลิ่น​ที่​คุ้นเคย​ ร่างกาย​ก็​ผ่อนคลาย​ลง​

เขา​ชัก​แขน​กลับ​ กอด​หวัง​จิ้งเอาไว้​ใน​ทรวงอก​อย่าง​แนบแน่น​

เดิน​ทางผ่าน​มาหลาย​โลก​ ตอนแรก​เขา​รู้สึก​ว่า​คง​หา​ภรรยา​ไม่ได้​อีกแล้ว​

ยัง​ดี​ที่​ตอนนี้​ได้​เจอ​พี่สาว​ผู้​เป็น​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ที่​เป็น​อมตะ​ หลังจาก​รู้​ว่า​หวัง​จิ้งเป็น​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ ลู่​เซิ่งก็​รู้​ว่า​

เธอ​จะต้อง​ทน​ไหว​แน่​

“ไม่เป็นไร​ใช่ไหม​ ผม​กำลังจะ​ไปหา​พี่​อยู่เลย​!” ลู่​เซิ่งรีบ​แสดง​ความเป็นห่วง​เป็น​ใย​

“ไม่เป็นไร​…แค่​ เหนื่อย​นิดหน่อย​” หวัง​จิ้งโอบกอด​ลู่​เซิ่งเอาไว้​

“เหนื่อย​ไม่เป็นไร​ พักผ่อน​หน่อย​ก็​ดีขึ้น​เอง​” ลู่​เซิ่งอุ้ม​หวัง​จิ้งพร้อมกับ​ขยิบตา​ให้​หวง​ย่า​ที่อยู่​ใกล้​ๆ

ฝ่าย​หลัง​เข้าใจ​ ถือ​หอก​ยาว​เดิน​ออก​ไปอย่าง​หมด​คำพูด​

ลู่​เซิ่งอุ้ม​หวัง​จิ้งไปวาง​ไว้​บน​เตียง​ที่​ชำรุด​ใน​ห้องนอน​อย่าง​แผ่วเบา​

“เธอ​ กลัว​ไหม​” พอ​หวัง​จิ้งเข้ามา​ ก็​สัมผัส​ได้​ถึงกลิ่นอาย​ที่​หลง​เหลืออยู่​ของ​สการ์เล็ต​ได้​ทันที​ เมื่อ​เห็น​ท่าทาง​ของ​ลู่​เซิ่งก็​เดา​ออ​กว่า​เขา​อาจจะ​รู้​ความจริง​บางส่วน​แล้ว​

“กลัว​อะไร​” ลู่​เซิ่งถามอย่าง​สงสัย​

“ผู้หญิง​…คน​เมื่อกี้​…” จิตใจ​ของ​หวัง​จิ้งมีปัญหา​มาเป็นเวลา​นาน​ จึงชิน​กับ​การ​พูดจา​กระท่อนกระแท่น​

“ผู้หญิง​คน​นั้น​เหรอ​”

หวัง​จิ้งพยักหน้า​น้อย​ๆ

เธอ​ไม่รู้​ว่า​ทำไม​สการ์เล็ต​ถึงไม่จับตัว​ลู่​เซิ่งไว้​ แต่​อีก​ฝ่าย​เจอ​จุดอ่อน​ของ​เธอ​แล้ว​ และ​ใน​เมื่อ​มีครั้งแรก​ ก็​ต้อง​มีครั้ง​ที่สอง​ ครั้ง​ที่สาม​ตามมา​

ลู่​เซิ่งลูบ​คาง​

“เธอ​กับ​ผม​ไม่ได้​พูด​อะไร​กัน​มาก​ จะว่า​ไปก็​สวย​อยู่​นะ​ แต่​เนื้อ​เยอะ​ไปนิดหน่อย​…พี่​ถามว่า​กลัว​ไหม​เหรอ​ ผม​ไม่ได้​รู้สึก​อะไร​”

“สวย​หรือ​”

หวัง​จิ้งมีสีหน้า​ไร้อารมณ์​ เพียงแต่​อยู่​ๆ ก็​ยิ้ม​อย่าง​อ่อนโยน​

“ไม่ต้อง​ห่วง​…อีกไม่นาน​นาง​ก็​จะตาย​แล้ว​”

“เอ่อ​…ทำไม​เหรอ​ครับ​ พี่​กับ​เธอ​มีความแค้น​กัน​เหรอ​” ลู่​เซิ่งถามอย่าง​แปลกใจ​

“…” หวัง​จิ้งส่ายหน้า​ไม่พูด​อะไร​อีก​

หลังจาก​ลู่​เซิ่งพักผ่อน​เป็นเพื่อน​เธอ​สักพัก​ ก็​ลุก​ออก​มาจาก​ห้อง​

หวง​ย่า​กับ​คน​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ยัง​รอ​อยู่​ด้านนอก​

“เป็น​ยังไง​บ้าง​ศิษย์​น้อง​” หวง​ย่า​เข้ามา​ถาม

“ยัง​ดี​ ไม่ได้รับบาดเจ็บ​ เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​คน​ที่​บีบคั้น​ให้​พี่สาว​ของ​ฉัน​เหนื่อย​ได้ขนาด​นี้​เป็น​ใคร​” ลู่​เซิ่งถามอย่าง​สงสัย​

“พวกเรา​จะพยายาม​ตรวจสอบ​เบาะแส​ให้​เจอ​โดยเร็ว​ที่สุด​” ผู้จัดการ​เรื่องราว​ของ​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​เอ่ย​เสียง​ขรึม​

“ไม่เป็นไร​ ความจริง​เรื่อง​นี้​ไม่เกี่ยวกับ​พวกคุณ​” หลังจาก​ทราบ​ว่า​พี่สาว​เป็น​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ ลู่​เซิ่งก็​สงสัย​ว่า​สำนัก​เคลื่อน​ภูผา​จะช่วย​อะไร​ได้​หรือไม่​

“ใน​เมื่อ​ไม่เป็นไร​ อย่างนั้น​พวกเรา​ไม่รบกวน​แล้ว​ นาย​พักผ่อน​กับ​พี่สาว​นาย​เถอะ​” ลู่​เซิ่งกะพริบตา​

“อย่า​ลืม​ป้องกัน​ด้วย​ล่ะ​” ประโยค​สุดท้าย​ทำให้​สีหน้า​ลู่​เซิ่งพิกล​เล็กน้อย​

เขา​ทราบ​ว่า​หวัง​จิ้งใน​ตอนนี้​ยัง​ทน​ร่าง​หลัก​ของ​เขา​ไม่ได้​ แต่​เธอ​มีศักยภาพ​นี้​

เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​คล้าย​จะมีความเกี่ยวข้อง​กับ​พลัง​แห่ง​ความ​รกร้าง​โดยธรรมชาติ​ พลัง​ชนิด​นี้​มีระดับ​ชั้นสูง​สุดขีด​ ต่อให้​อยู่​ใน​โลก​ที่​น่ากลัว​อย่าง​โลก​บรรพกาล​ที่​มีเทพ​กับ​พระพุทธเจ้า​เดิน​อยู่​เต็ม​ไปหน​ด​ และ​มีผู้วิเศษ​เป็น​ผู้ควบคุม​ฟ้าดิน​แล้ว​ พลัง​แห่ง​ความ​รกร้าง​ก็​เป็น​พลัง​ระดับ​สูงสุด​ของ​โลก​เช่นเดียวกัน​

“พอแล้ว​ๆ รีบ​กลับ​ไปเถอะ​” ลู่​เซิ่งโบกมือ​ไล่​คน​

หลังจาก​พวก​หวง​ย่า​จากไป​ เขา​ก็​เดิน​พล่าน​อยู่​ใน​ห้องรับแขก​ ก่อน​จะหยิบ​โทรศัพท์​มากด​เบอร์โทรศัพท์​เบอร์​หนึ่ง​

ทาง​ปลาย​สาย​มีเสียงดัง​ตู้​ดๆ​ สอง​ครั้ง​ ก่อน​จะถูกรับ​อย่าง​รวดเร็ว​

“นาย​ท่าน​ มีคำสั่ง​อะไร​หรือ​คะ​” เสียง​ของ​เจย์​ลา​ดัง​มาจาก​ปลาย​สาย​

“เตรียมตัว​พร้อม​หรือยัง​” ลู่​เซิ่งย้อนถาม​

“…ตอนนี้​ฉัน​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ห้องสมุด​ของ​คุณตา​ ถ้าสำเร็จ​ ฉัน​จะโทรศัพท์​หา​ท่าน​ ถ้าล้มเหลว​…” เจย์​ลา​ไม่พูด​อะไร​อีก​ สาวก​เทพ​นอกรีต​หลัง​ถูก​ฝังกาฝาก​จะมีความแน่วแน่​เต็มเปี่ยม​

ใน​หมู่​สาวก​ผู้​งมงาย​ยังมี​พวก​หลบหนี​ แต่​สาวก​เท​ทพ​นอกรีต​ไม่อาจ​ทรยศ​ได้​

“เธอ​ทำสำเร็จ​แน่​” ลู่​เซิ่งดู​เวลา​แล้ว​วางสาย​

นอกจาก​มาร​มายา​ระดับสูง​ที่​ต้านทาน​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​พลัง​เทพ​นอกรีต​ได้​ มาร​มายา​ที่​เหลือ​และ​คนธรรมดา​ไม่มีใคร​ป้องกัน​การ​กัดกร่อน​สองชั้น​ที่​มาจาก​ร่างกาย​และ​จิตใจ​ได้​

ลู่​เซิ่งวางโทรศัพท์​แล้ว​หลับตา​สัมผัส​ดู​

“แอนดี้​” เขา​ส่งเสียง​เรียก​ เหมือน​คุย​กับ​อากาศ​

ซู่…

หมอก​ดำ​กลุ่ม​หนึ่ง​โผล่​ขึ้น​ด้านหน้า​เขา​ แล้ว​กลายเป็น​มนุษย์​หมอก​ดำ​อย่าง​รวดเร็ว​

เป็น​มนุษย์​หมอก​ดำ​ที่​เขา​ได้​ช่วยเหลือ​เอาไว้​นั่นเอง​

“ฝ่าบาท​ ท่าน​ต้องการ​ถามอะไร​”

แอนดี้​มีหน้าที่​ตอบคำถาม​ทั่วไป​ให้​กับ​ลู่​เซิ่งโดยเฉพาะ​ เวลานี้​แม้จะถูก​อัญเชิญ​ออกมา​ แต่​ใน​ใจกลับ​ไม่มีความสุข​แม้แต่น้อย​

เขา​ไม่อยาก​จะสนทนา​กับ​พวก​ชอบ​ความรุนแรง​อย่าง​ลู่​เซิ่ง

“เล่า​ข้อมูล​เกี่ยวกับ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ให้​ฟังหน่อย​” ลู่​เซิ่งว่า​

“เรื่อง​นี้​ไม่ยาก​”

แอนดี้​ดีดนิ้ว​ พลัน​มีหมอก​ดำ​สาย​หนึ่ง​พรั่งพรู​ออกจาก​ฝ่ามือ​ก่อน​จะกลายเป็น​กรอบ​ภาพ​ขนาดใหญ่​ที่สูง​หนึ่ง​เมตร​กว่า​ๆ อย่าง​รวดเร็ว​

ใน​กรอบ​ภาพ​แขวน​ภาพ​น้ำมัน​สีรุ้ง​อยู่​ภาพ​หนึ่ง​

เงาคน​ที่​มีสีแตก​ต่างกัน​สามคน​ปรากฏ​ออกมา​บน​ภาพ​น้ำมัน​

ลู่​เซิ่งมอง​หญิง​งามที่​สวม​หมวก​กลม​สีดำ​ ใส่กระโปรง​ดำ​และ​คลุม​เสื้อคลุม​สีดำ​เป็น​อันดับ​แรก​

หน้าตา​และ​บุคลิก​ของ​คน​คน​นั้น​คล้าย​หวัง​จิ้งเป็นอย่างมาก​

อีก​สอง​คน​ คน​หนึ่ง​เป็น​ชาย​ผม​ทอง​ที่​ทั่ว​ร่าง​เป็น​สีทองคำขาว​ แต่งตัว​ฉูดฉาด​

ยังมี​ผู้หญิง​ผม​สีเงิน​ที่​เขา​ได้​เจอ​เมื่อ​ครู่​

“นี่​คือ​รูป​สามเทพ​” แอนดี้​แนะนำ​

“ตั้งแต่​อดีต​จนถึง​ปัจจุบัน​ นานมาแล้ว​ เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​เป็น​ผู้ชม​ความรุ่งเรือง​เสื่อมโทรม​ของ​อารยธรรม​มนุษย์​มาโดยตลอด​”

“เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ครอบครอง​ปริศนา​ของ​ชีวิต​อมตะ​ และ​คน​ที่​ตามหา​ชีวิต​อมตะ​นับไม่ถ้วน​ก็​ดาหน้า​กัน​มาไม่ขาดสาย​ พอ​เทพเจ้า​องค์​ใหม่​คลั่ง​เพราะ​ความ​เดียวดาย​ ก็​จะมีผู้รับ​ช่วงต่อ​ เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​จึงค่อยๆ​ เหลือ​แค่​เทพเจ้า​ระดับ​สูงสุด​สามองค์​ภายใต้​การคัดเลือก​ของ​กาลเวลา​”

แอนดี้​เอ่ย​ด้วย​น้ำเสียง​เคารพ​

“นาม​ของ​ทั้ง​สามท่าน​นี้​คือ​ แบล็ค​มิสต์​ แพลทินัม​ และ​สการ์เล็ต​ ราชา​เทพ​ที่​พวกเรา​ติดตาม​คือ​แบล็ค​มิสต์​ ซึ่งมีขุม​กำลัง​ใต้​สังกัด​ชื่อ​ภัยพิบัติ​แห่ง​ผลกรรม​”

“ภัยพิบัติ​แห่ง​ผลกรรม​หรือ​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​อย่าง​แปลกใจ​ “ชื่อ​นี้​ยิ่งใหญ่​เกินไป​หน่อย​มั้ง”

“ไม่ขอรับ​…ไม่ได้​ยิ่งใหญ่​เกินไป​เลย​” แอนดี้​ส่ายหน้า​ “ความจริง​เหล่า​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​เป็น​จุดจบ​ของ​ทุก​ผลกรรม​ ส่วน​แบล็ค​มิสต์​หรือ​นาย​ท่าน​ ก็​อยู่​ที่​ปลาย​สุด​ของ​วิถี​ผลกรรม​ เป็น​ร่าง​จุติ​แห่ง​จุดจบ​ของ​สรรพสิ่ง​”

“โลก​ของ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​เป็น​ต้นกำเนิด​ของ​พวก​นาย​ท่าน​ หาก​โลก​แห่ง​เทพ​ไม่ถูก​ทำลาย​ นาย​ท่าน​ก็​ไม่มีวัน​ตาย​”

“แล้ว​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ตาย​ได้​อย่างไร​” ลู่​เซิ่งถามประเด็นสำคัญ​ของ​คำถาม​

ใน​เมื่อ​บอ​กว่า​ไม่มีวัน​ตาย​ อย่างนั้น​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​จำนวนมาก​เหลือ​แค่​สามคน​ได้​อย่างไร​

“ถูก​กิน​ขอรับ​” น้ำเสียง​ของ​แอนดี้​แผ่ว​ทุ้ม​กว่า​เดิม​ “พลัง​ของ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​มีแต่​พวก​เดียวกัน​เท่านั้น​ถึงจะกิน​ได้​ และ​ผู้​ที่​ถูก​กิน​ก็​จะดับสูญ​และ​หาย​ไปอย่าง​สมบูรณ์​ มีแต่​ร่าง​จริง​ของ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​เท่านั้น​ถึงจะฆ่าเทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ด้วยกัน​ได้​”

ลู่​เซิ่งพยักหน้า​น้อย​ๆ ถ้าเทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ใช้พลัง​แห่ง​ความ​รกร้าง​เป็น​แกน​หลัก​จริงๆ​ อย่างนั้น​ก็​น่าจะ​มีเรื่อง​แบบนี้​

พลัง​แห่ง​ความ​รกร้าง​มาจาก​พลัง​แห่ง​ความว่างเปล่า​ ตามที่​หง​จวิน​บอก​ นี่​เป็น​พลัง​ที่​มิติ​รอง​ของ​จักรวาล​นับไม่ถ้วน​ทำลาย​ทิ้ง​ไม่ได้​

มัน​คือ​อีก​ขั้ว​ของ​การดำรงอยู่​ จึงกลายเป็น​สมดุล​กับ​วัตถุ​ที่​ดำรงอยู่​โดยธรรมชาติ​

ดังนั้น​นอกจาก​พลัง​จาก​แหล่ง​เดียวกัน​ สิ่งอื่นๆ​ เกรง​ว่า​จะได้​แต่​ถูก​ถือเป็น​อาหาร​ของ​พวก​มัน​เท่านั้น​

ลู่​เซิ่งย้อน​นึกถึง​พริบตา​ที่​ได้​สัมผัส​กับ​สการ์เล็ต​เมื่อ​ก่อนหน้านี้​

“คำถาม​สุดท้าย​” เขา​มอง​ไปยัง​ด้าน​บนสุด​ของ​ภาพ​น้ำมัน​

“นั่น​คือ​อะไร​” เขา​ชี้วัตถุ​ทรงกลม​สีเงินก้อน​หนึ่ง​ที่​ลอย​อยู่​เหนือศีรษะ​ของ​สามเทพ​

ของ​สิ่งนั้น​คือ​ดวงตา​แห่ง​ความเลวทราม​ที่​เขา​เฝ้าตามหา​มานาน​ ไม่ใช่แค่​สีกับ​รูปร่าง​เท่านั้น​ แม้แต่​ลวดลาย​ก็​เหมือนกัน​ไม่ผิดเพี้ยน​

……………………………………….

Options

not work with dark mode
Reset