ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 970 วิปโยค (2)

บทที่ 970 วิปโยค (2)

“อาย​ดี้…​ฉัน​ชอบ​ชื่อ​นี้​นะ​” ลู่​เซิ่งถูมือสอง​ข้าง​ที่​เปื้อน​เข้ากับ​เปลือกไม้​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ จากนั้น​ก็​เดิน​เข้าหา​มาร​ยักษา​อาย​ดี้​ที่​มีหัว​เป็น​กระทิง​ตัว​เป็น​มนุษย์​ซึ่งหันหลัง​ให้​เขา​

“หือ​? เมื่อครู่นี้​เจ้าเป็น​คน​ตะโกน​หรือ​” มาร​ยักษา​ค่อยๆ​ หันหน้า​มามอง​ลู่​เซิ่งที่​เดิน​เข้ามา​ด้านหลัง​

“แก​เดา​ดู​สิ” ลู่​เซิ่งยิ้ม​

เค​ร้ง!​

เขา​ยก​มือขึ้น​กัน​ขวาน​ด้าม​สั้น​ที่​มนุษย์​หัว​กระทิง​จามลง​มาจาก​ทาง​ซ้ายมือ​

ส่วน​ฝ่ามือ​อีก​ข้าง​ตบ​ใส่ด้าน​ข้าง​หัวขวาน​เบา​ๆ

หัวขวาน​เหมือนกับ​ถูก​บีบ​แบน​ไปอย่าง​ไร้​สุ้มไร้​เสียง​

ลู่​เซิ่งคลาย​สอง​มือ​ออก​ แล้ว​เตะ​ขา​ขวา​ใส่ขา​ของ​มาร​ยักษา​ดุจ​สาย​ฟ้าแลบ​

ครืน​!

ขณะ​ที่สอง​ขา​ของ​ทั้งสองฝ่าย​ปะทะ​กัน​ กางเกง​บน​ขา​ก็​พลัน​กลายเป็น​ชิ้นส่วน​กระจัดกระจาย​

เปรี้ยง​ๆๆ!

พลังงาน​อัน​น่ากลัว​ปะทะ​กัน​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ ลู่​เซิ่งถึงกับ​ตกเป็น​ฝ่าย​เสียเปรียบ​ โดน​กระแทก​ถอยหลัง​ติดต่อกัน​

พื้น​ด้าน​หลังเขา​ถูก​พละกำลัง​ยิ่งใหญ่​กระแทก​เป็น​หลุม​ดิน​ขนาด​ต่างๆ​

พละกำลัง​ถูกลู่​เซิ่งเหนี่ยวนำ​ไปถึงข้างใต้​พื้น​เพื่อให้​พื้นดิน​รองรับ​การ​สั่นสะเทือน​แทน​

แต่​เมื่อ​เป็น​แบบนี้​ พื้น​ข้างใต้​เขา​จึงโดน​ลูกหลง​ไปด้วย​

พลัง​กระแทก​มากมาย​เหมือน​ระเบิด​ กระแทก​กรวด​หิน​ดินทราย​ข้าง​ใต้เท้า​เขา​จน​แหลก​

ตูม​!

พละกำลัง​ใน​การระเบิด​ครั้งสุดท้าย​ของ​มาร​ยักษา​เพิ่มขึ้น​เป็น​สามเท่า​ใน​พริบตา​

ลู่​เซิ่งกัน​สอง​แขน​ไว้​ด้านหน้า​ ก่อน​จะถูก​พละกำลัง​อัน​มหาศาล​ถีบ​กระเด็น​ออก​ไป ทะลุ​เข้าไป​ใน​ผา​หิน​ด้านหลัง​ กลาย​เป็นโพรง​หิน​ขนาด​ไม่เล็ก​ไม่ใหญ่​

“เจ้าโง่!” มาร​ยักษา​อาย​ดี้​แค่น​เสียงหัวเราะ​ มัน​ที่อยู่​มานาน​เพิ่งจะ​เคย​เห็น​คน​กล้า​วัด​กำลัง​กับ​มาร​ยักษา​เป็นครั้งแรก​

มัน​โยน​ขวาน​ทิ้ง​ แล้ว​หมุนตัว​มอง​ไปยัง​มิน​เค​อ​

“ตอนนี้​ถึงคราว​พวก​แก​แล้ว​”

เปรี้ยง​

ร่าง​มัน​งอ​เป็น​กุ้ง​ เอว​ถูก​พละกำลัง​ยิ่งใหญ่​เหมือนกับ​กระสุน​ปืนใหญ่​กระแทก​เข้า​ แล้ว​กระเด้ง​ไปกับ​พื้น​หลายครั้ง​ หลังจาก​สร้าง​หลุม​ใหญ่​ห้า​หก​เมตร​ขึ้น​มาแล้ว​ ก็​ไปนอนแผ่​อยู่​ใน​กอง​หิน​

ใน​ตำแหน่ง​เดิม​ของ​มัน​ ลู่​เซิ่งที่​ร่างกาย​ใหญ่​กว่า​เมื่อ​ครู่หนึ่ง​เท่าตัว​ สูงเกือบ​สามเมตร​ พ่น​ไอ​ร้อน​ออก​มาจาก​จมูก​ ก่อน​จะค่อยๆ​ ชัก​เข่า​กลับ​

เขา​สวม​เกราะ​พลัง​วิญญาณ​สีดำ​สนิท​ไว้​ทั่ว​ร่าง​ พลัง​วิญญาณ​มากมาย​ใน​ป่าเริ่ม​รวมตัวกัน​บน​ผิวหนัง​ของ​เขา​โดยอัตโนมัติ​

“สงคราม​เพิ่งจะ​เริ่ม​เท่านั้น​” ลู่​เซิ่งอ้า​ปาก​ พร้อมกับ​พุ่ง​เข้าใส่​มาร​ยักษา​ที่อยู่​ใน​กอง​หิน​ไกล​ออก​ไป

“ตาย​เสียเถอะ​! มรรคา​ยุทธ์​ทำลายล้าง​ใน​พริบตา​!” เขา​ตั้ง​ฝ่ามือขวา​ดุจ​ดาบ​ ส่งการสั่น​ไหว​น้อย​ๆ วาด​เป็น​เส้นโค้ง​ประหลาด​สาย​หนึ่ง​กลางอากาศ​ ก่อน​จะพุ่ง​โดน​ร่าง​มาร​ยักษา​ใน​กอง​หิน​อย่าง​สะเทือน​เลื่อน​ลั่น​

มาร​ยักษา​อาย​ดี้​เพิ่งจะ​สั่น​หน้า​ลุกขึ้น​ ยัง​ไม่ทัน​ได้สติ​

พอ​สัมผัส​ความผิดปกติ​ได้​ มัน​ก็​เบิก​ตาโต​และ​ยก​สอง​แขน​ขึ้น​กัน​ไว้​ด้านหน้า​ด้วย​ความเร็ว​สูง

เปรี้ยง​!

พลัง​ทะลุทะลวง​อัน​ยิ่งใหญ่​เจาะทะลุ​สอง​แขน​ของ​มัน​ แล้ว​ทะลวง​เข้าไป​ใน​ทรวงอก​ของ​มัน​

เปรี้ยง​!

มัน​กระอัก​เลือด​ออกมา​คำโต​

“ทะลวง​!” ลู่​เซิ่งคำราม​ต่ำ​ๆ พร้อม​เพิ่ม​พลัง​ใส่ดาบ​ฝ่ามือ​ ร่างกาย​ขยาย​ใหญ่​ด้วย​ความเร็ว​สูง!

พรุ่บ!​

ฝ่ามือ​ของ​เขา​ทะลุ​สอง​แขน​ของ​มาร​ยักษา​ แล้ว​เจาะเข้า​ทรวงอก​ของ​มัน​เหมือน​ตัด​เต้าหู้​

“หา​ที่​ตาย​! อ๊ากก!”​ อาย​ดี้​แผดเสียง​ ถ่มเลือด​ออก​มาจาก​ปาก​ ก่อน​จะกอดรัด​ลู่​เซิ่งแล้ว​โถมตัว​ไปด้านหลัง​

ตูม​!

ทั้งสอง​คน​ปะทะ​เข้ากับ​ต้นไม้​ยักษ์​ขนาด​สี่เมตร​กว่า​ๆ จน​ลำต้น​จมเป็น​หลุม​ใหญ่​

“ตาย​ซะ!” ลู่​เซิ่งผุด​สีหน้า​เหี้ยมเกรียม​ ตะปบ​ฝ่ามือ​ใส่ทรวงอก​ของ​มาร​ยักษา​ แล้ว​จับ​อะไร​สัก​อย่าง​เอาไว้​ ก่อน​จะกระชาก​ออกมา​ด้านนอก​

ฉูด​…

กระดูกสันหลัง​สีขาว​ถูก​เขา​กระชาก​ออกมา​

เปรี้ยง​!

มาร​ยักษา​อาย​ดี้​เงยหน้า​ร้อง​คำราม​ใน​ทันใด​

ร่างกาย​ของ​มัน​และ​กระดูกสันหลัง​ใน​มือ​ลู่​เซิ่งระเบิด​กลายเป็น​จุด​แสงสีดำ​นับไม่ถ้วน​โดยอัตโนมัติ​ ก่อน​จะสลาย​ไป

มาร​ยักษา​อาย​ดี้​ผู้​มีร่าง​ใหญ่โต​เปลี่ยน​ร่าง​จาก​มายา​เป็นจริง​ กลาย​เป็นรูปเป็นร่าง​ด้วย​ความเร็ว​สูงบน​ที่ว่าง​อีก​แห่ง​หนึ่ง​

“นี่​คือ​ความ​เป็น​อมตะ​ที่ว่า​งั้น​หรือ​” ลู่​เซิ่งคลาย​ฝ่ามือ​ออก​พร้อมกับ​พุ่ง​ใส่มาร​ยักษา​ที่เกิด​ใหม่​อีกครั้ง​

เจ้าตัว​นี้​มีพละกำลัง​สูงสุดขีด​ เพียงแค่​อ่อนแอ​กว่า​เขา​เล็กน้อย​เท่านั้น​ กอปร​กับ​ประสบการณ์​ผ่าน​ร้อย​สมรภูมิ​และ​ร่าง​อมตะ​ที่​ฆ่าไม่ตาย​

สำหรับ​กลุ่มก้อน​ทั่วไป​แล้ว​ นี่​เป็น​ตัวตน​ที่​ไร้​เทียมทาน​

ใน​เวลา​ต่อจากนี้​ ลู่​เซิ่งทดลองใช้​วิธีการ​มากมาย​สังหาร​มาร​ยักษา​อาย​ดี้​ แต่กลับ​ไร้​ความหมาย​

ทำลาย​หัว​ ฉีก​เป็น​ชิ้นๆ​ แยก​แขน​แยก​ขา​ ใช้ไฟเผา​ ใช้หมด​ทุก​วิถีทาง​

ทันทีที่​ยืนยัน​ได้​ว่า​มาร​ยักษา​สูญเสีย​คุณลักษณะ​ของ​ชีวิต​ ศพ​ก็​จะระเบิด​กลายเป็น​จุด​แสงสีดำ​ จากนั้น​มาร​ยักษา​อาย​ดี้ตน​ใหม่​ก็​จะพุ่ง​ออก​มาจาก​ใน​ความมืด​ และ​ไม่เหลือ​อาการ​บาดเจ็บ​ใดๆ​

ลู่​เซิ่งถึงขั้น​ใช้วิชา​จิต​โน้ม​นำ​ หมาย​จะควบคุม​โดย​ใช้การ​สะกดจิต​ แต่​ก็​ไร้​ความหมาย​ มาร​ยักษา​อาย​ดี้​เหมือน​มีภูมิคุ้มกัน​ต่อ​ความสามารถ​ชนิด​นี้​

แต่​เป็น​เพราะ​กาย​เนื้อ​ของ​ลู่​เซิ่งพิสดาร​ถึงขีดสุด​ ถึงจะสามารถ​ฆ่ามาร​ยักษา​ได้​

หาก​เปลี่ยนเป็น​คนอื่น​ เกรง​ว่า​คง​ต้านทาน​ไม่ไหว​ ถูก​พัวพัน​จนตาย​ไปนาน​แล้ว​

ทักษะ​การต่อสู้​ของ​มาร​ยักษา​อาย​ดี้​แข็งแกร่ง​ถึงขีดสุด​ ทั้ง​ยัง​ผ่าน​มาร้อย​สมรภูมิ​และ​ไม่กลัว​ตาย​ ทำให้​ถนัด​ที่สุด​ใน​การต่อสู้​โดย​ใช้อาการ​บาดเจ็บ​แลก​อาการ​บาดเจ็บ​

ถ้าไม่ใช่เพราะ​มรรคา​ยุทธ์​ทำลายล้าง​ใน​พริบตา​ระดับ​ปรมาจารย์​แข็งแกร่ง​ไร้​เทียมทาน​ หาก​คิด​จะสะกด​อีก​ฝ่าย​ ก็​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​จริงๆ​

ต้นไม้​ยักษ์​หลาย​ต้น​ใน​ป่าโค่นล้ม​ลง​อย่าง​ต่อเนื่อง​

ลู่​เซิ่งกับ​มาร​ยักษา​กำลัง​เข่นฆ่า​กัน​อย่าง​บ้าคลั่ง​ เมื่อ​คำนวณ​ดูดี​ๆ อาย​ดี้​มีพลัง​ใกล้เคียง​กับ​ลู่​เซิ่ง แต่​ร่างกาย​ไม่ทนทาน​เท่า​

ลู่​เซิ่งเป็น​ฝ่าย​ได้เปรียบ​ใน​ด้าน​ขอบเขต​มรรคา​ยุทธ์​ แต่​ไม่ได้​เป็น​อมตะ​เหมือน​อีก​ฝ่าย​ ใน​เมื่อ​ร่างกาย​เขา​ไม่เป็น​อมตะ​ หาก​เสียชีวิต​ก็ได้​แต่​ออกจาก​โลก​ใบ​นี้​ทันที​

ทั้งสองฝ่าย​ฆ่ากัน​เหมือน​สายฟ้า​คำราม​ครืน​ครัน​ พวก​มิน​เค​อ​ที่​เป็น​มนุษย์​หมอก​ดำ​หนี​ออกมา​อยู่ห่างๆ​ เพื่อ​ป้องกัน​ไม่ให้​โดน​ลูกหลง​

โดยเฉพาะ​หลังจาก​เห็น​ลู่​เซิ่งขยาย​ร่าง​ขึ้น​และ​ฉีก​แขน​ข้าง​หนึ่ง​ของ​มาร​ยักษา​ยัด​ใส่ปาก.​..พวกเขา​ต่าง​มีอารมณ์​ปั่นป่วน​

แม้ดูเหมือนว่า​ลู่​เซิ่งกำลัง​ทดลอง​ว่า​จะกำจัด​อีก​ฝ่าย​ได้​หรือไม่​

แต่​วิธีการ​แบบนี้​…

การต่อสู้​กินเวลา​ตั้งแต่​บ่าย​ถึงเย็น​

ป่ามากกว่า​พัน​ตารางเมตร​ประสบ​ภัยพิบัติ​อย่าง​สมบูรณ์​ ถูก​ตัว​ประหลาด​สอง​ตัว​ทำลาย​จน​แหลก​เละ​ดูไม่ได้​

สัตว์​วิเศษ​ที่​ใช้ชีวิต​อยู่​ใน​เทือกเขา​อัน​มีร์​มีบางส่วน​หลบ​ไม่พ้น​ ถ้าไม่ถูกลู่​เซิ่งฟาด​ตาย​ ก็​ถูก​มาร​ยักษา​ที่​คลุ้มคลั่ง​กระแทก​ตาย​

พละกำลัง​ของ​ลู่​เซิ่งเพิ่มขึ้น​หนึ่ง​เท่า​กว่า​ๆ ตามเวลา​ที่​ผ่าน​ไป

กาย​เนื้อ​ของ​เขา​แข็งแกร่ง​ขึ้น​ตลอดเวลา​ภายใต้​การ​หล่อเลี้ยง​ของ​ปราณ​ปฐพี​และ​อัคคี​หงส์​ชาด​

มาร​ยักษา​ที่​เดิม​สูสีกับ​เขา​ หลังจาก​เวลา​ผ่าน​ไปเรื่อยๆ​ ก็​ยิ่ง​ต้านทาน​ไม่ไหว​

ตอนแรก​แบ่ง​ผล​แพ้ชนะ​ใน​หลาย​สิบ​กว่า​กระบวนท่า​ ต่อมา​กลับ​ถูก​ทุบ​ตาย​ใน​ไม่กี่​สิบ​กว่า​กระบวนท่า​

เวลา​หด​สั้น​ลง​เรื่อยๆ​

และ​สิ่งที่​ทำให้​ลู่​เซิ่งจนปัญญา​ก็​คือ​ เจ้าตัว​นี้​มีขวัญ​กำลังใจ​ฮึกเหิม​ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​ ไม่แสดง​การ​ท้อถอย​ให้​เห็น​แม้แต่น้อย​

สุดท้าย​ หลังจาก​ฆ่ามาร​ยักษา​อาย​ดี้​เป็น​รอบ​ที่​หนึ่งร้อย​สามสิบ​เจ็ด​ ลู่​เซิ่งก็​ตัดสินใจ​กลับบ้าน​

แม้พลัง​ฟื้นตัว​ของ​เขา​จะสนับสนุน​ให้​เขา​สู้ได้​สิบ​กว่า​วัน​โดย​ไม่มีปัญหา​ แต่​ส่วน​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​

เขา​ทดลอง​กิน​มาร​ยักษา​อาย​ดี้​มาแล้ว​สิบ​กว่า​ครั้ง​ แต่​กิน​เท่าไร​ก็​ไม่อิ่ม​ คล้าย​กับ​พลังงาน​ที่​บรรจุ​อยู่​ใน​ร่าง​มาร​ยักษา​ไม่ได้​สูงอย่าง​ที่​จินตนาการ​ไว้​

ลู่​เซิ่งรู้สึก​ว่า​ไม่ต่าง​อะไร​กับ​การ​กิน​มนุษย์​ธรรมดา​สอง​สามคน​

แม้ไม่ทราบ​ว่า​เขา​รู้​ได้​อย่างไร​ว่า​คนธรรมดา​บรรจุ​พลังงาน​ไว้​มาก​ขนาด​ไหน​ แต่​กุญแจ​สำคัญ​ไม่ได้​อยู่​ตรงนี้​ กุญแจ​สำคัญ​ก็​คือ​ การสู้​กับ​มาร​ยักษา​เป็น​สิ่งเสียเวลา​และ​ได้​ไม่คุ้ม​เสีย​

ดังนั้น​เขา​จึงตัดสินใจ​ล่าถอย​

หลังจาก​ทดสอบ​ได้​แล้ว​ว่า​ไม่อาจ​กำจัด​มาร​ยักษา​อาย​ดี้​ได้​ เขา​ก็​คิด​กลับ​ไป

แม้จะไม่อาจ​ฆ่ามาร​ยักษา​ แต่​การ​หยุด​มัน​เป็นเรื่อง​สบาย​ๆ

ลู่​เซิ่งเข้า​สู้ระยะ​ประชิด​ ใช้ศอก​กับ​เข่า​โจมตี​หลาย​ร้อย​ครั้ง​ใน​พริบตา​

เปรี้ยง​!

การ​โจมตี​ทั้งหมด​รวมกัน​ พร้อม​ส่งเสียง​กระแทก​ทึบ​หนัก​

ครั้งนี้​ลู่​เซิ่งควบคุม​แรง​ของ​ตน​เอาไว้​

มาร​ยักษา​อาย​ดี้​ร้อง​โหยหวน​พลาง​โซเซถอยหลัง​ ข้อต่อ​ทั้งหมด​บน​ตัว​มัน​ถูกลู่​เซิ่งโจมตี​แหลก​ใน​พริบตา​นี้​

ลู่​เซิ่งยก​ฝ่ามือ​ดาบ​เข้าไป​ฟัน​ใส่หลายครั้ง​

เลือด​เป็น​หย่อม​ๆ กระจาย​ออก​มาจาก​ร่าง​มาร​ยักษา​ เส้นเอ็น​ใน​ส่วนสำคัญ​ทั้งหมด​บน​ร่าง​มัน​ถูก​ตัดทิ้ง​ทั้งสิ้น​

เมื่อ​ไม่เหลือ​ข้อต่อ​และ​เส้นเอ็น​ ต่อให้​มัน​มีพละกำลัง​แข็งแกร่ง​ขนาด​ไหน​ก็​ทำ​อะไร​ไม่ได้​อีกแล้ว​

ได้​แต่​นอน​นิ่ง​ๆ อยู่​กับ​พื้น​เท่านั้น​

“ไอ้​ชั่ว​ มีปัญญาก็​มาฆ่าข้า​สิ!” มาร​ยักษา​คำราม​

ลู่​เซิ่งเดิน​เข้าไป​จับ​คาง​ของ​มัน​ แล้ว​ล้วง​นิ้ว​เข้าไป​ใน​ช่องปาก​มัน​ดุจ​สายฟ้า​ฟาด​

ฉับพลัน​นั้น​ลิ้น​ที่​โชกเลือด​ก็​ถูก​คีบ​ออกมา​

ครั้งนี้​แม้แต่​พูด​ก็​พูด​ไม่ได้​อีกแล้ว​

มาร​ยักษา​ได้​แต่​ขยับตัว​เหมือน​ตะขาบ​อยู่​บน​พื้น​

“พา​มัน​กลับ​ไป พวกเรา​ถอย​” ลู่​เซิ่งหด​ร่าง​ลง​อย่าง​หมด​คำพูด​ ก่อน​จะโบกมือ​ให้​พวก​มิน​เค​อ​จัดการ​

หลังจาก​เจอ​การเข่นฆ่า​ใน​ช่วง​บ่าย​ เหล่า​มนุษย์​หมอก​ดำ​ก็​ชินชา​กับ​ความวิปริต​ของ​ลู่​เซิ่งโดยสิ้นเชิง​แล้ว​

พอ​พวกเขา​ได้ยิน​ก็​ทำ​ตามคำสั่ง​โดยอัตโนมัติ​ทันที​ รีบ​เข้าไป​ใช้เชือก​สีดำ​ชนิด​พิเศษ​มัด​ตัว​มาร​ยักษา​ไว้​หลาย​รอบ​ แล้ว​ให้​มนุษย์​หมอก​ดำ​สอง​คน​หาม​ตามหลัง​ลู่​เซิ่งไป เร่งรุด​ไปยัง​ทางออก​

ความจริง​ลู่​เซิ่งคิด​จะค้นหา​ต่อ​ แต่​ทาง​พี่สาว​หวัง​จิ้งเหมือน​จะมีอันตราย​ จึงต้อง​กลับ​ด้วย​ความจำเป็น​

ที่​ต่อสู้​กับ​มาร​ยักษา​ เพราะ​เขา​อยาก​ทด​ลองดู​ว่า​สุดยอด​พลัง​ของ​โลก​ใบ​นี้​ไปถึงระดับ​ไหน​ได้​เท่านั้น​

การ​ทำ​แบบนี้​ จะทำให้​มีการประเมิน​เวลา​เผชิญ​กับ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​

แต่​ผลลัพธ์​สุดท้าย​คือ​ มาร​ยักษา​มีพลัง​ไม่เท่าไร​ แต่​คุณสมบัติ​อมตะ​รับมือ​ได้​ยาก​จริงๆ​ ใน​เวลา​สั้น​ๆ ยัง​คิด​หา​วิธี​แก้ไข​ไม่ออก​ ได้​แต่กลับ​ก่อน​ค่อย​ว่า​กัน​

ณ ส่วนลึก​ของป่า​

เจย์​ลา​ แจ๊ค​ เฌอ​มาน​ และ​เบน​มองดู​เสือ​ชีตาห์​สีดำ​ตัว​เขื่อง​ที่​กำลัง​ก้มหน้า​เลีย​ขน​อยู่​ด้านหน้า​อย่าง​ระมัดระวัง​

เจย์​ลา​สงบ​จิตใจ​

“ไม่เป็นไร​ พวกเรา​มีสิ่งนี้​อยู่​ ขอ​แค่​เข้าใกล้​ มัน​จะต้อง​หนี​พวกเรา​ไปเอง​แน่​”

เธอ​ถือ​จี้เดิน​เข้าหา​เสือ​ชีต้าห์​สีดำ​อย่าง​มั่นใจ​

“ความจริง​ขอ​แค่​มั่นใจ​ การ​เผชิญหน้า​กับ​สัตว์ป่า​ก็​ไม่ต่าง​อะไร​กับ​แมลง​มีพิษ​พวก​นั้น​ ต้อง​มีความมั่นใจ​ใน​ตัวเอง​”

“แต่​…” เฌอ​มาน​รู้สึก​ผิดปกติ​เล็กน้อย​ เสือ​ชีตาห์​ตัว​นั้น​เหมือน​ไม่มีความคิด​จะหลบ​ไปที่อื่น​

“ไม่ต้อง​ห่วง​ พวกเรา​พิสูจน์​ประสิทธิผล​นี้​มาตลอดทาง​ไม่ต่ำกว่า​หนึ่ง​ครั้ง​แล้ว​ไม่ใช่เหรอ​” เจย์​ลา​ยิ้ม​

“ทางเข้าออก​แห่ง​เดียว​ของ​ที่นี่​ถูก​เสือ​ชีตาห์​ตัว​นี้​ขวาง​ไว้​ พวกเรา​เอง​ก็​ทำ​อะไร​ไม่ได้​ ถ้าไม่ออก​ไปจาก​ตรงนี้​ ก็​ต้อง​อ้อม​ลำธาร​นั้น​ แต่​ตอนนี้​พวกเรา​ไม่มีเวลา​เยอะ​ขนาด​นั้น​”

“ตกลง​…เธอ​ระวัง​หน่อย​ล่ะ​…” แจ๊ค​รู้สึก​ผิดปกติ​อยู่​บ้าง​ แต่​ตอนนี้​พวกเขา​ไม่มีวิธี​อื่น​

แม้เจย์​ลา​จะนิสัย​แย่​ไปบ้าง​ แต่​มาถึงขั้น​นี้​ยัง​ยอม​พา​พวกเขา​ออกมา​ด้วย​ แสดงให้เห็น​ว่า​ยัง​ไม่เกิน​เยียวยา​และ​เห็น​เพื่อน​สำคัญ​

ทั้ง​สามมอง​เจย์​ลา​ที่​ถือ​จี้เดิน​เข้าหา​เสือ​ชีตาห์​ พลาง​อวยพร​ให้​เธอ​ใน​ใจเงียบๆ​

เสือ​ชีตาห์​ตัว​นั้น​เหมือน​เพิ่ง​กิน​อิ่ม​ จึงไม่คิด​ขยับ​ไปไหน​ เพียงแค่​หันมา​มอง​เจย์​ลา​โดย​ไม่มีปฏิกิริยา​ใดๆ​

ทว่า​เจย์​ลา​กลับ​แสดง​สีหน้าที่​อยาก​จะทดลอง​เต็มแก่​ ไร้​ความเกรงกลัว​

“ดู​จี้ฉัน​! กลัว​ไหม​! กลัว​รึเปล่า​?!” เจย์​ลา​แหย่​จี้เข้าใส่​ศีรษะ​เสือ​ชีตาห์…​

……………………………………….

 

Options

not work with dark mode
Reset