ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 968 สถานการณ์ (2)

บทที่ 968 สถานการณ์ (2)

“ไม่นะ​! บ้า​เอ๊ย​! ถ้านาย​ท่าน​ตื่น​อย่าง​สมบูรณ์​ พวก​เจ้าได้​ตาย​หมด​แน่​!” มนุษย์​หมอก​ดำ​ที่จับ​แขน​ลู่​เซิ่งแผดเสียง​

“ไม่ต้อง​รอ​นาน​ขนาด​นั้น​หรอ​ก.​..”

ชาย​หัวล้าน​ที่​สวม​เสื้อคลุม​สีเทา​ลักษณะ​เหมือน​ซากศพ​แห้ง​เดิน​ออก​มาจาก​กลาง​ป่า

“ยินดี​ที่​ได้​เจอ​เจ้าอีกครั้ง​ แอนดี้​ นึกไม่ถึง​ผ่าน​ไปพันปี​ พวกเรา​จะได้​เจอกัน​ใน​สถานการณ์​แบบนี้​ โชคชะตา​ช่างไม่แน่นอน​จริงๆ​…”

“เจ้านี่เอง​! บา​เนส…เล​มีซุส!” มนุษย์​หมอก​ดำ​รู้​ว่า​อีก​ฝ่าย​เป็น​ใคร​

มัน​วูบ​ไหว​ร่าง​มาขวางทาง​ลู่​เซิ่ง สอง​แขน​รวมตัว​เป็น​ดาบ​ยา​วสี​ดำ​ที่​เรียว​ยาว​สอง​เล่ม​ใน​พริบตา​ ก่อน​จะพุ่ง​เข้าใส่​มนุษย์​ซากศพ​

“เหลือ​แค่​เจ้าคนเดียว​ แต่​คิด​จะขวาง​ข้า​เหรอ​ หรือ​ควร​บอ​กว่า​…” มนุษย์​ซากศพ​ยก​มือขวา​ขึ้น​ “เจ้าคิด​ว่า​ความแตกต่าง​ระหว่าง​เจ้าอนัตตา​เป็นเรื่อง​ล้อเล่น​หรือไง​”

แขน​ที่​ผ่ายผอม​ของ​เขา​ขยาย​ใหญ่​ขึ้น​กว่า​เดิม​หลายเท่า​ เลือด​สีแดงเข้ม​จำนวนมาก​ไหล​ออก​มาจาก​รูขุมขน​

แขน​ที่​ถูก​เลือด​ปกคลุม​ข้าง​นั้น​คว้า​ใส่มนุษย์​หมอก​ดำ​แอนดี้​อย่าง​รุนแรง​

ฉัวะ!​

มือ​เลือด​ทะลุ​มนุษย์​หมอก​ดำ​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​เหมือน​คม​ดาบ​ ก่อน​จะตะปบ​ใส่ลำต้น​ของ​ต้นไม้​ใหญ่​ที่อยู่​ด้านล่าง​

ตูม​!

ต้น​ไม้ต้น​นั้น​ปรากฏ​ช่อง​กลม​ขนาด​มหึมา​ที่​มีเส้นผ่าศูนย์กลาง​หลาย​เมตร​ขึ้น​ ผง​ไม้และ​ฝุ่น​นับไม่ถ้วน​กระจาย​เวียน​ว่อน​

มนุษย์​หมอก​ดำ​รวมตัว​ขึ้น​อีก​ทาง​หนึ่ง​ เพิ่งจะ​คืน​ร่าง​ แอนดี้​ก็​คุกเข่า​ทรุด​ลง​กับ​พื้น​ เอา​มือ​กุม​ช่องท้อง​ กระอัก​สิ่งที่​เหมือนกับ​โคลน​สีดำ​ออกมา​ใส่พื้น​

“มีแค่​แก​คนเดียว​เหรอ​” มนุษย์​ซากศพ​บา​เนส​ยิ้ม​พลาง​ย่างเท้า​เข้าหา​ลู่​เซิ่ง “แถว​นี้​น่าจะ​ยังมี​คนอื่น​ซ่อน​อยู่​อีก​ใช่ไหม​”

“หนี​! รีบ​หนี​!” แอนดี้​ตะโกน​ขึ้น​พร้อมกับ​โบกมือ​เสก​ควัน​ดำ​สาย​หนึ่ง​ใส่ลู่​เซิ่ง

บา​เนส​ก็​โบกมือ​เช่นกัน​ ควัน​สีแดง​กลุ่ม​หนึ่ง​เกี่ยวพัน​ควัน​ดำ​ไว้​ ทั้งสองฝ่าย​เกี่ยว​กระหวัด​กัน​แล้ว​กระแทก​ใส่เกราะ​อัน​แข็งแกร่ง​บน​ร่าง​ที่สูง​หก​เมตร​กว่า​ๆ ของ​ลู่​เซิ่งอย่าง​แรง​เหมือน​กระสุน​ปืนใหญ่​

รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​บา​เนส​จางหาย​ไป เงยหน้า​มอง​สิ่งมีชีวิต​ขนาด​ยักษ์​ที่​เมื่อ​ครู่​ยัง​ไม่มี

ความ​เศร้าสร้อย​หาก​แต่ว่า​ฮึกเหิม​ของ​แอนดี้​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​หยุดชะงัก​ไปใน​พริบตา​ มองดู​สัตว์ประหลาด​ขนาด​มหึมา​ที่​สูงใหญ่​ขึ้น​กว่า​เดิม​อย่าง​งุนงง​

ควัน​สีดำ​และ​แดง​ที่​เหมือน​กระสุน​ปืนใหญ่​ส่งเสียงดัง​ปุเบา​ๆ ตกลง​บน​ขา​ท่อน​ปลาย​ของ​ลู่​เซิ่ง ก่อน​จะสลาย​ไปเอง​

“ฉัน​อยาก​ถามมาตั้งแต่​เมื่อกี้​แล้ว​” ลู่​เซิ่งโน้มตัว​ลง​ ร่าง​ใหญ่โต​ที่สูง​ขึ้น​เก้า​เมตร​กว่า​ๆ มีหนาม​งอก​ขึ้น​ทั่ว​ร่าง​ ร่าง​ของ​เขา​ถูก​ปกคลุม​ด้วย​เกราะ​หนาม​ที่​น่ากลัว​

“เมื่อกี้นี้​พวก​แก​พูด​อะไร​กัน​”

หมอก​ดำ​นับไม่ถ้วน​ใน​ป่า เข้า​ปกคลุม​ร่าง​ของ​เขา​อย่าง​บ้าคลั่ง​เหมือนกับ​วังวน​ กลายเป็น​เกราะ​ที่​หนา​กว่า​เดิม​

เขา​ที่​ยาว​ไม่เท่ากัน​คู่​หนึ่ง​ยื่น​ออก​มาจาก​ศีรษะ​ของ​ลู่​เซิ่ง แทง​เกลียว​ขึ้นไป​

แต่​เมื่อ​พิจารณา​ จะเห็น​ว่า​ความจริง​ร่างกาย​ของ​ลู่​เซิ่งไม่มีอะไร​เปลี่ยนไป​เลย​ เพียงแต่​ดูดซับ​หมอก​นับไม่ถ้วน​มาเกาะ​ติดกับ​ตัวเอง​ท่า​นั้น​

ถ้าไม่สนใจ​ลวดลาย​สีแดง​อ่อน​ที่​ปรากฏ​บน​ผิว​ของ​เขา​ นี่​ก็​เป็น​มนุษย์​ยักษ์​ที่​กำยำล่ำสัน​จน​ไม่อาจ​บรรยาย​ได้​ตน​หนึ่ง​

บา​เนส​หน้า​กระตุก​อย่าง​รุนแรง​

จากนั้น​เขา​ก็​หมุนตัว​เผ่นหนี​โดย​ไม่ลังเล​

ประสบการณ์​มากกว่า​พันปี​บอก​เขา​ว่า​ คำขู่​มีแต่​จะทำให้​ตาย​เร็ว​กว่า​เดิม​! ตัว​เขา​เอง​เคย​อาศัย​ชั่วพริบตา​ที่​อีก​ฝ่าย​พูดจา​ข่มขู่​ ฆ่าคนโง่​มาไม่รู้​กี่​คน​ต่อ​กี่​คน​แล้ว​

แอนดี้​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​มอง​ลู่​เซิ่งอย่าง​ตกตะลึง​

พรุ่บ!​

ตัว​เขา​หมุนตัว​จะหลบหนี​โดย​ไม่รีรอ​เช่นกัน​

ลู่​เซิ่งยื่น​สอง​มือ​ออกมา​ วิชา​สื่อ​วิญญาณ​ที่อยู่​แค่​ใน​ระดับ​เจ็ด​อาศัย​ร่างกาย​นี้​ปลดปล่อย​วิชา​

มือ​ดำ​ขนาด​ยักษ์​สอง​ข้าง​ที่​หนา​ห้า​เมตร​กว่า​ๆ รวมตัวกัน​ปรากฏ​ขึ้น​ใน​พริบตา​ แยกกัน​เป็นหนึ่ง​ซ้าย​หนึ่ง​ขวา​เจาะทะลุ​ป่าไม้ผืน​ใหญ่​เหมือนกับ​มังกร​ดำ​สอง​ตัว​ แล้ว​หิ้ว​ทั้งสองฝ่าย​ที่​หลบหนี​กลับมา​ใหม่​

 

แม้จะเกิด​การขัดขืน​ไม่น้อย​ แต่​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​ที่​ปลดปล่อย​พลัง​วิญญาณ​จาก​ทั่ว​ร่าง​ ก็​มีอานุภาพ​เป็น​หนึ่งร้อย​กว่า​เท่า​ของ​ร่าง​ธรรมดา​

ต่อให้​เป็น​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​ทั่วไป​ หาก​ขยาย​อานุภาพ​ขึ้น​หนึ่งร้อย​กว่า​เท่า​ ก็​จะกลายเป็น​วิชา​สื่อ​วิญญาณ​ระดับ​สุดยอด​หรือ​ทำลายล้าง​ได้​เช่นกัน​

ดังนั้น​ การขัดขืน​จึงไม่มีความหมาย​

ลู่​เซิ่งจับ​พวกเขา​ไว้​ใน​มือ​ข้าง​ละ​คน​พร้อมกับ​ก้มหน้า​ลง​มอง​

“เล่า​มา พวก​แก​เป็น​ใคร​ มีความเป็นมา​ยังไง​ และ​มีเป้าหมาย​อะไร​ ทำไม​ต้อง​มาตี​กัน​ใกล้​ๆ ฉัน​ด้วย​”

“ฮ่าๆๆๆ!” มนุษย์​ซากศพ​บา​เนส​ไม่ตอบ​ หาก​เงยหน้า​ขึ้น​หัวเราะ​

“ดูเหมือน​แก​จะร้ายกาจ​มาก​นี่​ ผู้​สื่อ​วิญญาณ​ที่อยู่​ใน​ระดับ​เดียว​กับ​แก​เกรง​ว่า​จะมีจำนวน​นิ้ว​งอ​นับ​ได้​ แต่​แล้ว​จะอย่างไร​!? ที่นี่​คือ​เทือกเขา​อัน​มีร์!​ เป็น​ดินแดน​แห่ง​ราชา​เทพ​! ราชา​เทพ​ตื่นขึ้น​มาแล้ว​! ร่าง​จริง​ของ​ราชา​เทพ​ฝั่งพวก​แก​ถูก​พันธนาการ​ไว้​! ทุกอย่าง​สาย​เกิน​แก้​แล้ว​”

“บัดซบ​! เป็นไปไม่ได้​! ไม่มีทาง​เร็ว​ขนาด​นี้​หรอก​! จะเป็นไปได้​อย่างไร​!” แอนดี้​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​พยายาม​ดิ้นรน​ให้​หลุด​จาก​การควบคุม​ของ​ลู่​เซิ่ง ทว่า​ก็​ยังคง​ทำ​ไม่ได้​ ได้​แต่​บิด​ไปบิด​มาใน​มือ​ใหญ่​สีดำ​อย่าง​เปล่าประโยชน์​เท่านั้น​

“สถานการณ์​ถูก​กำหนด​ไว้​แล้ว​ ให้​ฉัน​ใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง​ของ​ตัวเอง​เป็น​การเปิดฉาก​ให้​แก่​ชัยชนะ​ใน​ครั้งนี้​ก็แล้วกัน​ ฮ่าๆๆๆ! ขอ​สังเวย​ชั่วนิรันดร์​! แปลง​พฤกษา​!”

บา​เนส​พลัน​ตะโกน​ จากนั้น​ร่าง​ก็​หลอมละลาย​กลายเป็น​ฝุ่นผง​สีเทา​จำนวนมาก​ โปรยปราย​ผ่าน​ร่อง​นิ้ว​ของ​ลู่​เซิ่ง

พรุ่บ​

เพียงแค่​พริบตาเดียว​ ลู่​เซิ่งก็​ยัด​ฝุ่นผง​เข้า​ปาก​ด้วย​ความเร็ว​ราว​สายฟ้า​ฟาด​ ก่อน​จะกลืน​ลงคอ​หลังจาก​เคี้ยว​ไม่กี่​คำ​

รยางค์​สีดำ​สนิท​นับไม่ถ้วน​ค่อยๆ​ งอก​ขึ้น​จาก​พื้น​ เกี่ยว​กระหวัด​เข้า​มาหา​ลู่​เซิ่ง

แต่​พอ​บา​เนส​ถูก​เขา​กิน​ รยางค์​สีดำ​ก็​พา​กัน​จางลง​ ก่อน​จะหาย​ไปกลางอากาศ​ใน​พริบตา​

แอนดี้​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​อ้า​ปาก​ตาค้าง​

“ถึงได้​ถามอยู่​นี่​ไง ราชา​เทพ​หมายถึง​อะไร​กัน​แน่​”

ลู่​เซิ่งเอ่ย​ถามอย่าง​สงสัย​

“ฉัน​ไม่ชอบ​รส​มะเขือ​หรอก​นะ​”

“ขะ…ขะ…​ข้า​…!” แอนดี้​ไม่ทราบ​ว่า​จะตอบสนอง​อย่างไร​โดยสิ้นเชิง​

เพียง​รู้สึก​ว่า​ประสบการณ์​มากกว่า​พันปี​ไม่มีประโยชน์​อะไร​เลย​

ลูกแก้ว​คริสตัล​ที่อยู่​บน​โต๊ะ​ระเบิด​ออก​เป็น​ชิ้นๆ​

ชิ้นส่วน​ที่​แวววาว​จำนวนมาก​กระจาย​เกลื่อน​โต๊ะ​ เก้าอี้​ และ​พื้น​ รวมถึง​บน​ชั้น​หนังสือ​ใกล้​ๆ

หวัง​จิ้งยืน​อยู่​ใน​ห้องสมุด​ด้วย​สีหน้า​เย็นเยียบ​ มองดู​ผู้ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​กึ่ง​นั่ง​บน​ยอด​หลังคา​ผ่าน​กระจก​

“พวก​แก​…บังอาจ​” หวัง​จิ้งข่ม​ความโกรธ​ใน​น้ำเสียง​เอาไว้​

เมื่อครู่นี้​ ตอน​เธอ​กำลัง​เฝ้าดู​การเคลื่อนไหว​ของ​หวัง​ตง​อยู่​ ก็​มีความ​บิดเบี้ยว​ไร้​รูปร่าง​สาย​หนึ่ง​ทำลาย​แก้ว​คริสตัล​ทิ้ง​

พริบตา​ที่​ลูกแก้ว​คริสตัล​ถูก​ทำลาย​ เธอ​ก็​รู้สึก​ได้​ว่า​มนุษย์​หมอก​ดำ​ที่​ตน​ส่งไปลดลง​ถึงหนึ่ง​ใน​สาม

น่าจะ​ถูก​ทำลาย​ไปพอประมาณ​แล้ว​

อีก​ฝ่าย​คำนวณ​ความต่าง​ของ​เวลา​ไว้​ตั้งแต่แรก​ เพื่อ​ไม่ให้​เธอ​รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​

“ไม่เจอกัน​นาน​เลย​นะ​แบล็ค​มิสต์”​ ผู้ชาย​ที่​กึ่ง​นั่ง​กึ่ง​เอน​อยู่​บน​หลังคา​ฝั่งตรงข้าม​ค่อยๆ​ ลุกขึ้น​

เขา​เหมือนกับ​คุณชาย​ตระกูล​สูงศักดิ์​ที่​เตรียม​จะไปงานเลี้ยง​หลังจาก​แต่ง​องค์​ทรงเครื่อง​แล้ว​

เพียงแต่​คน​ผู้​นี้​มีสีหน้า​เย็นชา​ ต่อให้​กำลัง​ยิ้ม​อยู่​ ก็​ทำให้​คน​ตัวสั่น​ระริก​

“แพลทินัม​…สการ์เล็ต​ล่ะ​” หวัง​จิ้งกวาดตา​งามมอง​รอบ​ๆ พร้อม​ขยาย​ประสาทสัมผัส​ถึงขีดสุด​

ใน​ฐานะ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​ ระหว่าง​พวกเขา​ต่าง​มีคุณสมบัติ​ทำลายล้าง​ ถ้าอยู่​ใน​สภาพ​สมบูรณ์​ จะก่อให้เกิด​ผล​เป็น​ตาย​ร่วมกัน​

แต่​ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง​แข็งแกร่ง​กว่า​มาก​ จะก่อให้เกิด​ผล​กลืน​กิน​อย่าง​ง่ายๆ​

“ร่าง​ร่าง​นี้​เป็น​เพียง​ร่าง​แปลง​ แต่​เจ้าวางใจ​เถอะ​ อีก​เดี๋ยว​สการ์เล็ต​จะมาถึง…” ผู้ชาย​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

“เปิดเผย​ร่าง​จริง​เร็ว​ขนาด​นี้​…ดูเหมือน​ครั้งนี้​พวกเรา​จะชนะ​แล้ว​”

ดวงตา​ของ​หวัง​จิ้งเคร่งขรึม​ลง​

“อย่างนั้น​ก็​มาลอง​ดูเถอะ​ ข้า​สะกด​พวก​เจ้าได้​หนึ่ง​ครั้ง​ ก็​สะกด​ได้​สอง​ครั้ง​ สามครั้ง​”

“ทัพ​ภัยพิบัติ​แห่ง​ผลกรรม​ของ​เจ้าร้ายกาจ​จริงๆ​ แต่​นั่น​คือ​ใน​สถานการณ์​ที่​สู้หนึ่งต่อหนึ่ง​ แต่​ตอนนี้​สู้หนึ่ง​ต่อ​สอง​…ลอง​ดูเถอะ​…” ชาย​ตระกูล​สูงศักดิ์​ไม่วิจารณ์​ ค่อยๆ​ ถอยหลัง​แล้ว​ตีลังกา​ทิ้งตัว​ลง​จาก​หลังคา​

หวัง​จิ้งมอง​อีก​ฝ่าย​จากไป​อย่าง​เงียบๆ​ ไม่คิด​จะลงมือ​

เธอ​ยก​มือขึ้น​ บน​ข้อมือ​ปรากฏ​ตราประทับ​ทรง​ขนมเปียกปูน​จางๆ ตั้งแต่​เมื่อไร​ก็​ไม่รู้​

ใน​ตราประทับ​มีจันทร์​ครึ่ง​ดวง​สามดวง​จัดเรียง​กัน​เป็น​รูปสามเหลี่ยม​ ตรงกลาง​มีเส้นสาย​นับไม่ถ้วน​ยื่น​ออกมา​พันธนาการ​จันทร์​ครึ่ง​ดวง​เหมือนกับ​ใยแมงมุม​

การต่อสู้​ระหว่าง​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​เหมือนกับ​การ​วางหมาก​ หาก​ใช้ร่าง​สมบูรณ์​ของ​เธอ​สู้หนึ่งต่อหนึ่ง​ พลัง​จะเหนือกว่า​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​สอง​คน​ที่​เหลือ​

แต่​ถ้าสอง​คน​นั้น​ลงมือ​พร้อมกัน​ เธอ​จะสู้ไม่ได้​

สิ่งที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​ เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​มีร่าง​แปลง​ได้​หลาย​ร่าง​ หาก​หา​ร่าง​จริง​ของ​อีก​ฝ่าย​ไม่เจอ​ อย่างนั้น​ไม่ว่า​จะฆ่าสัก​กี่​ครั้ง​ก็​ไร้​ความหมาย​อยู่ดี​

“สงครา​ม…เริ่ม​แล้ว​…”

หวัง​จิ้งทราบ​ว่า​ความลับ​ของ​ตัวเอง​ถูก​เปิดเผย​แล้ว​ แต่​นั่น​จะเป็น​อย่างไร​ ต่อให้​ทั้งสอง​คน​นั้น​กล้า​ร่วมมือ​กัน​ เธอ​ก็​ไม่กลัว​

เพียงแต่ว่า​ แม้เธอ​จะแพ้​ก็​ไม่เป็นไร​ ทว่า​ทาง​ฝั่งน้องชาย​…

เปลวเพลิง​อัน​ล้ำลึก​ลุกไหม้​ขึ้น​ใน​ส่วนลึก​ดวงตา​ของ​เธอ​

“นาย​ท่าน​ เป็น​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​!” แอนดี้​นั่งขัดสมาธิ​อยู่​ด้านหน้า​ลู่​เซิ่ง ตอบ​เสียงทุ้ม​ “นาง​มีสถานะ​หนึ่ง​ก็​คือ​พี่สาว​ของ​ท่าน​ หวัง​จิ้ง”

ลู่​เซิ่งลืม​ตาโต​อย่าง​แปลกใจ​เล็กน้อย​

เขา​เดา​ได้มา​นาน​แล้ว​ว่า​พี่สาว​ยังมี​สถานะ​อื่น​อีก​ แต่​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​จะเกี่ยวพัน​กับ​เทพ​ทำลายล้าง​ที่อยู่​ใน​ระดับ​สูงสุด​ของ​โลก​ใบ​นี้​

“ครั้งนี้​ที่​ท่าน​ออกมา​ พวกเรา​เป็น​คน​แอบ​ขับไล่​สัตว์​วิญญาณ​ให้​ เพื่อ​ป้องกัน​ไม่ให้​ท่าน​เกิดเรื่อง​ เพียงแต่​สิ่งที่​พวกเรา​นึกไม่ถึง​ก็​คือ​ ท่าน​ซ่อน​พลัง​ที่​แข็งแกร่ง​ขนาด​นี้​เอาไว้​”

พอ​พูดถึง​ตรงนี้​ แอนดี้​ก็​อด​ใจเต้น​ระทึก​ไม่ได้​

เจ้าอนัตตา​ที่อยู่​ใน​ระดับ​เดียว​กับ​เขา​ผู้​นั้น​ถูก​ยัด​หาย​เข้าไป​ใน​ปาก​แบบนี้​

“อย่างนั้น​ก็​ขอบคุณ​มาก​” ลู่​เซิ่งมอง​อีก​ฝ่าย​ “อย่างนั้น​ตอนนี้​ล่ะ​ สถานการณ์​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

แอนดี้​อารมณ์​หม่นหมอง​

“สหาย​ของ​ข้า​ถูก​ราชา​เทพ​ที่อยู่​ที่นี่​จอง​จำไว้​ ไม่ทราบ​ว่า​เป็น​หรือ​ตาย​ ที่อยู่​ของ​นาย​ท่าน​ก็​น่าจะ​ถูก​พบ​แล้ว​เช่นกัน​”

“ต้องการ​ไปช่วย​ไหม​” ลู่​เซิ่งถามพลาง​ลูบ​คาง​

“ไม่ต้อง​ ขอ​แค่​นาย​ท่าน​ยังอยู่​ พวกเรา​ก็​จะคืนชีพ​ได้​เรื่อยๆ​ สิ่งสำคัญ​ใน​ตอนนี้​ก็​คือ​ตัวตน​ของ​นาย​ท่าน​โดน​พบ​แล้ว​!” แอนดี้​กุม​หัว​ขณะ​กล่าว​อย่าง​สิ้นหวัง​

“จะว่า​ไปนาย​อยู่​ใน​ระดับ​ไหน​” ลู่​เซิ่งถามอีก​

“เจ้าอนัตตา​…สามารถ​สั่งให้​พลัง​วิญญาณ​ใน​อาณาเขต​มารวม​ร่าง​กับ​ตน​ได้​ พลัง​อยู่​เหนือกว่า​ระดับ​ทองคำ​ แต่​อ่อนแอ​กว่า​เทพ​จุติ​ทั่วไป​เล็กน้อย​” แอนดี้​ตอบ​ตรงๆ​ จากนั้น​เขา​ก็​รู้สึกตัว​ กุม​หัว​โอดครวญ​อีก​ “นายท่า​น.​..”

“แล้ว​ไอ้​ตัว​เมื่อกี้​ล่ะ​” ลู่​เซิ่งถามอีก​

“มัน​เป็นหนึ่ง​ใน​คน​ไม่กี่​คน​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​ระดับ​เจ้าอนัตตา​ น่าจะ​ใกล้​ถึงระดับ​มาร​ยักษา​แล้ว​” แอนดี้​ตอบ​

“นายท่า​น.​..นายท่า​น.​..” แอนดี้​จมดิ่ง​กับ​การ​โทษ​ตัวเอง​

ลู่​เซิ่งที่​หด​ขนาด​ร่าง​ลง​เหลือ​เท่าเดิม​ลุกขึ้น​ หมอก​ดำ​พลุ่งพล่าน​บน​ร่าง​ ไม่นาน​ก็​เดิน​ไปยัง​อาณาเขต​ที่​กำลัง​ต่อสู้​กัน​อีก​แห่ง​

“รอเดี๋ยว​ขอรับ​! ที่นี่​มีตัวตน​ระดับ​มาร​ยักษา​ซ่อนตัว​อยู่​นะ​ขอรับ​! ถึงท่าน​จะแข็งแกร่ง​มาก​ แต่​อย่า​เข้าไป​ใกล้​เด็ดขาด​นะ​ขอรับ​” แอนดี้​รีบ​ตาม​ไปด้วย​ความตกใจ​

ระหว่าง​เจ้าอนัตตา​กับ​เทพ​ยักษา​มีความแตกต่าง​กัน​อย่าง​มหาศาล​ มาร​ยักษา​แทบ​กล่าว​ได้​ว่า​ไม่มีวัน​ตาย​ ความสามารถ​ทั้งหมด​ที่​มนุษย์​รู้จัก​ไม่อาจ​ทำลาย​มาร​ยักษา​ได้​ จึงได้​แต่​ผนึก​มัน​เอาไว้​เท่านั้น​

มีพลัง​ที่​ทั้ง​แข็งแกร่ง​ทั้งเป็น​อมตะ​ ตัวตน​แบบนี้​กล่าว​ได้​ว่า​เป็น​แม่ทัพ​เสาหลัก​ใต้​การบังคับบัญชา​ของ​เทพ​แห่ง​การทำลายล้าง​อย่าง​แท้จริง​

ที่​ราชา​เทพ​ของ​ตน​ยึดครอง​ความได้เปรียบ​ได้​ เป็น​เพราะ​นาง​มีเสาหลัก​มาร​ยักษา​สอง​ตน​คอย​รับใช้​

……………………………………….

Options

not work with dark mode
Reset