อวี่ซวนสวมเพียงเสื้อในสีขาวนวล เอนนอนอยู่บนเก้าอี้หวาย โฉมสะคราญสองนางกำลังนวดบ่าและเอวนางอย่างเบามือ
“เจ้ามาแล้วหรือ ลู่เซิ่ง” อวี่ซวนดูอิดโรยเหนื่อยล้า
“ข้าเพิ่งไปโลกเบื้องล่างมา ตอนนี้แม้แต่เทพปีศาจขั้นต่ำอย่างข้า ก็ถูกส่งไปทำภารกิจ หลังจากแม่ทัพตายติดต่อกัน สถานการณ์ก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เกรงว่าพักผ่อนได้ไม่นาน ข้าก็ต้องไปโลกเบื้องล่างอีกแล้ว…”
“หัวหน้าเผ่าถนอมตัวด้วย” ลู่เซิ่งพยักหน้า เขาย่อมเข้าใจดีว่าแท้จริงนี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเขาเป็นต้นสายปลายเหตุอย่างอ้อมๆ
เทพปีศาจของอุทยานสวรรค์ในปัจจุบัน นอกจากคุนเผิง ไป๋เจ๋อ อิงเจาแล้ว ที่เหลือก็เป็นบริวารของเขาเกือบทั้งหมด
เทพปีศาจส่วนใหญ่เป็นไปได้ว่าจะรู้สึกตัวแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รับภารกิจสำคัญ กลับเป็นพวกที่มีการแสดงออกเป็นปกติอย่างอวี่ซวนที่กลายเป็นหนึ่งในเทพปีศาจไม่กี่คนที่มหาเทพชี้นิ้วสั่งการได้
“ช่วงนี้จักรพรรดิสวรรค์ต้องการให้ข้าร่วมมือกับเด็กน้อยชื่อตวนฟาง ตรวจสอบเรื่องจับกลุ่มกันของเทพปีศาจ ได้ยินมาว่าเจ้ากับเทพปีศาจอวิ๋นเหมิงเข้ากันได้ดี ถือเป็นสหาย อีกประเดี๋ยวเตือนเขาด้วยว่า ให้อยู่กับเทพปีศาจที่จับกลุ่มพวกนั้นให้น้อยลงหน่อย” อวี่ซวนเตือนด้วยความปรารถนาดี
“เข้าใจแล้วขอรับ” ลู่เซิ่งพยักหน้า
“นอกจากนี้ เจ้าจะเลือกคู่บำเพ็ญเมื่อไรหรือ” อวี่ซวนถามคำถามที่ค่อนข้างอ่อนไหว
“เลือกคู่บำเพ็ญหรือขอรับ” ลู่เซิ่งงงงวย
“ใช่ ปัจจุบันเผ่าเวทกับปีศาจทำศึกใหญ่ เผ่าเวทแข็งแกร่ง เกิดว่าสถานการณ์ย่ำแย่ พวกเราเผ่าหงส์เพลิงจะได้ทิ้งเชื้อไฟไว้” อวี่ซวนถอนใจ ดูเหมือนนางจะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกับสถานการณ์รบ
“ถ้าเจ้าต้องการ คนในเผ่าเราบนอุทยานสวรรค์ ขอแค่รักใคร่ชอบพอกัน ก็สามารถเลือกเป็นคู่รักได้ พวกบุรุษที่เหลือก็เลือกเรียบร้อยแล้วเช่นกัน”
“ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ขอรับ” ลู่เซิ่งส่ายหน้าน้อยๆ
“แล้วเสี่ยวหนิงเล่า นางสนใจเจ้ามาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นเจ้ามีลูกกับนางเสียหน่อย ภายหลังอาจผูกพันก็ได้” อวี่ซวนมองเสี่ยวหนิงด้านหลังลู่เซิ่ง ในดวงตาฉายรอยยิ้ม
“นางยังเด็ก ยังไม่เข้าใจว่าอะไรคือความชอบ…” ลู่เซิ่งส่ายหน้าน้อยๆ
“หรือพี่เซิ่ง ท่านไม่มีความต้องการลหรือ” เสี่ยวหนิงถามขึ้นเบาๆ อย่างจนใจ
“บุรุษคนใดล้วนมีความต้องการทั้งนั้น เหตุใดจึงไม่เห็นจากตัวพี่เซิ่งเลย หรือว่า…หรือว่าท่านจะชอบ…” ทันใดนั้นเสี่ยวหนิงเหมือนฉุกใจนึกอะไรได้ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นพิกลขึ้นมา
หมับ
ลู่เซิ่งยื่นมือไปหยิกแก้มของเสี่ยวหนิง ออกแรงบิดหนึ่งร้อยแปดสิบองศา
“โอ๊ยๆๆ! จะแตกแล้ว!”
เสี่ยวหนิงร้องโหยหวน อวี่ซวนงุนงงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะ
“พวกเจ้าเข้ากันดีจริงๆ ดูเหมือนข้าไม่ต้องกังวลแล้ว…” ดวงตานางฉายรอยยิ้ม
“อย่างนั้นก็เอาเช่นนี้เถอะ ข้ายังต้องลงไปโลกเบื้องล่างอีก กลับไปเก็บของบางส่วน” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างราบเรียบ “ครั้งหน้าไว้เจอกัน” เขาหยิกแก้มเสี่ยวหนิง พร้อมกับถอยเดินออกจากตำหนักหลักช้าๆ
ใช่ว่าเขาไม่ชอบคนสวย หากแต่ไม่เจอคนที่ทำให้เขาหวั่นไหว สำหรับเสี่ยวหนิง และสำหรับเผ่าหงส์เพลิง ความจริงเขาเป็นแค่แขก ไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่นี่ได้ตลอดกาล
บางทีภายหลังต่อให้ต้องการตามหา ก็ต้องหาสุดยอดผู้เข้มแข็งที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา
ลู่เซิ่งพาเสี่ยวหนิงออกจากตำหนักหลัก
“เอาล่ะ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อน” เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะโยนยันต์อัคคีสีแดงที่รวมตัวจากอัคคีของตัวเองให้นางแผ่นหนึ่ง
“พกสิ่งนี้ไว้ ถ้ามีปัญหาอะไร ให้รีบแจ้งข้า ข้าช่วยได้จะช่วย ช่วยไม่ได้จะหาคนมาช่วย”
เสี่ยวหนิงรับยันต์อัคคีไว้
“นี่ถือเป็นเครื่องยืนยันความรักหรือไม่” ใบหน้างามของนางฉายแววรอคอย
“ไม่นับ รอจนหน้าอกของเจ้าใหญ่กว่านี้สักสองเท่าก่อน แล้วข้าอาจจะพิจารณาดู” ลู่เซิ่งขยี้ผมของนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ก็บอกแล้วว่าอย่าขยี้ผมข้า ข้าอุตส่าห์ทำอย่างดีเชียวนะ!” เสี่ยวหนิงทำหน้ารำคาญใจ
“รู้แล้วน่าๆ…” ลู่เซิ่งคิดจะพูดอะไรต่ออีก อยู่ๆ ก็มียันต์หยกแผ่นหนึ่งพุ่งมาตกใส่ฝ่ามือเขา
เขายื่นมือรับไว้ แล้วบีบเบาๆ ข้อมูลสายหนึ่งทะลักเข้าสู่สมอง
“นายท่าน ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว อิงเจาลงสู่โลกเบื้องล่างเข้าสู่กับดัก”
“พอดีเลย” แสงสีทองสาดขึ้นในดวงตาลู่เซิ่งแวบหนึ่ง
อิงเจาเป็นผู้จัดการใหญ่ที่คอยดูแลเรื่องหยุมหยิมในและนอกอุทยานสวรรค์ ถ้าหากจัดการได้ การแทรกซึมอุทยานสวรรค์จะเข้าสู่ช่วงใหม่
กอปรกับพลังของอิงเจาเป็นสองสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เทพปีศาจทั้งหมด
อาศัยบริวารพวกนั้น ต่อให้รวมซังหยางกับจิ่วอิงเข้าไป แม้จะชนะอิงเจาได้ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะจับตัวเขาไว้ได้
“ดูเหมือนครั้งนี้เราต้องลงมือเองแล้ว…”
ลู่เซิ่งกำหนดแผนการในใจ
“เอาล่ะ กลับไปพักผ่อนเสีย ข้าจะลงไปโลกเบื้องล่าง ค่อยเจอกัน”
“เอ่อ…รอข้าด้วยสิพี่เซิ่ง!” เสี่ยวหนิงไม่ทันตอบสนอง ก็เห็นลู่เซิ่งกระโดดขึ้น กลายเป็นเสาแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งไปยังด้านล่างนอกรั้วกั้น พริบตาก็หายไปจากชั้นเมฆแล้ว
…
เขาเส้นทางเมฆา
เทือกเขาที่สูงต่ำเป็นคลื่นมีหมอกเมฆสีขาวขมุกขมัวแผ่ตลบอบอวล ในหุบเขามีเสียงร้องของจตุบาททวิชาติ ทอดยาวและไพเราะ
ในทะเลสาบกว้างใหญ่ผืนหนึ่ง ณ ส่วนลึกของเทือกเขา
ทะเลสาบทั้งหมดถูกโล่โปร่งแสงสีทองที่ยิ่งใหญ่ไพศาลปิดไว้แน่นหนา ด้านในมีเงาคนสามสายปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง อาวุธกับมือเท้าปะทะกันและกันตลอดเวลา ส่งเสียงกระแทกกระทั้นที่ดังสนั่นและทึบหนัก
เงาร่างสองสายรุมร่างเงาสายที่สามอย่างคลุ้มคลั่ง
กลุ่มเลือดสีฟ้าขนาดเล็กๆ กระเซ็นออกมาจากร่างคนที่ถูกรุม ขณะเดียวกันสิ่งที่กระเด็นออกมายังมีเศษพลังปีศาจสีฟ้าจำนวนมากที่เหมือนกับเมือกด้วย
“ยอมแพ้เสียเถอะอิงเจา ค่ายกลที่วางไว้ที่นี่สร้างขึ้นเพื่อใช้กับเจ้าโดยเฉพาะ ไม่เพียงแต่สะกดให้เจ้าคืนร่างเดิมไม่ได้เท่านั้น ทั้งยังเปลี่ยนรูปร่างได้อีกขั้น โดยขจัดพลังวิญญาณฟ้าดินชนิดอื่นๆ ไว้ด้านนอก” คนหนึ่งในเงาคนฝ่ายรุมโจมตีเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
“แล้วอย่างไร!” เลือดไหลตามดวงตาและรูจมูกอิงเจา การเคลื่อนไหวตั้งรับช้าลงเรื่อยๆ “มาบีบบังคับข้า ทุกคนก็ตกตายร่วมกัน ตัดความสัมพันธ์เด็ดขาด บนตัวข้ามีอะไร พวกเจ้าควรจะเป็นคนที่รู้จักดีที่สุด”
เขาเป็นคนรู้ใจของจักรพรรดิสวรรค์ จึงมีของดีๆ บนตัวไม่น้อย มีของอานุภาพสูงชนิดใช้แล้วทิ้งมากมาย
เทพปีศาจสามตนที่รุมโจมตีเขาก่อนหน้านี้ ถูกระเบิดตายเพราะของวิเศษใช้แล้วทิ้งที่เขาลงมืออย่างกะทันหันแบบนี้
หลังจากลู่เซิ่งทิ้งตัวลงใกล้ๆ อย่างไร้สุ้มเสียง ก็เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
ในสัมผัสของเขา บนตัวอิงเจายังมีของวิเศษลึกลับชนิดต่างๆ อีกสิบกว่าอย่าง ในฐานะผู้จัดการใหญ่ของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ของดีๆ บนตัวอิงเจ้าย่อมมีไม่น้อย บ้างก็เป็นสิ่งที่มหาเทพกับตี้ซวินประทานให้ แต่ส่วนใหญ่เป็นของวิเศษที่เขาใช้วัตถุดิบจากคลังสมบัติสร้างขึ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
อย่างไรสิ่งที่จักรพรรดิสวรรค์ได้รับ ก็ไม่ใช่มีแค่ของวิเศษ แต่ยังมีวิชาลับอีกมากมาย
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” ลู่เซิ่งถามเสียงแผ่ว
ด้านข้างเขามีสตรีร่างสะโอดสะองสวมอาภรณ์ดำรัดติ้วคนหนึ่งปรากฏขึ้น
ผมนางยาวถึงเอว อกราบเรียบ คุกเข่าข้างหนึ่งเอ่ยรายงาน
“เรียนนายท่าน อิงเจาไม่อาจหลบหนีไปได้ แต่พวกเราก็สอดมือไม่ได้เช่นกัน ข่ายอาคมนั่นเป็นข่ายอาคมแข็งแกร่งที่ปรากฏออกมาตอนเทพปีศาจสู้กัน”
“ไม่เป็นไร…ให้ข้าเข้าไป” ลู่เซิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้เอง
ตูม!
โล่ทั้งหมดระเบิดออก อิงเจาพุ่งขึ้นฟ้าอย่างทุลักทุเล และบินโฉบออกไป
เทพปีศาจอีกสองตนกุมอกกึ่งคุกเข่าบนผิวทะเลสาบ เพราะถูกอีกฝ่ายลอบโจมตีในพริบตา พูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ มีแต่เลือดที่ไหลลงมาตามมุมปากช้าๆ
“น่าสนใจ” ลู่เซิ่งแสยะยิ้ม ก่อนก้าวไปด้านหน้า
ตัวเขากลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง ไปปรากฏด้านหลังอิงเจาราวกับเคลื่อนย้ายในพริบตา
ไฟสีขาวสายหนึ่งห่อหุ้มแขนขวาของเขา ก่อนจะตวัดฟาดออกไป
“ใครกัน!?” อิงเจาที่กำลังหนีเอาชีวิตรอด พลันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกเสียดแทงคุกคามที่ทำให้ขนลุกขนพองเข้าใกล้นาวด้วยความเร็วสูง
เขาสีหน้าเปลี่ยนแปลง พร้อมกับบีบไข่มุกสีเทาสองเม็ดในมือจนแหลกอีกครั้ง
โผละๆ
ไฟพิษอันร้ายกาจสีเขียวครามสองกลุ่ม ทะลักออกมาจากทรวงอกของเขาอย่างรุนแรง
ไฟพิษเหล่านี้รวมตัวกันด้านหลังอิงเจาเหมือนมีชีวิต แล้วพุ่งใส่ลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งขยับนิ้วชี้ แสงไฟสีขาวกลายเป็นหมอก กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ไฟขาวในลักษณะหนวด มีสภาพเป็นหมอกเพิ่งแตะไฟพิษสีเขียว ก็กลืนกินมันจนหมดสิ้นในพริบตา แล้วกรูไปหาอิงเจาต่อ
“เป็นไปได้อย่างไร! นั่นมันคืออะไรกัน!?” อิงเจาสีหน้างุนงงอย่างเหลือเชื่อ
มือของลู่เซิ่งแตะอกของเขาเบาๆ
ตูม!
ท่ามกลางเสียงระเบิดกึกก้อง ร่างอิงเจาปลิวกลับไป กลับคืนสู่ร่างเดิมในพริบตา เป็นสัตว์ประหลาดมีปีกที่หัวเป็นมนุษย์ ร่างเหมือนกับเสือดาว
ทว่าเวลานี้สัตว์ประหลาดตัวนี้มีสภาพน่าเวทนา บนร่างเต็มไปด้วยเกล็ดและเส้นขนที่ถูกเผาดำเกรียม เส้นผมสีแดงงดงามมากมาย รวมถึงเส้นขนปีก ถูกไฟสีขาวอันร้อนระอุรุนแรงเผาจนหลุดร่วงไปเก้าส่วน
“เป็นไปได้อย่างไร!” อิงเจาไม่เชื่อ ตนคือหนึ่งในสุดยอดเทพปีศาจของอุทยานปีศาจ ก่อนหน้านี้ที่นี่มีเทพปีศาจระดับเซียนทองคำขั้นสูงห้าตัวรุมโจมตี จะทำร้ายเขาได้ก็ถือว่าไม่แปลก
แต่คนที่มาใหม่ผู้นี้ สู้หนึ่งต่อหนึ่ง กลับกินไฟพิษนรกเมื่อก่อนหน้าไปหมดสิ้น
นั่นคือไฟพิษที่แม้แต่เขาในช่วงที่สมบูรณ์ที่สุดเองก็ไม่กล้าแตะจ้องง่ายๆ และเขาก็อาศัยมัน ถึงได้หลบหนีจากการรุมของเทพปีศาจเซียนทองคำขั้นสูงห้าตนได้
แต่คนตรงหน้านี้
“ก่อนหน้านี้กุ่ยเชอถูกลอบโจมตี…ข้าก็นึกว่าเป็นเผ่าเวทลงมือ นึกไม่ถึงว่า…” อิงเจาหันกลับมา ทราบว่าตัวเองหนีไม่พ้นแล้ว จึงตั้งสมาธิเพ่งมองคนตรงหน้า
เขาทั้งแตกตื่นและโมโห คล้ายกับต้องการประทับใบหน้าของลู่เซิ่งไว้ในสมองอย่างแน่นหนา
“เจ้าเป็นใครกันแน่!?”
ลู่เซิ่งหัวเราะ ไฟสีขาวค่อยๆ กระจายออกมาระหว่างนิ้วมืออีกครั้ง
“ข้าคือใครไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือ ถ้าเจ้าไม่ยอมทำตามข้า วันนี้ของปีหน้าก็จะเป็นวันเซ่นไหว้เจ้า”
อิงเจานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะออกมา
“นั่นก็ไม่แน่หรอก”
เพิ่งจะสิ้นเสียง กลางท้องฟ้าก็มีเสาแสงสีทองพุ่งลงมาปกคลุมตัวเขาไว้อย่างแม่นยำ
“ในที่สุดก็ได้เห็นตัวการหลังฉากแล้ว…รอคอยให้ดีเถอะ จักรพรรดิสวรรค์จะจับตัวเจ้าและประหารเจ้าเอง!” อิงเจ้าหัวเราะลั่น “ครั้งนี้ข้าจงใจออกมาเพียงลำพัง แต่ได้ประโยชน์มหาศาลจริงๆ!”
ซู่!
ไฟขนาดมหึมาสายหนึ่งปกป้องอิงเจา ดึงเขาไปยังท้องฟ้า
ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่าต้นกำเนิดของไฟนั้นมาจากอุทยานสวรรค์ เขายิ้มแย้ม คล้ายไม่ห่วงแม้แต่น้อยว่าเรื่องนี้จะถูกจักรพรรดิสวรรค์ค้นพบ
“น่าเสียดายจริงๆ…ข้าอยากจะเก็บเจ้ามาเป็นบริวารสักหน่อย…”
ขณะมองอิงเจาที่ลอยจากไปอย่างรวดเร็ว ลู่เซิ่งก็ดึงมือกลับมาเบาๆ โดยที่สีหน้ายังคงเดิม
ไฟสีทองขาวสว่างไสวสายหนึ่งกลายเป็นเกาทัณฑ์ยาว ก่อตัวระหว่างสองมือของเขา
ไฟจำนวนมากระหว่างฟ้าดินรวมตัวด้วยตัวเอง ปรากฏเป็นลูกศรยักษ์ขนาดเท่าฝ่ามือบนสายเกาทัณฑ์
“ฟ้าดินแยกตัว…”
ลำแสงเจิดจ้าสีขาวราวดวงอาทิตย์นับไม่ถ้วนระเบิดบนปลายลูกศร
กลางแสงสีทอง หงส์เพลิงสีขาวบริสุทธิ์ตัวหนึ่งตื่นขึ้นจากการจำศีล ลืมตาส่งเสียงกู่ร้องทุ้มต่ำ
“แสงพิฆาต”
ลู่เซิ่งปล่อยสายแผ่วเบา
ฟ้าว!
ลำแสงสีทองสว่างขึ้นกลางฟ้าดินในพริบตา ราวกับผ้าม่านถูกคนใช้ดาบฟัน เผยให้เห็นผ้าสีทองข้างใน
เส้นสีทองแหลมคมดุจดาบ แทงทะลุตำแหน่งที่อิงเจาอยู่ในพริบตา ไฟสีขาวระเบิดอย่างฉับพลัน กลบฝังทุกสิ่งและเผาไหม้ให้กลายเป็นจุณ
…
อุทยานปีศาจ
ที่รองแขนบนบัลลังก์ในมือจักรพรรดิสวรรค์แตกดังแกร่ก
หลังม่านมุกเงียบลงชั่วอึดใจ จากนั้นก็เป็นเสียงคำรามพิโรธโกรธกริ้ว
“ไม่!”
……………………………………….