วิชากระบี่น่าตกตะลึงเช่นนี้ กลับไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นจากที่ไหนมาก่อน!
พวกจันทราม่วงที่หลบอยู่ห่างๆ ต่างอ้าปากตาค้าง พวกนางเคยเจอเจ้าสำนักรุ่นก่อนของสำนักวิญญาณไตรอริยะ ก่อนหน้านี้ดูเหมือนเป็นชายชราธรรมดา ขี้เกรงอกเกรงใจ ตอนที่ติดต่อกับเจ้านครตราชั่งรุ่นก่อน ก็นิสัยเป็นมิตรอย่างยิ่ง
นึกไม่ถึงว่าพอลงมือจริงจัง กลับดุดันเช่นนี้!
“วิชากระบี่แบบนี้มีผลกดข่มที่แข็งแกร่งต่ออนธการอย่างพวกเราเหมือนกัน…ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาว่าเจ้าสำนักรุ่นก่อนผู้นี้ประคับประคองสำนักเพียงลำพัง ต่อสู้กับวันเวลาในยุคที่มืดมิดที่สุดอย่างยากลำบากที่สุดตอนแรกนึกว่าเป็นแค่เรื่องแต่ง คาดไม่ถึงว่า…” เจิ้งเจวี๋ยซวินเผยสีหน้าคร่ำเคร่ง
“พวกเราสอดมือดีหรือไม่” จันทราม่วงถามเสียงแผ่วเบา
“เตรียมลงมือช่วยคนให้พร้อม!” เจิ้งเจวี๋ยซวินหยุดนิ่ง ดวงตาปรากฏแสงสีแดงฉาน ในเมื่อพวกนางยืนอยู่ข้าง ลู่เซิ่งตอนทำลายสำนักแปลงวายุก็เท่ากับแสดงท่าทีแล้ว
จะกลับลำในตอนนี้ก็ไม่มีความหมายใดๆ อีก
…
ณ อวกาศอันไกลโพ้น
“อาจารย์ ครั้งนี้อย่างไรก็ต้องรบกวนท่านแล้ว…” หลี่ซิวลาดึงอัคคีอนธการในร่างออกมา พร้อมกับเช็ดคราบเลือดบนใบหน้า ก่อนจะบินเข้ามาใกล้อย่างยากลำบากเล็กน้อย
ขณะมองชายชราที่ในอดีตตนเคยนึกว่าแก่แล้ว สายตาของเขากลับซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
“ท่าน...ไปถึงขอบเขตนั้นตั้งแต่เมื่อไร…” หลี่ซิวลาอดถามเสียงเบาขึ้นมาไม่ได้
ชายชรายืนเอามือไพล่หลัง เหม่อมองดาวฤกษ์สุกสกาว
“จำไม่ได้แล้ว…” เขาถอนใจ
“อย่างนั้น…ข้าเรียนได้หรือไม่” หลี่ซิวลานิ่งไป ก่อนถามเสียงแผ่วต่ำ
ชายชรายิ้มๆ ก้มมองเขา
“บางอย่าง หากเข้าใจก็จะเข้าใจ หากไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเรียนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เจ้า…เข้าใจหรือไม่”
หลี่ซิวลาพลันนิ่งเงียบไป
ชายชราสะบัดมือโปรยปราณกระบี่ออกมาสายหนึ่งเพื่อสะกดซากเลือดเนื้อและจิตวิญญาณของลู่เซิ่ง จากนั้นก็หมุนตัวบินออกไป
“เรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าควรกลับไปฝึกต่อสักที…ใครสั่งสอนความโรยราอย่าถามเดือนปี ยามหนุ่มแน่นมิเข้าใจความทุกข์โศก ร่างหทัยกระบี่จิตกระบี่ไม่แคลนคลอน เก้าดวงดาวกวาดทำลายสรรพสิ่ง! ฉันใดฉันนั้น…ซิวลา อย่าลืมวิชากระบี่เปิดปัญญาที่ข้าเคยมอบให้เจ้า…คำตอบอยู่ที่…”
“อาจารย์รอเดี๋ยวก่อนขอรับ!”
ทันใดนั้นหลี่ซิวลาพลันตะโกนเรียก
ชายชรายิ้มน้อยๆ โบกมือโดยไม่หันหลังกลับไปมอง
“ไม่ต้องส่งแล้ว ครั้งหน้าไม่รู้อีกนานเท่าไรจะได้เจอกันอีก…”
“ไม่ใช่ขอรับอาจารย์!” ด้านหลังมีเสียงร้อนใจของหลี่ซิวลาดังมา
“อะไรกัน” ชายชราส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปอย่างจนใจ “เจ้าเด็กน้อยเอ๊ย…”
เปรี้ยง!
กำปั้นหนักหน่วงโหดเหี้ยมสุดเปรียบปานต่อยใส่แก้มของเขา พริบตานั้น กำปั้นเบียดอัดกล้ามเนื้อ บดฟันหน้า ฟันกราม และรากฟัน คางของชายชรายุบลง เปลี่ยนรูปร่าง เลือดกระฉูด เอียงเซไปทางซ้าย ฟันสิบกว่าซี่กระเด็นออกมา
เศษฟันสีขาวผสมกับเลือด ชายชราถูกพลังกระแทกอันยิ่งใหญ่ชนใส่อย่างหนักหน่วง พริบตาเดียวก็ตีลังกาลอยออกไปไกล เสียดสีกับขอบดาวเคราะห์ แล้วชนใส่แถบอุกกาบาตผืนหนึ่ง
ตูม!
อุกกาบาตหลายสิบก้อนหลบไม่ทัน ถูกชนจนระเบิด
“อาจารย์!” หลี่ซิวลาตกใจ คิดจะเข้าไปช่วยแต่อัคคีอนธการในตัวลุกโหมอีกครั้ง สะกดการเคลื่อนไหวของเขาไว้
ลู่เซิ่งชักมือกลับ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น
พลังกายในตอนเพิ่งคืนชีพยังไม่ฟื้นฟูดีนัก ดูเหมือนกำปั้นเมื่อครู่ยังไม่อาจแก้ไขปัญหาได้
ถึงแม้ตาเฒ่านั่นจะร่างกายอ่อนแอ แต่ผู้ฝึกกระบี่ขึ้นชื่อเรื่องตอแยยาก และจิตใจแน่วแน่ไม่กลัวตาย
“ศึกนี้เพิ่งเริ่มเท่านั้น ไอ้เฒ่าเฮงซวย!” เขายิ้มยิงฟันขาว ฟันแหลมสีขาวแน่นขนัดงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เหมือนกับเร่งกระบวนการทั้งหมดให้เร็วขึ้นหลายเท่าตัว
หลี่ซิวลามองลู่เซิ่งที่เพิ่งคืนชีพอ้าปากตาค้าง
ปราณกระบี่ของชายชรายังคงไหลเวียนรอบตัวลู่เซิ่ง แต่ไม่อาจสะกดความเร็วคืนชีพอันน่าตกใจของอีกฝ่ายได้
ไม่เพียงเขาเท่านั้น จันทราม่วงกับเจิ้งเจวี๋ยซวินที่เตรียมจะลงมือขัดขวาง ก็มองเหตุการณ์นี้ด้วยสายตาตกตะลึงเช่นกัน
ปราณกระบี่ของชายชราแข็งแกร่งขนาดไหน พวกนางเคยเห็นมาก่อน ใช้แค่ความรู้สึก ไม่ได้แตะต้องตรงๆ ก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งภายใน
พลังแบบนี้ ถ้าไม่ใช้ไพ่ตาย พวกนางก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว
ลู่เซิ่งมองชายชราที่ลุกขึ้น
“ต้องยอมรับว่าเจ้ายั่วโมโหข้าสำเร็จแล้ว” เขาหัวเราะเหอะๆ เสกดาบยาวสีดำขึ้นในมือ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าหาชายชราที่กำลังกระอักเลือด
“กระบวนท่าที่สาม! รุ้งน้ำเงิน!” ชายชราดวงตาสาดประกายโทสะ กี่ปีแล้วที่ไม่ถูกคนอัดน่วมขนาดนี้ จำไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดผ่านมากี่ปีแล้ว
แต่ไม่เป็นไร เขาแค่สัมผัสไม่ได้ชั่วขณะเท่านั้น เมื่อครู่สามารถสะกดอีกฝ่ายได้โดยสมบูรณ์ ตอนนี้ก็ทำได้เหมือนกัน!
ประกายกระบี่สว่างไสวดุจรุ้งกินน้ำโผลาขึ้นในมือชายชรา โชติช่วงเป็นมายาราวกับดวงอาทิตย์เกิดใหม่ ก่อนจะพุ่งตรงเข้าหาลู่เซิ่ง
มองจากกลางอากาศไกลๆ เหมือนกับรุ้งกินน้ำเรียวยาวเส้นหนึ่ง
ฟ้าว!
ประกายกระบี่ดุจรุ้งพุ่งใส่ร่างลู่เซิ่ง เขาเบี่ยงไปทางซ้าย แต่ไม่อาจหลบพ้นประกายกระบี่นี้ได้
ของสิ่งนี้ยังไม่โดนเขาแท้ๆ แต่กลับกระโดดข้ามมิติหายวับในระยะเพียงเสี้ยววินาทีสุดท้าย แล้วมุดออกมาระเบิดจากทางขวาของเขา
“อ๊าก! มือข้า!”
ลู่เซิ่งร้องโหยหวน ก้มหน้ามองไป สองมือไม่เป็นอะไรสักอย่าง
บนแขนมีความรู้สึกเจ็บปวดที่ถูกตัดขาดแท้ๆ แต่พริบตาที่เขาก้มมอง บาดแผลกลับหายดีแล้ว
“หือ?” เขาจับหลักได้ทันที เสียงโหยหวนจึงหยุดลงด้วย
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…เมื่อครู่เป็นขีดจำกัดของเจ้าแล้วนี่เอง…” เขาลูบแขนขวา ตำแหน่งที่เพิ่งถูกฟันสมานตัวเร็วเหลือเกิน จึงมองไม่เห็นร่องรอยใดๆ ไม่มีรอยขีดข่วนหลงเหลือบนเกล็ดด้วยซ้ำ
ครั้นเห็นภาพนี้ ไม่เพียงแต่ชายชราหน้าเปลี่ยนสีเท่านั้น ดวงตาของพวกหลี่ซิวลากับจันทราม่วงก็ฉายแววกลัวเกรงเช่นกัน พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ลู่เซิ่งเงยหน้ามองชายชราที่อยู่ไกลออกไป แล้วยิ้มเยาะเย้ยอย่างดุร้าย
“ตอนนี้ เจ้าจบสิ้นแล้ว”
ชายชราหน้าซีด หมุนตัวกลายเป็นแสงพุ่งออกไป ทางลู่เซิ่งก็ไล่ตามไปอย่างแน่วแน่
ต้องยอมรับว่าประกายกระบี่ของชายชราผู้นี้เร็วจริงๆ อย่างน้อยก็เร็วเป็นหลายเท่าตัวของลู่เซิ่ง
ทุกระยะเขากระโดดข้ามอาณาเขตหลายปีแสง
เทียบกันแล้วลู่เซิ่งช้ากว่ามาก กระโดดข้ามมิติครั้งหนึ่ง อย่างมากสุดก็ข้ามได้แค่หนึ่งปีแสงเท่านั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะชายชราหนีไปได้ไม่ไกลเท่าไร รูจมูกก็เริ่มมีหนวดโผล่ออกมา เขาคงตามจับอีกฝ่ายไม่ได้แน่ๆ
หลังจากฟันเข้าใส่หลายครั้ง ลู่เซิ่งก็หิ้วตัวชายชราที่ลมหายใจโรยรินกลับไปที่เดิม แล้วโยนหลี่ซิวลาที่หนวดกำลังงอกออกจากปากไปไว้ด้วยกัน ก่อนจะมองไปยังพวกจันทราม่วงที่อยู่ไกลออกไป
“ต่อไป สำนักนทีคราม”
“เรียบร้อยแล้วหรือ” จันทราม่วงถามอย่างอึ้งงัน
“เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกมันสองคนเป็นเชลยของข้าแล้ว ยังมีวิธีการอะไรควบคุมอนธการได้อีกหรือไม่” ลู่เซิ่งมองหนึ่งชราหนึ่งเยาว์วัยท่าทางอเนจอนาถมองตนด้วยสายตาเคียดแค้น
“ไม่มี พลังของอนธการเกรี้ยวกราดเกินไป เมื่อมีพลังงานแปลกปลอมเข้าไปในร่างจะถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งทันที” จันทราม่วงส่ายหน้า
ลู่เซิ่งพยักหน้าเข้าใจ พลังของชายชราผู้นี้กล้าแข็งแกร่งถึงขีดสุด ถ้าไม่ใช่เพราะประสิทธิผลต่ำไปบ้าง ครั้งนี้คงอันตรายเข้าจริง
เขาแทบไม่อาจต้านทานปราณกระบี่ของชายชราได้ โดนเป็นโดน ขอบเขตแบบนี้ยากจินตนาการทีเดียว
ตามเหตุผลด้วยมรรคายุทธ์ของเขา ไม่ควรจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ ควรจะสัมผัสการโจมตีทั้งหมดได้ก่อนถึงจะถูกต้อง
เห็นได้ชัดว่า ในทักษะของชายชราผู้นี้มีสิ่งที่ทำให้การสัมผัสของเขาอ่อนแอลง ขณะเดียวกันเหตุใดการโจมตีของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ ชายชราต่างหลบได้หมด แม้จะลอบโจมตีก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ลู่เซิ่งวางแผนว่ากลับไปจะไต่สวนสักรอบ
“ชนะเป็นจ้าวแพ้เป็นโจร เจ้าคิดว่าข้าจะมอบท่าไม้ตายของตัวเองให้เจ้าเปล่าๆ หรือ” ชายชรามองจุดประสงค์ของเขาออก เอ่ยพลางยิ้มเยาะ
“เช่นนั้นเจ้าคงเห็นความตายดุจคืนสู่บ้านเกิดกระมัง ข้ามีบางอย่างอยากถามเจ้า อย่างไรเจ้าก็มีทางรอด ตอนนี้เจ้ากลับไม่ยอมบอก หมายความว่ายอมให้ข้ากำจัดเจ้า จะได้ไม่เสียเวลาหรือ” ลู่เซิ่งพลันหัวเราะ
“แล้วแต่เจ้า” ชายชรายังงดื้อรั้น
ลู่เซิ่งหัวเราะสองทีพลางเดินวนรอบทั้งสอง
“แล้วแต่ข้าหรือ”
เปรี้ยง! พริบตานั้นเขาชกใส่ศีรษะของชายชราดุจสายฟ้าฟาด
โผละ!
ชายชราตัวระเบิด กระบี่ยาวสีทองขาวสายหนึ่งจากในตัวเขาพุ่งขึ้นท้องฟ้า แล้วทยานออกไป
“หยุด!” ลู่เซิ่งฟันดาบออกไป
กระบี่ยาวสั่นไหว หยุดนิ่งกลางอากาศครึ่งวินาที จากนั้นก็บิดงอร่วงหล่น เศษคมกระบี่ปรากฏรอยแตกนับไม่ถ้วน ริบหรี่ไร้แสงโดยสิ้นเชิง
“อาจารย์!” หลี่ซิวลากรีดร้องด้วยสีหน้าเจ็บปวด
กระบี่เล่มนั้นคือจิตวิญญาณของอาจารย์เขา ตอนนี้เสียหายสาหัส เกรงว่าคิดจะฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมคงยากแล้ว
“ผู้เข้มแข็งอนธการมีพลังชีวิตแข็งแกร่งสุดขีด ตาเฒ่านี่ฝึกกายกระบี่ จิตวิญญาณจึงแข็งแกร่งกว่าอนธการทั่วไปอีก คิดจะฆ่ามันให้ตาย อย่างน้อยต้องใช้พลังอนธการของตัวเองหลอมนับสี่สิบเก้าปี” จันทราแดงเข้ามากล่าวเสียงต่ำ
“ไม่ต้องรอนานขนาดนั้นหรอก” ลู่เซิ่งโบกมือ ฉับพลันนั้นในคมกระบี่ที่เต็มไปด้วยรอยแตกก็มีหนวดสีม่วงอ่อนจำนวนมากทะลักออกมาห่อหุ้มกระบี่ยาวเอาไว้
หนวดจำนวนมากขยับอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีเสียงเคี้ยวดังมาเบาๆ
ลู่เซิ่งโบกมือเก็บกระบี่เข้าไปในโลกรูปจิต ผู้เข้มแข็งอนธการที่เหลือเพียงจิตวิญญาณและร่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกตนใช้พลังเทพนอกรีตพันธนาการและกัดกินอย่างต่อเนื่อง ต่อให้โยนเข้าไปในโลกรูปจิตก็ไม่มีปัญหาใดๆ ทนทานได้หลายวันนับว่าอีกฝ่ายร้ายกาจแล้ว
พอโยนกระบี่ยาวเข้าไป ลู่เซิ่งก็หันไปมองหลี่ซิวลาที่อยู่ใกล้ๆ ถือโอกาสกระทำการอย่างเด็ดขาด
“เจ้าคิดทำอะไร!?” หลี่ซิวลาพลันได้สติจากความเศร้า จ้องมองลู่เซิ่งด้วยใบหน้าระแวดระวัง
“ข้าคิดทำอะไร ยังต้องถามอีกหรือ” ลู่เซิ่งเข้าไปฟันใส่หนึ่งดาบ
เกิดเสียงดังฉัวะ ด้านในตัวหลี่ซิวลาถูกพลังเทพนอกรีตกัดกินจนพรุนตั้งแต่แรก ดาบนี้เพียงแค่เจอแรงต้านเล็กน้อย ก็ผ่าร่างอีกฝ่ายจากหนึ่งเป็นสองได้
“เจ้าไม่อยากรู้ทักษะของอาจารย์ข้าหรือ!? บ้าไปแล้วหรืออย่างไร!?” ใบหน้าครึ่งซีกของหลี่ซิวลาตะโกนอย่างแตกตื่นหวาดกลัว
“ใต้หล้ามีทักษะเยอะแยะถมแถไป หรือข้าเจออันหนึ่งแล้วจะต้องบังคับให้สอนให้ได้กัน เหนื่อยตายกันพอดี เอาล่ะ จากไปอย่างสบายใจเถอะ” ลู่เซิ่งโบกมือ
ทันใดนั้นหนวดจำนวนมากก็ปกคลุมหลี่ซิวลาไว้ ก่อนจะลากเขาเข้าไปในโลกรูปจิตทันที
ระดับพลังงานโดยรวมของโลกรูปจิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะมีอนธการสองคนเข้าไป
ถ้าย่อยสลายอนธการสองคนได้โดยสมบูรณ์ ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่า โลกรูปจิตของตนจะขยายใหญ่กว่าเดิมราวสามเท่า
อย่างไรอนธการคนหนึ่งก็มีความจุพลังงานมากเกินไปจริงๆ
จันทราม่วงกับเจิ้งเจวี๋ยซวินที่อยู่ด้านข้างมองดูการดูดซับอนธการสองคนภายในครั้งเดียวอย่างขนลุกเล็กน้อย
เมื่อครู่พวกนางเห็นลู่เซิ่งตายอย่างน้อยมากกว่าพันครั้งในเวลาสั้นๆ แต่ลู่เซิ่งในตอนนี้กลับไม่ต่างจากคนปกติเลยสักนิด ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น
……………………………………….