ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 800 โบราณสถาน (2)

บทที่ 800 โบราณสถาน (2)

ตั้ง​แต่กลับ​มาจาก​สำนัก​นที​คราม​ ลู่​เซิ่งก็​ตั้งสมาธิ​หมกมุ่น​ไป​กับ​การวิจัย​ค่าย​กล​ข้าม​มิติ​

เขา​เคย​ครอบครอง​เวทมนตร์​อัน​น่าอัศจรรย์​อย่าง​เวทมนตร์​สร้าง​ชีวิต​ใน​โลก​เวทมนตร์​ ทั้ง​ยัง​เคย​มอบ​ชีวิต​ให้​แก่​ประตู​ข้าม​มิติ​บาน​หนึ่ง​ และ​สั่งให้​มัน​ไล่ล่า​ผู้​เข้มแข็ง​ที่​ตัวเอง​ต้องการ​

ดังนั้น​ลู่​เซิ่งจึงเข้าใจ​ค่าย​กล​ส่งตัว​ได้​แทบ​ทะลุปรุโปร่ง​

หลังจาก​ตั้งใจ​ศึกษา​อยู่​หลาย​วัน​ ในที่สุด​ลู่​เซิ่งกับ​บัน​ไซก็​ติด​ตั้งค่าย​กล​ข้าม​มิติ​แบบ​พิเศษ​ที่​สร้าง​ความเสถียร​ให้​แก่​ทาง​เชื่อม​ของ​โลก​ใน​ระดับ​สูงสุด​สำเร็จ​

จากนั้น​ก็​ใช้ค่าย​กล​ข้าม​มิติ​นี้​เป็น​แบบจำลอง​หลัก​ ทำการ​สร้าง​อีกครั้ง​ให้​ขนาดใหญ่​ขึ้น​ แล้ว​แจกจ่าย​ไป​ยัง​เมือง​ใหญ่​ๆ บน​ดาว​เงาลวงตา​เป็น​จำนวนมาก​

หลัง​ทำ​ทุก​อย่างนี้​เสร็จ​ ลู่​เซิ่งจึงเปิด​ค่าย​กล​จุติ​แล้ว​ค่อย​เข้าไป​

แน่นอน​ครั้งนี้​เขา​ไม่ได้​จุติ​ไป​ยัง​โลก​ใบ​เล็ก​ หาก​ไป​ยังอีก​สถาน​ที่หนึ่ง​

ท่ามกลาง​ความว่างเปล่า​พร่ามัว​มืดมิด​

ลู่​เซิ่งเหิน​ร่าง​ไป​ยัง​ส่วนลึก​ของ​ความว่างเปล่า​

หมอก​สีแดง​ขมุกขมัว​ลอย​ผ่าน​อย่าง​เชื่องช้า​ ไม่ทราบ​เหาะ​เหิน​อยู่​นาน​เท่า​ไห​ร​ ส่วนลึก​ของ​หมอก​เบื้องหน้า​พลัน​ปรากฏ​ป้อมปราการ​ขนาด​ยักษ์​ลอย​อยู่​

ป้อมปราการ​แห่ง​นี้​ทรุดโทรม​แล้ว​ ตัว​ป้อม​ที่​เป็น​ทรง​ลูกข่าง​เต็มไปด้วย​รู​และ​ผิว​ที่​หลุด​ลอก​ สถานที่​บางส่วน​ถึงขั้น​หาย​ไป​เป็น​บริเวณ​กว้าง​

หลัง​ลู่​เซิ่งเห็น​ป้อมปราการ​ก็​เร่งความเร็ว​เข้าไป​ใกล้​ ไม่นาน​ก็​ทิ้งตัว​ลง​ตรง​พื้น​ที่ว่าง​ด้าน​ข้าง​ แล้ว​เดิน​เข้าไป​ด้านใน​

เดินตาม​ทาง​เข้าไป​ยัง​ด้านใน​ได้​ระยะ​หนึ่ง​ อาศัย​แสงอัน​เลือนราง​จาก​ไข่มุก​ส่องสว่าง​ ลู่​เซิ่งก็​ไป​ถึงโถงรักษา​วิญญาณ​ที่อยู่​ตรงกลาง​ป้อมปราการ​อย่าง​รวดเร็ว​ ณ สถานที่​นี้​เอาไว้​เก็บรักษา​ข้า​รับใช้​ทั้งหมด​ที่​ติดตาม​เขา​มาจาก​โลก​เวทมนตร์​

พึง​ทราบ​ว่า​ป้อมปราการ​เงามาร​นี้​ใช้บรรจุ​อสูร​กับ​มังกร​สีรุ้ง​ที่​ติดตาม​ลู่​เซิ่งมา รวมถึง​ระดับสูง​ของ​พันธมิตร​สามเผ่าพันธุ์​และ​พวก​เทพ​นอกรีต​ที่​สาบาน​ว่า​จะสวามิภักดิ์​กับ​ลู่​เซิ่ง

สิ่งมีชีวิต​ทุกชนิด​ใน​นี้​เป็น​ผู้​เข้ม​แข้ง​ที่​ร้ายกาจ​ทั้งสิ้น​

ถ้าขุม​กำลัง​แบบนี้​จุติ​ไป​ยัง​โลก​ใบ​ต่างๆ​ ได้​จริง​ขึ้น​มาจะต้อง​มีส่วนช่วย​ต่อ​ลู่​เซิ่งมหาศาล​อย่าง​แน่นอน​

หลัง​ตรวจสอบ​สภาพ​ชีวิต​ของ​เหล่า​ข้า​รับใช้​เสร็จ​ ลู่​เซิ่งไม่พบ​ความผิดปกติ​ใดๆ​ มิติ​และ​เวลา​ตรงนี้​ไม่มีการ​ไหลเวียน​ เวลา​ของ​ที่นี่​แยกตัว​เป็น​เอกเทศ​ อาจ​กล่าว​ได้​ว่า​ไม่มีนิยาม​ทาง​เวลา​

ดังนั้น​สิ่งมีชีวิต​ทั้งหมด​ใน​ป้อมปราการ​นี้​จึงอยู่​ใน​สภาพ​หยุดนิ่ง​อย่าง​สมบูรณ์แบบ​

มีแต่​ลู่​เซิ่งที่​เป็น​มายา​พิศวง​ซึ่งสร้าง​โลก​ขึ้น​เป็น​ของ​ตัวเอง​แล้ว​เท่านั้น​ถึงจะเข้าออก​ได้​ตามใจ​

‘ถ้าหาก​ไม่ไหว​จริงๆ​ ก็​ยัง​ใช้ที่นี่​เป็น​มิติ​สำหรับ​หยุดพัก​ชั่วคราว​ได้​ สามารถ​เพิ่ม​คน​จาก​ดาว​เงาพริบตา​เข้ามา​ส่วนหนึ่ง​ได้​’

ลู่​เซิ่งเริ่ม​ติด​ตั้งค่าย​กล​ข้าม​มิติ​ขึ้น​ที่นี่​อย่าง​รวดเร็ว​ แต่​ค่าย​กล​ข้าม​มิติ​ตรงนี้​ได้​แต่​อาศัย​พลัง​ของ​ร่าง​หลัก​ขับเคลื่อน​เท่านั้น​

ศิลา​ผลึก​พลังงาน​ใดๆ​ ไม่อาจ​ใช้กับ​ค่าย​กล​ได้​เมื่อ​อยู่​ใน​สภาพ​หยุดนิ่ง​

สิ่งที่​ไหลเวียน​ได้​เพียง​หนึ่งเดียว​มีแค่​พลังงาน​ร่าง​หลัก​ของ​ลู่​เซิ่งเท่านั้น​

เมื่อ​ติด​ตั้งค่าย​กล​เรียบร้อย​แล้ว​ ลู่​เซิ่งก็​ซ่อมแซม​ป้อมปราการ​คร่าวๆ​

ใน​สภาพ​ที่​เวลา​หยุดนิ่ง​ ไม่ว่า​เขา​จะใช้เวลานาน​เท่าไร​ หลัง​ออก​ไป​แล้วก็​ผ่าน​ไป​แค่​ชั่วพริบตา​ที่​เขา​เข้ามา​

ดังนั้น​เขา​จึงติด​ตั้งค่าย​กล​ที่นี่​ได้​อย่าง​ใจเย็น​

การปรับปรุง​ป้อมปราการ​ใช้เวลา​กว่า​สิบ​วัน​ ลู่​เซิ่งใช้อัคคี​อนธการ​หลอมละลาย​ป้อมปราการ​ครั้งหนึ่ง​เพื่อ​อุด​ช่องโหว่​บน​ผิว​ จากนั้น​ก็​ใช้วัสดุ​ที่​มีความ​แข็งแกร่ง​ที่​พก​มาด้วย​หลอม​ทับ​ไป​อีก​ชั้น​

ป้อมปราการ​เปลี่ยน​โฉมไป​อย่าง​รวดเร็ว​

หลัง​จัดการ​ทุกอย่าง​เสร็จ​ ลู่​เซิ่งค่อย​สงบ​เริ่ม​ศึกษา​มิติ​ผืน​นี้​อย่าง​ละเอียด​

ตอนนั้น​ถลัน​เข้ามา​อย่าง​เร่งรีบ​ ยัง​ไม่ทัน​พิจารณา​ที่นี่​ก็​กลับ​โลก​มาร​สวรรค์​ไป​เสีย​ก่อน​

ตอนนี้​ใน​เมื่อ​ต้องการ​ใช้ที่นี่​เป็น​ฐานทัพ​ที่​แท้จริง​ ก็​ต้อง​ทำความเข้าใจ​อายุขัย​และ​ระดับ​การ​คุกคาม​ของ​มิติ​แห่ง​นี้​เสีย​ก่อน​

ลู่​เซิ่งออกจาก​ป้อมปราการ​ เลือก​ทิศทาง​หนึ่ง​แล้ว​พุ่ง​ออก​ไป​

ซู่ม!

เสียง​ปราณ​ปฐพี​สีเหลือง​แหวก​อากาศ​ที่​ทุ้ม​ต่ำ​สะท้อน​ไปมา​กลาง​มิติ​ที่​เงียบสงัด​อย่าง​ต่อเนื่อง​

แสงสีเหลือง​เข้ม​คลุม​ร่าง​ลู่​เซิ่งพร้อมกับ​เหาะ​เหิน​ไป​ยัง​ทิศทาง​หนึ่ง​ของ​มิติ​

ป้อมปราการ​ที่อยู่​ด้าน​หลังเขา​เล็ก​ลง​เรื่อยๆ​ จนกระทั่ง​ไม่เห็น​เค้าโครง​โดย​สมบูรณ์​

ลู่​เซิ่งเพ่ง​สมาธิกวาดตา​มอง​สภาพ​รอบข้าง​พร้อมกับ​กระจาย​พลัง​จิตวิญญาณ​ใน​ระดับ​สูงสุด​

ถ้าหาก​เขา​กระจาย​พลัง​จิตวิญญาณ​ใน​ปัจจุบัน​สุดกำลัง​ สามารถ​กระจาย​ไป​ปกคลุม​อาณาเขต​รัศมี​มากกว่า​ร้อย​ล้าน​ตาราง​หมี่​ได้​

ถ้าแค่​ปกคลุม​พื้นที่​แนว​ระนาบ​ เขา​จะปกคลุม​ดาวเคราะห์​ได้​ดวง​หนึ่ง​ แต่​หาก​จะสำรวจ​ทิศทาง​สามมิติ​ หรือ​ทิศ​บน​ล่าง​ซ้าย​ขวา​ไม่ให้​หลุด​รอด​สัก​จุด​ นั่น​ย่อม​ยาก​อย่าง​มหาศาล​

พื้นที่​มากกว่า​ร้อย​ล้าน​ตาราง​หมี่​ฟังดูเหมือน​ใหญ่​ แต่​หาก​คำนวณ​ดู​เข้า​จริง​ เป็น​ขอบเขต​เส้นผ่าศูนย์กลาง​ของ​ทรงกลม​ขนาด​สอง​ร้อย​กว่า​หมี่​

ใน​ทรงกลม​เส้นผ่าศูนย์กลาง​สอง​ร้อย​กว่า​หมี่​นี้​ ลู่​เซิ่งถึงขั้น​ควบคุม​ทุกอย่าง​ที่​เกิดขึ้น​ใน​ระดับ​อนุภาค​

ควาร์ก​[1]ได้​อย่าง​แม่นยำ​เลย​ทีเดียว​

แต่​หาก​พื้นที่​ใหญ่​กว่า​นี้​ก็​ไม่อาจ​ทำได้​ แม้จะตรวจสอบ​พื้นผิว​ของ​พื้นที่​ที่​ใหญ่​กว่า​นี้​คร่าวๆ​ ได้​ แต่​ก็​ไม่แม่นยำ​ถึงขั้น​นี้​

ลู่​เซิ่งไม่ต้องการ​ตรวจสอบ​พื้นที่​กว้าง​ขนาด​นั้น​ สิ่งที่​เขา​ต้อง​ทำ​ใน​ตอนนี้​คือ​การ​ทำความเข้าใจ​ว่า​สภาพ​ของ​มิติ​นี้​คือ​อะไร​กัน​แน่​ ตอนแรก​เขา​ได้​ลอง​ประเมิน​แบบ​คร่าวๆ​ ดู​แล้ว​ แต่​พบ​เพียง​ฝุ่นละออง​กับ​น้ำ​ส่วนหนึ่ง​เท่านั้น​ ไม่มีอะไร​อีก​

เหาะ​เหิน​ทะยาน​ต่อไป​อย่าง​ไม่หยุดหย่อน​ ด้านหน้า​ยังคง​มองไม่เห็น​ปลายทาง​

ลู่​เซิ่งหวน​นึกถึง​สภาพ​ของ​ที่นี่​ใน​ตอน​เข้ามา​ใหม่​ๆ ใน​ใจคาดเดา​ส่วนหนึ่ง​

ทว่า​พอ​เหาะ​เหิน​ตรวจสอบ​ดู​ เขา​ก็​ยืนยัน​การ​คาดเดา​นี้​ได้​จริงๆ​

‘มิติ​แห่ง​นี้​กำลัง​ขยาย​ใหญ่​…’ ในที่สุด​เขา​ก็​หยุด​ลง​ด้านหน้า​หมอก​สีแดง​ขมุกขมัว​ผืน​หนึ่ง​ ก่อน​จะเอื้อมมือ​ไป​ลูบ​แผ่วเบา​

ด้านหลัง​หมอก​สีแดง​คือ​เยื่อ​บาง​เย็นเยียบ​และ​เรียบ​ลื่น​ราวกับ​กระจก​

ลู่​เซิ่งออกแรง​เล็กน้อย​ เยื่อ​บาง​ไม่ขยับ​เยื้อน​ ทนทาน​ไม่น้อย​

เขา​เหลียว​มอง​รอบข้าง​ด้านบน​เยื้อง​ไป​ทางขวา​มีหมอก​สีแดงเข้ม​กลุ่ม​หนึ่ง​ ใน​หมอก​เหมือน​มีอะไร​บางอย่าง​กำลัง​หมุน​อยู่​

ลู่​เซิ่งนึก​เฉลียวใจ​ จึงเร่งความเร็ว​เข้าใกล้​หมอก​แดง​กลุ่ม​นั้น​

เขา​พุ่ง​เข้าไป​ใน​หมอก​แดง​ ปราณ​ปฐพี​ทั่ว​ร่าง​คุ้มครอง​ร่างกาย​เอาไว้​

หมอก​แดง​พลิก​ม้วน​หมุน​วน​รอบตัว​ลู่​เซิ่ง ตอนแรก​หมอก​หนาแน่น​มาก​ ต่อมา​กลับ​จางลง​อย่าง​รวดเร็ว​

พรึ่บ​!

ทันใดนั้น​หมอก​โดยรอบ​พลัน​สลาย​ ด้านหน้า​ลู่​เซิ่งเปิด​โล่ง​ ราวกับ​พุ่ง​เข้ามา​ใน​มิติ​อีก​มิติ​หนึ่ง​

ด้านบน​คือ​ฟ้าสีขาว​อม​เทา​ ไม่มีก้อน​เมฆ ไม่มีดวงอาทิตย์​ มีเพียง​สีเทา​มืด​สลัว​

ข้างใต้​คือ​เมือง​สีเทา​อม​ดำ​ที่​กว้างใหญ่​ไพศาล​

เมือง​นี้​แปลกประหลาด​อย่างยิ่ง​ ก้ม​มอง​ลง​ไป​เหมือนกับ​เป็นกอง​ขยะ​ที่เกิด​จาก​การ​เอา​ขยะ​โลหะ​นับไม่ถ้วน​มากอง​รวมกัน​

หลาย​แห่ง​มีหนาม​แหลม​งอก​ออกมา​ใน​แนว​ทแยง​ สิ่งก่อสร้าง​ทั้งหมด​สร้าง​ขึ้น​จาก​โลหะ​และ​ก้อนหิน​สีดำ​ขนาดใหญ่​

ทั้ง​ยัง​เห็น​ร่องรอย​โบราณ​จาก​กาลเวลา​อัน​เนิ่นนาน​จาก​มุมเล็ก​ๆ บางส่วน​ได้​

ลู่​เซิ่งสูด​หายใจ​ลึก​ ที่นี่​ไม่มีอากาศ​ แต่ว่า​สัดส่วน​ด้านใน​กลับเป็น​วัตถุ​เย็นเยียบ​ที่​มีพิษ​รุนแรง​ต่อ​คนธรรมดา​

‘โลก​ที่​เต็มไปด้วย​ไอ​ความตาย​หรือ​ บางที​อาจ​เป็น​ซาก​ใน​อดีต​ที่​หลง​เหลืออยู่​ใน​มิติ​แห่ง​นี้​ ถ้าเดา​ไม่ผิด​ มิติ​แห่ง​นี้​น่าจะเป็น​มิติ​ที่เกิด​ใหม่​หลังจาก​จักรวาล​ล่มสลาย​ ที่​แห่ง​นี้​อาจ​เป็น​ซาก​อารยธรรม​ที่​หลงเหลือ​มาจาก​ยุค​สมัยก่อน​’

ลู่​เซิ่งดีด​ปราณ​ปฐพี​ออกมา​กลุ่ม​หนึ่ง​ แล้ว​มองดู​ปราณ​ปฐพี​สีเหลือง​จับตัว​เป็น​ผลึก​สีเหลือง​กลางอากาศ​ก่อน​จะเริ่ม​เปล่งแสง​สีเหลือง​ออกมา​

จากนั้น​เขา​ค่อย​โฉบ​ลง​ด้านล่าง​ เข้าหา​เมือง​สีดำ​ที่​ใหญ่โตมโหฬาร​แห่ง​นั้น​

ฟู่…

กระแส​อากาศ​จาก​การพุ่ง​ลง​ของ​เขา​พัด​ฝุ่นละออง​สีดำ​ที่อยู่​บน​พื้น​กระจาย​ออก​ไป​

ลู่​เซิ่งยืน​อยู่​กลาง​คฤหาสน์​ ซ้ายมือ​คือ​ประตู​ทรง​ซุ้มที่​สูงใหญ่​และ​ประณีต​บาน​หนึ่ง​ ทางขวามือ​มีเส้นทาง​กลางแจ้ง​ที่​เชื่อม​ต่อไป​ยัง​ด้านใน​สิ่งก่อสร้าง​ที่​ลึกลับ​มืดมิด​

เขา​เดิน​ไป​ถึงหน้า​ประตู​ใหญ่​ก่อน​จะยื่นมือ​ไป​ผลัก​เบา​ๆ

แอ๊ด​!

ประตู​หิน​ค่อยๆ​ ถูก​ผลัก​ออก​

กระแส​อากาศ​ที่​เย็นยะเยือก​พัด​ไป​รอบข้าง​ หลังจาก​ประตู​ถูก​เปิด​

ด้านหลัง​ประตู​คือ​โถงประชุม​ที่​กว้างขวาง​งดงาม​ บน​ผนัง​มีรูปแกะสลัก​และ​รูปปั้น​สัตว์ประหลาด​จำนวนมาก​

ทิศทาง​ตรงข้าม​กับ​ประตู​ใหญ่​คือ​บันได​กว้างขวาง​ที่​ทอด​ขึ้นไป​ด้านบน​

รอบข้าง​ไม่มีแสงสว่าง​ มีแต่​ลำแสง​สีขาว​อม​เทา​ไม่กี่​เส้น​สาด​ลอดผ่าน​เพดาน​ที่​เป็น​รู​โหว่​ลงมา​

ลู่​เซิ่งสังเกตเห็น​ว่า​ ทางขวา​ของ​บันได​เหมือน​จะมีอะไร​บางอย่าง​กำลัง​กะพริบ​อยู่​ คล้าย​เป็น​แสงสว่าง​สีขาว​อม​เทา​

เขา​หรี่ตา​และ​เดิน​เข้าใกล้​อีก​เล็กน้อย​

ฟ้าว!​

ทันใดนั้น​ก็​มีเคียว​สีดำ​เหวี่ยง​มายัง​ศีรษะ​ของ​เขา​อย่าง​รุนแรง​

ลู่​เซิ่งยก​มือขึ้น​

เค​ร้ง!​

แขน​ปะทะ​กับ​เคียว​ ผง​ที่​เหมือนกับ​ฝุ่น​สีดำ​ระเบิด​กระจาย​ไป​ทั่ว​

เคียว​สีดำ​หาย​ไป​แล้ว​

ลู่​เซิ่งถอยหลัง​ก่อน​จะหลบ​เคียว​ขนาด​ยักษ์​อีก​เล่ม​ที่​ฟัน​มาจาก​ทาง​ซ้ายมือ​ด้วย​ความเร็ว​สูง

เคียว​เหวี่ยง​เข้าใส่​พื้น​ ทว่า​กลับ​ไม่ได้​แตะ​เข้ากับ​ผิว​ของ​พื้น​เลย​สักนิด​ หาก​แต่​หาย​ไป​เหมือนกับ​ภาพหลอน​

“รนหาที่​ตาย​!” ลู่​เซิ่งยื่นมือ​ออก​ไป​ แขน​ปรากฏ​ปราณ​ปฐพี​จำนวนมาก​ไหล​ทะลัก​ออกมา​ก่อน​จะจับตัว​เป็น​กรงเล็บ​ยักษ์​บน​ผิวหนัง​ พร้อมกับ​ตะปบ​ใส่บริเวณ​รอบ​ๆ อย่าง​รุนแรง​

เพ​ล้งๆๆ!​

เกิด​เสียง​แตกหัก​ติดต่อกัน​สี่ครั้ง​ ควัน​ดำ​สี่กลุ่ม​ระเบิด​ออก​กลางอากาศ​ จากนั้น​แสงสีขาว​ที่อยู่​ไม่ไกล​สลาย​หาย​ไป​เอง​

ทุกสิ่ง​กลับมา​เงียบสงัด​เช่น​เดิม​

‘แม้แต่​จิตวิญญาณ​ของ​เรา​ก็​สัมผัส​ร่องรอย​ไม่ได้​เห​รอ.​..’ ลู่​เซิ่งกวาดตา​มอง​ซ้าย​ขวา​ ก่อน​เร่งฝีเท้า​เดิน​ไป​ที่​บันได​

ขึ้น​บันได​ไป​ถึงชั้นสอง​ ไม้กางเขน​สีเงิน​ขนาด​ยักษ์​ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​ตรง​ปาก​บันได​

ไม้กางเขน​เปื้อน​เลือด​ ขอบ​มีร่องรอย​เก่าแก่​เสียหาย​ ของ​ที่​เหมือนกับ​ของเซ่น​บางส่วน​วาง​อยู่​บน​พื้น​ด้านหน้า​

ลู่​เซิ่งพิจารณา​ไม้กางเขน​พร้อมกับ​กวาดตา​มอง​โดยรอบ​

รอบข้าง​คือ​ระเบียง​ทรง​สี่เหลี่ยมจัตุรัส​สีดำ​สนิท​ สอง​ฟาก​ของ​ระเบียง​มีประตู​ปิด​สนิท​อยู่​เต็มไปหมด​ คล้าย​กับ​มีห้อง​อยู่​มากมาย​

บน​ประตู​ห้อง​ห้อง​หนึ่ง​มีแผ่น​อะไร​สัก​อย่าง​บาง​ๆ เหมือนกับ​กระดาษ​ติด​อยู่​

ลู่​เซิ่งเดิน​เข้าไป​ จากนั้น​ก็​เห็น​ว่า​ประตู​ของ​ห้อง​ที่​ติด​แผ่น​กระดาษ​เอาไว้​บาน​นี้​ไม่ได้​ลง​สลัก​ เผย​ให้​เห็น​ร่อง​แยก​เล็กน้อย​ที่​พอ​จะใช้มอง​ด้านใน​ได้​

ตรง​ม่าน​หน้าต่าง​ของ​ห้อง​ใน​ร่อง​แยก​ มีสตรี​ร่าง​สะโอดสะอง​สวม​กระโปรง​สีขาว​ผม​สีเทา​เข้ม​คน​หนึ่ง​หันหลัง​ให้​เขา​ กำลัง​มอง​ไปนอก​หน้าต่าง​ไม่ได้​ขยับเขยื้อน​ไป​ไหน​

ลู่​เซิ่งมอง​เงาหลัง​ของ​นาง​ ก่อน​จะเอื้อมมือ​ไป​ดึง​กระดาษ​ลงมา​

บน​กระดาษ​เขียน​ตัวอักษร​เล็ก​ๆ ไว้​แถว​หนึ่ง​ แต่​ลู่​เซิ่งอ่าน​ภาษาที่​ใช้ไม่ออก​

เขา​เก็บ​กระดาษ​ไว้​ พอ​เงยหน้า​ขึ้น​อีกครั้ง​สตรี​ตรง​ม่าน​หน้าต่าง​กลับ​หาย​ไป​แล้ว​

เขา​ขมวดคิ้ว​และ​หยิบ​กระดาษ​ขึ้น​มาดู​คุณลักษณะ​ของ​มัน​อย่าง​ละเอียด​

‘เหมือน​จะเป็น​หนัง​อะไร​สัก​อย่าง​’

ลู่​เซิ่งนึก​เฉลียวใจ​ ถือ​กระดาษ​หนัง​เอาไว้​ จากนั้น​ก็​เจาะรู​ตรงกลาง​รู​หนึ่ง​ แล้ว​มองผ่าน​เข้าไป​ใน​ห้อง​ผ่าน​รู​ตรงกลาง​นี้​

เป็น​อย่าง​ที่​คาด​ เมื่อ​มองผ่าน​รู​เล็ก​เข้าไป​ สตรี​นาง​นั้น​ยังคง​ยืน​อยู่​ตรง​หน้าต่าง​ใน​ห้อง​ ลม​พัด​เข้า​มาจาก​หน้าต่าง​ พัด​ชายกระโปรง​ของ​นาง​พริ้ว​ไหว​อย่าง​ต่อเนื่อง​

ภาพ​ที่​มองผ่าน​กระดาษ​ไม่เหมือนกัน​หรือ​

ลู่​เซิ่งฉุกใจ​ได้​ ชะงัก​ไป​เล็กน้อย​ แล้ว​ถือ​กระดาษ​ไป​ตรวจสอบ​ยัง​ทิศทาง​อื่น​

ตอนที่​มอง​ไป​ยัง​ส่วนลึก​ของ​ระเบียง​ เขา​เห็น​เด็กผู้หญิง​สวม​กระโปรง​ตัวเล็ก​สีดำ​คน​หนึ่ง​ยืน​มอง​ตนเอง​อยู่​ที่สุด​ทาง​ระเบียง​อย่าง​เงียบๆ​

มองดู​จาก​ไกลๆ​ นาง​มีผม​ยาว​ประ​บ่า​ เบ้าตา​เป็น​สีดำ​ ผิว​ขาวซีด​ มีแสงสว่าง​หลาย​กลุ่ม​ที่​ลอด​ออก​มาจาก​ห้อง​สอง​ฟาก​ส่องสว่าง​เลือนราง​ กลับ​เพิ่ม​ความ​เงียบสงัด​ที่​เหมือน​มีเหมือน​ไม่มีขึ้น​หลาย​ส่วน​

ลู่​เซิ่งลด​กระดาษ​หนัง​ลง​ ระเบียง​ตรงหน้า​พลัน​ไม่มีอะไร​เหลือ​อยู่เลย​

พอ​ถือ​กระดาษ​ขึ้น​อีกครั้ง​ เด็กสาว​ใน​ระเบียง​ก็​ยืน​อยู่​ห่าง​จาก​เขา​ด้วย​ระยะห่าง​ประตู​สามบาน​ตั้งแต่​เมื่อไร​ก็​ไม่ทราบ​ ถึงกับ​อยู่​ใกล้​กับ​เขา​มาก​

ครั้น​ลด​กระดาษ​ลง​ ด้านหน้า​ยังคง​ไม่เห็น​อะไร​ จิตวิญญาณ​สัมผัส​สิ่งใด​ไม่ได้​

ลู่​เซิ่งนิ่ง​ไป​สักพัก​ก่อน​จะหยิบ​กระดาษ​ขึ้น​มามองผ่าน​รู​ใหม่​

เด็กสาว​มายืน​อยู่​ตรงหน้า​แล้ว​ กำลัง​เงยหน้า​มอง​ตนเอง​ รอยแตก​บน​ผิวหนัง​ที่อยู่​ใกล้​แค่​คืบ​ทำให้​ทุกคน​หวาดผวา​

ลู่​เซิ่งพลัน​ขยับ​เล็กน้อย​ ถือ​กระดาษ​หนัง​มอง​ไป​ที่​ห้อง​อื่น​ ประตู​ห้อง​ถูก​เปิด​ตั้งแต่​เมื่อไร​ก็​ไม่ทราบ​ หญิงสาว​สวม​กระโปรง​ขาว​คน​นั้น​ยืน​อยู่​ตรง​ประตู​อยู่​ใกล้​แค่​คืบ​เช่นกัน​ เบ้าตา​สีดำ​อม​เทา​มอง​ตัวเอง​อย่าง​เงียบงัน​

ทันใดนั้น​นาง​ก็​ยิ้ม​

กรี๊ด​!

ท่ามกลาง​เสียง​กรีดร้อง​แหลม​สูงน่าสะพรึงกลัว​ถึงขีดสุด​ ลู่​เซิ่งที่​มองผ่าน​รู​กระดาษ​เห็น​หญิงสาว​กับ​เด็กสาว​พุ่ง​เข้าใส่​แทบจะ​พร้อมกัน​

สิบ​นาที​ต่อมา​

ลู่​เซิ่งถือ​เชือก​ไว้​ใน​มือ​เส้น​หนึ่ง​ ปลายเชือก​มัด​หญิงสาว​ผิวขาว​หนึ่ง​ร่าง​ใหญ่​หนึ่ง​ร่าง​เล็ก​ซึ่งสลบไสล​ไป​แล้ว​เอาไว้​

ทั้งสอง​ร่าง​อาบ​เลือด​ สอง​ตา​หลับ​ปิด​สนิท​ มีสีหน้า​หวาดหวั่น​พรั่นพรึง​ คล้าย​กับ​เห็นภาพ​ที่​น่ากลัว​อย่าง​ที่สุด​ก่อน​สลบ​ไป​ ส่วน​เอว​และ​แขนขา​มีร่องรอย​กระดูก​หัก​จาก​การ​ถูก​ทุบตี​หลง​เหลืออยู่​

‘น่าจะเป็น​ที่นี่​…’ ลู่​เซิ่งมอง​สัญลักษณ์​บน​กระดาษ​หนัง​ ตาม​เบาะแส​ที่​เขา​เพิ่ง​ได้มา​ ตัวหนังสือ​บน​กระดาษ​เป็น​สัญลักษณ์​บางอย่าง​ ขอ​แค่​เจอ​ห้อง​ที่​มีสัญลักษณ์​เดียวกัน​ ก็​จะได้รับ​เบาะแส​ของ​ที่นี่​อีก​นิด​

……………………………………….

[1] ควาร์ก​ คือ​อนุภาค​มูลฐาน​ เป็น​ส่วนประกอบ​พื้นฐาน​ของ​สสาร​มีขนาดเล็ก​กว่า​อะตอม​

Options

not work with dark mode
Reset