ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 796 พันธมิตรอธรรม (4)

บทที่ 796 พันธมิตรอธรรม (4)

คน​สวม​อาภรณ์​เทา​สอง​คนพูด​ไม่ผิด​จริงๆ​ พวกเขา​เป็น​เมล็ด​แห่ง​แก่น​ปฐม​ หาก​คนธรรมดา​ครอบครอง​แก่น​ปฐม​นี้​จะก่อให้เกิด​ผลข้างเคียง​เหมือนกับ​เจ้าอาวาส​เขา​เส้าหลิน​คน​นั้น​จริง​

แต่​พวกเขา​ไม่ได้​บอ​กว่า​ไม่มีผลต่อ​มาร​สวรรค์​

เมื่อ​ครู่​ตอน​ลู่​เซิ่งสู้กับ​หลวงจีน​เฒ่า พวกเขา​เห็นด้วย​ตา​ตัวเอง​ โดยเฉพาะ​พอ​เห็น​ลู่​เซิ่งปะทะ​กับ​หลวงจีน​ชรา​ที่​เบิก​เอา​อายุขัย​มาใช้ล่วงหน้า​ซึ่งหน้า​ ลูกตา​ของ​ทั้งสอง​ก็​เกือบ​ถลน​ออกมา​

พึง​ทราบ​ว่า​สาเหตุ​ที่​เมล็ด​นี้​ถูก​เรียก​ว่า​เมล็ด​แห่ง​แก่น​ปฐม​ เพราะ​พวกเขา​ครอบครอง​แก่น​ปฐม​ได้​ และ​มีความสามารถ​เปิด​ใช้เกราะ​ปฐม​ได้​

เกราะ​ชนิด​นี้​เทียบ​ได้​กับ​สภาพ​ที่​แข็งแกร่ง​กว่า​ของ​หลวงจีน​ชรา​ใน​ฉบับ​อ่อนแอ​ เพียงแต่​ประโยชน์​ก็​คือ​ไม่มีผลข้างเคียง​ เพียงแค่​ผลาญ​พลัง​กาย​อย่าง​ใหญ่หลวง​เท่านั้น​

เหล่า​เมล็ด​แห่ง​แก่น​ปฐม​อาศัย​ความสามารถ​นี้​ อาศัย​แก่น​ปฐม​สร้าง​เขต​ดวงดาว​ของ​ตัวเอง​ขึ้น​ใน​โลก​มาร​สวรรค์​

ส่วน​คน​ที่​ครอบครอง​แก่น​ปฐม​กับ​คน​ที่​ไม่มีแก่น​ปฐม​นั้น​เหมือน​เอา​คนธรรมดา​ที่​ถือ​ปืน​มาสู้กับ​คนธรรมดา​ที่​มีแต่​มือเปล่า​

นั่น​คือ​ความแตกต่าง​ใน​ด้าน​การต่อสู้​ระดับ​หลาย​สิบ​เท่า​หรือ​ถึงขั้น​มากกว่า​ร้อย​เท่าตัว​

ทว่า​ตอนนี้​ พวกเขา​เห็น​อะไร​กัน​?!

คนธรรมดา​ใน​โลก​ใบ​เล็ก​ กลับ​สู้ตัว​ประหลาด​ที่​ครอบครอง​แก่น​ปฐม​และ​เบิก​เอา​พลัง​ชีวิต​มาใช้ล่วงหน้า​ได้​!

เหมือนกับ​คนธรรมดา​ใช้มือเปล่า​หมัด​เปลือย​สู้กับ​ผู้​ขับเคลื่อน​หุ่น​รบ​

ความแตกต่าง​ใน​ทางทฤษฎี​ของ​คน​ทั้งสอง​แทบ​เหมือน​ช้างกับ​แมลง​

แต่​สุดท้าย​ลู่​เซิ่งกลับ​ชนะ​

คน​สวม​อาภรณ์​เทา​ทั้งสอง​คน​มอง​ลู่​เซิ่งด้วย​สีหน้า​เย็นชา​ เหมือนกับ​ไม่สนใจ​การตัดสินใจ​ของ​เขา​ แต่กลับ​ปาดเหงื่อ​ใน​ใจ

หากว่า​ลู่​เซิ่งเปลี่ยนใจ​ เช่นนั้น​ผลลัพธ์​ที่​รอ​พวกเขา​อยู่​ก็​คือ​ความตาย​

‘ตัว​ประหลาด​นี้​…หาก​รู้​แต่แรก​ว่า​มัน​จะไล่ตาม​มาทัน​ คง​ไม่เสี่ยงอันตราย​แย่ง​แก่น​ปฐม​แล้ว​!’ คน​สวม​อาภรณ์​ดำ​ที่​ผอม​กว่า​รู้สึก​หัว​ใจเต้น​ระรัว​อย่าง​บ้าคลั่ง​

หากว่า​หลอก​ไม่ได้​ การ​เดิน​ทางใน​โลก​เล็ก​ๆ ใบ​นี้​ของ​พวกเขา​จะสิ้นสุดลง​ก่อนกำหนด​ ถึงขั้น​อาจจะ​ก่อให้เกิด​อันตราย​ต่อ​ร่าง​หลัก​ที่ซ่อน​อยู่​ใน​ส่วนลึก​ของ​จิตวิญญาณ​ด้วย​

อย่างไร​อีก​ฝ่าย​ก็​เป็นตัว​ประหลาด​ระดับ​สุดยอด​ที่​ต่อสู้​กับ​แก่น​ปฐม​ได้​อย่าง​สมบูรณ์​

ลู่​เซิ่งขวาง​อยู่​ด้านหน้า​คน​ทั้งสอง​ กวาดสายตา​ที่​แหลมคม​เย็นชา​ผ่าน​ร่าง​ของ​พวกเขา​ไปมา​

ไม่รู้​ว่า​ผ่าน​ไป​นาน​เท่าใด​ หนึ่ง​ชั่ว​ก้านธูป​? สอง​ชั่ว​ก้านธูป​? หรือ​หนึ่ง​ชั่วโมง​

ในที่สุด​สายตา​เหี้ยมโหด​ของ​ลู่​เซิ่งก็​เคร่งขรึม​ลง​และ​ตกลง​บน​แก่น​ปฐม​ใน​มือ​คน​ทั้งสอง​

“ทิ้ง​แก่น​ปฐม​ไว้​ พวก​เจ้าจะไป​ไหน​ก็​ไป​”

เฮ้อ​!

ทั้งสอง​โล่งใจ​แทบจะ​พร้อมกัน​

หัวใจ​ที่​เกร็ง​เขม็ง​มาโดยตลอด​คลายตัว​ ความจริง​พวกเขา​นึก​เสียใจ​แต่แรก​แล้ว​ ดัน​กลายเป็น​แบบนี้​ไป​เสียได้​ ต่อให้​คิด​จะทิ้ง​แก่น​ปฐม​ก็​ทำ​อะไร​ไม่ได้​แล้ว​

ได้​แต่​ทำผิด​ถึงที่สุด​

ดี​ที่​อีก​ฝ่าย​ไม่พบ​ความผิดปกติ​ของ​พวกเขา​ อย่างไร​พวกเขา​ก็​เป็น​ผู้​มีประสบการณ์​โชกโชน​ที่​จุติ​มามากกว่า​ร้อย​ครั้ง​ จึงบรรลุ​วิชา​เสแสร้ง​ถึงระดับ​ปรมาจารย์​แล้ว​

“ท่าน​แน่ใจ​นะ​” คน​สวม​อาภรณ์​เทา​ร่าง​กำยำ​ถาม แม้ใน​ใจใคร่​ปรารถนา​จะทิ้ง​แกน​ปฐม​ที่​เหมือน​มัน​เผา​ลวก​มือ​ไป​ แต่​เพื่อ​แสดง​ภาพลักษณ์​ของ​ตัวเอง​ให้​สมจริง​ คน​สวม​อาภรณ์​เทา​ผู้​นี้​ต้อง​ถามประโยค​นี้​อย่าง​เย็นชา​

“แน่นอน​” ลู่​เซิ่งพยักหน้า​เชื่องช้า​ ทำท่า​คล้าย​ยิ้ม​คล้าย​ไม่ยิ้ม​

คน​สวม​อาภรณ์​เทา​ทั้งสอง​สบตา​กัน​ คน​ผอม​จึงค่อย​วาง​แก่น​ปฐม​ใน​มือ​ลง​กับ​พื้น​ จากนั้น​ก็​ลุกขึ้น​และ​ถอยห่าง​ออก​ไป​ด้านหลัง​

“หวัง​ว่า​ท่าน​จะไม่เสียใจ​กับ​การตัดสินใจ​ใน​วันนี้​”

“ข้า​ไม่เคย​เสียใจ​กับ​เรื่อง​ใด​ที่​เคย​ทำ​ลง​ไป​ ไม่ว่า​จะถูก​หรือ​ผิด​” ลู่​เซิ่งว่า​

คน​สวม​อาภรณ์​เทา​สอง​คน​แค่น​เสียง​ก่อน​จะเดิน​ไป​ยัง​ที่​ไกล​ด้วย​ฝีเท้า​ที่​มั่นคง​

ตั้งแต่​ตีนเขา​ถึงตำบล​ใกล้​ๆ ต้อง​เดินเท้า​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ทั้งสอง​ออกห่าง​จาก​อาณาเขต​สายตา​ของ​ลู่​เซิ่งอย่าง​รวดเร็ว​ แต่​ก็​ยังคง​ก้าวย่าง​อย่าง​เยือกเย็น​ เหมือน​ไม่มีความ​ลนลาน​ใด​ทั้งสิ้น​

“ท่าน​เป็น​อย่างไรบ้าง​ อาการ​บาดเจ็บ​เมื่อ​ครู่​…”

“ชู่ว…”​ คน​สวม​อาภรณ์​เทา​ร่าง​กำยำ​กำลังจะ​ถามเสียง​เบา​ พลัน​เห็น​สหาย​ทำท่า​ปาก​บอก​ให้​เงียบ​ จึงได้สติ​และ​รีบ​หุบปาก​ทันที​

ทั้งสอง​เดิน​ต่อไป​เป็นเวลา​สิบ​กว่า​นาที​ คน​อาภรณ์​เทา​ร่าง​กำยำ​ค่อย​ผ่อนคลาย​ร่างกาย​ เหมือนกับ​ในที่สุด​ของ​ที่​มีอันตราย​ก็​ออกห่าง​จาก​ตนเอง​ไป​แล้ว​

“ฟู่ว…​พูด​กัน​ได้​แล้ว​!” คน​สวม​อาภรณ์​เทา​ร่าง​ผอม​ค่อย​ถอนใจ​ และ​ยก​แขน​เสื้อ​ขึ้น​ปาด​เช็ด​เหงื่อ​บน​ใบหน้า​

คน​สวม​อาภรณ์​เทา​ร่าง​กำยำ​ค่อย​พบ​ว่า​ บน​ใบหน้า​ของ​สหาย​มีเม็ด​เหงื่อ​เกาะ​อยู่​เต็มไปหมด​ตั้งแต่​เมื่อไร​ก็​ไม่ทราบ​

“คน​ผู้​นั้น​เพิ่ง​ไป​หรือ​” คน​สวม​อาภรณ์​เทา​ร่าง​กำยำ​เงียบ​ไป​เล็กน้อย​ก่อน​จะถามขึ้น​เบา​ๆ

“อือ​ แก่น​ปฐม​ยังมี​อีก​หลาย​อัน​ แต่​ถ้าครั้ง​ต่อไป​เจอ​เขา​อีก​ ข้า​ขอ​ยอมแพ้​แล้ว​กลับบ้านเก่า​ดีกว่า​ ความรู้สึก​ที่​เส้นประสาท​เกร็ง​ตึง​เหมือน​เผชิญ​ศัตรู​ทางธรรมชาติ​นั้น​ทรมาน​เกินไป​แล้ว​” คน​สวม​อาภรณ์​เทา​ถอนใจ​ยาวเหยียด​

“แม้ว่า​พวกเรา​จะทิ้ง​แก่น​ปฐม​ไป​แล้ว​ แต่​คน​ผู้​นั้น​เพียง​เสแสร้ง​ปล่อย​พวกเรา​ เขา​คอย​ตามหลัง​เพื่อ​สอดแนม​พวกเรา​มาตลอดทาง​จนกระทั่ง​ถึงเมื่อ​ครู่​ พวกเรา​ไม่ได้​แสดง​ช่องโหว่​ใดๆ​ ระหว่างทาง​ เขา​ถึงค่อย​รามือ​” คน​สวม​อาภรณ์​เทา​ร่าง​ผอม​เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​เหน็ดเหนื่อย​

“ขี้ระแวง​เกินไป​แล้ว​ ความเคลือบแคลง​แค่​เพียง​เล็กน้อย​ต่าง​ถูก​เขา​ขยาย​ใหญ่​ และ​กลายเป็น​เรื่องจริง​ที่​เขา​นึก​เอา​เอง​”

“เช่นนั้น​ตอนนี้​พวกเรา​จะทำ​อย่างไร​ดี​เล่า​ ตอนแรก​นึก​ว่า​พลัง​ของ​พวกเรา​สอง​คน​ถือว่า​ไร้​ศัตรู​ใน​ใต้​หล้า​ และ​จะต้อง​ถูก​จัด​อยู่​ใน​ห้า​อันดับ​แรก​แน่นอน​ นึกไม่ถึง​ว่า​…” คน​สวม​อาภรณ์​เทา​ร่าง​กำยำ​ค่อนข้าง​จนใจ​

“กลับ​ไป​วางแผน​ระยะยาว​เถอะ​ ตัว​ประหลาด​ตัว​นี้​กับ​ตัว​ประหลาด​เฒ่านั้น​ไม่ใช่ชนชั้น​ธรรมดา​ ตอนนี้​คน​ที่​ครอบครอง​แก่น​ปฐม​อยู่​ใน​มือ​มีไม่มาก​ แต่​คน​ที่อยู่​ใกล้​ที่สุด​มีพวกเขา​แค่​สอง​คน​ ตอนนี้​ตัว​ประหลาด​เฒ่านั้น​กำลัง​บีบคั้น​ยุทธ​จักร​แห่ง​นี้​ทีละ​ก้าว​ ข้า​กลับ​คาดหวัง​อยู่​บ้าง​ รอ​เขา​มาถึงที่​แห่ง​นี้​แล้ว​เจอ​ตัว​ประหลาด​น้อย​วิปริต​อย่าง​เฉินจื่อลัว​แล้ว​จะรู้สึก​อย่างไร​นะ​”

“ไป​เถอะ​ อย่างไร​พวกเรา​ก็​ไม่มีแก่น​ปฐม​แล้ว​ ไม่มีทาง​ถูก​คนอื่น​หมายหัว​ คอย​สังเกตการณ์​อยู่​ไกลๆ​ ก็​พอ​”

หลังจาก​ทั้งสอง​คุย​กัน​จบ​ ก็​เร่งความเร็ว​หาย​ไป​จาก​ที่ราบ​

ไม่นาน​นัก​ เงาร่าง​ของ​ลู่​เซิ่งก็​ปรากฏตัว​ตรงจุด​ที่​ทั้งสอง​หาย​ไป​ จากนั้น​ก็​กวาดตา​มอง​รอบข้าง​

เขา​แค่น​เสียง​เป็น​ครั้งสุดท้าย​แล้ว​นำ​แก่น​ปฐม​กลับ​ไป​

เขา​เส้าหลิน​สืบทอด​มานาน​ ไม่มีการ​บูรณะ​จึงทรุดโทรม​ก่อให้เกิด​อัคคีภัย​ขึ้น​ เรื่อง​นี้​กระจาย​ไป​ทั่ว​ยุทธ​จักร​อย่าง​รวดเร็ว​

ใน​ฐานะ​พรรค​ใหญ่​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​ฝ่าย​ธรรมะ​ เขา​เส้าหลิน​กลับ​ประสบ​ภัยพิบัติ​ง่ายดาย​เช่นนี้​

และ​ใน​เหตุการณ์​ครั้งนี้​ ที่สุด​แล้ว​ขุม​กำลัง​ใหญ่​อันดับ​หนึ่ง​แห่ง​ฝ่าย​อธรรม​อย่าง​พันธมิตร​สามานย์​ ก็​เข้าสู่​สายตา​ของ​ค่าย​พรรค​ทั้งหมด​ใน​ฝ่าย​ธรรมะ​อย่าง​สมบูรณ์​

หลัง​ผู้นำ​พันธมิตร​เฉินจื่อลัว​เอาชนะ​เจ้าอาวาส​เขา​เส้าหลิน​หรือ​หลวงจีน​เฒ่าที่​เหมือน​ตัว​ประหลาด​รูป​นั้น​ได้​ พอ​ศึก​จบ​ลง​ ขุม​กำลัง​ฝ่าย​อธรรม​ก็​เรียก​เขา​ว่า​ราชา​สามานย์​ คำ​เรียก​ถึงขั้น​สูงส่งกว่า​มหา​ปรมาจารย์​หวัง​โหว​จงแห่ง​ฝ่าย​อธรรม​

ตอนนั้น​คน​ที่​เห็น​การต่อสู้​ของ​ลู่​เซิ่งกับ​หลวงจีน​มีจำนวน​ไม่น้อย​ พวกเขา​ได้​เห็น​การต่อสู้​ที่​แม้แต่​หวัง​โหว​จงก็​ยัง​สอด​มือ​เข้าไป​ไม่ได้​

ชื่อ​ราชา​สามานย์​ตกลง​บน​ศีรษะ​ลู่​เซิ่ง แต่​เขา​ไม่แยแส​

นับตั้งแต่​ได้​แก่น​ปฐม​มาครอง​ ทุก​ช่วงเวลา​หนึ่ง​จะมีขุม​กำลัง​ส่วนหนึ่ง​มาหา​ ถ้าไม่มาท้า​ประลอง​ ก็​มาลอบสังหาร​ หรือไม่​ก็​มาล่อหลอก​

พวกเขา​มีวิธีการ​มากมาย​จน​นับ​ไม่หวาดไม่ไหว​

หลาย​วัน​ให้หลัง​ ลู่​เซิ่งก็​ถือโอกาส​ให้​ยอด​ฝีมือ​ใน​พันธมิตร​สามานย์​คุ้มครอง​บริเวณ​รอบข้าง​ แล้ว​จัด​คน​กลุ่ม​ใหญ่​ไว้​เฝ้าระวัง​รอบนอก​อีก​ต่อ​หนึ่ง​

การ​ทำ​แบบนี้​จะขัดขวาง​ผู้​มาทักทาย​ส่วนใหญ่​ไว้​ได้​

ใน​ตอนนี้​เอง​ คน​ของ​พันธมิตร​สามานย์​ส่งข่าว​มาว่า​ เจอ​ที่อยู่​ของ​ประมุข​พรรค​จำนวนมาก​ที่​ถูก​จับตัว​ไว้​ก่อนหน้านี้​แล้ว​

จ๊อก​

น้ำชา​สีเขียว​อ่อน​กระจ่าง​ใสไหล​ออกจาก​ปาก​ของ​กา​ต้ม​ชาอย่าง​ช้าๆ ตกลง​ไป​ใน​จอก​กระเบื้อง​ดุจ​หยก​ขาว​ที่อยู่​ด้านล่าง​

ลู่​เซิ่งนั่งขัดสมาธิ​ใน​กระท่อม​สีน้ำตาล​ แสงอาทิตย์​สีเลือด​จาก​อาทิตย์​ยาม​อัสดง​ส่อง​ไล่​จาก​เท้า​ของ​เขา​ไป​ยัง​ท่อ​นขา​

เขา​เปลี่ยน​ลูกตุ้ม​สอง​อันเป็น​กระบี่​ยักษ์​สอง​เล่ม​ โซ่ยังคง​รัด​พัน​ไขว้​กัน​เป็น​รูป​กากบาท​หน้า​ทรวงอก​

ลู่​เซิ่งยก​ชาขึ้น​จิบ​แช่มช้า

“เหมือน​ที่​คิด​ไว้​…ข้า​นี่​ช่างโชคดี​เสีย​จริง​ แค่​เดินทาง​ไป​เรื่อย​ ก็​เจอ​คน​ครอบครอง​แก่น​ปฐม​แล้ว​…” อยู่​ๆ ก็​มีสตรี​เย้ายวน​ผู้​หนึ่ง​เดิน​เข้า​มาจาก​นอก​กระท่อม​

นาง​มีร่างกาย​อวบอัด​ โดยเฉพาะ​หน้าอก​หน้า​ใจ จงใจเผย​ร่อง​ขาวโพลน​ สั่น​ไหว​ไปมา​ยาม​ก้าวเดิน​ เอว​คอด​กิ่ว​ราวกับ​จะต้านทาน​น้ำหนัก​จาก​ท่อน​บน​ไม่ไหว​

“น้องชาย​ บน​ตัว​เจ้าสมควร​มีหยก​สีแดง​อม​ม่วง​ก้อน​หนึ่ง​กระมัง​ มอบ​มัน​ให้​พี่สาว​เสีย​ แล้ว​ปัญหา​ที่​เจ้าเจอ​มาก่อนหน้านี้​จะหาย​ไป​หมดสิ้น​” นาง​ยิ้ม​ขณะ​มอง​ลู่​เซิ่ง

“คำพูด​นี้​ควรจะเป็น​ของ​ฝั่งข้า​มากกว่า​ แก่น​ปฐม​เป็น​ของ​ข้า​ คนอื่น​ไสหัวไป​!” ทันใดนั้น​บุรุษ​ร่าง​สูงใน​ชุด​อาภรณ์​เขียว​ที่​สวม​งอบ​คน​หนึ่ง​ก็​เดิน​เขา​มาใน​กระท่อม​

เขา​ถือ​เคียว​สีดำ​เล่ม​หนึ่ง​ บน​เคียว​ยังมี​เลือด​สีดำ​เหนียว​ข้น​อาบ​อยู่​

“ชิงสั่ว​…นึกไม่ถึง​ว่า​เจ้าจะมาด้วย​…” เสียง​บุรุษ​แผ่วเบา​อีก​เสียงดัง​มาจาก​นอก​กระท่อม​ คน​ที่สาม​ได้​มาถึงแล้ว​

ลู่​เซิ่งยังคง​ก้มหน้า​ต้ม​ชาอย่าง​เยือกเย็น​ แล้ว​เติม​ชาใสจน​เต็ม​จอก​หยก​ขาว​อีกครั้ง​

จากนั้น​เขา​ก็​วาง​กา​ต้ม​ชาลง​ ขณะ​กำลังจะ​ยกขึ้น​ดื่ม​ ก็​พลัน​หยุดนิ่ง​แล้ว​เอา​จอก​ชาใบ​ใหม่​ออกมา​วาง​ลง​บน​ที่นั่ง​ด้านหน้า​ตัวเอง​

แล้ว​ริน​ชาใสลง​ไป​ใน​จอก​ชาใบ​ใหม่​

ลู่​เซิ่งไม่ได้​พูด​อะไร​ เพียงแค่​เติม​ชาใส่จอก​ จากนั้น​ก็​ไม่เคลื่อนไหว​ใดๆ​ อีก​

เวลานี้​เหล่า​คน​ที่อยู่​รอบข้าง​ค่อย​ค้นพบ​ความผิดปกติ​ ลู่​เซิ่งเผชิญหน้า​กับ​พวกเขา​ที่​โผล่​มาอย่าง​กะทันหัน​ ไม่เพียงแต่​ไม่กลัว​ แต่​ถึงขั้น​ไม่มีความตกใจ​แม้แต่น้อย​

เหมือน​รู้อยู่​แต่แรก​แล้ว​ว่า​พวกเขา​จะมา

“เจ้า…เป็น​ใคร​กัน​แน่​?!” สตรี​ร่าง​เย้ายวน​คน​แรก​สุด​ค่อย​ผุด​สีหน้า​เคร่งขรึม​ขณะ​พิจารณา​ลู่​เซิ่ง

อีก​สอง​คนมีสี​หน้า​จริงจัง​เช่นกัน​ ตอนนี้​มีคน​ใหม่​ไม่น้อย​ล้อม​ที่นี่​เอาไว้​ พร้อม​จะแย่งชิง​แก่น​ปฐม​ได้​ทุกเวลา​

ตาม​หลัก​ตรรกะ​ทั่วไป​ ตอนนี้​คน​ทั้ง​สามควรจะ​ลงมือ​แต่แรก​ จากนั้น​หลังจาก​ได้​แก่น​ปฐม​มาค่อย​รีบ​ออกจาก​ที่นี่​ไป​เพื่อ​ป้องกัน​ไม่ให้​ตก​สู่วงล้อม​

แต่​ไม่รู้​เพราะเหตุใด​ พวกเขา​สามคน​จึงเกิด​ความตึงเครียด​ที่​อธิบาย​ไม่ได้​ตอนที่​เตรียม​จะลงมือ​

“เจ้า…เป็น​ใคร​กัน​แน่​!?” เสียง​ของ​บุรุษ​สวม​งอบ​แห​ลมขึ้น​เล็กน้อย​

ลู่​เซิ่งหยิบ​ของ​สิ่งหนึ่ง​ออก​มาจาก​ใน​แขน​เสื้อ​ แล้ว​นำมา​วาง​ไว้​บน​โต๊ะ​ตัวเอง​ เป็น​หยก​สีแดง​อม​ม่วง​ทรงกลม​ก้อน​หนึ่ง​

“เจ้าเดา​ดู​สิ”

ลู่​เซิ่งเงยหน้า​ขึ้น​ สอง​ตา​กลายเป็น​สีแดงฉาน​ดุจ​โลหิต​ตั้งแต่​เมื่อใด​ก็​ไม่ทราบ​

ทว่า​หาก​สังเกต​ให้​ละเอียดถี่ถ้วน​จะพบ​ว่า​ตาขาว​ของ​เขา​ถูกริ้ว​เลือด​สีแดง​ยึดครอง​ จน​กลายเป็น​ภาพลวงตา​ขึ้น​มา

“จงใจคลาย​การป้องกัน​ ส่งบริวาร​ทั้งหมด​ไป​ด้านนอก​ รั้ง​อยู่​ตามลำพัง​เพื่อ​ล่อ​ข้า​มา ราชา​สามานย์​ เจ้านี่​ช่างเชื่อมั่น​ใน​ตัวเอง​เสีย​จริง​”

เสียงทุ้ม​ต่ำ​ทรงพลัง​เสียง​หนึ่ง​ดัง​มาจาก​ด้านนอก​กระท่อม​

“ราชา​สามานย์​!”

พอ​ได้ยิน​คำ​เรียก​นี้​ ร่าง​ของ​คน​ทั้ง​สามที่​เดิม​มีความมั่นใจ​เต็มเปี่ยม​พลัน​แข็ง​ค้าง​ ต่าง​เสียวสันหลัง​วาบ​

ตัว​ของ​คน​ทั้ง​สามเย็นเยียบ​ลง​ หน้า​ซีดเผือด​ใน​บัดดล​ เม็ด​เหงื่อ​ใหญ่​เท่า​ถั่ว​ไหล​ลง​มาจาก​จอน​ผม​อย่าง​ต่อเนื่อง​

ลู่​เซิ่งแสยะ​ยิ้ม​เย็นชา​

“ผู้อาวุโส​อสรพิษ​นภา​อยู่​นี่​ ต่อให้​มีคน​มากกว่า​นี้​ก็ได้​แต่​ส่งไป​ตาย​เสียเปล่า​ เก็บ​ไว้​กับ​ตัว​ก็​ไม่มีประโยชน์​อัน​ใด​”

……………………………………….

Options

not work with dark mode
Reset