ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 792 ถอนตัว (2)

บทที่ 792 ถอนตัว (2)

ดังนั้น​คน​ที่​ให้ความสำคัญ​กับ​เฉินจื่อลัว​อย่าง​แท้จริง​จึงมีเพียง​ตู้​เฟิงจื่อ​กับ​หนิง​เหมย​เท่านั้น​

ใน​อีก​ความหมาย​หนึ่ง​ก็​คือ​ แม้เฉินจื่อลัว​จะเป็น​คน​เลือดเย็น​ แต่​ก็​รู้จัก​บุญคุณ​คน​

“ช่างเถิด​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​ขึ้น​ จากนั้น​ก็​พาด​ลูกตุ้มเหล็ก​ไว้​บน​หลัง​ ปลด​โซ่ลง​พัน​กับ​ลำตัว​เพื่อ​ใช้ยึด​ลูกตุ้ม​คู่​ไว้​

“ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ อย่างนั้น​ก็​ลา​กัน​เท่านี้​ ข้า​จะไป​ตามหา​อาจารย์​กับ​ศิษย์​พี่​ พวก​ท่าน​ดูแลตัวเอง​ด้วย​” ลู่​เซิ่งกล่าว​อย่าง​ไม่นำพา​ ก่อน​จะหันหลัง​เดินลง​จาก​เขา​

“เจ้า…! หยุด​นะ​! เจ้าเป็น​ศิษย์​พรรค​กระบี่​ คิด​ว่า​จากไป​เช่นนี้​แล้ว​เรื่อง​จะจบ​หรือ​!? ตอนนี้​พรรค​ตกทุกข์ได้ยาก​ เจ้าได้รับ​การ​เลี้ยงดู​จาก​พรรค​ พอ​ถึงช่วง​วิกฤติ​ก็​คิด​จะตอบแทน​พรรค​กระบี่​เช่นนี้​น่ะ​หรือ​!?”

พอ​เห็น​ลู่​เซิ่งหันหลัง​จะจากไป​ กวน​ซิ่ว​เหนียน​กลับ​นึก​เสียใจ​และ​หวาดกลัว​อย่าง​กะทันหัน​ หากว่า​ลู่​เซิ่งไป​แล้ว​มหา​ปรมาจารย์​ฝ่าย​อธรรม​ผู้​นั้น​โผล่​มาอีก​ นั่น​ไม่ใช่ว่า​ทั่ว​ทั้ง​เขา​จะตกอยู่ในอันตราย​หรือ​

“ยัง​ไม่รีบ​กลับมา​ปกป้อง​พวกเรา​อีก​!” เขา​ตวาด​เสียงดัง​ ขณะเดียวกัน​ก็​ขยิบตา​ให้​หวัง​เยวี่ย​กับ​เหยียน​ชิ่น​หรง​ด้วย​

“หา​?” ลู่​เซิ่งอยู่​มานาน​ เห็น​โลก​มามากมาย​ แต่​ตอนนี้​ต้อง​อึ้ง​เพราะ​ความ​ไร้ยางอาย​ของ​กวน​ซิ่ว​เหนียน​

เขา​คิด​ว่า​ตัวเอง​ยัง​เป็น​ศิษย์เอก​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​หมู่​ลูกศิษย์​อยู่​หรือ​อย่างไร​ เลย​นึก​ว่า​ลู่​เซิ่งจะถูก​เขา​เรียก​กลับ​ไป​ได้​เหมือน​ศิษย์​ธรรมดา​พวก​นั้น​

ลู่​เซิ่งหันไป​มอง​กวน​ซิ่ว​เหนียน​ด้วย​ความระอา​ใจ

“ไอ้​ตรงนี้​ของ​เจ้า…มีปัญหา​หรือ​” เขา​ชี้ศีรษะ​ตัวเอง​ “หรือ​จะให้​ข้า​ช่วย​ตบ​เรียก​สติ​ให้​”

“เจ้า!?” กวน​ซิ่ว​เหนียน​อารมณ์​ขึ้น​ จะเอ่ย​สบถ​ด่า​

ตูม​!

เสียง​หวีด​พลัน​ระเบิด​กลางอากาศ​อย่าง​ฉับพลัน​

เงาสีเทา​สาย​หนึ่ง​กระแทก​ใส่ทรวงอก​ของ​เขา​อย่าง​รุนแรง​ราว​สายฟ้า​ฟาด​

เปรี้ยง​!

เขา​ร้อง​โหยหวน​ กลิ้ง​ไป​กับ​พื้น​สิบ​กว่า​ตลบ​ แล้ว​ชน​ใส่เสาหัก​ที่​ถล่ม​ลงมา​ ก่อน​จะแน่นิ่ง​ไป​

“หยุด​มือ​!”

“เฉินจื่อลัว​หยุด​มือ​!”

หวัง​เยวี่ย​กับ​เหยียน​ชิ่น​หรง​ร้อง​ออกมา​แทบจะ​พร้อมกัน​

แม้คำพูด​ของ​กวน​ซิ่ว​เหนียน​จะไม่น่าฟัง​ แต่​ก็​มีเหตุผล​อยู่​ ยิ่งไปกว่านั้น​ทั้งสอง​ยังมี​ความลับ​ร่วมกัน​ด้วย​

นั่น​ก็​คือ​กวน​ซิ่ว​เหนียน​เป็น​ลูกชาย​คนเดียว​ของ​ประมุข​พรรค​คน​ปัจจุบัน​ นี่​เป็นสาเหตุ​ที่​แท้จริง​ที่​พวกเขา​คอย​ดูแล​กวน​ซิ่ว​เหนียน​มาโดยตลอด​

ซ่งซิ่น​หรู​ส่ายหน้า​ พอ​เห็นภาพ​นี้​เข้า​ ก่อนหน้านี้​คำพูด​ของ​หวัง​โหว​จงยัง​ไม่ทำให้​นาง​ท้อแท้​ กระนั้น​ท่าที​ของ​พวก​หวัง​เยวี่ย​และ​กวน​ซิ่ว​เหนียน​ใน​ตอนนี้​กลับ​ทำให้​นาง​รู้สึก​ผิดหวัง​ต่อ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​อย่าง​สิ้นเชิง​

ไม่ได้​ออกมา​แค่​ไม่กี่​สิบ​ปี​ พรรค​กระบี่​กลับ​ตกต่ำ​ลง​ถึงขั้น​นี้​ไป​แล้ว​

ชั่ว​ขณะนั้น​ซ่งซิ่น​หรู​เกิด​ความรู้สึก​มากมาย​ ใน​ใจไม่เป็น​สรรพ​รส​ ขณะ​มองดู​สถานที่​ที่​ตน​สู้และ​สร้าง​ขึ้น​ตลอดชีวิต​ ก็​คับ​ข้อง​อึดอัด​ใจจน​ไม่อาจ​บรรยาย​

ทุกคน​ร้อง​อุทาน​ มีคน​สอง​สามคน​รีบ​เข้าไป​ประคอง​กวน​ซิ่ว​เหนียน​ เห็น​ทรวงอก​ของ​เขา​อาบ​เลือด​ ใบ​หน้าซีด​ขาว​ราว​กระดาษ​ แล้ว​สลบเหมือด​ไป​ทั้งอย่างนั้น​

สิ่งที่​ทำให้​เขา​สลบ​ ก็​คือ​ก้อนหิน​สีดำ​ขนาด​เท่า​กำปั้น​ก้อน​หนึ่ง​

“เจ้าบ้า​ไป​แล้ว​เฉินจื่อลัว!​ ลงมือ​กับ​สหาย​ร่วม​พรรค​ หรือ​เจ้าลืม​ไป​แล้ว​ว่า​อาจารย์​ตู้​เฟิงจื่อ​ของ​เจ้าเคย​สอน​อะไร​เจ้าไป​บ้าง​” หวัง​เยวี่ย​ตวาด​เสียง​เฉียบขาด​ด้วยใจ​ที่​เดือด​พล่าน​

“ข้า​จะรายงาน​เรื่อง​วันนี้​กับ​อาจารย์​ของ​เจ้าตาม​ความจริง​ ข้า​อยาก​จะเห็น​นัก​ว่า​ใน​สี่สาย​ของ​พรรค​…”

“พูด​อีก​ประโยค​ข้า​ฆ่าเจ้าแน่​”

เสียง​ชะงัก​กลางคัน​ ลู่​เซิ่งตัดบท​หวัง​เยวี่ย​ซึ่งหน้า​

ครั้งนี้​แม้แต่​เหยียน​ชิ่น​หรง​ก็​อ้าปากค้าง​ มองดู​ลู่​เซิ่งอย่าง​ฉงน​

หวัง​เยวี่ย​ริมฝีปาก​สั่น​ เพลิง​โทสะ​ก่อตัว​ขึ้น​ใน​ใจ พร้อม​ปะทุ​ได้​ตลอดเวลา​

เขา​เป็น​ผู้อาวุโส​มาหลาย​ปี​ นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​มีศิษย์​กล้า​พูด​กับ​เขา​เช่นนี้​

แต่​จิต​สังหาร​ที่​ไม่เหมือน​ของปลอม​สาย​นั้น​ทำให้​เขา​ตัวสั่น​จน​ไม่อาจ​ต่อล้อต่อเถียง​ได้​อีก​

“พอได้​แล้ว​ เอา​เช่นนี้​ก็แล้วกัน​ ตั้งแต่​นี้​เป็นต้นไป​ ข้า​เฉินจื่อลัวขอ​ประกาศ​ออกจาก​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ ทำ​ตามที่​พวก​เจ้าต้องการ​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​อย่าง​ไม่นำพา​ ก่อน​จะหมุน​ตัวนำ​โซ่และ​ลูกตุ้มเหล็ก​เดิน​ออกจาก​ซุ้มประตู​

ศิษย์​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ที่อยู่​ด้านหลัง​เห็น​เงาร่าง​ของ​เขา​ออกห่าง​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ จึงค่อย​โล่งอก​เล็กน้อย​

ก่อนหน้านี้​ไม่ทัน​รู้สึกตัว​ด้วย​คับข้องใจ​อยู่​ชั่วขณะ​ รอ​ได้สติ​กลับมา​ พวกเขา​ค่อย​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ เกิด​เมื่อ​ครู่​ลู่​เซิ่งอาละวาด​ อย่างนั้น​พวกเขา​จะเจอ​ปัญหา​เข้า​จริง​แล้ว​

ทาง​ลู่​เซิ่งเอง​เมื่อ​ลง​เขา​ไป​ได้​ครึ่งทาง​ ก็​มีเงาร่าง​สะโอดสะอง​สอง​สาย​พุ่ง​มา เป็น​เห​อชู่ห​ร่วน​กับ​เห​อชู่เซียง​ที่​เพิ่ง​เดินทาง​มาถึงนั่นเอง​

“พี่ใหญ่​เฉิน​ ท่าน​ขึ้น​เขา​ไป​ตรวจสอบ​สถานการณ์​ไม่ใช่หรือ​ ตอนนี้​เป็น​อย่างไรบ้าง​” เห​อชู่เซียง​ตะโกน​ถามอย่าง​สงสัย​

เห​อชู่ห​ร่วน​มอง​ลู่​เซิ่งด้วย​สีหน้า​ประหลาดใจ​เช่นกัน​ นาง​สังเกตเห็น​โซ่ที่​รัด​พัน​บน​ร่าง​และ​ของ​หนัก​ที่​เขา​แบก​ไว้​บน​หลัง​

“พี่​จื่อลัว​ เป็น​อะไร​ไป​ เกิด​อะไร​ขึ้น​หรือ​” นาง​รีบ​ถาม

“ไม่มีอะไร​ ถ้าไม่มีอะไร​เหนือ​ความคาดหมาย​ ข้า​น่าจะ​ถูก​ขับ​ออกจาก​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​แล้ว​” ลู่​เซิ่งกล่าว​ด้วย​สีหน้า​ไร้อารมณ์​

“อะไร​นะ​!”

พวก​นาง​อุทาน​ขึ้น​แทบจะ​พร้อมกัน​

เมื่อ​ครู่​เพิ่งจะ​กลับ​ไป​ช่วย​พรรค​ แต่​ตอนนี้​ดัน​บอ​กว่า​กำลังจะ​ถูก​ขับ​ออก​ การ​หักมุม​รุนแรง​แบบนี้​ทำให้​ทั้งสอง​ตอบสนอง​ไม่ทัน​

“ตอนนี้​ข้า​จะไป​แล้ว​ พวก​เจ้าหลีกทาง​หน่อย​” ลู่​เซิ่งเอ่ย​อย่าง​ราบเรียบ​

“ท่าน​จะไป​ไหน​” เห​อชู่ห​ร่วน​ที่​ตกใจ​ก็​พลัน​ได้สติ​ ลู่​เซิ่งไม่มีทาง​เอาเรื่อง​แบบนี้​มาล้อเล่น​แน่​ ดูเหมือน​จะเป็นไปได้​จริงๆ​ เสีย​ด้วย​

“ไปหา​อาจารย์​กับ​ศิษย์​พี่​ก่อน​ ส่วน​เรื่อง​อื่น​ไว้​ว่า​กัน​” แม้ลู่​เซิ่งจะมีแผนการ​ขั้นต้น​แล้ว​ แต่​ย่อม​ไม่บอก​กับ​ เห​อชู่ห​ร่วน​แน่นอน​

“น่าเสียดาย​…เช่นนั้น​ก็ได้​ ขอ​มอบ​สิ่งนี้​ให้​ท่าน​ ขอให้​ท่าน​เดินทาง​ราบรื่น​” เห​อชู่ห​ร่วน​คบหา​กับ​ลู่​เซิ่งเป็น​สหาย​มาช่วง​หนึ่ง​ รู้สึก​ว่า​ความจริง​คน​นี้​ไม่เลว​ทีเดียว​ ทั้งสอง​คน​จึงมีความผูกพัน​กัน​ใน​ช่วง​เวลานี้​อยู่​บ้าง​

นาง​โยน​ถุงยา​ให้​ถุงหนึ่ง​

“ด้านใน​บรรจุ​ผง​ยา​รับประทาน​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​ภายใน​และ​ยาทา​สำหรับ​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​ภายนอก​ไว้​ ยังมี​พวก​ผ้าพันแผล​ยามฉุกเฉิน​ด้วย​”

ลู่​เซิ่งรับ​ไว้​พลาง​พยักหน้า​ ไม่พูด​อะไร​อีก​ ก่อน​จะเดินผ่าน​ร่าง​ทั้งสอง​ลง​เขา​ต่อไป​

เห​อชู่ห​ร่วน​มองตาม​เงาหลัง​ของ​เขา​ด้วย​ความ​เศร้าสร้อย​เล็กน้อย​ อย่างไร​ก็​ถือเป็น​สหาย​ที่​เข้ากันได้ดี​

“อะไร​กัน​ ท่าน​พี่​ชอบ​เขา​จริงๆ​ หรือ​” เห​อชู่เซียง​ถามอย่าง​ประหลาดใจ​

“แค่​รู้สึก​ช่วย​อะไร​ไม่ได้​ก็​เท่านั้น​” เห​อชู่ห​ร่วน​ส่ายหน้า​

“แล้ว​พวกเรา​ยัง​จะไป​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​อีก​หรือไม่​”

“ไม่ไป​แล้ว​ กลับกัน​เถิด​ ท่าน​พ่อ​คง​รอ​จน​ร้อนใจ​แล้ว​” เห​อชู่ห​รวน​หมุนตัว​กลับ​โดย​ไม่อาจ​รู้​ได้​ว่า​เหตุใด​จึงหมดอารมณ์​

เห​อชู่เซียง​แลบลิ้น​ รู้ดี​ว่า​พี่สาว​อารมณ์ไม่ดี​ ก่อน​จะติดตาม​ไป​โดย​ไม่พูด​อะไร​อีก​

พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ถูก​จู่โจม แต่กลับ​ขับไล่​มหา​ปรมาจารย์​หวัง​โหว​จงแห่ง​ฝ่าย​อธรรม​ไป​ได้​สำเร็จ​ภายใต้​การ​ดูแล​ของ​ผู้อาวุโส​สูงสุด​ที่​เร้น​กาย​มาหลาย​ปี​

ไม่นาน​ข่าว​นี้​ก็​แพร่กระจาย​ไป​ทั่ว​ยุทธ​จักร​

มีคน​บน​ยุทธ​จักร​ส่วนหนึ่ง​เห็น​ร่องรอย​ของ​หวัง​โหว​จงที่​ออกจาก​เขา​บรรณ​ภูผา​ด้วย​สภาพ​ได้รับบาดเจ็บ​เช่นกัน​ ข่าว​นี้​จึงได้รับ​การพิสูจน์​ยืนยัน​หลายครั้ง​

มีเพียง​คน​ไม่กี่​คน​เท่านั้น​ที่​ทราบ​ว่า​ความจริง​แล้ว​เป็น​ศิษย์​สาย​ย่อย​ที่​มีชื่อว่า​เฉินจื่อลัว​ต่างหาก​ที่​แก้ไข​สถานการณ์​ ขับไล่​มหา​ปรม​จารย์​หวัง​โหว​จงไป​ได้​

แต่​เมื่อ​ข้อมูล​ที่​แท้จริง​นี้​กระจาย​ออก​ไป​ กลับ​ไม่มีใคร​เชื่อ​เพราะ​ไร้​ซึ่งหลักฐาน​

ไม่นาน​ต่อจากนั้น​ พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ก็​ประกาศ​ว่า​ เฉินจื่อลัว​ผู้​เป็น​ศิษย์​ถูก​ถอน​คุณสมบัติ​ศิษย์​ของ​พรรค​กระบี่​เพราะ​ทรยศ​สำนัก​ ไม่ใช่ศิษย์​ทางการ​ของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​อีกต่อไป​

ณ แคว้น​โชคลาภ​ที่อยู่​ห่าง​จาก​เขา​บร​รณภู​พา​นับ​พัน​ลี้​ ใน​คฤหาสน์​ไข่มุก​

ยาม​ดึกสงัด​ คน​กลุ่ม​ใหญ่​กำลัง​จุดไฟ​เผา​กอง​ฟางใน​นา​ข้าว​ที่​เพิ่ง​ถูก​เก็บเกี่ยว​ไป​ไม่นาน​

เพลิง​พวยพุ่ง​ขึ้น​สามหมี่​กว่า​ คน​กลุ่ม​ใหญ่​จับมือ​ร้องเพลง​และ​เต้นระบำ​กัน​อยู่​รอบ​กองไฟ​

โดยรอบ​ๆ มีคน​ตี​ของ​สิ่งคล้าย​ท่อนไม้​เพื่อ​บรรเลง​ทำนอง​ มีคน​ร้องเพลง​ดัง​สุดเสียง​ พวก​เด็ก​ๆ วิ่งไล่​กัน​ไปมา​ วิ่ง​จาก​กระโจม​หนึ่ง​ไป​อีก​กระโจม​หนึ่ง​เพื่อ​ขอ​ขนม​อย่าง​สนุกสนาน​

หวง​เจิน​พิง​อยู่​บน​กอง​ฟาง มองดู​ศิษย์​น้อง​เข้า​ร่วมกับ​ฝูงชน​ที่​กำลัง​เต้นรำ​ทำ​เพลง​เพื่อ​ฉลอง​ให้​แก่​การ​เก็บเกี่ยว​อุดมสมบูรณ์​ อารมณ์​ค่อนข้าง​ไม่เลว​ทีเดียว​

ผ้า​สีเทา​ผืน​หนึ่ง​กาง​อยู่​ด้าน​ข้าง​เขา​ บน​นั้น​วาง​ขนม​เปี๊ยะ​ไส้หวาน​ ถั่ว​ เมล็ด​แตงโม​ และ​ผลไม้​ไว้​ส่วนหนึ่ง​ สิ่งเหล่านี้​เป็น​สิ่งที่​คน​ท้องถิ่น​มีน้ำใจ​งามมอบให้​

นับตั้งแต่​ออกจาก​บู๊ตึ๊ง​ เขา​ก็​แสวงหา​ชีวิต​ที่​ตัวเอง​ต้องการ​อย่าง​เต็มที่​ ศิษย์​น้อง​สอง​คน​ไม่ได้รับ​การกดดัน​จาก​คน​ของ​บู๊ตึ๊ง​เช่นกัน​ จึงถือโอกาส​ติดตาม​เขา​ออกมา​กลายเป็น​ศิษย์​ทรยศ​สำนัก​เข้า​ร่วมกับ​ฝ่าย​อธรรม​

ครั้งนี้​พวกเขา​มาที่นี่​เพื่อ​ตรวจสอบ​ซากศพ​ที่​เล่าลือ​กัน​ใน​บริเวณ​นี้​ ด้วย​หวัง​ว่า​จะหา​เบาะแส​ของ​คดี​ใน​ตอนนั้น​เจอ​บ้าง​

หนำซ้ำ​ยังมี​อีก​ข่าว​หนึ่ง​ ว่า​กัน​ว่า​มหา​ปรมาจารย์​ฝ่าย​อธรรม​หวัง​โหว​จงสร้าง​สำนัก​สามานย์​ขึ้น​อีกครั้ง​ที่นี่​ ขณะเดียวกัน​ก็​เรียก​เก้า​สำนัก​สิบ​หก​วิถี​มารวมตัวกัน​เพื่อ​ถก​เรื่อง​ยิ่งใหญ่​ของ​ฝ่าย​อธรรม​!

กองไฟ​ที่อยู่​ไม่ไกล​ออก​ไป​ลุกไหม้​อย่าง​เจิดจ้า​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ฝูงชน​คึกคัก​ยิ่งกว่า​เดิม​ หวง​เจิน​กิน​ผลไม้​ไป​พลาง​ เหลียว​มอง​รอบข้าง​ไป​พลาง​ ตาม​ข่าว​ที่​เขา​ได้​ซื้อ​มา เวลา​ใน​การ​พบปะ​สมควรจะเป็น​คืนนี้​

เหตุใด​แถว​นี้​ จึงไม่เห็น​คนใน​ยุทธ​จักร​สัก​คน​

แต่​อยู่​ๆ หู​เขา​ก็​กระดิก​ คล้าย​ได้ยิน​เสียง​ลม​

หวง​เจิน​พลัน​ตื่นตัว​ ทะลึ่ง​ลุกขึ้น​ ก่อน​จะพุ่ง​ไป​ใน​ความมืด​ไกล​ออก​ไป​อย่าง​ไร้​สุ้มเสียง​

เฉียด​ผ่าน​ฝูงชน​ข้าง​กาย​เขา​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ ใช้เวลา​แค่​ไม่กี่​นาที​ เขา​ก็​ออกจาก​ฝูงชน​และ​กอง​เพลิง​ มาถึงท้องนา​ผืน​ใหญ่​ที่​เก็บเกี่ยว​เสร็จ​แล้ว​ผืน​หนึ่ง​

เวลานี้​มีคน​ไม่น้อย​มารวมตัวกัน​บน​นา​ผืน​นี้​

ทุกคน​ต่าง​ก็​อยู่​ห่าง​กัน​อย่าง​น้อย​สอง​สามหมี่​

หวง​เจิน​มอง​ผ่านๆ​ ทันทีที่​เห็น​คน​พวก​นี้​ชัดเจน​ก็​พลัน​ตื่นตระหนก​

คน​ที่อยู่​รอบข้าง​แทบ​ไม่มีใคร​เป็น​คนธรรมดา​ ทั้งหมด​คือ​ยอด​ฝีมือ​ฝ่าย​อธรรม​ที่​มีชื่อเสียง​ใน​ยุทธ​จักร​ทั้งสิ้น​

ใน​หมู่​พวกเขา​บ้าง​ก็​เป็น​อัจฉริยะ​จาก​สำนัก​ใหญ่​ๆ ทรยศ​สำนัก​หนี​ออกมา​ บ้าง​ก็​เป็น​จอม​ยุทธ์​ที่อยู่​ฝ่าย​อธรรม​และ​ฝ่าย​มาร​มาตั้งแต่​เกิด​

อีก​ทั้ง​ยังมี​โจรผู้ร้าย​ที่​สำเร็จ​จาก​การ​ร่ำเรียน​เอง​

“ถึงทุกคน​จะเห็นด้วย​กับ​การ​แบ่ง​เขต​เป็น​เหนือ​ ใต้​ ออก​ ตก​ ตาม​ความเห็น​ของ​มหา​ปรมาจารย์​ แต่​ถ้าไม่เจอ​คน​ที่​มีคุณสมบัติ​มาก​พอ​ เช่นนั้น​อย่า​โทษ​พวกเรา​พี่น้อง​มนุษย์​หน้า​เหยี่ยว​ลงมือ​ฉกชิง​โดย​ไม่มีคุณธรรม​เล่า​” เงาสีดำ​ที่​มีรูปร่าง​เตี้ย​เล็ก​พลัน​กล่าว​เหน็บแนม​ขึ้น​ท่ามกลาง​คนชั่ว​ที่อยู่​ล้อมรอบ​

“พวกเรา​ล้วน​ได้รับ​การ​จัด​แบ่งงาน​ ใน​เมื่อ​ตอนนี้​ทางใต้​ไม่มีตัวเลือก​ที่​เหมาะสม​ มิสู้ให้​วีรชน​แห่ง​แดน​เหนือ​อย่าง​พวกเรา​แบ่ง​คน​ไป​ปกครอง​ทางใต้​ดีกว่า​” มีเสียง​กล่าว​เสริม​

“ทางเหนือ​มีชว​งเห​อ​หู่​กับ​เจิน​ชิงหู่​ปกครอง​ กอปร​กับ​วีรชน​จาก​สิบ​สามวิถี​ รับมือ​ฝ่าย​ธรรมะ​ได้​เหลือเฟือ​”

“ทาง​ตะวันออก​มีผู้อาวุโส​แมงป่อง​เก้า​หาง​นำ​สี่สำนัก​ใหญ่​สะกด​ไว้​ ขอ​แค่​ตัว​อาจารย์​ไม่อยู่​ ก็​สามารถ​รับมือ​ไอ้​พวก​ลา​หัวล้าน​ของ​สำนัก​เส้าหลิน​ได้​โดย​ไม่มีปัญหา​เช่นกัน​”

“มีเพียง​ทางใต้​กับ​ทางตะวันตก​…เหอะ​ๆ” เสียงแหลม​ยิ้มเยาะ​ใน​ความมืด​ “ข้า​ว่า​วันนี้​มีแต่​ขอให้​ผู้อาวุโส​ดาบ​มาร​แดง​ขึ้น​นำ​บัญชาการ​ทั้ง​สามลัทธิ​ห้า​สำนัก​ใหญ่​เท่านั้น​ ถึงอาจจะ​ต้านทาน​พวก​นาง​ชีจาก​ง้อไบ๊​ได้​”

“ผายลม​! สำนัก​ประจัญ​ทะเลสาบ​ของ​พวกเรา​ไม่ยินยอม​!”

“ถึงดาบ​มาร​แดง​จะแข็งแกร่ง​ แต่​นั่น​คือ​ชื่อเสียง​ใน​แดน​เหนือ​ ทางใต้​ไม่แน่​ว่า​จะใช้ได้​”

“ไม่เป็นไร​ ให้​ท่าน​ผู้เฒ่า​มาลอง​เถิด​ ดู​ว่า​จะสะกด​ไหว​หรือไม่​ ถ้าหาก​ไม่ไหว​ ก็​อย่า​โทษ​ที่​พวกเรา​ไม่ไว้หน้า​ก็แล้วกัน​!”

……………………………………….

Options

not work with dark mode
Reset