ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 790 อุบัติการณ์ (2)

บทที่ 790 อุบัติการณ์ (2)

“แน่นอน​ ใน​เมื่อ​มหา​ปรมาจารย์​หวัง​มาเยือน​ด้วยตัวเอง​ อย่างนั้น​ก็​เชิญขึ้น​เขา​มาเถิด​!” ผู้อาวุโส​หวัง​เยวี่ย​ตั้งสมาธิ​กลั้นลมหายใจ​ ดวงตา​ฉาย​ความ​เศร้าโศก​ขณะ​ผาย​มือ​ไป​ยัง​บันได​ลาด​สำหรับ​ขึ้น​เขา​

เหยียน​ชิ่น​หรง​ไม่ได้​ห้ามปราม​ ใน​เมื่อ​มาถึงขั้น​นี้​แล้ว​ ไม่ว่า​จะทำ​อะไร​ก็​ไม่มีความหมาย​ทั้งสิ้น​

สิ่งที่​พวกเขา​พอ​จะทำได้​ก็​คือ​ รักษา​กองกำลัง​ของ​พรรค​ไว้​ให้​มาก​ที่สุด​เพื่อ​พวก​ประมุข​พรรค​ที่​ยัง​ไม่กลับมา​

หวัง​โหว​จงพยักหน้า​น้อย​ๆ มอง​เมิน​ทิวทัศน์​เปล่าเปลี่ยว​อ้างว้าง​ของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ สาวเท้า​ขึ้น​บันได​ภายใต้​การ​มุงดู​ของ​คน​จำนวนมาก​

ผู้อาวุโส​ทั้งสอง​คน​ตามหลัง​ไป​ติดๆ​

คน​ทั้ง​ขบวน​มาถึงลาน​ฝึก​กว้างขวาง​ด้านหน้า​ตำหนัก​ใหญ่​บน​ยอดเขา​อย่าง​รวดเร็ว​

บน​ลาน​ฝึก​ที่​ปู​อิฐ​สีขาว​มีศิษย์​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​มารวมตัวกัน​อย่าง​เนืองแน่น​ มอง​ไป​มีไม่ต่ำกว่า​ร้อย​คน​

ศิษย์​แกน​หลัก​ใน​นี้​มีเพียง​ยี่สิบ​กว่า​คน​ และ​ครึ่งหนึ่ง​ของ​ยี่สิบ​กว่า​คน​นี้​ต่าง​ออกเดินทาง​ไป​ด้านนอก​

ผู้​ที่​เผชิญ​ศัตรู​ได้​จึงเหลือ​แค่​สอง​ผู้อาวุโส​และ​สามผู้จัดการ​เรื่องราว​

“ตาม​กฎ​ของ​ยุทธ​จักร​ ไม่ว่า​พวก​ท่าน​จะสู้หนึ่งต่อหนึ่ง​ หรือ​จะสู้พร้อมกัน​ ล้วน​ไม่มีปัญหา​” หวัง​โหว​จงเอ่ย​อย่าง​ราบเรียบ​ “ถ้าหาก​ข้า​ชนะ​ ตั้งแต่​วันนี้​เป็นต้นไป​ พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ห้าม​เปิดรับ​ศิษย์​ และ​ต้อง​ปลด​ป้าย​พรรค​ลง​”

เขา​ไม่ได้​บอ​กว่า​ถ้าตน​แพ้​จะเป็น​อย่างไร​

รอบข้าง​เอง​ก็​ไม่มีใคร​พูดว่า​เขา​จะแพ้​ ห้า​พรรค​ใหญ่​ที่​เหลือ​ถูก​เขา​บุก​ทำลาย​ด้วย​ทวน​เดี่ยว​ม้าเดียว​ ใน​ฐานะ​มหา​ปรมาจารย์​ฝ่าย​อธรรม​ที่​เหนือกว่า​ใคร​ใน​ใต้​หล้า​ เขา​ไม่มีโอกาส​แพ้​

หวัง​เยวี่ย​กับ​เหยียน​ชิ่น​หรง​สบตา​กัน​ ทั้งสอง​มองเห็น​ความเชื่อมั่น​ใน​ดวงตา​อีก​ฝ่าย​

ดูเหมือน​ศึก​ใน​วันนี้​จะไม่อาจ​หลีกเลี่ยง​แล้ว​ เพื่อ​ชื่อเสียง​ที่​สืบทอด​ต่อกัน​มานับ​พันปี​ของ​พรรค​ ต่อให้​พวกเขา​สู้จนตัวตาย​ ก็​ไม่อาจ​ถอย​หนี​ได้​

ตึง​ ตึง​

เกิด​เสียงดัง​ขึ้น​สอง​ครั้ง​ ผู้อาวุโส​สอง​คน​ออกมา​ยืน​ต่อหน้า​หวัง​โหว​จง

“ท่าน​ปรมาจารย์​โปรด​ชี้แนะ​!” ทั้งสอง​เป็นยอด​ฝีมือ​อันดับ​ต้น​ๆ ของ​ยุทธ​จักร​ รอง​จาก​ระดับ​ประมุข​พรรค​คือ​สาย​แรก​ แต่​พอ​เจอ​มหา​ปรมาจารย์​ที่อยู่​เหนือกว่า​ระดับ​ประมุข​พรรค​ขึ้นไป​อีก​ พวกเขา​ก็​ทราบ​ดี​ว่า​โอกาส​ชนะ​ใน​ครั้งนี้​แทบ​เป็น​ศูนย์​

หวัง​โหว​จงมีชื่อเสียง​ดุร้าย​ หากว่า​ล้มเหลว​ จะไม่มีใคร​รอดชีวิต​แม้แต่​คนเดียว​

หวัง​โหว​จงมอง​คน​ทั้งสอง​

“ได้ยิน​มาว่า​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​มีค่าย​กล​หนึ่ง​ชื่อ​ค่าย​กล​นพ​บรรณ​ดารา​ ข้า​อยาก​จะขอ​คำ​ชี้แนะ​สักหน่อย​ ไม่ต้อง​ห่วง​ พวก​ท่าน​กาง​ค่าย​กล​ได้​ตามสบาย​ ข้า​จะไม่ลงมือ​”

พวก​หวัง​เยวี่ย​แลก​สายตา​กัน​ แล้ว​ตะโกน​ขึ้น​แทบจะ​พร้อมกัน​

“กาง​ค่าย​กล​!”

“ขอรับ​!”

ฉับพลัน​นั้น​มีศิษย์​สิบ​คน​พุ่ง​ออก​มาจาก​รอบข้าง​แล้ว​หมุน​วน​รอบตัว​ทั้งสอง​อย่าง​รวดเร็ว​ ประกาย​กระบี่​ วูบวาบ​ เหมือน​อสรพิษ​สีเงิน​นับไม่ถ้วน​กำลัง​ร่าย​ระบำ​

ผู้อาวุโส​สอง​คน​ร่วมมือ​กับ​ศิษย์​ทั้งหมด​ล้อม​หวัง​โหว​จงไว้​เป็นชั้นๆ​ ตัว​กระบี่​ใน​มือ​ทุกคน​สะท้อน​แสงจาก​ฟากฟ้า​ ไม่นาน​ก็​รวมตัว​เป็น​แสงวูบวาบ​เก้า​สาย​ สะท้อน​ใส่ตัว​ของ​หวัง​โหว​จงอย่าง​แม่นยำ​

“ประเสริฐ​นัก​” แทนที่จะ​แตกตื่น​หวัง​โหว​จงกลับ​นึก​สนุก​ โถมตัว​พุ่ง​เข้าใส่​ค่าย​กล​กระบี่​ที่​เหมือนกับ​เม่น​

เสียง​เพ​ล้ง​ดัง​ขึ้น​เป็น​กลุ่ม​ กระบี่​สิบ​กว่า​เล่ม​ถึงกับ​แตกหัก​

หวัง​โหว​จงยกมือ​ใหญ่​ ทั้ง​ห้า​นิ้ว​โบ​กลม​คาว​เป็นเงา​สีแดง​หลาย​สาย​ขึ้น​ พร้อมกับ​ตวัด​ใส่ศิษย์​ทั้ง​สิบ​กว่า​คน​ติดต่อกัน​ดุจ​สาย​ฟ้าแลบ​

เปรี้ยง​ๆๆๆๆ!

ศิษย์​บรรณ​ภูผา​ที่​ถูก​เขา​กระแทก​ใส่พา​กัน​ร้อง​ครวญคราง​พร้อมกับ​กระเด็น​ออก​ไป​ ค่าย​กล​กระบี่​พังทลาย​ลง​ในทันที​

ผู้อาวุโส​สอง​คน​ออก​กระบี่​สุดกำลัง​ทั้ง​ซ้าย​ขวา​

ท่า​ไม้ตาย​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​อย่าง​เข็ม​บรรณ​ภูผา​สะกด​สุริยา​ แทง​ใส่หู​ของ​เขา​อย่าง​โหดเหี้ยม​และ​แม่นยำ​

“หัตถ์​แปลง​กำเนิด​” หวัง​โหว​จงสะบัดมือ​ ประกาย​กระบี่​สอง​สาย​พลัน​ถูก​ดีด​ออก​อย่าง​ง่ายดาย​

ผู้อาวุโส​สอง​คน​เปลี่ยนแปลง​ท่า​กระบี่​ ฟัน​ใส่บ่า​ของ​หวัง​โหว​จงดุจ​สาย​ฟ้าแลบ​ดัง​ค​วับๆ​

แต่​ก็​ไม่มีประโยชน์​ คม​กระบี่​ที่​ปะทะ​กับ​ผิวหนัง​ราวกับ​ฟัน​ใส่เกราะ​เหล็ก​อย่างไร​อย่างนั้น​

“ทวง​ท่า​กระบี่​รวดเร็ว​แล้ว​มีประโยชน์​หรือ​ อ่อนแอ​ไร้​กำลัง​ อ่อนแอ​เกินไป​แล้ว​!” หวัง​โหว​จงผลัก​สอง​ฝ่ามือ​ออก​

เกิด​เสียงดัง​เพ​ล้งๆ​ สอง​ฝ่ามือ​ของ​เขา​ปัด​กระบี่​ยาว​ของ​ผู้อาวุโส​ทั้งสอง​คน​ออก​ แล้ว​ประทับ​มือ​ใส่ทรวงอก​ของ​ทั้งคู่​แผ่วเบา​

“หยุด​มือ​!” จู่ๆ ก็​มีเงาสาย​หนึ่ง​กระโจน​ขึ้น​มาจาก​ด้านหลัง​ตำหนัก​ พุ่งตัว​มาทาง​นี้​

ทว่า​ก็​สาย​เกินไป​แล้ว​

เกิด​เสียงดัง​ตูม​

เหยียน​ชิ่น​หรง​กับ​หวัง​เยี่ย​ต้านทาน​ได้​มากกว่า​ศิษย์​ทั่วไป​สอง​สามกระบวนท่า​ แต่​สุดท้าย​ก็​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​

“เฮ้อ​…เหตุใด​ท่าน​ต้อง​บีบบังคับ​คน​ด้วย​ ยกเว้น​ตรงไหน​ได้​ก็​ควรจะ​ยกเว้น​เสียหน่อย​” เงาเพิ่งจะ​ทิ้งตัว​ลงพื้น​ ก็​สะกิด​เท้า​ใส่พื้น​ดัง​ตึง​ๆ ร่าง​พุ่ง​ไป​ถึงข้าง​กาย​หวัง​โหว​จงดุจ​คลื่น​ซัด​อย่าง​ไร้​สุ้มเสียง​

ฟ้าว!​

ประกาย​กระบี่​สามกลุ่ม​แยก​เป็นหนึ่ง​หน้า​สอง​หลัง​แทง​ใส่ทรวงอก​ของ​หวัง​โหว​จง

เร็ว​ยิ่ง​!

ทุกคน​ที่อยู่​โดยรอบ​มองไม่เห็น​ว่า​สามกระบี่​นี้​ถูก​แทง​ได้​อย่างไร​ เห็น​แค่​เพียง​ด้านหน้า​พร่ามัว​ จากนั้น​หวัง​โหว​จงก็​โดน​กระบี่​แทง​ใส่เท่านั้น​

“ไม่เจอกัน​นาน​ ซิ่น​เหนียง​” หวัง​โหว​จงกลับ​ฉีก​ยิ้ม​ เหมือน​พบ​เจอ​คนรู้จัก​ ขณะ​มอง​เงาสาย​นั้น​ อาการ​บาดเจ็บ​ บน​ร่าง​ถึงกับ​สมาน​ตัวอย่าง​รวดเร็ว​ทั้งที่​มีเลือด​ไหล​ซึมออกมา​

“หวัง​โหว​จงหรือ​” เงาสาย​นั้น​หมุนตัว​ไป​หยุด​ยืน​ราว​สาย​ฟ้าแลบ​ เป็น​หญิง​ชรา​ผมหงอก​ขาว​ริ้วรอย​เต็ม​หน้า​

“นี่​คือ​…ผะ​…ผู้อาวุโส​สูงสุด​!” เหยียน​ชิ่น​หรง​จดจำ​สถานะ​ของ​หญิง​ชรา​ได้​ในทันที​

“ผู้อาวุโส​สูงสุด​หรือ​!?” หวัง​เยวี่ย​ผุด​สีหน้า​มึนงง​ “อาจารย์​อา​ซ่ง! ท่าน​ยัง​มีชีวิต​อยู่​หรือ​นี่​”

หญิง​ชรา​ถอนใจ​เล็กน้อย​ขณะ​มองดู​หวัง​โหว​จงที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​

“ข้า​เร้น​กาย​มาหลาย​ปี​แล้ว​ ถ้าไม่ใช่เพราะ​ท่าน​ลงมือ​อย่าง​โหดเหี้ยม​อำมหิต​ คิด​ทำลาย​ชีวิต​ศิษย์​หลาน​ของ​ข้า​ ข้า​ก็​ไม่อยาก​จะมาข้อง​เกี่ยวกับ​ทางโลก​อีก​เลย​ ”

หวัง​โหว​จงหัวเราะ​

“เห็นแก่​ความสัมพันธ์​ใน​อดีต​ ข้า​ต่อให้​เจ้าสามกระบวนท่า​” เขา​พลิก​มือ​ชักดาบ​ที่​เพิ่ง​เก็บ​ไป​ออก​มาจาก​ด้านหลัง​

หญิง​ชรา​ผุด​สีหน้า​เคร่งขรึม​ แม้ว่า​วิชา​กระบี่​และ​พลัง​ยุทธ์​ของ​นาง​จะไป​ถึงขอบเขต​สมบูรณ์​ของ​พรรค​แล้ว​ เหมาะสม​กับ​ชื่อ​ปรมาจารย์​อย่าง​แท้จริง​ แต่​ครั้น​มาเผชิญหน้า​กับ​มหา​ปรมาจารย์​ฝ่าย​อธรรม​ที่​ไร้​เทียมทาน​ใน​ยุทธ​จักร​อย่าง​หวัง​โหว​จง ก็​ยังคง​ไม่อาจ​ทราบ​ผลลัพธ์​ได้​

ทว่า​เรื่องราว​มาถึงขั้น​นี้​ สำนัก​ถูก​หยาม​หยัน​ นาง​ไม่อาจ​ไม่สู้ได้​

“พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ ซ่งซิ่น​หรู​ ขอ​คำ​ชี้แนะ​!” นาง​ยก​ปลาย​กระบี่​ขึ้น​เบา​ๆ ก่อน​จะชี้ลง​เบื้องล่าง​

ติ๊ง​

กระบี่​หัก​ถูก​โยนทิ้ง​ลง​บน​พื้น​ ส่งเสียง​กระแทก​ใสกิ๊ง​เสนาะ​หู​

บน​ลาน​ฝึก​กว้าง​ขวางหน้า​ตำหนัก​ใหญ่​ของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ ผู้อาวุโส​สูงสุด​ซ่งซิ่น​หรู​กึ่ง​คุกเข่า​บน​พื้น​ เลือด​ซึมออกจาก​มุมปาก​ มือ​กำ​ด้าม​กระบี่​ที่​หัก​ไป​แล้ว​ค้ำ​ยัน​ด้วย​ร่างกาย​ที่​สั่นเทา​

หวัง​โหว​จงมองดู​ศิษย์​บรรณ​ภูผา​ที่​ล้มระเนระนาด​ใน​บริเวณ​รอบข้าง​ด้วย​สีหน้า​สงบ​ ก่อน​จะเดิน​วนรอบ​หนึ่ง​ สุดท้าย​สายตา​ก็​ตก​บน​ร่าง​ซ่งซิ่น​หรู​

“นี่​คือ​ตัวเลือก​ใน​ตอนนั้น​ของ​เจ้าหรือ​” เขา​ยิ้ม​ “ถ้าครั้งกระโน้น​เจ้าติดตาม​ข้า​เข้า​สำนัก​สามานย์​ วันนี้​ไหน​เลย​จะปรากฏ​ผลลัพธ์​แบบนี้​ ตอนนั้น​ข้า​เคย​บอก​เจ้าแล้ว​ว่า​ วิชา​กระบี่​ของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​แผ่ว​พลิ้ว​มาก​เปลี่ยนแปลง​ ดูเหมือน​งดงาม​ หาก​แต่​มีอานุภาพ​จำกัด​ ต่อให้​ฝึกฝน​จน​แข็งแกร่ง​กว่า​นี้​ ความสำเร็จ​ก็​มีจำกัด​เช่นกัน​ แต่​เจ้าไม่ยอม​ฟัง”

ซ่งซิ่น​หรู​กระอัก​ไอ​สอง​ครั้ง​แล้ว​ถ่มเลือด​ออกมา​ ไม่ได้​ตอบ​อะไร​

หวัง​โหว​จงส่ายหน้า​น้อย​ๆ

“นี่​คือ​วิชา​กระบี่​บรรณ​ภูผา​หรือ​ นี่​คือ​ความเชื่อมั่น​และ​การ​ยืนหยัด​ของ​เจ้าหรือ​”

เขา​เดิน​ไป​ถึงหน้า​ประตู​ใหญ่​ของ​ลาน​ฝึก​ มองดู​ป้าย​ที่​แขวน​อยู่​ด้านบน​

‘แผ่ว​พลิ้ว​ดั่ง​ใบไม้​’ ประโยค​นี้​ถูก​สลัก​ไว้​บน​ป้าย​ไม้อย่าง​ชัดเจน​งดงาม​

“ตั้งแต่​นี้​เป็นต้นไป​ ชื่อ​ของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​จะต้อง​หาย​ไป​” เขา​ยก​มือขึ้น​ฟาด​แสงประกาย​สีขาว​ใส่ป้าย​

เค​ร้ง!​

แสงสีขาว​ยัง​ค้าง​อยู่​กลางอากาศ​ก็​พลัน​มีเสียง​โลหะ​ดัง​แทรก​เข้ามา​ แสงขาว​ถูก​เงาสีเทา​กลุ่ม​หนึ่ง​กระแทก​ออก​ไป​ไกล​

“ดูเหมือน​บน​เขา​จะเกิด​เรื่องใหญ่​ตอนที่​ข้า​ไม่อยู่​นะ​”

บุรุษ​ร่าง​สูงใหญ่​หุ่น​สามเหลี่ยม​คว่ำ​ค่อยๆ​ เดิน​ขึ้น​บันได​มาจาก​ตีนเขา​

ผม​ของ​ลู่​เซิ่งที่​ตัด​สั้น​ถูกลม​พัด​จน​พลิ้วไหว​ เขา​ถือ​กระบี่​ สอง​บ่า​ใหญ่​กว้าง​ แขน​เรียว​ยาว​ สอง​นัยน์ตา​เหมือนกับ​คม​ดาบ​ที่​ถูก​ตี​ใน​เปลวเพลิง​ แฝงความ​ร้อนแรง​ที่​ใกล้​ปะทุ​ให้​รู้สึก​อันตราย​ยิ่ง​

“มีความสามารถ​นี่​เด็กน้อย​”

หวัง​โหว​จงประหลาดใจ​เล็กน้อย​ แม้จะเป็น​เพียง​มีด​บิน​ที่​เขา​สะบัด​ออกมา​ แต่​คนหนุ่ม​ที่​ดู​อายุ​ไม่เกิน​สามสิบ​ปี​ผู้​นี้​กลับ​รับ​ไว้​ได้​ แค่​ความสามารถ​ของ​อาวุธ​ลับ​นั้น​ก็​มาก​พอ​จะถูก​จัด​อยู่​ร​ใน​ร้อย​อันดับ​แรก​ของ​ยุทธ​จักร​แล้ว​

“ดูเหมือน​ท่าน​จะแข็งแกร่ง​มาก​นี่​…” ลู่​เซิ่งพิจารณา​ศิษย์​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ที่​นอนแผ่​ราบ​บน​พื้น​รอบข้าง​

“ข้า​หวัง​โหว​จง เด็กน้อย​ เจ้ามีสายตา​ไม่เลว​ สนใจ​ติดตาม​ข้า​หรือไม่​ อยู่​ใน​พรรค​เล็ก​ๆ เช่นนี้​ไป​ก็​เสียเวลา​เปล่าๆ​ ป​ลี้​ๆ ไม่มีอนาคต​หรอก​” หวัง​โหว​จงยิ้ม​พร้อมกับ​ออกปาก​เชื้อเชิญ​

ใน​ยุค​สมัยนี้​ คน​ที่​ทำตัว​โอ่อ่า​ผ่าเผย​และ​ไร้​ความเกรงกลัว​เมื่อ​อยู่​ต่อหน้า​เขา​ได้​ กล่าว​ได้​ว่า​มีความกล้า​เหนือ​มนุษย์​แล้ว​

“ท่าน​มีบริวาร​มากมาย​หรือ​” ลู่​เซิ่งหรี่ตา​

“แน่นอน​ เป็น​สิบ​เท่า​ของ​พรรค​เล็ก​ๆ นี้​” หวัง​โหว​จงเอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

“จะให้​ข้า​เข้าร่วม​ก็ได้​ ขอ​แค่​ท่าน​ต้าน​ข้า​ได้​สิบ​กระบวนท่า​ก็​พอ​” ลู่​เซิ่งกลับ​ยิ้ม​อย่าง​ผ่อนคลาย​

“สิบ​กระบวนท่า​หรือ​” หวัง​โหว​จงหัวเราะ​ “ต่อให้​เป็น​ร้อย​กระบวนท่า​ ถ้าหาก​เจ้าเฉือน​ผิว​ข้า​ได้​สัก​แผล​หนึ่ง​ ถือว่า​ข้า​แพ้​”

ต่อให้​พรรค​กระบี่​ที่​เน้น​ความ​แผ่ว​พลิ้ว​เป็นหลัก​จะฟัน​แทง​อย่างไร​ ก็​ทำลาย​วิชา​แข็งกร้าว​อย่าง​ร่าง​ทอง​อัฎฐ​ลักษณ์​ของ​เขา​ไม่ได้​หรอก​

ลู่​เซิ่งเพิ่งจะ​เลื่อน​ระดับ​ กำลัง​ต้องการ​หา​คน​ลอง​วิชา​กระบี่​ที่​ตนเอง​เพิ่ง​ฝึก​สำเร็จ​พอดี​ ตอนนี้​มีคน​ที่​เหมาะ​ที่สุด​มาอย่าง​ประจวบเหมาะ​พอดิบพอดี​

“พอดี​เลย​ ข้า​เพิ่งจะ​บรรลุ​แก่นแท้​ใน​วิชา​กระบี่​ของ​พรรค​” ลู่​เซิ่งยิ้ม​พร้อมกับ​กระชับ​ด้าม​กระบี่​ “ทราบ​หรือไม่​ว่า​เหตุใด​ป้าย​พรรค​ของ​เรา​ถึงสลัก​ไว้​ว่า​แผ่ว​พลิ้ว​ดุจ​ใบไม้​”

“เพราะอะไร​” หวัง​โหว​จงงุนงง​เล็กน้อย​ ไม่ใช่หมายถึง​วิชา​กระบี่​แผ่ว​พลิ้ว​มาก​เปลี่ยนแปลง​หรอก​หรือ​

“นั่น​เป็น​เพราะ​…วิชา​กระบี่​ของ​พรรค​เรา​รุนแรง​เกินไป​ มีแต่​ต้อง​ฝึก​จน​แผ่ว​พลิ้ว​ดุจ​ใบไม้​ถึงจะถือว่า​ฝึก​สำเร็จ​…”

ลู่​เซิ่งค่อยๆ​ ชัก​กระบี่​ จากนั้น​ทุกคน​ก็​เห็นได้ชัด​เจน​ว่า​กระบี่​ที่อยู่​ด้าน​หลังเขา​คือ​สิ่งใด​

นั่น​คือ​ลูกตุ้ม​สำริด​ขนาด​ยักษ์​ที่​แค่​ด้ามจับ​ก็​ใหญ่​เท่า​หัว​คน​แล้ว​

“อย่า​ว่าแต่​มัน​ไม่ใช่กระบี่​ หาก​ฝึก​วิชา​กระบี่​ถึงขอบเขต​ สรรพสิ่ง​ใน​โลก​หล้า​ล้วน​เป็น​กระบี่​ทั้งสิ้น​”

ลู่​เซิ่งเล่น​กับ​หนาม​ลูกตุ้ม​ด้วย​สายตา​อ่อนโยน​ ขณะ​ถือ​ลูกตุ้ม​ชี้ลงพื้น​

“…”

หวัง​โหว​จงมุมปาก​กระตุก​ ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​พูด​อะไร​ต่อ​ดี​

ผู้อาวุโส​และ​ศิษย์​ที่นอน​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​อยู่​บน​พื้น​เกือบ​หายใจไม่ออก​

ผู้อาวุโส​ถ่ายทอดวิชา​อย่าง​หวัง​เยวี่ย​หน้า​แดงก่ำ​ ปรารถนา​ใคร่​หา​รู​บน​พื้น​มุด​เข้าไป​

สิ่งที่​เจ้าถือ​ไว้​ใน​มือ​เป็น​ลูกตุ้ม​นะ​โว้ย​! นั่น​คือ​ลูกตุ้ม​!

“ดู​กระบี่​คู่​ประกบ​หยก​ของ​ข้า​ซะ!” ลู่​เซิ่งพูด​พลาง​ยก​ลูกตุ้ม​หนักอึ้ง​อีก​อัน​ออก​มาจาก​ด้านหลัง​

ลูกตุ้ม​อันนี้​ยิ่ง​อลังการ​กว่า​เดิม​ เนื่องจาก​มีหนาม​แหลม​กระจาย​ทั่ว​หัว​ลูกตุ้ม​สีดำ​สนิท​ ขนาด​เทียบ​เท่ากับ​อ่างล้างหน้า​ แถมบน​หนาม​ยังมี​สีแดงฉาน​ติด​อยู่​หลาย​สาย​

ทุกคน​ไร้​เรี่ยวแรง​จะแขวะ​แล้ว​

หวัง​โหว​จงยิ่ง​เอือมระอา​ คง​ไม่ใช่ว่า​เขา​มาเจอ​คนโง่​ที่​มีพลัง​ช้างสาร​โดยกำเนิด​หรอก​นะ​

เขา​ส่ายหน้า​น้อย​ๆ

“ช่างเถิด​ ออก​กระบวนท่า​เลย​” ใน​ฐานะ​มหา​ปรมาจารย์​ ถ้าเขา​เอ่ยปาก​ ย่อม​มั่นใจ​เหลือประมาณ​ ไม่มีทาง​เสียใจ​

“ท่าน​แน่ใจ​หรือ​” ลู่​เซิ่งถามอี​กรอบ​

“แน่ใจ​” หวัง​โหว​จงกล่าว​ยืนยัน​ “ใช้กระบวนท่า​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ของ​เจ้าเถอะ​ แต่​ข้า​ขอ​บอก​เจ้าก่อน​ว่า​วิชา​กระบี่​ที่​เจ้าฝึกฝน​อย่าง​หนัก​นั้น​ไม่มีความหมาย​แม้แต่น้อย​”

ลู่​เซิ่งหรี่ตา​

เป็น​เพราะ​ส่งจิตวิญญาณ​ไป​ประเมิน​นอ​กร่าง​ไม่ได้​ เขา​เลย​ไม่ทราบ​ว่า​คน​ผู้​นี้​มีพลัง​เป็น​อย่างไร​ เพียง​รู้สึก​ว่า​เหมือน​จะแข็งแกร่ง​มาก​ แต่​แข็งแกร่ง​ถึงขั้น​ไหน​ เขา​ก็​ไม่รู้​เหมือนกัน​

ฟึ่บ​ เขา​ดึง​โซ่หนา​เส้น​หนึ่ง​ขึ้น​มาจาก​เอว​ แล้ว​เชื่อม​ลูกตุ้ม​สอง​อัน​เข้าด้วยกัน​

“ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนั้น​ ข้า​ขอ​ใช้วิชา​กระบี่​เหิน​ที่​ข้า​บัญญัติ​ขึ้น​เอง​ก็แล้วกัน​…”

กริ๊ง​ เขา​ชูแขน​ขึ้น​สูง แล้ว​ออกแรง​ควง​โซ่ที่​รัด​พัน​ลูกตุ้ม​ที่​หนัก​กว่า​พัน​ชั่งอย่าง​รวดเร็ว​ ภายใต้​สีหน้า​เหมือน​เห็น​ผี​ของ​คน​ทั้ง​พรรค​

……………………………………….

Options

not work with dark mode
Reset