ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 784 คาดไม่ถึง (2)

บทที่ 784 คาดไม่ถึง (2)

ชาย​ชรา​ผู้​นี้​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ใน​ลาน​คฤหาสน์​เช่นเดียวกับ​ชาย​ชรา​ที่​เหมือนกับ​เขา​อีก​สามคน​

ทั้ง​สี่คน​คน​นี้​คือ​ประมุข​พรรค​และ​สามผู้อาวุโส​ใน​ปัจจุบัน​ของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​

“ไม่ต้อง​มาก​มารยาท​ไป​ พวก​เจ้ามายืน​อยู่​ด้านหลัง​ข้า​ก่อน​” ตู้​เฟิงจื่อ​ผู้​เป็น​ชาย​ชรา​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​

การ​ประลอง​กระบี่​ใน​ครั้งนี้​ สาย​ของ​เขา​ให้​หนิง​เหมย​ลงมือ​เป็นหลัก​

เขา​ค่อนข้าง​มั่นใจ​ใน​ตัว​ศิษย์เอก​ผู้​นี้​ หนิง​เหมย​ได้​อันดับ​สอง​สอง​ครั้ง​และ​อันดับ​หนึ่ง​สอง​ครั้ง​ใน​การ​ประลอง​หลายครั้ง​ที่ผ่านมา​

กล่าว​ได้​ว่า​มีพลัง​เหี้ยมหาญ​ยิ่ง​

ส่วน​เฉินจื่อลัว​ที่อยู่​ด้านหลัง​ เขา​ยัง​อายุ​น้อย​ แม้คุณสมบัติ​จะพอ​ไหว​ แต่​ใน​การ​ชุมนุม​ครั้งนี้​ ยัง​ไป​ไม่ถึงขั้น​ประลอง​กับ​ศิษย์เอก​อย่าง​หนิง​เหมย​

ตู้​เฟิงจื่อ​กวาดตา​มอง​ สายตา​กวาด​ผ่าน​ร่าง​ศิษย์เอก​ของ​สามสาย​ที่​เหลือ​อย่าง​รวดเร็ว​

กวน​ซิ่ว​เหนียน​ ศิษย์เอก​ของ​ศิษย์​พี่​ประมุข​พรรค​ใน​หมู่​สามคน​ที่​เหลือ​ เชี่ยวชาญ​วิชา​กระบี่​มัจฉาทะยาน​จาก​ บุปผา​ มีอานุภาพ​น่า​ตกตะลึง​ กอปร​กับ​ออก​ท่อง​ไป​ทั่ว​ยุทธ​จักร​มาหลาย​ปี​ จึงยาก​ตัดสิน​ผล​แพ้ชนะ​กับ​หนิง​เหมย​

นอกจากนี้​ อีก​สอง​คน​ที่​เหลือ​ก็​มีอานุภาพ​ไม่เท่าไร​ เพิ่งจะ​ฝึก​วิชา​กระบี่​ขั้นสูง​ได้​ไม่นาน​ ประสบการณ์​การต่อสู้​ไม่เพียงพอ​ ยัง​ไม่ถึงขั้น​แบก​รับหน้าที่​ด้วย​ตัว​คนเดียว​ได้​

‘ดูเหมือน​ครั้งนี้​จะเป็นการ​ตัดสิน​ระหว่าง​หนิง​เหมย​กับ​กวน​ซิ่ว​เหนียน​อีกแล้ว​’ ตู้​เฟิงจื่อ​มอง​ศิษย์​พี่​ประมุข​พรรค​โดย​ไม่แสดงท่าที​

ห​ลี่​อวี้ห​ลัน​ประมุข​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​เผย​สีหน้า​สงบนิ่ง​ วาง​กระบี่​ลาย​สน​ไว้​บน​ตัก​ มือ​ลูบ​เครา​ขาว​ใต้​คาง​ช้าๆ

ห​ลี่​อวี้ห​ลัน​เห็น​ความเก่งกาจ​ที่​โดดเด่น​ใน​ตัว​หนิง​เหมย​ทันทีที่​นาง​เข้ามา​

ดูเหมือน​ตู้​เฟิงจื่อ​จะสั่งสอน​ได้ดี​ ใคร​จะไป​นึก​ว่า​สตรี​นาง​หนึ่ง​จะฝึกฝน​อย่าง​หนัก​มาถึงระดับ​นี้​ได้​

รอ​จน​คน​จาก​ทั้ง​สี่สาย​พร้อม​ ที่​ควร​นั่ง​ก็​นั่ง​ ที่​ควร​ยืน​ก็​ยืน​เรียบร้อย​แล้ว​

ห​ลี่​อวี้ห​ลัน​ก็​ปรบ​มือเบา​ๆ จากนั้น​เด็ก​คน​หนึ่ง​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ก็​ตี​ฆ้อง​ขึ้น​

โหม่ง​!

เสียง​ฆ้อง​ดึงดูด​ความสนใจ​ของ​ทุกคน​ไว้​ทันที​

“การแข่งขัน​ประลอง​ทั้ง​สี่สาย​ประจำปี​นี้​ยังคง​จัด​ขึ้น​ที่นี่​เหมือนเดิม​ แม้จะมีศิษย์​หลาย​คน​ไม่ได้​กลับมา​ แต่​กฎ​ก็​ย่อม​ต้อง​เป็น​กฎ​ ไม่มีทาง​เปลี่ยนแปลง​เพราะ​ใคร​คนใดคนหนึ่ง​”

เขา​พูดจา​อย่าง​ฉะฉาน​ คำพูด​ทั้งหมด​เกี่ยวกับว่า​พรรค​กระบี่​ควร​ทำลาย​ความ​ชั่วร้าย​ขจัด​ความเลวทราม​ สังหาร​ปีศาจ​กำจัด​มาร​ และ​ผดุง​ความยุติธรรม​อย่างไร​

จากนั้น​ผู้อาวุโส​อีก​สามคน​ที่​เหลือ​ก็​สรุป​การพัฒนา​ของ​สาย​ตัวเอง​ใน​ปี​นี้​อย่าง​คร่าวๆ​ ต่อมา​จึงเป็นการ​ประลอง​อัน​เป็นช่วง​ที่​สำคัญ​ที่สุด​

ลู่​เซิ่งยืน​อยู่​ด้านหลัง​หนิง​เหมย​กับ​ตู้​เฟิงจื่อ​ด้วย​สีหน้า​เยือกเย็น​

กฎ​ของ​โลก​ใบ​นี้​มีขีดจำกัด​น่ากลัว​ถึงขีดสุด​ แต่​นี่​ไม่ได้​สร้าง​ความลำบาก​ให้​เขา​ ใน​เมื่อ​ใช้ปราณ​ปฐพี​ไม่ได้​ ก็​ใช้จิตวิญญาณ​ตรวจสอบ​อาการ​บาดเจ็บ​ภายใน​และ​ส่วน​ที่​ฝึกฝน​ผิดพลาด​ของ​ร่าง​นี้​แทน​

จิตวิญญาณ​ที่​ยิ่งใหญ่​และ​น่า​สะพรึง​ถึงขั้น​ควบคุม​ข้อผิดพลาด​ใน​ระดับ​ห่วง​โซ่ยีน​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​

ใน​เวลา​ครึ่ง​ชั่วโมง​กว่า​ ลู่​เซิ่งได้​ปรับ​ทักษะ​การพัฒนา​มากมาย​ของ​วิชา​กระบี่​สามวิชา​ที่​ร่าง​นี้​ฝึกฝน​จน​สำเร็จ​

กอปร​กับ​ประสบการณ์​การต่อสู้​และ​ขอบเขต​มรรคา​ยุทธ์​ของ​ร่าง​หลัก​ ต่อให้​คุณสมบัติ​ร่างกาย​และ​ระดับ​วิชา​กระบี่​ใน​ตอนนี้​จะอยู่​ใน​ระดับ​ศิษย์​ธรรมดา​ระดับ​รอง​ของ​สำนัก​ แต่​หาก​ต่อสู้​จริงๆ​ หนิง​เหมย​ก็​ไม่ใช่คู่ต่อสู้​ของ​เขา​

หลังจาก​จัดการ​และ​ตรวจสอบ​อาการ​บาดเจ็บ​ภายใน​เรียบร้อย​แล้ว​ ลู่​เซิ่งก็​ไม่พูดมาก​อีก​ เตรียม​จะใช้พลัง​อาวรณ์​ยกระดับ​พลัง​และ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​ร่างกาย​ร่าง​นี้​ให้​เร็ว​ที่สุด​

แต่​ใน​ตอนนี้​เอง​ การ​ประลอง​ก็​มาถึงรอบ​ของ​หนิง​เหมย​ที่อยู่​ด้านหน้า​เขา​แล้ว​

“ศิษย์​น้อง​หนิง​ ลง​ประลอง​เถิด​”

กวน​ซิ่ว​เหนียน​มีสีหน้า​องอาจ​ บุคลิก​ดู​ผ่าเผย​ปลอดโปร่ง​เล็กน้อย​ ฝีมือ​ความเร็ว​กระบี่​ก็​ไม่อาจ​นับ​ได้​ว่า​โดดเด่น​ แต่​ก็​เป็น​อันดับ​หนึ่ง​อันดับ​สอง​ใน​หมู่​คนรุ่นเดียวกัน​

ตอนนี้​เขา​มอง​หนิง​เหมย​ด้วย​สายตา​ร้อนแรง​ บุรุษ​หนุ่ม​แอบมอง​ศิษย์​น้อง​ที่​มีพลัง​ร้ายกาจ​คน​นี้​มานาน​แล้ว​

น่าเสียดาย​ที่​ไม่ว่า​จะเข้าหา​กี่​ครั้ง​ อีก​ฝ่าย​ก็​ยังคง​ไม่ตอบสนอง​แม้แต่น้อย​

“ศิษย์​พี่​กวน​เชิญ” หนิง​เหมย​สีหน้า​ราบเรียบ​ขณะ​ชัก​กระบี่​และ​ก้าว​ไป​ด้านหน้า​

ทั้งสอง​คน​ถือ​ปลาย​กระบี่​ลง​ดิน​ เริ่ม​คุมเชิง​กัน​

ลู่​เซิ่งมอง​ภาพ​นี้​อยู่​ด้านหลัง​เงียบๆ​ เขา​ไม่ได้​สนใจ​ชมดู​จอม​ยุทธ์​ระดับ​นี้​ จึงเตรียม​จะเริ่ม​ใช้ดี​ป​บลู​

อยู่​ๆ ก็​มีเสียงแหลม​เล็ก​แผ่วเบา​ดัง​มาจาก​ด้านหลัง​

เสียงดัง​ขึ้น​อย่าง​กะทันหัน​ ทุกคน​ที่อยู่​รอบ​โดย​รวมถึง​ประมุข​พรรค​ต่าง​ก็​ได้ยิน​ ทว่า​ไม่มีใคร​ตอบสนอง​

ลู่​เซิ่งไม่เข้าใจ​สาเหตุ​ จึงหันกลับ​ไป​มอง​ เห็น​เงาร่าง​สะโอดสะอง​หนึ่ง​สีม่วง​หนึ่ง​สีแดง​นั่ง​ชมดู​การ​ประลอง​กระบี่​อยู่​ข้าง​พุ่มดอกไม้​ใกล้​ๆ

พอ​พบ​ว่า​ลู่​เซิ่งเห็น​พวก​นาง​แล้ว​ หญิงสาว​ทั้งสอง​คน​นี้​ก็​ไม่กลัว​คนแปลกหน้า​ กลับ​เข้ามา​ใกล้​กว่า​เดิม​

“นี่​ๆๆ พี่ชาย​ ท่าน​ว่า​ฝั่งไหนจะ​ชนะ​หรือ​” หญิงสาว​สวม​กระโปรง​สีม่วง​แตะ​แขน​ลู่​เซิ่งพลาง​ถามเสียง​เบา​

“ข้า​เป็น​แค่​ศิษย์​ธรรมดา​ มอง​ไม่ออก​หรอก​” ลู่​เซิ่งส่ายหน้า​เล็กน้อย​ “นอกจากนี้​ ที่นี่​เป็น​สนาม​ประ​ลองของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ของ​พวกเรา​ พวก​เจ้าแอบ​เข้า​มาจาก​ที่ใด​กัน​ ข้า​ว่า​พวก​เจ้ารีบ​ออก​ไป​ดีกว่า​ จะได้​ไม่มีปัญหา​”

เขา​พูด​ด้วย​เจตนา​ดี​ เพียงแต่​พอ​หญิงสาว​สอง​คน​นี้​ได้ยิน​ กลับ​พา​กัน​ลืม​ตาโต​ หญิงสาว​สวม​กระโปรง​สีม่วง​เผย​สีหน้า​งุนงง​ขณะ​มอง​ลู่​เซิ่ง ก่อน​จะชี้ตนเอง​และ​กล่าว​อย่าง​งงงวย​ว่า​ “ท่า​น.​..ไม่รู้จัก​ข้า​หรือ​”

ทุกๆ​ ปี​นาง​มาดู​การ​ประ​ลองของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​เป็นครั้งคราว​ กับ​บุรุษ​หนุ่ม​ก็​ไม่ได้​รู้จักมักจี่​อัน​ใด​เป็นพิเศษ​ นึกไม่ถึง​ว่า​ครั้งนี้​อีก​ฝ่าย​จะกล่าว​คำเตือน​เช่นนี้​

ลู่​เซิ่งได้สติ​กลับมา​ ใน​เมื่อ​ประมุข​พรรค​ไม่ได้​ว่า​อะไร​ เช่นนั้น​ก็​แสดงว่า​รู้จัก​หญิงสาว​สอง​นาง​นี้​

พอ​นึก​ขึ้น​ได้​เขา​ก็​คร้าน​จะสนใจ​อีก​

“ไม่รู้จัก​” เขา​ตอบ​เสร็จ​ก็​ไม่เอ่ย​อะไร​อีก​

มิคาด​ว่า​หญิงสาว​สวม​กระโปรง​สีม่วง​กลับ​เกิด​ความสนใจ​ขึ้น​มา

“ท่าน​ไม่รู้จัก​ข้า​จริงๆ​ หรือ​” ใบหน้า​งดงาม​ของ​นาง​เผย​ความตื่นเต้น​

ลู่​เซิ่งกลอก​ตาขาว​และ​หันหน้า​กลับ​ไป​ ไม่คิด​จะพูด​อะไร​อีก​

ครั้งนี้​หญิงสาว​สวม​กระโปรง​สีแดง​กลับ​อด​หัวเราะ​คิก​ไม่ได้​

ด้วย​สถานะ​ของ​พวก​นาง​ทั้งสอง​คน​ ถึงกับ​มีคนใน​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ไม่รู้จัก​ นี่​ช่างน่า​เหลือเชื่อ​โดยแท้​

ปกติ​เวลา​ศิษย์​ใน​พรรค​ธรรมะ​เจอ​พวก​นาง​ ต่าง​ก็​หลบเลี่ยง​ราวกับ​เจอ​งูเจอ​แมงป่อง​ แต่​ตอนนี้​ถึงกับ​เจอ​คน​หน้า​มึน​เช่นนี้​

พวก​นาง​กลับ​ไม่รู้​ว่า​ ลู่​เซิ่งรับ​ความทรงจำ​ของ​เฉินจื่อลัว​มาแค่​ส่วนหนึ่ง​ เพียง​ทาย​ออ​กว่า​พวก​นาง​อาจ​มีสถานะ​พิเศษ​ ส่วน​เรื่อง​อื่น​ก็​ไม่รู้​แล้ว​

เฉินจื่อลัวคน​ก่อน​อาจจะ​รู้จัก​พวก​นาง​ แต่​พอ​ลู่​เซิ่งจุติ​ลงมา​ เมื่อ​ไม่ได้​หลอม​รวม​ความทรงจำ​ เช่นนั้น​ก็​เป็น​กระดาษ​ขาว​เข้า​จริง​แล้ว​

“น่าสนใจ​ๆ! สวัสดี​ ข้า​ชื่อ​เห​อชู่ห​ร่วน​[1] ท่าน​ชื่อ​อะไร​หรือ​?” หญิงสาว​กระโปรง​สีม่วง​มอง​ลู่​เซิ่งด้วย​ความ​สนอกสนใจ​ ราวกับ​เห็น​ของเล่น​น่าสนุก​

“เห​อชู่ห​ร่วน​หรือ​” ลู่​เซิ่งกวาดตา​มอง​หน้าอก​ของ​หญิงสาว​สวม​กระ​โปร่ง​สีม่วง​ด้วย​สีหน้า​พิลึก​ จะยังมี​ตรงไหน​อ่อนนุ่ม​ที่สุด​ได้​อีก​

ครั้น​สังเกตเห็น​สายตา​ของ​ลู่​เซิ่ง แทนที่จะ​โกรธ​หญิงสาว​สวม​กระโปรง​สีม่วง​ผู้​นี้​กลับ​ดีใจ​ ตอนนี้​นาง​อายุ​ใกล้​จะครบ​ยี่​สิบห้า​แล้ว​ กลับ​ไม่มีใคร​ยอม​คุย​กับ​ตน​สัก​คน​

ไม่ใช่ว่า​นาง​ไม่งดงาม​ และ​ไม่ใช่ว่า​นาง​รูปร่าง​ไม่ดี​ หาก​เป็น​เพราะ​บิดา​มารดา​ของ​นาง​ดุร้าย​เกินไป​

จน​ทำให้​ตอนนี้​นาง​หา​คน​ที่จะ​แต่งงาน​ด้วย​ไม่ได้​แล้ว​

ตอนแรก​นาง​นึก​ว่า​ใน​ยุทธ​จักร​นี้​ไม่มีใคร​ไม่รู้จัก​นาง​ นึกไม่ถึง​ว่า​จะมีคนหนุ่ม​ที่​ไม่รู้จัก​นาง​อยู่​จริง​

หนำซ้ำ​ยัง​เป็น​ศิษย์​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ที่อยู่​ใกล้​เรือน​พวก​นาง​อีก​ต่างหาก​

นับว่า​พบ​ได้​ยาก​นัก​

“นาง​คือ​เห​อชู่ห​ร่วน​นะ​!? ท่าน​ไม่รู้จัก​หรือ​” ครั้งนี้​เป็น​คราว​หญิงสาว​สวม​กระโปรง​สีแดง​งงงวย​บ้าง​แล้ว​

“พวก​เจ้าสอง​คน​นี่​เลิก​โหวกเหวก​เสีย​ ไม่มีอะไร​ก็​อย่า​มากวน​ข้า​เลย​ ข้า​ตื่น​แต่เช้า​ ยัง​อยาก​หลับ​อีก​สัก​ตื่น​อยู่​” ลู่​เซิ่งกลอก​ตาขาว​ กล่าว​อย่าง​หงุดหงิด​

“นาง​ชื่อ​เห​อชู่ห​ร่วน​ ข้า​ชื่อ​เห​อชู่เซียง[​2] ท่าน​ยัง​ไม่รู้จัก​อีก​หรือ​!?” หญิงสาว​สวม​กระโปรง​สีแดง​ถามอย่าง​แปลกใจ​อี​กรอบ​

ลู่​เซิ่งคร้าน​จะสนใจ​พวก​นาง​ ยืน​พิง​เสาด้านหลัง​ก่อน​จะปรือตา​งีบหลับ​

ดวงตา​งดงาม​ของ​เห​อชู่ห​ร่วน​เหลือบ​พิจารณา​ร่างกาย​ของ​ลู่​เซิ่งอย่าง​ละเอียด​รอบ​หนึ่ง​ เห็น​เขา​มีบุคลิก​ใช้ได้​ ใบหน้า​นับว่า​หล่อเหลา​ แถมยัง​เป็น​ศิษย์​ของ​พรรค​กระบี่​บรรณ​ภูผา​ มีสถานะ​ไม่เลว​ทีเดียว​

ไม่แน่​ว่า​ครั้งนี้​ท่าน​พ่อ​อาจจะ​พอใจ​ แกล้ง​เป็น​คนรัก​สักพัก​ เกรง​ว่า​ท่าน​พ่อ​จะไม่บังคับ​ให้​ตน​หมั้น​หมาย​แล้ว​

เห​อชู่ห​ร่วน​พลัน​ใจเต้น​ขึ้น​มา นาง​ย่อม​ไม่อยาก​จะแต่ง​ออก​กับ​บุรุษ​สัก​คน​มั่วซั่ว​ แต่ทว่า​ที่​บิดา​มารดา​หา​มาให้​นั้น​มีแต่​พวก​พุทรา​นิ่ม​ล้วน​ไม่น่าสนใจ​เลย​สักนิด​

คน​ที่​นาง​ชมชอบ​นั้น​ย่อม​ต้อง​ใจกล้า​

คุณชาย​บัณฑิต​หน้า​ขาว​ที่​ถูก​จับตัว​มาพวก​นั้น​ อ่อนแอ​อย่าง​กับ​นก​กระทา​ ตบ​ใส่ฝ่ามือ​เดียว​ก็​ตาย​แล้ว​

“พี่ชาย​ อีก​ประเดี๋ยว​ถ้าการแข่งขัน​จบ​ลง​ ข้า​เชิญท่าน​ไป​ดื่ม​สุรา​เป็น​อย่างไร​” พอ​นึกถึง​ตรงนี้​ ดวงตา​งดงาม​ของ​เห​อชู่ห​ร่วน​ก็​จ้องมอง​ เอื้อมมือ​ไป​วาง​บน​บ่า​ของ​ลู่​เซิ่งก่อน​จะกล่าว​เสียง​แผ่ว​

ลู่​เซิ่งกวาดตา​มอง​นาง​ ไม่รู้​ว่า​นาง​มีแผนการ​อะไร​ใน​ใจกัน​แน่​

ตอนนี้​เขา​เพิ่งจะ​เรียก​ดี​ป​บลู​ออกมา​เพื่อ​เตรียม​ยกระดับ​วิชา​กระบี่​ อยู่​ๆ ก็​ถูก​ขัดจังหวะ​ จึงไม่สบอารมณ์​อยู่​บ้าง​

“ไม่มีใคร​บอก​เจ้าหรือ​ว่าการ​รบกวน​ตอน​คนอื่น​กำลัง​จัดการ​ธุระ​อยู่​เป็น​พฤติกรรม​ที่​ไม่มีมารยาท​มาก​”

ธุระ​หรือ​

แต่​ท่าน​บอ​กว่า​ท่าน​ง่วงนอน​นี่​?

สอง​พี่น้อง​เห​อชู่ห​ร่วน​มอง​ลู่​เซิ่งด้วย​สายตา​ประหลาด​ เจ้าหมอ​นี่​กล้า​แอบ​งีบหลับ​อย่าง​โจ้งแจ้งลับหลัง​ประมุข​พรรค​และ​อาจารย์​ ช่างกล้าหาญ​ชาญชัย​จริงๆ​

“ข้า​ชวน​ท่าน​ไป​กินข้าว​ดื่ม​สุรา​ ไป​หรือไม่​ไป​เล่า​”

“ไม่ไป​ ข้า​ไม่รู้จัก​เจ้าเสียหน่อย​ ไป​กับ​ผี​น่ะ​สิ” ลู่​เซิ่งเอ่ย​อย่าง​หงุดหงิด​

“ไป​เถิด​ คนเรา​เป็น​สหาย​กัน​เพราะ​ดื่ม​สุรา​ ข้า​ถูกชะตา​กับ​พี่ชาย​ ไป​สังสรรค์​ด้วยกัน​เป็นเรื่อง​ดี​ออก​ไม่ใช่หรือ​” เห​อชู่ห​รวน​กล่าว​อย่าง​เป็นนัย​

ลู่​เซิ่งกวาดตา​มอง​นาง​ อด​ยื่นมือ​ไป​ลูบ​ผม​เห​อชู่ห​ร่วน​ไม่ได้​

“เป็นสาวเป็นแส้​เอาแต่​พูด​เรื่อง​พวก​นี้​ไม่กลัว​ข้า​จะเข้าใจผิด​หรือ​ หน้าตา​ออกจะ​สะสวย​ ไม่ใช่ว่า​สมอง​เพี้ยน​หรอก​นะ​”

“…” สอง​พี่น้อง​เห​อชู่ห​ร่วน​รับมือ​ไม่ทัน​ พี่สาว​ถึงถูก​ลูบ​ผม​เชียว​

สอง​พี่น้อง​ต่าง​ตกตะลึง​

ยาม​นี้​ยังมี​คน​กล้า​แตะต้อง​พวก​นาง​โดย​ไม่สนใจ​ชีวิต​อีก​หรือ​

เห็น​ว่า​ชื่อ​ราชา​พิษ​โอสถ​เป็น​ของปลอม​หรือ​อย่างไร​

เห​อชู่ห​รวน​ได้สติ​ทันที​ ก่อน​จะตั้งใจ​สัมผัส​กับ​ความรู้สึก​ที่​ถูก​คน​ลูบ​ผม​อย่าง​ถี่ถ้วน​ ความรู้สึก​นี้​ช่างพิกล​นัก​

ตั้งแต่​เล็ก​จน​โต​ หาก​คนอื่น​ไม่หวาดกลัว​นาง​ก็​หลบเลี่ยง​นาง​ แม้แต่​เห​อชู่เซียง​ก็​ไม่กล้า​สัมผัส​ร่างกาย​ของ​นาง​

นี่​เป็นครั้งแรก​ เป็นครั้งแรก​ตั้งแต่​เกิด​มาที่​เจอ​คน​กล้า​สัมผัส​นาง​

‘เขา​ไม่รู้​จริงๆ​…’ สอง​พี่น้อง​สบตา​กัน​และ​คิดในใจ​

“นี่​ ท่าน​ชื่อ​อะไร​ มอง​ไม่ออก​หรือว่า​แม้แต่​ประมุข​พรรค​กับ​อาจารย์​ของ​เจ้ายัง​ไม่ยอม​สนใจ​พวกเรา​” สุดท้าย​ เห​อชู่ห​ร่วน​ก็​อด​เตือน​ไม่ได้​

นาง​อยาก​จะเห็น​ว่า​หลังจาก​คน​ตรงหน้า​รู้เรื่อง​แล้ว​ จะทำ​ท่าทาง​อย่างไร​ จะหลีกเลี่ยง​นาง​เหมือน​หลบ​งูหลบ​ แมงป่อง​เหมือน​สหาย​ใน​อดีต​ของ​พวก​นาง​หรือไม่​

“มองออก​สิ” ลู่​เซิ่งตอบ​อย่าง​ราบเรียบ​

“แล้ว​ท่าน​ไม่คิด​อะไร​เลย​หรือ​” เห​อชู่เซียง​ตกตะลึง​

“จะให้​คิด​อะไร​เล่า​ เรื่อง​ของ​คนอื่น​ไม่เกี่ยวกับ​ข้า​นี่​” ลู่​เซิ่งกล่าว​อย่าง​หงุดหงิด​ “ข้า​ไม่ใช่บิดา​พวกเขา​ หรือว่า​อุจจาระ​คนอื่น​ข้า​ก็​ต้อง​ไปดู​หน้าตา​ของ​มัน​ด้วย​หรือ​”

“…” สอง​พี่น้อง​มึนงง​เพราะ​หลัก​ตรรกะ​อัน​แข็งแกร่ง​ของ​ลู่​เซิ่ง เจ้าหมอ​นี่​ไม่กลัว​ฟ้าไม่กลัว​ดิน​จริงๆ​!

ลู่​เซิ่งฉวยโอกาส​ที่สอง​พี่น้อง​นิ่ง​ไป​มอง​อินเตอร์​เฟซบน​เครื่องมือ​ปรับเปลี่ยน​ของดี​ป​บลู​ตรงหน้า​ แล้ว​กดปุ่ม​ปรับเปลี่ยน​อย่าง​รวดเร็ว​

ไม่นาน​นัก​ นอกจาก​วิชา​หลัก​ของ​ร่าง​หลัก​บน​เครื่องมือ​ปรับเปลี่ยน​แล้ว​ ก็​มีกรอบ​สามกรอบ​ปรากฏ​ออกมา​ แบ่ง​เป็น​วิชา​กระบี่​สามชุด​

……………………………………….

[1] เห​อชู่ห​ร่วน​ ใน​ภาษาจีน​ใช้ตัวอักษร​ 何处软 โดย​ทั้ง​สามตัว​สามารถ​แปล​ได้​ว่า​ ที่ใด​อ่อนนุ่ม​

[2] เห​อชู่เซียง​ ใน​ภาษาจีน​ใช้ตัวอักษร​ 何处香 โดย​ทั้ง​สามตัว​สามารถ​แปล​ได้​ว่า​ ที่ใด​หอมหวน​

Options

not work with dark mode
Reset