ปกติแล้วเงินจันทราจะหลั่งสสารเล็กละเอียดที่เป็นธาตุเงินจันทราออกมา มันจะซึมเข้าไปใต้ผิวหนังของผู้ถูกดัดแปลง และรวมกับชั้นไขมัน ก่อนจะกลายเป็นชั้นป้องกันที่มีพลังป้องกันเทียบได้กับแผ่นโลหะ
และสิ่งที่น่าหวาดสะพรึงมากที่สุดก็คือ หนวดเงินจันทราของผู้ถูกดัดแปลงจะยกระดับพลังขึ้นได้ตามการเพิ่มพละกำลังของตัวผู้ถูกดัดแปลง
หนวดเงินจันทราโดยทั่วไปมีพละกำลังเป็นสิบกว่าเท่าของพละกำลังของเจ้าของ
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือนกว่าๆ
สมาชิกผู้ถูกดัดแปลงที่อยู่ในสมาคมวิจัยเพิ่มจำนวนขึ้นสิบสามคน
สมาชิกสิบสามคนนี้มีครึ่งหนึ่งกำลังดำเนินการแก้แค้น อีกครึ่งที่เหลือแก้แค้นเสร็จแล้ว และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมวิจัยอย่างแท้จริง
ผู้ถูกดัดแปลงส่วนนี้กลายเป็นกำลังต่อสู้หลักของสมาคมวิจัย ส่วนสมาคมวิจัยที่ตอนแรกสบายๆ ก็กลายเป็นขุมกำลังที่ทุกการเคลื่อนไหวมีความสำคัญ พวกเขาออกไล่ล่าความประหลาดลี้ลับไปทั่ว ชิงชังความชั่วราวกับมีความแค้น ลงมือโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่นานก็ดึงดูดความสนใจของจวนขุนนาง
สมาชิกส่วนใหญ่ในสมาคมวิจัยมีความเกี่ยวข้องสลับซับซ้อนกับขุนนางระดับสูงในจวนขุนนางท้องถิ่น ถึงขั้นมีส่วนหนึ่งเป็นลูกๆ ของขุนนางเหล่านี้
ด้วยความเกี่ยวข้องแบบนี้ เพียงแค่ดำเนินการเล็กน้อย สมาคมวิจัยก็ได้กลายเป็นโครงสร้างสนับสนุนระดับล่างของจวนขุนนาง คอยช่วยเหลือจวนขุนนางจัดการคดีที่ตึงมือบางส่วน
ถึงอย่างไรโลกใบนี้ก็มีวรยุทธ์เต็มไปหมด ความจริงผู้ถูกดัดแปลงของสมาคมวิจัยสามารถถูกมองเป็นจอมยุทธ์บนยุทธภพที่ฝึกฝนวรยุทธ์พิสดารได้
ดังนั้นสมาคมวิจัยจึงพัฒนาและแข็งแกร่งขึ้นไปตามขั้นตอน และเริ่มตั้งสาขาในตำบลต่างๆ ของเมืองเล็ก
…
ความก้าวหน้าของสมาคมวิจัยความประหลาดลี้ลับในเวลาสองเดือนกว่าๆ เรียกได้ว่าน่าหวาดสะพรึงยิ่ง
ผู้ถูกดัดแปลงสิบสามคนในตอนแรกเพิ่มขึ้นถึงเจ็ดสิบกว่าคน หลังจากที่อัตราความสำเร็จของการดัดแปลงเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง การหยั่งเชิงความประหลาดลี้ลับก็ทวีความถี่ขึ้น
คุณชายคุณหนูที่คิดจะหาความบันเทิงส่วนหนึ่งค่อยๆ ถูกกันออกจากกลุ่มหลัก
แกนหลักกลุ่มใหม่เริ่มมีเฉินต๋า เฝิงจงเจิ้ง หลี่ว์เจี้ยนหัว และลู่เวยเป็นผู้นำ แยกกันก่อตั้งหน่วยลงทัณฑ์ หน่วยพิพากษา หน่วยข้อมูล และหน่วยสอดแนมอันเป็นโครงสร้างบริวารขึ้น
หน่วยลงทัณฑ์มีแต่ผู้ถูกดัดแปลง เป็นกลุ่มติดอาวุธที่ออกลงทัณฑ์ความประหลาดลี้ลับและความชั่วร้าย
ในการจัดการคดีหนึ่ง หน่วยข้อมูลจะรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลก่อน หลังจากยืนยันแล้ว จะมีหน่วยพิพากษามาตัดสินว่าควรกำหนดการลงโทษและการตัดสินในระดับใด
จากนั้นหน่วยลงทัณฑ์จะออกเดินทางไปลงมือ
และหน่วยสอดแนมก็ประกอบขึ้นจากผู้ถูกดัดแปลงทั้งหมดเช่นกัน ประโยชน์หลักๆ คือคอยสอดส่องโครงสร้างใหญ่ที่เหลือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทรยศและความวุ่นวายที่คาดไม่ถึง
หลังจากสี่โครงสร้างใหญ่ถูกก่อตั้งขึ้น ก็ทำงานอย่างปกติภายใต้การควบคุมของลู่เซิ่ง
จากนั้น ลู่เซิ่งพัฒนาร่างฝังตัวอีกหลายชนิด ซึ่งต่างก็ใช้เงินจันทราเป็นตัวพาหะ มันจะหลอมรวมเข้ากับส่วนเล็กๆ ในร่างกายที่ถูกดัดแปลงได้ตามใจ
ร่างฝังตัวพวกนี้บ้างก็เอามาใช้เพิ่มพลังป้องกันของร่างกาย บ้างก็เอามาเพิ่มพลังให้แก่ความสามารถกลืนกินและฟื้นฟู
บางชนิดก็สามารถยกระดับสายตา โสตประสาท ถึงขั้นบางชนิดเปลี่ยนแปลงขนาดร่างกาย รูปลักษณ์ และกลิ่นอายได้
นี่เทียบเท่ากับชิ้นส่วนประกอบ ทั้งยังเป็นชิ้นส่วนสำหรับปลอมแปลงที่นำมาซ่อนเร้นและเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกกับกลิ่นอายได้ ไม่นานก็จะทำให้เหล่าผู้ถูกดัดแปลงไม่ถูกคนทั่วไปกีดกันอีกต่อไป
พวกเขาคอยจัดการคดีความประหลาดลี้ลับอย่างไม่เกรงกลัวความตาย ถึงขั้นจัดการคดีฆาตกรรมที่โจรผู้ร้ายในยุทธภพก่อขึ้นไม่น้อย ทำให้คนจำนวนมากมองพวกเขาเป็นตัวแทนความยุติธรรม
กระนั้นไม่มีใครรู้ว่า สาเหตุที่เหล่าผู้ถูกดัดแปลงออกตรวจสอบและต่อสู้อย่างบ้าคลั่งขนาดนั้น เป็นเพราะต้องการบรรเทาความหิวกระหายอันคลุ้มคลั่งของเงินจันทรานั่นเอง
ด้านในเงินจันทรามีการเพาะเซลล์ของลู่เซิ่งใส่เข้าไป จึงมีความปรารถนากลืนกินอย่างละโมบที่เกือบจะคลุ้มคลั่ง
ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่งจำเป็นจะต้องออกไปกินสิ่งมีชีวิตบางส่วน ถึงจะลดผลข้างเคียงที่ส่งผลต่อจิตใจของมันได้
ไม่อย่างนั้นหากเว้นช่วงนานเข้า ผู้ถูกดัดแปลงจะสัมผัสได้ถึงความหิวโหยและความคลั่งอย่างรุนแรง
ปฏิบัติการณ์เช่นนี้ย่อมยากจะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตาย แต่หลังจากมีการพัฒนาชิ้นส่วนประกอบออกมาเรื่อยๆ และเหล่าผู้ถูกดัดแปลงฝึกวรยุทธ์ได้ช่ำชองขึ้น การบาดเจ็บล้มตายในตอนต่อสู้ก็ยิ่งมายิ่งลดน้อยลง
สำหรับผู้ถูกดัดแปลงแล้ว ขอแค่รักษาส่วนศีรษะไว้ได้ เงินจันทราจะห้ามเลือดและฟื้นฟูส่วนที่เหลือเอง และขอแค่กลับมาทันเวลา ลู่เซิ่งก็จะทำการรักษาพร้อมกับลากคนผู้นั้นกลับจากเส้นแบ่งความตายได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากผู้ถูกดัดแปลงทวีจำนวนขึ้น ลู่เซิ่งก็เริ่มถ่ายทอดทักษะการผ่าตัดของตัวเอง ทักษะนี้ไม่มีความซับซ้อน พอแพทย์และหมอยาส่วนหนึ่งที่คัดเลือกออกมาจากอาสาสมัครผ่านการอบรมแล้ว ก็จะใช้ได้อย่างรวดเร็ว
ไม่นานนักแพทย์ที่ผ่านการอบรมก็รับงานดัดแปลงในตอนแรกของลู่เซิ่งไปทำแทน
อย่างไรก็ตาม ความยากที่แท้จริงของการดัดแปลงอยู่ที่วัตถุดิบหลักอย่างเงินจันทราและเซลล์จากตัวลู่เซิ่ง
ส่วนอุบัติเหตุในการผ่าตัด นั่นไม่มีทางเป็นไปได้
อย่างไรการผ่าตัดดัดแปลงนี้ก็เป็นแค่การยัดเงินจันทราเข้าไปในบาดแผล และเงินจันทราที่ถูกฝังค่ายกลลงไปจะกลายเป็นก้อนเนื้อในจุดที่แขนขาขาดหรือมีบาดแผล ช่วยเติมเต็มช่องโหว่บนร่างกายให้แก่ผู้ถูกดัดแปลงเอง
ที่เหลืออยู่ที่พลังใจของตัวผู้ถูกดัดแปลงเอง
สิ่งเดียวที่เหล่าแพทย์ทำได้คือ การนำชิ้นส่วนประกอบที่ถูกปรับแต่งดีแล้วมาเย็บเข้าไปด้านในร่างกายของผู้ถูกดูดแปลงตามการเลือกและคำขอร้องของพวกเขาเท่านั้น
เป็นเพราะสาเหตุทางคุณสมบัติร่างกาย ผู้ถูกดัดแปลงทุกคนจะมีข้อจำกัดการดัดแปลงตามพรสวรรค์ ไม่ใช่ว่าจะเลือกเติมชิ้นส่วนประกอบได้ทุกชิ้น ดังนั้นนี่จึงจำเป็นต้องให้พวกแพทย์ตรวจสอบเสียก่อน
ชื่อเสียงของสมาคมวิจัยยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา เหล่าผู้ถูกดัดแปลงเผชิญหน้ากับความประหลาดลี้ลับอย่างไม่กลัวตาย สามารถระเบิดพลังยุทธ์ที่อลังการถึงขีดสุดทุกชนิดออกมาได้ด้วยการช่วยเหลือจากเงินจันทรากับ วรยุทธ์
โดยเฉพาะในตอนเกิดความขัดแย้งที่อยู่เหนือความคาดหมายครั้งหนึ่ง หลังจากผู้ถูกดัดแปลงคนหนึ่งได้พลั้งมือฆ่ายอดฝีมือที่มีชื่อเสียงของยุทธภพคนหนึ่งไป ชื่อเสียงของสมาคมวิจัยก็พุ่งสู่จุดสูงสุดในยุทธภพต้าซ่ง
ทางด้านลู่เซิ่ง หลังจากทุกอย่างเข้าสู่ครรลองที่ถูกต้องแล้ว ในที่สุดเขาก็พบร่องรอยของสำนักไตรอริยะในการตรวจสอบความประหลาดลี้ลับครั้งหนึ่ง
…
ด้านในป่าทึบที่มืดครึ้มแห่งหนึ่ง
ลู่เซิ่งกับผู้ถูกดัดแปลงจากหน่วยสอดแนมหลายคนยืนอยู่กลางป่า มองดูคฤหาสน์ร้างที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่งอยู่ห่างๆ
“คนของสำนักไตรอริยะอยู่ที่นี่หรือ” ลู่เซิ่งส่งเสียงถาม
“ขอรับ หลังจากพวกเราส่งข่าวออกไป อีกฝ่ายก็ตอบมาว่าจะพบหน้ากับท่านที่นี่” ผู้ถูกดัดแปลงคนหนึ่งตอบเสียงแผ่ว
ลู่เซิ่งพยักหน้า ขณะที่มองดูสวนดอกไม้ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของประตูแห่งความเจ็บปวดที่ฟุ้งกระจายออกมาจากด้านใน
“นี่คือการข่มขวัญหรือ” ลู่เซิ่งยิ้ม สำนักไตรอริยะเป็นศัตรูกับโลกแห่งความเจ็บปวด พวกเขาทำให้ประตูแห่งความเจ็บปวดปล่อยปราณแหล่งกำเนิดความเจ็บปวดออกมาเพราะคิดจะฉวยโอกาสสะกดตัวเขา
“พวกเจ้าถอยก่อน รอข้าออกมา” ลู่เซิ่งโบกมือก่อนจะสาวเท้าเดินไปยังคฤหาสน์
ผู้ดัดแปลงคนอื่นๆ ไม่ตอบอะไรขณะกระจายตัวไปอย่างเงียบงัน
พวกเขาไม่มีความกังขาใดๆ ต่อพลังของลู่เซิ่ง คนที่ดัดแปลงพวกเขาเป็นจำนวนมากได้จะเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีเรี่ยวแรงฆ่าไก่ได้อย่างไร
ลู่เซิ่งเดินไปถึงหน้าประตูคฤหาสน์
สัญลักษณ์สามจุดสว่างขึ้นในมือทันที จุดเล็กๆ สีดำอมม่วงสามจุดกลายเป็นค่ายกลสามเหลี่ยมลอยอยู่กลางฝ่ามือขวาของเขา
นี่คือสัญลักษณ์ของสำนักวิญญาณไตรอริยะ
เป็นอย่างที่คาด หลังจากสัญลักษณ์ปรากฏ กลิ่นอายความเจ็บปวดในคฤหาสน์ก็สลายตัวอย่างรวดเร็ว
เสียงเอี๊ยดดังขึ้นเบาๆ แม่ไก่แก่สีดำสนิทตัวหนึ่งก้าวเท้ามาถึงด้านในตัวลาน
“โปรดเข้ามาเถอะ ท่านทูตจากหน่วยหลัก” แม่ไก่แก่ตัวนั้นส่งเสียงบุรุษที่ทุ้มต่ำแหบพร่า
ลู่เซิ่งพยักหน้าแล้วเร่งฝีเท้าเดินเข้าประตูใหญ่ไป
จากนั้นประตูก็งับปิดเองดังปัง
จิ้งจอกสีขาวตัวหนึ่งกระโดดลงมาจากบนรั้ว ในดวงตามีไอความตายคละคลุ้ง ทั้งยังปรากฏความโชกโชนที่ยากบรรยาย เหมือนกับชายชราที่ไม่ทราบว่าใช้ชีวิตมานานเท่าไหร่ มันกำลังมองลู่เซิ่งเงียบๆ
“พวกเราไม่ได้ติดต่อกับทางสำนักหลักมานานมากแล้ว ความจริงสำนักไตรอริยะของเราถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับสำนักหลักแล้ว วันนี้ท่านทูตถือตราประทับมา ไม่ทราบว่ามีธุระใดหรือ” จิ้งจอกขาวเอ่ยอย่างรวบรัดและราบเรียบ
“ตราประทับอยู่ตรงนี้ ตอนนี้เจ้าสำนักของสำนักใหญ่มาถึง ทั้งสองท่านคงไม่คิดขัดคำสั่งกระมัง” ลู่เซิ่งหรี่ตาพลางกล่าว
“ถ้าหากว่า…เป็นเมื่อหลายพันปีก่อน เมื่อท่านนำตราประทับมา บางทีเราอาจจะร่วมมือกับปฏิบัติการของท่านอย่างสุดกำลัง แต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว” จิ้งจอกข่าวเอ่ยอย่างสงบ “คนจากภายนอกจงอย่าได้มารบกวนชีวิตสงบสุขของพวกเรา ข้าขอบอกเลยว่า ต่อให้เป็นมารดาแห่งความเจ็บปวดก็ต้องทำเป็นไม่เห็นพวกเราเช่นกัน”
ถ้าไม่ใช่พวกเขาครอบครองอาวุธร้ายกาจที่สำนักวิญญาณไตรอริยะฝังไว้บนดาวเคราะห์ดวงนี้ ลู่เซิ่งก็คร้านจะสนใจเจ้าพวกหัวโบราณพวกนี้
ตอนนี้เขาต้องพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย
“ทางสำนักไตรอริยะมาจากสำนักวิญญาณไตรอริยะ สายเลือดและเคล็ดวิชาของพวกท่านล้วนมาจากการถ่ายทอดของสำนักหลัก มีข้อตกลงกันเมื่อครั้งตั้งสำนักแล้ว หรือพวกท่านคิดจะฝ่าฝืนข้อตกลง”
“ท่านทูตกล่าวผิดไปแล้ว เกิดความปั่นป่วนจากภัยพิบัติมารและการกวาดล้างของมารดาแห่งความเจ็บปวดตั้งหลายครั้ง สำนักไตรอริยะไม่ใช่สำนักไตรอริยะเดิมอีกแล้ว พวกเราถือกำเนิดใหม่มาแล้วหลายครั้ง ทุกๆ ครั้งเกือบจะ ดับสูญไป พวกเราเคยวิงวอนขอการช่วยเหลือจากสำนักหลัก แต่ตอนนั้นพวกท่านไปอยู่ไหน พลังทุกส่วนของสำนักไตรอริยะในตอนนี้เกิดขึ้นจากการสะสมอย่างตั้งใจทีละก้าวๆ ของพวกเรา ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสำนักวิญญาณไตรอริยะเลย ท่านทูตโปรดกลับไปเถอะ” จิ้งจอกขาวกล่าวตั้งแต่ต้นจนจบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เหมือนกับกำลังบรรยายข้อเท็จจริงอยู่ อารมณ์ไม่ปรวนแปรแม้แต่น้อย
“ตอนนี้มารดาแห่งความเจ็บปวดไม่ลงมือกับพวกท่าน หรือพวกท่านคิดว่านางจะไม่ลงมือตลอดกาล” ลู่เซิ่งโต้แย้ง “อย่ารอให้ภัยพิบัติใหญ่มาถึงจริงๆ แล้วท่านค่อยรู้จักขอความช่วยเหลือไปทั่ว ถึงตอนนั้นเกรงว่าจะ…”
“ท่านทูตอย่าเขียนเสือให้วัวกลัวเลย ต่อให้เป็นมารดาแห่งความเจ็บปวดก็ไม่กล้าฉีกหน้ากับพวกเราจริงๆ หรอก” จิ้งจอกขาวเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ก็ได้ ในเมื่อพวกท่านไม่ยอมร่วมมือ อย่างนั้นข้าจะเอาของสิ่งนั้นที่สำนักหลักทิ้งไว้ที่นี่กลับไป” ลู่เซิ่งถอนใจก่อนกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย
“…” สายตาของจิ้งจอกขาวกับไก่ดำเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในชั่วพริบตาหนึ่ง
“มีอะไรหรือ นั่นเป็นไพ่ตายที่สำนักหลักทิ้งไว้บนดาวเคราะห์ดวงนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกท่านตั้งใจสั่งสมสร้างขึ้นได้ ตอนนี้ข้ามาแล้ว วัตถุต้องคืนกลับสู่เจ้าของ” ลู่เซิ่งว่าพลางหรี่ตา
“สิ่งนั้นเป็นของเรา” จิ้งจอกขาวพยายามข่มกลั้นอารมณ์ แต่อากาศรอบๆ ตัวกลับเริ่มแข็งตัว
“ถ้าไม่ใช่พวกเราปกป้องเป็นอย่างดี สิ่งนั้นคงโดนมารดาแห่งความเจ็บปวดฉกชิงไปแต่แรกแล้ว! ดังนั้น ตอนนี้มันไม่ใช่ของสำนักหลักแล้ว…” มันกล่าวเสียงทุ้มต่ำอย่างอดกลั้น
ลู่เซิ่งหรี่ตามองจิ้งจอกขาวอย่างสงบ
“หมายความว่าพวกท่านจะฝ่าฝืนคำสั่งหรือ”
“ฝ่าฝืนคำสั่งอะไร” จู่ๆ จิ้งจอกขาวก็หัวเราะ “ถ้าหากพวกเราไม่ได้รับคำสั่งอะไรอยู่แล้ว จะบอกว่าฝ่าฝืนคำสั่งได้อย่างไรกัน” คันฉ่องทองแดงขนาดใหญ่ที่งามประณีตทรงซุ้มโค้งค่อยๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังมัน
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน คันฉ่องทองแดงงามประณีตจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนรั้วและกลางอากาศรอบๆ คฤหาสน์เช่นกัน
คันฉ่องทองแดงที่เหมือนกับคันฉ่องประทินโฉมพวกนี้เล็งไปที่ลู่เซิ่งซึ่งอยู่ตรงกลาง ผิวคันฉ่องเหมือนสะท้อนความบิดเบี้ยวที่อธิบายไม่ได้ชนิดหนึ่ง
ซู่…
อากาศรอบๆ ตัวลู่เซิ่งเคลื่อนตัวในฉับพลันนั้น
ตอนแรกรอบๆ คือทิวทัศน์ของคฤหาสน์ ตอนนี้สิ่งที่มาแทนที่กลับเป็นป่าเขารกร้างผืนใหญ่ ราวกับผนังกระดาษที่ถูกฉีกออก
รอบป่าเขาลำเนาไพร
เงาสีขาวอมเทาหลายสายส่งเสียงโหยหวนแหลมสูงที่เหมือนกับภูตผี และลากหางที่เหมือนเศษผ้าขี้ริ้วผืนยาวกระโดดวนไปวนมากลางอากาศรอบตัวลู่เซิ่ง
บนภูเขาไกลออกไปมีเงาสีขาวจำนวนเหลือคณานับที่เหมือนกับกระแสน้ำพุ่งมาอย่างบ้าคลั่ง
“วิญญาณร้ายหรือ” ลู่เซิ่งแสยะยิ้มพร้อมกับยกแขนขวาขึ้น
พรุ่บๆๆ!
ชั่วพริบตานั้นเขาขยายร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว แผ่นเลือดเนื้อที่สูงหลายสิบหมี่ปรากฏขึ้นด้านหลัง เนื้อจำนวนมากลอยออกมาก่อนจะเกี่ยวรัดและปกคลุมร่างเขาเหมือนกับหนวดนับไม่ถ้วน
หนึ่งอึดใจต่อมา หนวดกระจายตัวออก เผยให้เห็นสัตว์ประหลาดหางยาวที่มีร่างสูงชะลูดและมีใบหน้าสามด้าน
สัตว์ประหลาดลอยอยู่กลางอากาศ หางเหมือนกับแส้แหลม เกราะหนังทั่วร่างเรียบลื่นเหมือนกับผิวกระจก
ใบหน้าคนสามด้านแข็งทื่อเหมือนกับหน้ากากโลหะ หันออกไปยังสามทิศทาง
ซู่…แขนสิบกว่าคู่ยื่นออกมาจากสองด้านของร่างกาย แขนทุกคู่ถือดาบโค้งสีดำสนิทที่มีลักษณะต่างกันไว้สองเล่ม
หนวดเนื้อสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนจับตัวเป็นดอกไม้เนื้อขนาดยักษ์ข้างใต้เขาเพื่อให้เขายืน
“โลก...จงพักผ่อนเถอะ…! ฮ่าๆๆ!” เสียงหัวเราะแหลมที่คลุ้มคลั่งระเบิดออกมาจากกลางดอกไม้เนื้อใต้เท้าลู่เซิ่ง
ชั่วขณะนั้นมีแสงสีทองที่เจิดจ้าหกจุดสว่างขึ้น
ลู่เซิ่งค่อยๆ ลืมตาหกข้างขึ้นและมองกระแสวิญญาณชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่ตรงหน้า
……………………………………….