ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 732 การเดินทาง (2)

บทที่ 732 การเดินทาง (2)

บทที่ 732 การเดินทาง (2)

แผ่นสำริดด้านหลังสลักรายละเอียดข้อมูลเอาไว้

ใจความสำคัญก็คือ ซาดีนมอบรางวัลที่ไม่เลวให้แก่เผ่ามังกรแดง กอรปกับระบบเทพสมุทรที่ยืนอยู่เบื้องหลังเขา เผ่ามังกรแดงจึงให้เกียรติส่งมังกรแดงโตเต็มวัยออกไปไล่ล่าโดยเฉพาะ

ตอนที่เจอการต่อสู้ครั้งหนึ่ง ฝั่งมังกรสีรุ้งได้สูญเสียผู้อาวุโสมังกรโบราณตัวหนึ่ง และมังกรสีรุ้งโตเต็มวัยอีกตัวหนึ่ง

ลู่เซิ่งลูบไล้ข้อมูลบนแผ่นสำริด ดวงตาฉายความครั่นคร้าม

‘หาเจอก็ดีแล้ว’ ตำแหน่งการต่อสู้ที่บันทึกไว้คือบนคาบสมุทรแห่งหนึ่งทางทะเลตะวันตก

ด้านในประเทศที่มีชื่อว่าฮานาส

‘เพิ่งจะลงมือกับเทพไปสามองค์ รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่มีเทพมาหาเรื่อง การเดินทางในครั้งนี้ควรจะลับสักหน่อย…’ ลู่เซิ่งครุ่นคิด ไม่นานก็ตัดสินใจออกเดินทาง

ทุกๆ ปีชุมนุมชิมกาแฟของเมืองแสงอรุณจะจัดหาคนไปยังสถานที่ผลิตกาแฟที่ขึ้นชื่อสี่แห่งเพื่อดำเนินกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรื่องกาแฟและชิมผลิตภัณฑ์ต่างๆ

กิจกรรมนี้เป็นการท่องเที่ยวกึ่งพักผ่อน เพียงแต่กลุ่มแขกที่มานั้นส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกในชุมนุมชิมกาแฟนั่นเอง

หนึ่งในหัวหน้าชุมนุมย่อยของเมืองแสงอรุณคือหญิงงามผมสีทองที่ไว้ยาวถึงเอว ทุกคนเรียกนางว่าโยย่า

ในชุมนุมชิมกาแฟไม่มีใครถกถึงสถานะของอีกฝ่าย ที่นี่สนใจเพียงงานอดิเรก ความชื่นชอบ จึงได้มาพบปะรวมตัวกัน

ไม่เกี่ยวกับสถานะ รายได้ ชาติพันธุ์ และความศรัทธา เพียงแค่มารวมตัวกันเพราะกาแฟเท่านั้น

ในความเป็นจริง นอกจากชนชั้นสูงที่เสนอหน้าบ่อยๆ ส่วนหนึ่งแล้ว ในยุคสมัยที่ไม่มีโทรศัพท์และสื่อบันเทิงที่เฟื่องฟู ต่อให้เป็นระดับสูงที่ทำงานในตำแหน่งสำคัญก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จัก

ลู่เซิ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่างรถที่โคลงเคลงเล็กน้อย พร้อมกับพลิกอ่านบทกวีในมือไปด้วย

รถโดยสารที่เขานั่ง ใช้อสูรขนาดยักษ์สีดำสี่ตัวที่คล้ายๆ ลูกผสมระหว่างกระทิงกับม้าลากอยู่

รถโดยสารใหญ่นั้นเกือบเทียบเท่ารถไฟขบวนหนึ่ง ด้านในมีคนยี่สิบกว่าคนนั่งกันอยู่อย่างคับคั่ง ทั้งหมดเป็นสมาชิกของชุมนุมชิมกาแฟ

หัวหน้าชุมนุมโยย่าคือผู้จัดกิจกรรมในครั้งนี้

เดิมทีลู่เซิ่งมีวิธีมากมายในการไปยังฮานาส แต่ก็ไม่เนียนตาเท่าวิธีนี้

กอปรกับเขาเบื่อชีวิตที่มีบริวารล้อมหน้าล้อมหลังเต็มที จึงถือโอกาสเข้าร่วมกับขบวนนี้ไปยังคาบสมุทรเพื่อผ่อนคลายสักเล็กน้อย

เขานั่งติดหน้าต่าง หญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลที่มีกระขึ้นจมูกคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเขา

นางสวมเดรสสั้นสีชมพูอ่อนแขนพอง ขาที่ยาวเรียวรัดถุงน่องยื่นออกมาจากใต้กระโปรง แกว่งไปมาบนที่นั่งเป็นระยะ

นางมีหน้าตาน่ารักมาก รอยกระไม่อาจอำพรางองคาพยพที่งดงามของนางไว้ได้ ทั้งยังมีนิสัยช่างพูดช่างคุย นั่งหัวเราะต่อกระซิกกับสามีภรรยาวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างกระตือรือร้น

ทว่าผู้หญิงจากสมาคมชิมกาแฟส่วนใหญ่แล้วก็ถือว่าไม่เลว ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่าง

เป็นเพราะคนที่เข้าร่วมกิจกรรมประเภทนี้ในยุคสมัยนี้ มักจะมีทรัพย์สมบัติและเวลาว่าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่คนธรรมดา

ดังนั้นหญิงสาวจำนวนไม่น้อยจึงต้องตีกันจนหัวร้างข้างแตกเพื่อเข้าร่วมแวดวงเล็กๆ นี้ ชุมนุมชิมกาแฟในแต่ละครั้งจึงกลายเป็นกิจกรรมที่มีลักษณะคล้ายงานเต้นรำทางสังคมไปโดยปริยาย

หญิงสาวจากครอบครัวขุนนางที่ตระกูลตกต่ำส่วนหนึ่ง เดิมทีมีการเลี้ยงดูและรูปโฉมโดดเด่นอยู่แล้ว พวกนางไม่อยากจะแต่งกับตระกูลที่ไม่อยู่ในอุดมคติเพราะยิ่งจะทำให้ครอบครัวตกต่ำลงไปอีก

ดังนั้นจึงเข้าร่วมงานเต้นรำกับกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ไปทั่ว หมายจะใช้ประโยชน์จากการแต่งงานเปลี่ยนแปลงโชคชะตากับชีวิตของตัวเอง

ชุมนุมชิมกาแฟจึงยิ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งที่มีอิทธิพลมากขึ้นไปอีก

ยูน่าเป็นหญิงสาวจากตระกูลขุนนางแบบนี้ นางเชื่อมั่นในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาก แต่ว่าหลังจากจ่ายเงินเพื่อเข้าร่วมชุมนุมชิมกาแฟนี้แล้ว จึงค่อยพบว่าหน้าตาของตนอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางต่ำเท่านั้น

มิลินผู้สง่างามที่ว่ากันว่าฝึกฝนท่วงท่าการเต้นรำตั้งแต่เด็กมีรูปโฉมใกล้เคียงกับนาง หนำซ้ำไม่ว่าจะเป็นความสมส่วนและความยืดหยุ่นของร่างกาย ต่างเหนือกว่านางมาก ย่อมตอบสนองรสนิยมวิปริตของขุนนางวัยกลางคนบางส่วนได้แน่นอน

นอกจากนี้ไคเมราที่กำลังสนทนากับบารอนคนหนึ่งอย่างออกรสอยู่ด้านหลัง ยังมีใบหน้าสมบูรณ์แบบไร้รอยตำหนิ ราวกับรวมคำพรรณนาที่ดึงดูดความสนใจของบุรุษเพศอย่างเช่นคำว่า ยั่วยวน น่าหลงใหล และทรงเสน่ห์เข้าไว้ด้วยกัน ไม่ใช่คนที่นางจะเปรียบเทียบด้วยได้เลย

ยังมีหญิงสาวซึ่งเป็นแฝดสามที่อยู่ห่างออกไปอีกเล็กน้อย แต่ละคนยังอายุไม่ถึงสิบหกปีดี หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ ใบหน้างดงามที่น่ารักโดยธรรมชาติ บวกกับรูปร่างที่นุ่มนิ่มบอบบาง ล้วนทำให้มีสายตาของผู้ชายจำนวนไม่น้อยกวาดผ่านตลอดเวลา

นอกจากนี้แล้ว ยังไม่เอ่ยถึงเหล่าหญิงสาวคนอื่นๆ ในตัวรถ ต่างคนต่างโดดเด่นมีเอกลักษณ์ แทบหาข้อบกพร่องที่ชัดเจนไม่เจอ

มีแต่นางซึ่งแม้จะถือว่าน่ารัก แต่กลับไม่สะดุดตาในสถานที่ที่มีสาวงามรวมตัวกันแบบนี้

ตอนนี้รอยกระเล็กน้อยบนจมูกกลายเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงที่ถูกขยายขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จุดเด่นสู้ไม่ได้ แถมยังมีข้อบกพร่องที่คนอื่นๆ ไม่มี นี่ทำให้ยูน่าน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย

นางจึงได้แต่แสดงความได้เปรียบทางนิสัยของตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยความจนปัญญา โดยพูดคุยกับสามีภรรยาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างชัดเจนฉะฉาน

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่านางคิดอะไรกับชายวัยกลางคนนั้น อย่างไรภรรยาก็อยู่อีกด้านหนึ่ง เพียงแต่ไม่อยากจะนั่งอยู่เฉยๆ อย่างกระอักกระอ่วนแบบนี้เท่านั้น

พูดคุยได้ไม่นาน คนอีกกลุ่มหนึ่งก็ขึ้นมาบนรถ ชายวัยกลางคนที่ดูดุร้ายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นนั่งทางซ้ายมือของนาง หรือก็คือที่ว่างติดหน้าต่างพอดี

ผู้ชายคนนี้หล่อมาก แต่รูปร่างน่าตกใจเกินไป กล้ามเนื้อเหมือนกับเหล็กกล้า ต่อให้ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำตัวหลวมโพรก ก็ปกปิดเค้าโครงบึกบึนไว้ไม่ได้ ทั้งยังไม่ได้แต่งตัวหรูหรา เพียงใส่ชุดธรรมดาเท่านั้น

ดีที่พอคนคนนี้ขึ้นมาก็หยิบบทกวีเล่มหนึ่งจากถุงผ้าด้านข้างออกมาอ่านโดยไม่สนใจสิ่งอื่น

รถค่อยๆ เคลื่อนตัวต่อไป เสียงพ่นลมหายใจอย่างหนักหน่วงของอสูรสี่ตัวดังมาจากด้านหน้าตลอดเวลา

ชายหนุ่มจากตระกูลขุนนางที่หน้าตานับว่าองอาจเล็กน้อยร้องเพลงพร้อมกับเล่นพิณที่พกมาด้วย พลันทำให้หญิงสาวที่อยู่รอบๆ ส่งเสียงกรี๊ดชื่นชม

กาแฟระหว่างทางยังไม่ทันเสิร์ฟ ที่นั่งหลายที่ก็ปิดประตูกั้นแล้ว

ที่นั่งในรถคือที่นั่งสี่คน สี่ที่นั่งแบ่งออกเป็นหนึ่งช่อง ทุกๆ ช่องจะมีประตูที่กั้นเสียงได้ดีมากอยู่ด้วย

รถบรรจุคนได้ทั้งหมดห้าสิบกว่าคน แต่มีผู้โดยสารเพียงแค่ยี่สิบกว่าคน จึงมีคนสามารถหาที่นั่งสี่คนที่ว่างเพื่อมีเซ็กส์กับหญิงสาวที่ตัวเองต้องการได้

แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่เยอะนัก อย่างไรการเดินทางก็เพิ่งเริ่ม พวกหญิงสาวไม่ได้ตัดสินใจเลือกเป้าหมายของตนเองเร็วขนาดนั้น

ยูน่าคุยกับสามีภรรยาบารอนด้านหน้าสักพัก ก็รู้สึกปวดปัสสาวะเล็กน้อย พอมองเห็นห้องน้ำตรงหน้าไม่มีคน ก็รีบลุกขึ้นเพื่อไปจับจอง

แต่นางเพิ่งจะลุกขึ้น ก็มีเสียงฉีกขาดที่ไม่ค่อยชัดเจนนักดังขึ้น

ยูน่ารู้สึกว่าชายกระโปรงตรงสะโพกด้านซ้ายของตนเองถูกอะไรบางอย่างหนีบไว้ แล้วฉีกขาดออกมามากกว่าครึ่ง

นางรีบนั่งลงด้วยใบหน้าซีดขาว พยายามใช้มือดึงชายกระโปรงเพื่อมาปิดสะโพกเอาไว้

น่าเสียดายที่ตำแหน่งตรงที่ถุงน่องรัดอยู่รู้สึกเย็นวาบๆ ได้อย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่ากระโปรงที่ฉีกขาดไม่อาจปกปิดร่างกายได้แล้ว

‘แย่แล้ว!’ ยูน่าจิตใจเย็นเยียบ

นางรีบมองไปยังคู่สามีภรรยาที่อยู่ด้านหน้า แม้บนใบหน้าหญิงวัยกลางคนจากตระกูลขุนนางจะยิ้มอย่างอบอุ่น แต่กลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นเหตุการณ์นี้

ทั้งๆ ที่มุมของนางเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวของยูน่าได้อย่างชัดเจนแท้ๆ

แต่ผู้หญิงจากตระกุลขุนนางที่เพิ่งพูดคุยกันอย่างออกรสคนนี้ กลับทำหน้าเหมือนไม่เห็นโดยสิ้นเชิง

ยูน่าเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายในทันที ผู้หญิงคนนี้ไม่พอใจที่ตนคุยเล่นกับสามีของนางนานขนาดนั้น

นางอยากจะเห็นเรื่องสนุกแล้วสิ

ยูน่าก้มหน้าลง รู้สึกถึงน้ำตาคลออยู่ในเบ้าจวนจะไหลริน

นี่คือหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมที่สุดในเมืองแสงอรุณ ถ้าเกิดเรื่องขายหน้าเช่นนี้ ชื่อเสียงในภายหลังของนางคง…

หญิงแพศยาที่จงใจฉีกกระโปรงของตัวเองเพื่อล่อผู้ชายระหว่างเดินทางไปกับชุมนุมชิมกาแฟหรือ

ยูน่าแค่คิดก็รู้แล้วว่าข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปจะเลวร้ายขนาดไหน

ตอนนี้นางยิ่งปวดปัสสาวะอยู่ด้วย พอยิ่งร้อนใจก็ยิ่งรู้สึกว่าท้องน้อยหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะกลั้นไม่ไหว นางรีบตรวจสอบด้านล่างชายกระโปรงที่ถูกฉีก บนที่นั่งไม่ทราบว่ามีตะปูเล็กๆ โผล่มาตั้งแต่ตอนไหน เป็นสิ่งนี้เองที่ทำให้กระโปรงของนางขาด

‘ทำไงดี! ทำไงดี! ทำยังไงดี!?’

ลู่เซิ่งอ่านบทกวีไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มหยิบขึ้นมา เขาก็อ่านจบไปแล้วสองรอบ เขาชอบความงดงาม และแสวงหาความงดงาม เขาตามหาและเข้าใกล้สิ่งที่งดงามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เหมือนการเดินทางครั้งนี้ แม้จะมีวิธีเดินทางอย่างอื่น แต่ว่าการได้เดินทางไปด้วย ได้ชื่นชมร่างกายของหญิงสาวที่งดงามน่าหลงใหลไปด้วย ก็เป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่งเหมือนกัน

เขาสังเกตเห็นยูน่าหญิงสาวข้างๆ แล้วเช่นกัน ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่น หากแต่เป็นเพราะในรถคันนี้ ยูน่าเป็นหนึ่งในหญิงสาวไม่กี่คนที่ยังไม่เสียตัว

หลายๆ คนเปลือกนอกเหมือนบริสุทธิ์ แต่ว่าบนเรือนร่างกลับแปดเปื้อนกลิ่นอายดิบเถื่อนของผู้ชายไม่น้อยกว่าสิบคน ซึ่งคนธรรมดาสัมผัสไม่ได้ แต่เขาไม่เหมือนกัน

หญิงสาวส่วนใหญ่ต่างแปดเปื้อนกลิ่นอายของผู้ชายอย่างน้อยสองถึงสามคน แสดงให้เห็นว่าพวกนางใช้ทุกวิถีทางเพื่อเข้าร่วมชุมนุมชิมกาแฟในครั้งนี้

ดังนั้นเขาเลยเลือกนั่งข้างยูน่า

กับเรื่องชายๆ หญิงๆ นั้น หลังจากลู่หนิงกับเฉินอวิ๋นซีผู้เป็นภรรยาหายตัวไป ลู่เซิ่งก็ไม่เคยสนใจอีกเลย

แม้ตอนนี้เขาจะควบคุมพลังของตนได้ดีแล้ว แต่หลังจากได้เลี้ยงหงเย่อีกคน ความสนใจทางด้านนี้ก็ยิ่งลดลงไปกว่าเดิม

แคว่ก

อยู่ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้น ลู่เซิ่งกวาดมองโดยใช้หางตา เห็นสีขาวบนส่วนสะโพกของหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง

มองดูใบหน้าของหญิงสาวอีกครั้ง นางทำท่ากระวนกระวายอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตาด้วยใบหน้าซีดเซียว

เขาพลันเห็นว่าหญิงสาวคนนี้คุ้นตาอยู่บ้าง

ลู่เซิ่งมีความทรงจำเป็นเลิศ หากเขารู้สึกคุ้นๆ ก็หมายความว่าต้องเคยเจอมาก่อนแน่นอน

นึกย้อนไปเล็กน้อย เขาก็จำได้ทันทีว่า หญิงสาวคนนี้ดูเหมือนจะชื่อยูน่า เป็นเพื่อนร่วมชั้นของหงเย่

เพียงแต่นางไม่ได้สนิทกับหงเย่ พลอยทำให้ลู่เซิ่งไม่คุ้นเคยอะไรมากนัก

หลังจากเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เหล่าขุนนางกับหญิงสาวที่ชอบจับผิดคำพูดและสีหน้าก็ค้นพบความผิดปกติของยูน่าอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวหลายคนรอบๆ ตัวผุดสีหน้าสนอกสนใจและจงใจเข้าใกล้เพื่อมุงดู ยังมีชายหนุ่มอีกเป็นจำนวนมากถึงขั้นเขยิบเข้าใกล้อย่างไร้ซึ่งความเกรงใจ และแอบมองตำแหน่งกระโปรงที่ฉีกขาดของยูน่าจากทุกมุม

ยูน่าอับอายยิ่งกว่าเดิม บวกกับกลั้นปัสสาวะไม่ไหวจริงๆ น้ำตาจึงเอ่อคลอมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดน้ำตาก็ร่วงผล็อยจากดวงตา

ลู่เซิ่งรู้สึกสนใจ หญิงสาวที่ตอนแรกรูปร่างหน้าตาใช้ได้ เพียงแค่ชายกระโปรงฉีกขาดไปส่วนหนึ่งก็เผยความน่าหลงใหลและความงามที่น่าตกตะลึงแบบนี้ออกมาได้

นี่ทำให้เขานึกถึงคนคนหนึ่ง ที่เหมือนกับหญิงสาวคนนี้มาก ตวนมู่หว่าน

ครั้นนึกถึงตวนมู่หว่าน เขาก็นึกถึงคนของคฤหาสน์ลู่ที่หายสาบสูญไปรวมถึงลูกชายลู่หนิง

อารมณ์นึกสนุกในตอนแรกจางหายไปทันที

เหลียวมองรอบๆ มีคนที่ทำท่าเข้าใกล้อย่างไม่ตั้งใจเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้ว มีคนเจ็ดแปดคนคอยเดินวนเวียนอยู่รอบๆ เปลือกนอกแสร้งคุยกัน แต่ความจริงแอบมองกระโปรงฉีกขาดของยูน่าตลอดเวลา

หญิงสาวที่ถูกดึงดูดความสนใจบางส่วนกำลังด่ายูน่าเบาๆ ว่าจงใจฉีกกระโปรง

ลู่เซิ่งสีหน้าอึมครึม จึงถอดเสื้อของตนออกและยื่นไปคลุมให้ยูน่า

“อย่านะ!” คาดไม่ถึงว่ายูน่าอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะร้องเสียงดัง

ในกิจกรรมแบบนี้ ถ้าเกิดเอาเสื้อของฝ่ายชายมาคลุม ก็หมายความว่าตนเองเป็นของเขาเพียงคนเดียว! นี่หมายความว่าตัดสินใจเลือกเป้าหมายแล้ว!

ลู่เซิ่งงงงัน มือที่ถือเสื้อคลุมค้างเติ่งกลางอากาศ เขาไม่รู้กฎนี้ จึงมองยูน่าที่ปฏิเสธตนอย่างงุนงง

ทั้งๆ ที่เขาเจตนาดีแท้ๆ

หรือว่าอีกฝ่ายจะแค่ตอบสนองตามสัญชาตญาณ แค่เข้าใจผิดเท่านั้น เขาเลยคลุมเสื้อลงไป

“อย่านะคะ! อย่า!”

“เจ้าเกรงใจมากไปแล้วนะ” ลู่เซิ่งยิ้มพร้อมทั้งใช้แรงคลุมลงไป

“อย่านะคะ! ไม่!…”

“ไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ” ลู่เซิ่งไม่ชอบคนขี้เกรงใจที่สุด เลยออกแรงกดลงไปอีก

กร๊อบ

เหมือนได้ยินอะไรบางอย่างหักอย่างเลือนรางนะ

แต่ทว่าช่วงนี้ลู่เซิ่งมั่นใจในการควบคุมแรงของตัวเองมาก ถึงแม้การทำความเข้าใจคุณสมบัติเทพจะยกระดับปัจจัยทุกด้านของร่างนี้ก็ตาม แต่เขามั่นใจว่าตนเองควบคุมได้อยู่หมัด

“ช่วย…ช่วยด้วย…” เสียงเคลื่อนไหวเหมือนตัวริ้นดังมาจากใต้เสื้อ

ลู่เซิ่งชักมือกลับ

“ไม่ต้องเกรงใจ เวลาเจออุปสรรคด้านนอกควรช่วยเหลือกันอยู่แล้ว”

……………………………………….

Options

not work with dark mode
Reset