ตอนที่ 1058 สถานการณ์ไม่สงบ (1)
…………….
ชาฮัวเอียนนั้นเตรียมการมาอย่างเหน็ดเหนื่อยก็เพื่อรอวันนี้ ในสำนักม่อจื๊อนั้นมีอยู่เขาหลายคนที่คอยสนับสนุนเขา อย่างไรก็ตามตู้ฟู่เหว่ยก็ไม่ได้เชื่อใจชาฮัวเอียนมากนัก แต่เหตุผลหลักๆก็คือลูกศิษย์คนอื่นๆไม่ได้มีความสามารถที่โดดเด่นและแตกต่างไปจากชาฮัวเอียนอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นตู้ฟู่เหว่ยจึงต้องปล่อยให้ชาฮัวเอียนดูแลสิ่งต่างๆในสำนักม่อจื๊อเป็นหลักแต่ก็ไม่ได้ไว้ใจเขาเลย
ใครเป็นผู้ควบคุมอำนาจใครเป็นผู้ควบคุมอธิปไตย ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าตู้ฟูเหว่ยทำได้ดีมากในด้านนี้เพราะหลังจากขึ้นครองตำแหน่งเจ้าสำนักมานานหลายปีก็มีผู้คนมากมายคอยสนับสนุนเขา แน่นอนว่าสำนักม่อจื๊อนั้นถูกตู้ฟู่เหว่ยปกครองระบบเผด็จการมาโดยตลอดแต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่จงรักภักดีต่อตู้ฟู่เหว่ยอย่างจริงใจ
เบื้องต้นชาฮัวเอียนทำได้เพียงแค่สร้างสถานการณ์ภายในเท่านั้นเพราะเขาไม่สามารถทำอะไรมากเกินไปได้มนตอนนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเขาต้องให้ความสำคัญกับความเหมาะสมมากที่สุดเพราะถ้าหากเขาเริ่มการต่อต้านทันทีหลังจากที่ตู้ฟู่เหว่ยตายเขาก็จะถูกการวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าสาวกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นขั้นตอนแรกของชาฮัวเอียนคือการติดต่อกับสาวกที่สนับสนุนของเขาเพื่อเปลี่ยนทัศนคติของพวกเขาก่อนจากนั้นค่อยไปหาสาวกที่สนับสนุนตู้ฟู่เหว่ยกับหยานซื่อฉุยทีหลัง
อูชิงผู้สนับสนุนที่ภักดีที่สุดของตู้ฟู่เหว่ยนั้นเป็นสมาชิกระดับอาวุโสที่ติดตามตู้ฟู่เหว่ยมานานตั้งแต่สมัยก่อน ซึ่งถึงแม้ว่าสำนักม่อจื๊อในปัจจุบันจะถูกตู้ฟู่เหว่ยปกครองอย่างเผด็จการก็ตาม แต่สถานะของอู๋ชิงในสำนักม่อจื๊อก็ค่อนข้างสูงและไม่สามารถละเลยได้ ยิ่งไปกว่านั้นอู๋ชิงยังเป็นผู้สนับสนุนหยานซื่อฉุยมาโดยตลอดดังนั้นหากเขาต้องการประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าสำนักม่อจื๊อล่ะก็ชาฮัวเอียนก็รู้สึกว่าอู๋ชิงคืออุปสรรคที่ต้องผ่านไปให้ได้ก่อนด่านแรก แน่นอนว่าชาฮัวเอียนไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อสวดอ้อนวอนเท่านั้นเพราะถ้าหากเขาได้รับการสนับสนุนจากอู๋ชิงล่ะก็เส้นทางของเขาจะเดินได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอนแต่ถ้าเขาทำไม่ได้ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องกำจัดอู๋ชิงทิ้ง
หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของตู้ฟู่เหว่ยแล้วชาฮัวเอียนก็รีบไปที่บ้านพักของอู๋ชิงทันที ชายชราที่อายุหกสิบกว่าปีไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต่างๆของสำนักม่อจื๊อในทุกวันนี้มากนัก แต่ก็ไม่มีใครกล้ามองข้ามอิทธิพลของเขาในสำนักม่อจื๊อได้เลยและยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคารพและติดตามเขา
“ผู้อาวุโสอู๋คะ..ชาฮัวเอียนมาขอพบคุณ” แม่บ้านประจำตระกูลอู๋พูด เธอทำงานอยู่ในตระกูลอู๋มากว่า 30 ปีแล้วและเธอก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลอู๋ด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและคนรับใช้ก็ตามแต่เธอก็เป็นสมาชิกของตระกูลอู๋เสมอ ซึ่งเธอเป็นภรรยาของน้องชายของอู๋ชิงดังนั้นเธอจึงมีตำแหน่งที่สำคัญในตระกูลอู๋เช่นกัน
“ชาฮัวเอียน..เจ้าเด็กคนนั้นมาทำอะไรที่นี่?..ฉันแทบไม่ได้คุยกับเขาเลย” อู๋ชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ หลังจากหยุดชั่วขณะอู๋ชิงก็พูดว่า “ให้เขาเข้ามา” จากนั้นเขาก็สูบบุหรี่และขมวดคิ้วแน่นราวกับว่าเขากำลังคิดว่าการมาขอชาฮัวเอียนนั้นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร
ไม่นานนักชาฮัวเอียนก็เดินเข้ามาจากประตูและตามมาด้วยชายสองคน เมื่อไปถึงประตูฮัวเอียนก็โบกมือบอกให้พวกเขาอยู่ข้างนอกแล้วเขาเดินเข้าไปเพียงลำพัง เขาเห็นอู๋ชิงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและชาฮัวเอียนก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อมและพูดว่า “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสอู๋”
อู๋ชิงก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วโบกมือให้ชาฮัวเอียนนั่งลงแล้วเหลือบมองชาฮัวเอียนแล้วพูดว่า “อาจารย์ของเอ็งไปต่อสู้กับเย่เชียนแล้วทำไมเอ็งถึงยังมีเวลามาที่นี่อีก?..ฉันเคยได้ยินมาว่าเย่เชียนเด็กคนนั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก..แต่เราไม่มีทางหลงกลของเขาได้หรอก..แต่เอ็งต้องดูแลสำนักม่อจื๊อให้ดีเพราะเขาจะต้องโจมตีพวกเราอย่างแน่นอน”
“อย่ากังวลไปเลยครับผู้อาวุโสอู๋ผมได้เตรียมการเอาไว้แล้ว..ถึงแม้ว่าเย่เชียนต้องการที่จะเผชิญหน้ากับเราแต่ผมเกรงว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จหรอก” ชาฮัวเอียนพูด “จริงๆแล้วผมมาที่นี่ก็เพื่อจะมาปรึกษาหารือกับผู้อาวุโสอู๋ครับ”
“หืม..เกิดอะไรขึ้น?” อู๋ชิงพูด
“ระหว่างทางมาที่นี่ผมเพิ่งจะได้ยินข่าวว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้วและอาจารย์ก็ถูกเย่เชียนฆ่าตายในการต่อสู้” ชาฮัวเอียนพูด
“อะไรนะ?” อู๋ชิงถึงกับผงะและลุกขึ้นจากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วนั่งลงอีกครั้งและพูดว่า “สิ่งที่เอ็งพูดออกมานั้นเป็นความจริงงั้นเหรอ?..เย่เชียนจะเป็นคู่ต่อสู้ของท่านเจ้าสำนักได้ยังไง?”
“ผมเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แต่มันเป็นเรื่องจริง” ชาฮัวเอียนพูด “ที่จริงแล้วเย่เชียนคนนั้นไม่ธรรมดาเพราะพ่อของเขาคือเย่เจิ้งหรานผู้เป็นที่รู้จักในฐานะสุดยอดปรมาจารย์อันดับหนึ่งแห่งโลกศิลปะการต่อสู้โบราณในสมัยก่อนและตอนนี้ปรมาจารย์อันดับหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่หยานตงก็อยู่ข้างเขา..ดังนั้นความสามารถของเขาจึงไม่ควรมองข้ามและนอกจากนี้ยังเป็นการต่อสู้แบบสองต่อหนึ่งอีกด้วยเพราะงั้นโอกาสชนะก็ค่อนข้างที่จะริบหรี่จริงๆ”
“แล้ววันนี้ที่เอ็งมาหาฉันหมายความว่ายังไง?” อู๋ชิงถาม จริงๆแล้วเขามีความรู้สึกคลุมเครือในใจแต่เขาก็ยังต้องการยืนยันความจริง
ชาฮัวเอียนก็ไม่ได้ปิดบังอะไรและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผู้อาวุโสอู๋ครับผมเชื่อว่าคุณก็น่าจะรู้ว่าสำนักของเราไม่สามารถปราศจากเจ้าสำนักได้ไม่อย่างนั้นการต่อสู้ภายในจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน..เพราะงั้นเราจำเป็นต้องมีผู้นำที่ดี..อันที่จริงที่ผมมาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะผมหวังว่าผู้อาวุโสอู๋จะสนับสนุนผมเพื่อขึ้นรับตำแหน่งเจ้าสำนัก!”
อู๋ชิงก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เท่าที่ฉันรู้มาท่านเจ้าสำนักนั้นหวังให้หยานซื่อฉุยจะเข้ารับตำแหน่งต่อจากเขาไม่ใช่เหรอ?..แน่นอนว่าท่านเจ้าสำนักเองก็เคยมาคุยกับฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย..แต่จู่ๆเอ็งก็มาที่เพื่อคุยกับฉันในวันนี้..ฉันขอคิดดูก่อนนะว่าเอ็งกำลังพยายามกบฏอยู่หรือเปล่า”
ชาฮัวเอียนก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ผู้อาวุโสอู๋คุณพูดเรื่องอะไร?..ในฐานะผู้อาวุโสคุณก็น่าจะรู้ดีกว่าผมไม่ใช่เหรอ?..ผู้สืบทอดเจ้าสำนักนั้นไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครคือเจ้าสำนักคนต่อไป..จนถึงตอนนี้แล้วผมที่อยากเป็นเจ้าสำนักจะเป็นกบฏไปได้ยังไง?.. นอกจากนี้ผมคิดว่าอาจารย์อู๋ก็น่าจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาผมได้ทำสิ่งดีๆเพื่อสำนักม่อจื๊อไปตั้งมากมายขนาดไหน?..หลายๆอย่างที่สำนักม่อจื๊อมีทุกวันนี้ก็เพราะผม..เพราะงั้นผมผิดตรงไหนที่ผมจะเข้ารับตำแหน่งเจ้าสำนักคนต่อไป?..ผมรับรองได้เลยว่าสำนักม่อจื๊อจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในอนาคต..ใช่ศิษย์พี่ซื่อฉุยนั้นเก่งมากแต่ถ้าเทียบกับผมแล้วใครจะเก่งกว่ากันคุณก็น่าจะรู้..ทั้งหมดที่ผมพูดออกไปคุณก็น่าจะชัดเจนไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต่างๆของสำนักม่อจื๊อมานานแล้ว..ถึงแม้ว่าฉันต้องการช่วยเอ็งแต่ฉันก็ช่วยไม่ได้หรอก” อู๋ชิงพูด เขานั้นอายุมากแล้วและเขาสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจนและการตายอย่างกะทันหันของตู้ฟู่เหว่ยจะนำมาสู่การต่อสู้ที่นองเลือดของสำนักม่อจื๊ออย่างแน่นอน เว้นแต่ชาฮัวเอียนหรือหยานซื่อฉุยใครสักคนจะยอมแพ้ไป แต่นี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเพราะไม่ว่าใครจะชนะหรือใครจะแพ้เขาก็ยังใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปและที่สำคัญคือจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน นั่นคือสิ่งสำคัญเพราะอู๋ชิงไม่อยากเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างชาฮัวเอียนกับหยานซื่อฉุยเลย
ชาฮัวเอียนก็ดูเหมือนจะมองเห็นความคิดของอู๋ชิงได้ดังนั้นเขาจึงยิ้มแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณจะเข้าใจในอะไรหลายๆอย่างแต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิดไป..ความคลุมเครือของคุณจะส่งผลเสียต่อเราทั้งคู่..ต่อให้คุณจะไม่สนับสนุนผมก็ตามแต่ผมก็หวังว่าคุณจะไม่ยืนอยู่ข้างหยานซื่อฉุยเหมือนกัน..ผมคิดว่าผู้อาวุโสอู๋น่าจะเข้าใจสิ่งที่พูดใช่ไหมครับ?”
“ในโลกนี้มีคนที่มีความสามารถมากมายและคนรุ่นใหม่ก็ต้องเข้ามาแทนที่คนรุ่นเก่าอยู่แล้ว” อู๋ชิงถอนหายใจและพูดว่า “ยุคสมัยนี้มันเป็นโลกของคนหนุ่มสาวอย่างเอ็งเพราะงั้นคนรุ่นเก่าอย่างฉันก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว..เอ็งไม่ต้องกังวลไปหรอก..เอ็งสู้กับหยานซื่อฉุยไปเถอะและฉันจะไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้และจะไม่ช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องพูดเอาไว้ก่อน”
“ถ้าผู้อาวุโสมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาตรงๆได้เลย” ชาฮัวเอียนพูด
“เพื่ออนาคตของสำนักฉันหวังว่าจะไม่มีการนองเลือดครั้งใหญ่เกิดขึ้นนะเพราะสิ่งนี้จะทำลายความแข็งแกร่งของสำนักม่อจื๊ออย่างมาก” อู๋ชิงพูด “ฉันขอเตือนให้เอ็งระวังเอาไว้เพราะลูกน้องของเย่เชียนมีคนที่ชื่อม่อหลงอยู่เขาเป็นหลานชายของอดีตเจ้าสำนักม่อจื๊อและเขายังเป็นทายาทของตระกูลม่ออีกด้วย..ดังนั้นหากเราสูญเสียความแข็งแกร่งจากการต่อสู้ภายในมากเกินไปมันจะทำให้เราเสียเปรียบฝ่ายอื่น”
“ผมชัดเจนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้และผมรับรองได้ว่าตราบใดที่พวกเขาไม่ต่อต้านมากเกินไปผมก็จะไม่ทำอะไรเพราะผมเองก็ไม่ไม่ชอบการสังหารหมู่เหมือนกัน..ท้ายที่สุดสิ่งที่ผมต้องการก็คือสำนักม่อจื๊อที่รุ่งโรจน์ไม่ใช่สำนักม่อจื๊อที่ตกต่ำและพังทลายแบบนั้น” ชาฮัวเอียนพูด
อู๋ชิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ดีแล้วถ้าเอ็งเข้าใจ..ฉันจะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้แล้วเพราะตอนนี้มันเป็นโลกของคนหนุ่มสาว..มันถึงเวลาแล้วที่คนเฒ่าคนแก่อย่างฉันจะต้องปล่อยวาง..เพราะงั้นเอ็งจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบตราบใดที่มันเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสำนักม่อจื๊อ..ส่วนเรื่องที่ใครจะเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปนั้นฉันไม่มีความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้น”
อู๋ชิงจะไม่เข้าใจชาฮัวเอียนได้อย่างไรเพราะหลังจากอยู่ในสำนักม่อจื๊อมานานหลายปีเขาก็ชัดเจนมากเกี่ยวกับนิสัยและพฤติกรรมของชาฮัวเอียน ซึ่งถ้าหากเขาคัดค้านในวันนี้ชาฮัวเอียนจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอนและจุดจบของเขาจะต้องน่าเศร้าอย่างมาก เขาอายุหกสิบกว่าปีเศษแล้วเพราะงั้นเขาควรจะมีชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขเพราะฉะนั้นการไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวคือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขานั่นเอง
ชาฮัวเอียนก็ฉีกยิ้มและลุกขึ้นยืน ซึ่งถึงแม้ว่าผลลัพธ์ของการสนทนาในวันนี้จะไม่สมบูรณ์แบบก็ตามแต่ถึงแม้ว่าอู๋ชิงจะไม่สนับสนุนเขาแต่อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ได้สนับสนุนหยานซื่อฉุยด้วย หากเป็นกรณีนี้โอกาสในการชนะของเขาจะมากขึ้น “ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอให้ผู้อาวุโสอู๋มีสุขภาพที่แข็งแรงอายุยืนยาวนะครับ” ชาฮัวเอียนพูด “ผมไม่รบกวนคุณแล้วครับ..ลาก่อน”
อู๋ชิงไม่พูดอะไรเพียงแค่โบกมือลา แต่สีหน้าของเขาชัดเจนมากว่าเขามีความโล่งใจเพราะคนที่ไม่รักตัวเองก็จะถูกโลกลงโทษเสมอ ซึ่งอู๋ชิงไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อผู้อื่นเพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการมีชีวิตที่ดีในบั้นปลายชีวิตนั่นเอง
.
.
.
.
.
.