ตอนที่ 1055 ศึกแห่งการเปลี่ยนแปลง (4)
…………….
นี่คือการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพันเพราะงั้นมันไม่จำเป็นต้องแสร้งเป็นคนดีและไม่จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนชอบธรรมแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อความสำเร็จของแผนการต่อไปตู้ฟู่เหว่ยจะต้องตายเท่านั้น
ม่อหลงก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “บอส..เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและเขาก็ไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้วเพราะงั้นทำไมต้องฆ่าเขาด้วย?”
“นี่เป็นกฎและข้อตกลงในการเดิมพันเพราะงั้นเราก็ควรจะปฏิบัติตาม” เย่เชียนพูดต่อ “อีกอย่างถ้าหากเราแพ้เขาก็จะทำแบบเดียวกัน..ถ้าพี่ไม่ยอมรับก็ไม่ควรทำแบบนี้ตั้งแต่แรกพี่ไม่รู้งั้นเหรอ?” เย่เชียนหันไปมองม่อหลงและพูดว่า “ทำซะ”
“บอสลืมมันไปเถอะ..เขาพ่ายแพ้ไปแล้ว” ม่อหลงพูด
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “พี่ม่อหลงนี่ไม่ใช่นิสัยของพี่เลย..เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้นเพราะถ้าตู้ฟู่เหว่ยไม่ตายพี่จะไม่สามารถเป็นเจ้าสำนักม่อจื๊อได้..เนื่องจากพี่เลือกเส้นทางนี้ตั้งแต่แรกพี่ก็ควรจะคาดหวังผลลัพธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ให้ได้สิ”
ไม่ใช่ว่าเย่เชียนโหดร้ายและไม่ใช่ว่าเย่เชียนอยากจะฆ่าตู้ฟู่เหว่ยแต่ถึงยังไงตู้ฟู่เหว่ยก็ต้องตายเพราะนี่ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัวแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสำนักม่อจื๊อทั้งหมด ซึ่งถ้าตู้ฟู่เหว่ยไม่ตายล่ะก็สงครามจะเกิดและมีคนล้มตายจำนวนมาก ดังนั้นนี่คือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่
ลองนึกภาพว่าถ้าตู้ฟู่เหว่ยไม่ตายล่ะก็ม่อหลงจะประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าสำนักม่อจื๊อได้อย่างไร ถึงแม้ว่าตู้ฟู่เหว่ยจะไม่ขัดขืนอีกต่อไปแต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าสาวกอันม่อจะยอมแพ้เหมือนกับเขา แน่นอนว่าต่อให้ตู้ฟู่เหว่ยจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามถึงยังไงสาวกอันม่อจะไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆอย่างแน่นอน
ม่อหลงเองก็ชัดเจนมากเกี่ยวกับความจริงข้อนี้แต่ก็ยากที่จะตัดสินใจได้ แท้ที่จริงแล้วเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อตู้ฟู่เหว่ยแต่ตอนนี้เมื่อเห็นตู้ฟู่เหว่ยพ่ายแพ้อย่างน่าสมเพชแล้วความเกลียดชังในใจของเขาก็หายไป ความเกลียดชังตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นทำให้เขามีเป้าหมายแต่เมื่อความเกลียดชังหายไปเขาก็ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร แต่ที่ผ่านมาถ้าไม่ใช่เพราะเย่เชียนล่ะก็ม่อหลงคงจะมีเส้นทางที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงเพราะเย่เชียนได้เปลี่ยนชีวิตของม่อหลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ใช่เพราะว่าเย่เชียนให้อะไรกับม่อหลงไปมากมายแต่นั่นเป็นเพราะความเป็นพี่น้องที่มีให้เขาเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
“ซื่อฉุยฟังฉันให้ดี..ในเมื่อฉันพ่ายแพ้การต่อสู้ครั้งนี้เพราะงั้นทุกคนในสำนักก็ต้องปฏิบัติตามกฎในการเดิมพันและห้ามทำอะไรที่เป็นภัยคุกคามต่ออีกฝ่ายเด็ดขาด” ตู้ฟูเหว่ยพูด “แต่เมื่อเอ็งกลับไปเอ็งต้องฆ่าชาฮัวเอียนเพื่อฉัน!..ไอ้ลูกศิษย์คนนี้มันกล้าวางยาพิษฉันเพราะงั้นเอ็งจะปล่อยเขาเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด..ชาฮัวเอียนมันเป็นตัวอันตรายเพราะงั้นเอ็งต้องระวังให้มากรู้มั้ย?”
“อาจารย์..อาจารย์พูดว่าฮัวเอียนวางยาพิษอาจารย์อย่างงั้นเหรอ?” หยานซื่อฉุยตกใจแล้วหันไปมองเย่เชียนแล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เย่เชียนนี่เป็นแผนของแกหรือเปล่า?..แกให้ศิษย์น้องของฉันไปวางยาพิษอาจารย์ของฉันงั้นเหรอ?..อย่าลืมสิว่าเราได้ทำข้อตกลงการเดิมพันอย่างชัดเจนเอาไว้แล้วว่าห้ามเล่นสกปรกลับหลังก่อนการต่อสู้จะเริ่ม..แต่แกไม่ปฏิบัติตามกฎ”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยามแล้วพูดว่า “ถึงฉันจะเคยเจอกับชาฮัวเอียนก่อนหน้านี้แต่ฉันไม่เคยบอกให้เขาวางยาพิษเลย..เธออย่ามาโทษฉันแบบนี้..เธอเองนั่นแหละที่ผิดเพราะนั่นมันปัญหาภายในของพวกเธอ..เธอลองคิดดูดีๆสิว่าทำไมชาฮัวเอียนถึงต้องการให้อาจารย์ของเธอตาย..ฉันคิดว่าเรื่องนั้นมันคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอแล้ว..เรื่องของอาจารย์กับลูกศิษย์และศิษย์พี่ศิษย์น้องฉันจะไปทำอะไรได้?”
“แก!..” หยานซื่อฉุยพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“ซื่อฉุยไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” ตู้ฟู่เหว่ยโบกมือแล้วพูดว่า “ต่อให้ฉันไม่ได้ถูกวางยาพิษถึงยังไงฉันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี..แต่ที่ผมอยากรู้ก็คือคุณใช้วิธีไหนในการพัฒนาเขาได้รวดเร็วแบบนี้กัน?..ช่วยบอกความลับก่อนที่ผมจะตายหน่อยได้หรือเปล่า?..ผู้อาวุโสหยานคุณสอนอะไรให้เขา!”
หยานตงก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้สอนอะไรทั้งนั้น..ฉันก็แค่คืนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเจ้าของที่แท้จริงก็เท่านั้นเอง..ฉันคิดว่าอาจารย์ตู้ก็น่าจะรู้ว่านะใครเป็นพ่อของเย่เชียน?”
“ผมรู้..เย่เจิ้งหรานสุดยอดปรมาจารย์อันดับหนึ่งแห่งโลกศิลปะการต่อสู้โบราณ!” ตู้ฟูเหว่ยพูด
“นั่นแหละ..วิชาลับตำรานี้ถูกสร้างโดยเย่เจิ้งหรานโดยการเปิดโซ่ตรวนและทะลวงขีดจำกัดในร่างกายมนุษย์ซึ่งสามารถกระตุ้นศักยภาพสูงสุดของมนุษย์ได้..แต่นั่นก็แค่พลังชั่วคราวเท่านั้น!” หยานตงพูดต่อ “วิชาลับนี้ถูกเรียกว่าประตูแปดด่าน!”
ตู้ฟู่เหว่ยก็หัวเราะอย่างมีความสุขและพูดว่า “ฮ่าๆ..ผมไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้..ก่อนที่เขาตายเขาบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ยังสามารถเอาชนะผมได้..แต่ผมไม่เคยเสียใจเลยที่แพ้ให้กับสุดยอดปรมาจารย์อันดับหนึ่งแห่งโลกศิลปะการต่อสู้โบราณอย่างเขา” จากนั้นเขาก็หันไปมองหยานซื่อฉุยแล้วพูดต่อ “ซื่อฉุยจำคำพูดของฉันเอาไว้ให้ดีล่ะ..เอ็งไม่สามารถเอาชนะเย่เชียนได้เพราะงั้นอย่าคิดที่จะแก้แค้นให้ฉันเด็ดขาด..ตอนนี้ฉันไม่มีความคับข้องใจหรือความเกลียดชังอะไรทั้งนั้นเพราะสักวันมังกรก็ต้องตายอยู่ดี..หลังจากผ่านมานานหลายปีมันก็ได้เวลาคืนสำนักม่อจื๊อให้กับตระกูลม่อแล้วเพราะงั้นเอ็งไม่ต้องโกรธแค้นอะไรทั้งนั้น..แต่สิ่งที่เอ็งต้องทำก็คือไม่ว่าเอ็งจะต้องใช้วิธีไหนเอ็งก็ต้องฆ่าชาฮัวเอียนซะ!..ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ต่อไปเขาจะกลายเป็นภัยคุกคามของเอ็ง”
จากนั้นตู้ฟู่เหว่ยก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนแล้วยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เย่เชียน..เอ็งช่วยสัญญาอะไรกับฉันหน่อยจะได้หรือเปล่า?”
“พูดมาเลยครับ” เย่เชียนพูด
“เอ็งช่วยดูแลซื่อฉุยแทนฉันดีจะได้หรือเปล่า..ช่วยเป็นเพื่อนกับซื่อฉุยจะได้มั้ย?” ตู้ฟู่เหว่ยพูด เขารู้ดีว่าความสามารถของหยานซื่อฉุยนั้นอาจจะไม่เพียงพอที่จะจัดการกับชาฮัวเอียนแต่ถ้ามีเย่เชียนช่วยด้วยผลลัพธ์ก็คงจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงตั้งความหวังสุดท้ายเอาไว้ที่เย่เชียน ซึ่งถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้ช่วยหยานซื่อฉุยจัดการกับชาฮัวเอียนแต่อย่างน้อยๆเขาก็สามารถปกป้องหยานซื่อฉุยจากการคุกคามของชาฮัวเอียนได้
เย่เชียนก็ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ผมรู้ว่าคุณหมายถึงอะไรแต่ผมไม่สามารถสัญญากับคุณได้หรอก..แต่ผมจะรับปากคุณว่าผมจะฆ่าชาฮัวเอียนให้คุณเอง” เย่เชียนจะไม่เข้าใจตู่ฟู้เหว่ยได้อย่างไรเพราะเพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่ใช่เวลามาเห็นอกเห็นใจศัตรู แต่จุดประสงค์หลักของเย่เชียนคือช่วยม่อหลงทวงคืนตำแหน่งผู้นำของสำนักม่อจื๊อแต่ไม่ใช่เพื่อช่วยหยานซื่อฉุยจัดการกับชาฮัวเอียน แต่เป็นที่แน่นอนว่าชาฮัวเอียนจะต้องตายเว้นแต่เขาจะเลือกที่จะเลิกต่อสู้กับม่อหลง แต่ด้วยนิสัยและความทะเยอทะยานของชาฮัวเอียนแล้วมันก็เป็นไปไม่ได้เลย เย่เชียนนั้นไม่กลัวว่าหยานซื่อฉุยจะไปบอกชาฮัวเอียนว่าเขาพูดอะไรกับตู้ฟู่เหว่ยเพราะถึงยังไงต่อให้เธอไม่บอกชาฮัวเอียนก็รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าหากเขาต่อสู้กับม่อหลงล่ะก็เย่เชียนจะเข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน
ณ จุดนี้ตู้ฟู่เหว่ยก็ไม่มีอะไรจะพูดีอีกต่อไปแล้วและเขาก็ไม่เสียใจกับสิ่งที่เขาทำเลยแม้แต่น้อยเพราะในความเห็นของเขานั้นเขารู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันคือการร่วมแรงร่วมใจกันของสาวกหมิงม่อและสาวกอันม่อ แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงแค่การมีความเห็นต่างกันเท่านั้นเอง
จากนั้นตู้ฟู่เหว่ยก็ฉีกยิ้มแล้วใช้ฝ่ามือของเขาตบเข้าไปที่หน้าผากของตัวเองจากนั้นปากของตู้ฟู่เหว่ยก็เต็มไปด้วยเลือดและสิ้นลมหายใจในอ้อมแขนของหยานซื่อฉุย เมื่อเห็นแบบนั้นหยานซื่อฉุยก็หลั่งน้ำตาและกอดร่างของตู้ฟู่เหว่ยเอาไว้แน่น หลายปีมานี้เธอถือว่าตู้ฟู่เหว่ยเป็นพ่อของเธอและครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอจริงๆ ในตอนนี้เธอรู้สึกไร้ความสามารถจนความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้าใส่หัวใจของเธออย่างไม่หยุดยั้งจนทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
ม่อหลงก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆเพราะเขาไม่มีความสุขที่ศัตรูของเขาตายเลยแต่เขากลับรู้สึกผิดอย่างลึกซึ้งและรู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำใจได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหมาป่าผีไป๋ฮวยถึงได้พูดอยู่เสมอว่าเขาต้องการทำลายองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแต่เขากลับคอยช่วยเหลือเขี้ยวหมาป่ามาโดยตลอด เพราะสุดท้ายเขาก็แค่หาข้ออ้างให้ตัวเองเพื่อให้มีจุดประสงค์ในการมีชีวิตแต่แท้ที่จริงแล้วเขาไม่ได้มีความเกลียดชังแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไรและสถานการณ์ปัจจุบันม่อหลงเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
จากนั้นเย่เชียนก็ตบไหล่ของม่อหลงและไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาที่หนักแน่นและห่วงใยก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่างแล้วบางครั้งอารมณ์ระหว่างผู้ชายก็ละเอียดอ่อนกว่าผู้หญิงมาก ลองคิดดูว่าทำไมผู้ชายถึงยังมีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นต่อกันได้และต่อให้พวกเขาจะแยกจากกันตั้งแต่เด็กแต่หลังจากแยกทางกันมานานหลายทศวรรษก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่เสมอ แต่ผู้หญิงกลับกลายเป็นคนไม่คุ้นเคยกันและถึงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่เด็กก็ตาม
ในขณะนี้จู่ๆเย่เชียนก็ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้จนม่อหลงตกใจและรีบพยุงเย่เชียนเอาไว้และถามอย่างประหม่าว่า “บอส!..เกิดอะไรขึ้น?”
“นี่เป็นผลที่ตามมาของการใช้วิชาลับประตูแปดด่าน..ค่อยๆวางเขาลงบนพื้นและอย่าเพิ่งไปยุ่งกับเขา..ถ้าเราขยับตัวของเขาแม้แต่นิดเดียวในตอนนี้เขาจะเจ็บปวดอย่างเหมือนตายทั้งเป็นเลยล่ะ” หยานคงก็พูดอย่างเร่งรีบ ส่วนจินเหว่ยห่าวก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อเดินไปดูใกล้ไ เพราะในตอนนี้ความแข็งแกร่งอันทรงพลังของเย่เชียนที่ได้รับมาจากวิชาลับประตูแปดด่านนั้นทำให้เขาตกใจอย่างมากและเขาก็ยังสงสัยว่าเขาจะเรียนรู้วิชาลับนี้ได้ด้วยหรือเปล่าเพราะบางทีมันอาจจะเป็นประโยชน์ในการจัดการกับตระกูลจินในอนาคตอย่างมาก อย่างไรก็ตามผลกระทบของการใช้วิชาลับประตูแปดด่านก็ค่อนข้างรุนแรง ดังนั้นหากเขาใช้วิชาลับนี้โดยไม่มีมิตรสหายที่ไว้ใจได้รอบๆตัวล่ะก็ถึงแม้ว่าเขาจะชนะแต่ก็ค่อนข้างเสี่ยงอย่างมากหลังจากใช้เสร็จ
เย่เชียนนั้นสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในร่างกายของเขาอย่างชัดเจนราวกับมดนับหมื่นตัวที่กัดกินหัวใจของเขา เหมือนเส้นลมปราณในร่างกายของเขาถูกหนามทิ่มแทงอย่างดุเดือดจนเขาก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่มหาศาลอย่างมากและยิ่งเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งรุนแรงกว่าเดิม ที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนได้ยินเสียงเหมือนลูกเปลือกลูกวอลนัทแตกอย่างชัดเจน
ในตอนนี้เย่เชียนกัดฟันแน่นและไม่พูดอะไร “ฮ่าฮ่า..นั่นคือการลงโทษ..มันคือการแก้แค้นของพระเจ้า!” หยานซื่อฉุยหัวเราะเสียงดังในตอนนี้และเธอดูเหมือนจะบ้าไปแล้ว “เย่เชียนแกฆ่าอาจารย์ของฉันเพราะงั้นฉันจะฆ่าแกซะ!” ทันทีที่คำพูดจบลงหยานซื่อฉุยก็รีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยความโกรธเกรี้ยวและความสิ้นหวัง
เมื่อเห็นแบบนั้นจินเหว่ยห่าวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆแล้วต่อยหยานซื่อฉุยอย่างแรง ในกรณีที่คนเสียสติอยุ่นั้นถึงแม้ว่าเขาจะมีพละกำลังมากกว่าเดิมหลายเท่าก็ตามแต่บางครั้งมันก็ทำให้ความสามารถที่แท้จริงอ่อนแอลง ซึ่งความแข็งแกร่งและพละกำลังที่มาจากความบ้าคลั่งนั้นไม่สามารถใช้ต่อสู้จริงได้เลย
.
.
.
.