ตอนที่ 1041 มาถึงประเทศสหรัฐอเมริกา
……….
เดอะมัวร์กรุ๊ปนั้นมีการประชุมใหญ่ในทุกๆปีและในฐานะประธานเดอะมัวร์กรุ๊ปประจำภูมิภาคเอเชียแล้วจ้าวหยาก็ต้องเข้าร่วมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าร่วม คราวนี้สถานที่ได้รับเลือกการประชุมคือมหานครนิวยอร์กในประเทศสหรัฐอเมริกาและจ้าวหยาก็ไม่ได้คาดหวังว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนั้น ซึ่งจ้าวหยาก็รู้สึกขมขื่นที่ต้องเผชิญกับบุตรชายของขุนนางโดยไม่มีเหตุผล
จ้าวหยานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นในบ้านสุดหรูแห่งหนึ่งและคิ้วของจ้าวหยาก็ขมวดเข้าหากันและในมือของเธอก็ถือกาแฟถ้วยหนึ่งอยู่และดูกังวล ความสวยงามแบบฝรั่งแตกต่างไปจากความงามแบบจีนมาก เธอไม่อ่อนโยนเหมือนหลินโรวโร่วและไม่สวยงามเหมือนหูวเค่อหรือสง่างามเหมือนฉินหยูแต่ก็ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ว่าจ้าวหยานั้นงดงามแบบสาวสวยตะวันออก
ในฐานะที่เป็นสาวชาวตะวันออกเธอควรจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากต่างแดนแต่จ้าวหยาไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย ซึ่งใบหน้าที่สวยคมของเธอไม่มีความดุร้ายแบบในอดีตอีกต่อไป เธอดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและเมื่อแต่งหน้าแล้วเธอดูสวยเป็นพิเศษ
ในการประชุมประจำปีของเดอะมัวร์กรุ๊ปนั้นจ้าวหยาได้พบกับบุตรชั้นขุนนางซึ่งอาจเรียกได้ว่าเขาเป็นเหมือนโรคจิตที่คอยสะกดรอยตามเธอจนทำให้จ้าวหยากลัว ซึ่งจ้าวหยาก็เสียใจอย่างมากเพราะท้ายที่สุดแล้วที่นี่ไม่ใช่ภาคตะวันออกกลางหรือจีน และไม่ว่าเย่เชียนจะแข็งแกร่งแค่ไหนเขาก็เป็นเพียงมังกรพลัดถิ่นเท่านั้นซึ่งอันตรายและเสี่ยงมาก นอกจากนี้จ้าวหยาก็ไม่รู้เรื่องของเย่เชียนอีกด้วย เรื่องไฟล์ข้อมูลของเย่เชียนจำนวนมากใน CIA ของประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นถ้าหากเธอรู้เธอคงจะไม่โทรหาเย่เชียนให้เขามาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อเสี่ยงได้อย่างไร?
“เย่เชียน..ฉัน..ฉันไม่รู้จริงๆว่าต้องทำยังไง” จ้าวหยาร้องไห้ออกมาและไม่ว่าเธอจะแข็งแกร่งแค่ไหนเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง และคนๆหนึ่งต้องการไหล่ของผู้ชายที่แข็งแกร่ง ผู้หญิงคนเดียวที่อาศัยอยู่ในต่างแดนเธอจะทำอย่างไรกับสถานการณ์เหล่านี้?
วันรุ่งขึ้นเย่เชียนและจินเหว่ยห่าวก็ได้ขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาและหลังจากการเดินทางอันยาวนานเย่เชียนก็ขมวดคิ้วแน่นและเขาก็เงียบไป ซึ่งเขาดูนิตยสารเป็นครั้งคราวหรือมองดูก้อนเมฆนอกหน้าต่าง ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของเที่ยวบินระหว่างประเทศนั้นดีกว่าพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินของเที่ยวบินภูมิภาคภายในประเทศมาก ทั้งรูปลักษณ์และอารมณ์ของพวกเธอจะโดดเด่นมาก ซึ่งด้วยเงินเดือนประจำปี 300,000 ถึง 400,000 หยวนก็เหมาะสมกับพวกเธอแล้ว
แอร์โฮสเตสอาจเป็นเป้าหมายของใครหลายๆคนแต่สุดท้ายก็ต้องใส่เครื่องแบบอยู่ดี บางทีก็สุภาพและบริสุทธิ์มากๆแต่พอพวกเธอถอดเครื่องแบบออกไปเที่ยวกลางคืนพวกเธอจะเร่าร้อนอย่างมากยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพียงการจงใจในการปลอมตัวของพวกเธอ
ในบริษัทบันเทิงเหล่านั้นอยู่ภายใต้การดูแลจัดการของหวังหูและมีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็ทำงานที่เหล่านั้นในตอนกลางคืน ถึงแม้ว่าราคาจะสูงแต่สุดท้ายก็เป็นแค่เศษเงินสำหรับหลายๆคน แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เพื่อความอยู่รอดจริงๆ แน่นอนว่าคนเราไม่จำเป็นต้องรักษาศีลธรรมเหล่านั้นและในความเห็นของเย่เชียนคนเหล่านี้น่ายกย่องด้วยซ้ำ พวกเธอกล้าพูดว่าพวกเธอใช้ร่างกายทำเงินและไม่เหมือนเหล่าลูกหลานครอบครัวที่ร่ำรวยที่เอาแต่แบมือขอเงินพ่อแม่
เพราะเป็นอย่างนั้นทำไมพวกเขาไม่เลือกคนจนเป็นคู่รักล่ะ เมื่อพูดถึงเงินจำนวน 10,000 ถึง 100,000 แล้วจุดประสงค์ของพวกเขาก็มีเอาไว้เพื่อเงินเท่านั้น จากการสำรวจที่ไม่สมบูรณ์แบบจำนวนเด็กแรกเกิดในประเทศจีนก็เพิ่มขึ้นอย่างมากภายใต้อัตราส่วนของชายและหญิงไม่เท่ากันทำให้มีผู้ชายจำนวนมากในประเทศจีนที่อยู่เป็นโสด แต่คนรวยก็สามารถมีภรรยาสามคนและเมียน้อยสีคนได้อย่างง่ายดาย ส่วนคนที่ไม่มีเงินก็ต้องช่วยตัวเองต่อไป
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น เมื่อผู้หญิงแก่ตัวลงพวกเธอก็อาจจะคิดได้และหาผู้ชายที่จะแต่งงานด้วย นี่เป็นทางออกสุดท้ายสำหรับผู้หญิงหลายๆคนและแม้แต่หญิงสาวเองเพราะท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงก็ยังต้องการผู้ชายไม่ว่าเธอจะเป็นอะไรและพูดจาฉะฉานแค่ไหน
แอร์โฮสเตสโดยเฉพาะแอร์โฮสเตสระหว่างประเทศมักจะมีสายตาที่ดีเพราะเมื่อเย่เชียนดูนิตยสารอย่างสบายๆเขาก็ขอให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนำไวน์แดงมาให้เขาหนึ่งแก้ว ซึ่งเย่เชียนก็แสดงให้เห็นว่าเขาดีแค่ไหนแต่ทัศนคติที่สงบของเย่เชียนจากการจิบไวน์แดงและดวงตาที่ลึกล้ำของเขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่น่าดึงดูดใจจนพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแอบรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาและเดิมทีเธอต้องการเริ่มการสนทนากับเขาแต่เมื่อเธอกำลังจะเปิดปากของเธอจู่ๆเธอก็กลืนมันลงไปอีกครั้งเพราะบรรยากาศที่น่ากลัวรอบๆตัวของเย่เชียนทำให้เธอกลืนคำพูดของเธอลงไปทันที
จินเหว่ยห่าวก็เคยชินกับสถานการณ์นี้แล้วเพราะเขาเคยขึ้นเที่ยวบินระหว่างประเทศแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง เขาเคยเห็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจากหลายๆประเทศและพวกเธอก็เหมือนๆกันแต่พวกเธอไม่ได้มองหาแค่รูปลักษณ์แต่เป็นความมั่งคั่งของผู้มาใช้บริการ ดังนั้นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจึงมีสายตาที่ดีและสามารถค้นหาได้อย่างรวดเร็วว่าใครมีเสน่ห์มากกว่าผู้ชายในฝูงชนและใครที่มีฐานะร่ำรวย
จินเหว่ยห่าวหันไปมองพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแล้วยิ้มให้จากนั้นก็พูดว่า “เขามีแฟนหลายคนและก็น่ารักกว่าพวกคุณทุกคนด้วย..เพราะงั้นคุณควรล้มเลิกความคิดซะ!”
เย่เชียนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและประหลาดใจกับคำพูดของจินเหว่ยห่าว จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองเธอแล้วเห็นท่าทางที่เขินอายบนใบหน้าของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน “ไปหาพวกเศรษฐีและนักธุรกิจเถอะ” เย่เชียนพูดและนัยน์ตาของเขาก็ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง
แอร์โฮสเตสก็อึ้งไปครู่หนึ่งและเธอก็เข้าใจความหมายของเย่เชียนเป็นอย่างดีแล้วเบือนหน้าหนี อันที่จริงผู้หญิงสมัยนี้มักรู้สึกว่าเงินสามารถให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยได้เพราะพวกเธอรู้สึกว่าความรักไม่น่าเชื่อถือเกินไป แต่พวกเธอก็ไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าทำไมพวกเธอต้องขอให้ผู้ชายรักพวกเธออย่างลึกซึ้ง? เพราะพวกเธอนั้นมั่นใจในตัวเองเพราะฉะนั้นพวกผู้ชายก็ต้องรักเธออย่างสุดซึ้ง
ผู้หญิงสมัยนี้มักจะมองที่เงินและความมั่งคั่งในปัจจุบันและคิดว่าสิ่งที่มีศักยภาพในปากของผู้ชายเป็นเพียงข้ออ้างที่จะหลอกตัวเอง แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงเหล่านี้ในท้ายที่สุด? เห็นได้จากดาราสาวที่แต่งงานกับผู้ชายที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและ แน่นอนว่ายังมีผู้หญิงบางคนที่เลือกรักแท้ในโลกใบนี้แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
แน่นอนว่าน้อยนักที่สมัยนี้จะมีผู้หญิงที่ขอผู้ชายแต่งงาน ซึ่งเย่เชียนก็เชื่อว่ารายการออกเดทที่จีนนั้นน่าปวดหัวมาก การที่ผู้หญิงมาออกรายการบันเทิงเพื่อหาสามีนั้นเป็นเรื่องที่น่าแปลกแต่ในสังคมปัจจุบันผู้ชายก็ถูกกดดันอย่างมาก เพราะพวกเขาต้องเข้าสังคมอย่างสง่าผ่าเผยแต่กลับไปรับใช้ภรรยาที่บ้านราวกับทาส เวลาโกรธข้างนอกก็ต้องอดทนฟังภรรยาบ่นและเมื่อกลับบ้านก็ห้ามคัดค้านไม่อย่างนั้นจะถือว่าคุณจะกลายเป็นคนที่ไม่เคารพภรรยา อันที่จริงภรรยาที่อ่อนโยนและปลอบโยนสามีนั้นหายากมาก
สนามบินนานาชาติเจเอฟเคเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในสามสนามบินหลักในนิวยอร์กและยังเป็นสนามบินนานาชาติที่สำคัญที่สุดอีกด้วย ซึ่งจ้าวหยามารอที่นี่แต่เช้าด้วยท่าทางเคร่งขรึมเป็นพิเศษและเมื่อเห็นเครื่องบินลงจอดอย่างปลอดภัยบนรันเวย์ของสนามบินหัวใจของจ้าวหยาก็สงบลง
ไม่นานหลังจากนั้นเย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวก็ปรากฏตัวขึ้นในเทอร์มินอลที่มีผู้คนพลุกพล่านและจ้าวหยาก็ยิ้มอย่างสดใสและมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว การอยู่ห่างจากคนรักเป็นอะไรที่ทรมานมากและไม่ว่าจะเป็นจ้าวหยาหรือฉินหยูและผู้หญิงคนอื่นๆก็เช่นกัน อันที่จริงแล้วพวกเธอทั้งหมดคิดถึงเย่เชียนอย่างสุดซึ้งและเย่เชียนก็คิดถึงพวกเธอเช่นกัน แต่ตอนนี้ทุกคนต้องต่อสู้เพื่อความมั่นคงและอนาคตภายภาคหน้า
เมื่อจ้าวหยาเห็นเย่เชียนปรากฏต่อหน้าต่อตาเธอจ้าวหยาก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเธอได้อีกต่อไป เมื่อเธออยู่ในไต้หวันเธอได้พบกับเย่เชียนแต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนตอนนี้เพราะตอนนี้เธอควบคุมมันไม่ได้เลยซึ่งแสดงว่าตอนนี้เธอโดดเดี่ยวและเหงาอย่างมาก
เย่เชียนก็ยิ้มและลูบจมูกจ้าวหยาเบาๆสองสามครั้งด้วยรอยยิ้มที่มุมปากของเขาเพราะเขายอมรับความรักของจ้าวหยาแล้ว เขาควรปล่อยวางอย่างกล้าหาญเพื่อรักนี้และหญิงสาวคนนี้ก็สมควรได้รับความรักจากเขา เมื่อนึกถึงสิ่งที่จ้าวหยาได้ทำเพื่อตัวเองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเย่เชียนก็รู้สึกว่าเขาควรจะรักเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ดวงตาของจินเหว่ยห่าวก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความเศร้าออกมาและคิดว่าตอนนั้นเขาเคยมีความสุขแบบนี้ แต่ตอนนี้ความสุขเหล่านั้นทิ้งเขาให้ห่างไกลและหาไม่เจออีกต่อไปแล้วและทุกๆคืนก็เงียบงันและฝันร้ายของเขาก็หวนกลับมาหลายร้อยครั้ง ใบหน้าที่คล้ายคลึงกันอย่างมากของหญิงสาวทั้งสองนั้นบานสะพรั่งด้วยรอยยิ้มดั่งดอกไม้และมองมาที่เขาจนเขารู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจกำลังจะระเบิดออก ซึ่งถ้าหากมีโอกาสเขาเลือกเฝ้ามองพวกเธออย่างเงียบๆ เพราะบางทีพวกเธออาจจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้? และอย่างน้อยๆพวกเธอก็จะยังมีชีวิตอยู่
เมื่อเห็นแบบนั้นจินเหว่ยห่าวก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความเจ็บปวดในหัวใจของเขาและบังคับให้ตัวเองยิ้มออกมา
“หยาเอ๋อร์..เธอรอฉันมานานแค่ไหนแล้ว?” เย่เชียนถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่นานหรอก..ฉันรู้ว่าเธอจะมาเมื่อคืนนี้และฉันก็นอนไม่หลับทั้งคืนเลย..ฉันก็เลยมาที่นี่ตั้งแต่เช้า” จ้าวหยาพูดเบาๆและคำพูดของเธอก็เต็มไปด้วยความรักและหัวใจของเย่เชียนก็มีความสุขอย่างมาก จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงจูบเธอเพราะเย่เชียนรู้สึกว่าเธอควรเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกเพราะเธอทำสิ่งต่างๆเพื่อเขาอย่างเงียบๆดังนั้นมันคุ้มค่าแล้วที่จะรักเธอ
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดามากในต่างประเทศและแม้แต่ในจีนตอนนี้ก็ธรรมดาเช่นกัน เมื่อผ่านไปสักพักเย่เชียนก็ปล่อยจ้าวหยาแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและดวงตาของเขาก็ปริ่มไปด้วยน้ำตาแล้วถามเธอเบาๆว่า “เป็นยังไงบ้าง..ดีขึ้นหรือยัง?”
.
.
.
.
.
.