ตอนที่ 1021 หักเหลี่ยมเฉือนคม
……….
สิ่งเหล่านี้ไม่น่าเชื่อถือทุกยุคทุกสมัยแล้วนับประสาอะไรกับความคิดของหวังหว่านยู่? ในสายตาของเขามีแต่พลังและอำนาจที่สัมบูรณ์เสมอแต่สิ่งที่เรียกว่าความจริงใจและความซื่อสัตย์นั้นไร้ค่าเสมอ ในสังคมปัจจุบันหลายๆคนมักจะสวมหน้ากากเข้าหากันและเสแสร้งใส่กัน
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังฉิงเซิงแล้วหวังหว่านยู่ก็เย้ยหยันทันทีเพราะถ้าใครสาบานแบบนั้นแล้วถ้าหากมันเป็นแบบนั้นได้จริงๆก็ไม่รู้เลยว่าจะมีกี่คนในโลกนี้ที่ถูกรถชนตาย
จากนั้นหวังหว่านยู่ก็พูดว่า “ฉิงเซิงฉันจำได้ว่าฉันบอกแกไปมากกว่าหนึ่งครั้งแล้วนะว่าอย่าลับหลังฉัน..ดูเหมือนแกจะลืมไปแล้วสินะ..ในสายตาของแกฉันดูโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?..แกคิดว่าแกจะหลอกฉันได้ด้วยคำพูดเหล่านี้เนี่ยนะ?”
หวังฉิงเซิงก็ถึงกับตกใจเพราะเห็นได้ชัดว่าหวังหว่านยู่ต้องการกำจัดเขาในวันนี้ ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้หวังฉิงเซิงก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังในการพูดให้มาก “หัวหน้าหมายถึงอะไรครับช่วยอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้หน่อยสิครับ”
“แกต้องการให้ฉันพูดให้ชัดเจนกว่านี้งั้นเหรอ?” หวังหว่านยู่พูดอย่างเย้ยหยันแล้วหยิบปากกาออกมาจากลิ้นชักแล้วกดปุ่ม ซึ่งนั่นเป็นปากกาบันทึกเสียงที่มีเสียงการสนทนาระหว่างหวังฉิงเซิงกับโอ่วหยางหมิงซวน เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังฉิงเซิงก็ถึงกับตัวสั่นและยิ่งไปกว่านั้นหวังหว่านยู่ยังกล้าที่จะแอบดักฟังโอ่วหยาวหมิงซวนซึ่งเห็นได้ชัดว่าหวังหว่านยู่ต้องการที่จะกำจัดเขาอย่างจริงจัง
จากนั้นหวังหว่านยู่ก็ปิดเครื่องบันทึกแล้วพูดว่า “ฉันอยากจะให้โอกาสแกแต่แกปฏิเสธที่จะรับมันเพราะงั้นแกควรจะรู้นะว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง”
“หัวหน้าก็น่าจะรู้ว่าตระกูลโอ่วหยางควบคุมพวกเราอยู่และเท่าที่ผมรู้คุณเองก็ไม่ค่อยพอใจตระกูลโอ่วหยางนักและถ้าเป็นแบบนั้นผมมีทางเลือกอื่นที่ไหน?” หวังฉิงเซิงพูด “ว่าแต่การที่หัวหน้าติดตั้งเครื่องดักฟังเอาไว้ในรถของนายน้อยโอ่วหยางแบบนั้นถ้าหากนายน้อยโอ่วหยางรู้เรื่องนี้ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังหว่านยู่ก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยและพูดว่า “ฉิงเซิงแกนี่มันบ้าจริงๆ..แกคิดว่าแกจะสามารถทำงานให้โอ่วหยางหมิงซวนและโบยบินเหมือนกับนกได้อย่างงั้นเหรอ?..ฉันจะเตือนแกให้นะว่าความฝันของแกมันก็เป็นเพียงความคิดที่ไร้สาระเพราะสุดท้ายแกก็จะถูกคนอื่นเหยียบย่ำอยู่ดี..ยิ่งไปกว่านั้นโอ่วหยางหมิงซวนจะไม่มีวันรู้เรื่องนี้และตระกูลโอ่วหยางก็จะไม่มีวันรู้ด้วย”
หวังฉิงเซิงก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทาและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “หัวหน้า…หัวหน้าฆ่านายน้อยโอ่วหยางเหรอ?”
หวังหว่านยู่ก็หัวเราะอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า “ตระกูลโอ่วหยางดูถูกโดยการให้โอ่วหยางหมิงซวนมาหาฉันและตักเตือนฉัน..ฉันไม่ใช่สุนัขรับใช้ของตระกูลโอ่วหยางที่จะสั่งให้ฉันทำทุกอย่างที่เขาต้องการให้ทำ..ถึงแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของโอ่วหยางหมิงซวนจะเก่งก็เถอะแต่มันจะสู้กระสุนได้อย่างงั้นเหรอ?”
“หัวหน้าไม่กลัวว่าตระกูลโอ่วหยางจะรู้เรื่องนี้เหรอ..คุณก็น่าจะรู้นะว่าอิทธิพลและอำนาจของตระกูลโอ่วหยางนั้นไม่ธรรมดาเพราะงั้นถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?” หวังฉิงเซิงพูด
“คนในตระกูลโอ่วหยางจะไม่มีวันรู้เพราะทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารครั้งนี้ตายไปหมดแล้วยกเว้นฉัน!” หวังหว่านยู่พูดด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ “ทุกๆคนจะรู้แค่ว่าแกไปส่งโอ่วหยางหมิงซวนที่บ้านและในเวลานั้นพวกแกก็มีปากเสียงกันจนทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงและท้ายที่สุดโอ่วหยางหมิงซวนก็ถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ”
“มันโหดร้ายมาก!..คุณต้องการให้ผมเป็นแพะรับบาปงั้นเหรอ” หวังฉิงเซิงก็รู้สึกหนาวเหน็บในใจเพราะหวังหว่านยู่ผู้ถูกขนานนามว่าราชาแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือนั้นโหดเหี้ยมจริงๆ ถ้าหากเขาไม่ระวังล่ะก็เขาจะต้องถูกหวังหว่านยู่ฆ่าอย่างแน่นอน
“แกรับใช้ฉันมานานเพราะงั้นแกก็น่าจะรู้ว่าฉันเป็นใคร..ครั้งนี้แกเสียสละเพื่อฉันเพราะงั้นฉันจะช่วยดูแลลูกชายง่อยๆของแกอย่างดีเอง” หวังหว่านยู่พูดและตบโต๊ะทันใดนั้นลูกน้องของหวังหว่านก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับปืนครบมือแล้วจ่อเข้าไปที่หัวของหวัง ฉิงเซิง ซึ่งตราบใดที่หวังหว่านยู่ออกคำสั่งก็รับรองได้เลยว่าหัวของหวังฉิงเซิงจะระเบิดเหมือนแตงโมอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นแบบนั้นหวังฉิงเซิงก็เหลือบมองไปที่หวังหว่านยู่แต่ใบหน้าของเขาไม่มีความกังวลใดๆและดูสงบอย่างมาก จากนั้นเขาก็พูดว่า “หวังหว่านยู่สิ่งที่คุณทำมันมากเกินไปแล้วเพราะผมรับใช้คุณมานานหลายปีแต่คุณกลับจะเขี่ยผมทิ้งเหมือนหมา”
“แกโทษใครไม่ได้หรอกเพราะแกทำให้ฉันผิดหวังในตัวแกมาก..แกกล้าที่จะหักหลังฉันเพราะงั้นแกก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ได้” หวังหว่านยู่พูดต่อ “ถ้าฉันยังเลี้ยงแกเอาไว้สักวันแกก็จะมาแว้งกันฉันและฉันคงไม่โง่พอที่จะทำแบบนั้นหรอกนะ”
“คุณคิดว่าถ้าคุณฆ่าผมไปแล้วทุกอย่างจะดีอย่างงั้นเหรอ..คุณสามารถซ่อนเรื่องที่คุณฆ่าโอ่วหยาวหมิงซวนจากตระกูลโอ่วหยางได้จริงๆงั้นเหรอ?..คุณประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า” หวังฉิงเซิงพูด “แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้คุณสร้างศัตรูเอาไว้มากแค่ไหน?..เพราะแค่เย่เชียนเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบ”
“เย่เชียน?..ฮ่าฮ่า” เมื่อได้ยินหวังฉิงเซิงพูดถึงเย่เชียนแล้วหวังหว่านยู่ก็หัวเราะอย่างเย่อหยิ่งและพูดว่า “ฉิงเซิงแกนั่นแหละที่ประเมินตัวเองสูงเกินไป..แกคิดว่าเย่เชียนไม่รู้เหรอว่าแม่ม่านดำจือเหวินไม่ได้อยู่กับฉัน?..แกรู้หรือเปล่าว่าวันนั้นเย่เชียนกระซิบข้างๆหูของฉันว่าอะไร?”
“พูดว่าอะไร?” หวังฉิงเซิงประหลาดใจเล็กน้อยแล้วถาม
“เขาบอกให้ฉันระวังคนรอบข้างเอาไว้ให้ดี” หวังหว่านยู่พูด “ฉันคิดว่าแกน่าจะเข้าใจความหมายของประโยคนี้ดี..แกคิดว่าแกจะรอดไปได้งั้นเหรอต่อให้ฉันไม่ฆ่าแก?..แกประเมินตัวเองสูงเกินไป”
หวังฉิงเซิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพราะเขาไม่คิดว่าเย่เชียนจะรู้เกี่ยวกับแผนการที่เขาคิดว่าไม่มีใครสามารถรู้ได้ เมื่อคิดแบบนั้นเขาก็แอบสงสัยว่าไหวพริบและการไตร่ตรองสิ่งต่างๆของเย่เชียนนั้นแข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน? เย่เชียนสามารถมองเห็นคำพูดและทุกการกระทำของเขาได้อย่างง่ายดาย เพราะเมื่อตอนที่เย่เชียนสนทนากับหวังหว่านยู่ในเวลานั้นเขาสังเกตสิ่งต่างๆทั้งการแสดงออกสีหน้าของทุกคนดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้ว่าสิ่งต่างๆไม่เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ
หลังจากฟังคำพูดของหวังหว่านยู่แล้วหวังฉิงเซิงก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ‘เย่เชียนนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ..แต่ถึงยังไงฉันจะไม่มีวันปล่อยแกไปเพราะแกทำร้ายลูกชายของฉัน!..ถ้าฉันล้างแค้นแกไม่ได้ล่ะก็ฉันคงไม่ใช่เป็นมนุษย์อีกต่อไป”
อะไรจะพูดอีกมั้ย?..ถ้าไม่มีก็ตายไปซะ” หวังหว่านยู่พูดและโบกมือ อย่างไรก็ตามภาพตรงหน้าทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากเพราะลูกน้องของเขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาและยิ่งไปกว่านั้นทุกคนกลับหันปืนมาเล็งที่หัวของเขาแทนจนหวังหว่านยู่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงครู่หนึ่งและขมวดคิ้วพร้อมกับถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง
“ดูเหมือนว่าคุณจะประเมินตัวเองสูงเกินไปจริงๆนะหัวหน้า” หวังฉิงเซิงพูดอย่างภาคภูมิใจ “คุณคิดว่าคุณมีทุกอย่างในมือจริงๆงั้นเหรอ?..คุณคิดว่าคุณจะชนะศึกครั้งนี้ได้จริงๆหรือเปล่า?..สิ่งที่คุณคิดผิดอย่างมหันต์เลยก็คือการที่คุณคิดว่าคุณสามารถกำจัดผมได้!”
“มันให้อะไรกับพวกแกกัน?” หวังหว่านยู่หันไปมองเหล่าลูกน้องและถามอย่างตรงไปตรงมา
“ผมเลือกที่จะทำแบบนี้เองเพราะเขาทำให้พวกเราเห็นคุณค่าในตัวเองและนั่นเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถให้พวกเราได้..คุณไม่เคยเห็นพวกเราเป็นมนุษย์เพราะทุกๆครั้งที่พวกเราทำให้ถูกใจคุณล่ะก็คุณจะตบตีและทำร้ายพวกเราอย่างโหดเหี้ยม..ความจริงก็คือมีคนมากมายที่ไม่พอใจคุณแต่ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองถามได้เลยว่ามีใครเต็มใจรับใช้คุณต่อหรือเปล่า?”
หวังหว่านยู่ก็แสดงท่าทางที่ดูสงบมากและหัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยามจากนั้นก็หันไปมองหวังฉิงเซิงแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าแกต้องการที่จะหักหลังจริงๆสินะ?”
“แน่นอน..แต่ไม่ได้อยากจะทำมันเลยแต่คุณบังคับให้ผมทำเพราะงั้นก็อย่ามาโทษที่ผมหยาบคายก็แล้วกัน” หวังฉิงเซิงพูด “ตราบใดที่ผมฆ่าคุณได้ล่ะก็ทรัพย์สินและอุตสาหกรรมทั้งหมดของคุณจะตกเป็นของผมและผมก็จะได้ขึ้นเป็นราชาคนต่อไปของภาคตะวันตกเฉียงเหนือ..แน่นอนว่าผมจะรายงานเรื่องที่คุณฆ่าโอ่วหยางหมิงซวนให้กับตระกูลโอ่วหยางและหลังจากนั้นพวกเขาจะทำลายแม้แต่หลุมศพของคุณเพื่อระบายความโกรธของพวกเขา..หึหึ..ผมคิดว่าศพของคุณคงจะไม่สวยนักหรอกนะ”
หวังหว่านยู่ก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ฉิงเซิง!..แกคิดว่าจะชนะจริงๆงั้นเหรอ?..แกคิดว่าฉันไม่ได้เตรียมการอะไรเอาไว้เลยเหรอ?”
“ผมรู้ว่าคุณเตรียมพร้อมเอาไว้แล้วแต่มันก็สายเกินไป..ตราบใดที่คุณตายล่ะก็ต่อให้คุณจะมีลูกน้องที่ซื่อสัตย์กับคุณมันก็ไร้ประโยชน์และไม่มีใครยอมตายเพราะเงินหรอกใช่มั้ย?” หวังฉิงเซิงพูด
“หึหึ!” หวังหว่านยู่หัวเราะเยาะเย้ย
“ลงมือได้” หวังฉิงเซิงโบกมือและสั่ง
“ปัง..ปัง..ปัง!” เสียงปืนดังขึ้นสามนัดแต่ลวงตาของหวังฉิงเซิงก็เบิกกว้างแล้วก้มมองดูรูกระสุนบนร่างกายของเขาและเขาก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆและใบหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “แก…แก… “หวังฉิงเซิงชี้ไปที่หวังหว่านยู่และร่างกายของเขาก็ค่อยๆล้มลงเพราะเขาไม่คิดว่าลูกน้องเหล่านั้นจะยิงเขาและทรยศหักหลังเขาแบบนี้
จากนั้นหวังหว่านยู่ก็ยืนขึ้นด้วยการเยาะเย้ยและมองดูร่างอันไร้วิญญาณของหวังฉิงเซิงด้วยความรังเกียจและถุยน้ำลายใส่แล้วพูดว่า “แกนี่มันโง่จริงๆที่คิดว่าจะซื้อคนของฉันได้”
จู่ๆเสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ปัง” และหวังหว่านยู่ก็มองไปที่ลูกน้องที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า “แก…แก…” จากนั้นร่างของเขาก็ล้มลงอย่างช้าๆ
.
.
.
.