ไป๋ซู่ (2)
ไป๋ซู่กลายเป็นเด็กชายอายุราวห้าหกปี ผิวพรรณเรียบเนียนทำให้เด็กชายดูน่าทะนุถนอมแต่ดวงตากลมโตของเขาส่องประกายชั่วร้าย และรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าอวบก็แสดงความน่าสะพรึงกลัวด้วยกลิ่นอายสังหาร
“ข้าบาดเจ็บเพราะอวิ๋นเซียวจนเสียพลังทั้งหมดไป ดังนั้นข้าจึงจะเป็นต้องเปลี่ยนร่างเป็นเด็กเพื่อฟื้นฟูพลังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้แต่ตอนนี้เอง…ข้าก็ยังเก็บพลังไว้ได้มากที่สุดแค่ครึ่งชั่วโมง”
หลังจากผ่านครึ่งชั่วโมงเขาก็จะกลายเป็นเด็กอีกครั้ง
“นายท่าน อีกไม่นานบาดแผลของท่านจะต้องหายแน่นอนเจ้าค่ะ” สตรีงดงามเดินมาหาไป๋ซู่ ดวงตานางฉายแววเทิดทูนเขา
นางยินดีเสียสละชีวิตนางเพื่อชายคนนี้
นางยินดียกทุกอย่างให้เขา
“ไปกันเถอะ”
เมื่อได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว ไป๋ซู่ก็เดินออกจากห้องโถงแล้วหายไปโดยไม่หันกลับมามอง…
ความเงียบในเมืองลั่วฮวาถูกทำลายโดยเสียงเอะอะจากคนตระกูลหู หูโย่วอู่นำยอดฝีมือทั้งหมดในตระกูลหูเข้าโจมตีพื้นที่เสื่อมโทรมจนดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมาอย่างมาก ทันทีที่เข้าถึงหน้าบ้านหูเหวินอู่ เขาก็เตะประตูให้เปิดออกดังปัง
“หูเหวินอู่ โผล่หัวออกมา!” หูโย่วอู่ตะโกนเสียงดังด้วยท่าทีเดือดดาล เขามีกลุ่มผู้เฒ่าตามหลังที่ดูออกว่าเป็นผู้อาวุโสในตระกูลหู
เมื่อเห็นหูเหวินอู่เดินออกจากประตูมาด้วยไม้เท้า หูโย่วอู่ก็หัวเราะเยาะ “หูเหวินอู่ถูกตระกูลหูละทิ้งแล้ว เช่นนั้นจึงไม่มีสิทธิ์ฝึกวิชาแพทย์อีก แต่เจ้ากลับทำผิดกฎ! ในเมื่อตอนนี้ผู้อาวุโสของตระกูลมาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็จะทวงคืนความถูกต้อง!”
เมื่อได้ยินคำพูดเขา หูหลีก็โมโห นัยน์ตาลุกโชนไปด้วยความโกรธเคือง “หูโย่วอู่ ท่านพ่อข้าถูกละทิ้งจากตระกูลหูตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาถูกคนจิตใจคับแคบอย่างเจ้าไล่ออกมาต่างหาก อีกอย่าง ตระกูลหูไม่เคยห้ามให้ท่านพ่อช่วยชีวิตคน!”
“ข้าเป็นผู้นำตระกูลหู ในเมื่อข้าบอกว่ามันเป็นกฎ มันก็คือกฎ! บิดาเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกวิชาแพทย์ต่อตั้งแต่เขาออกจากตระกูล แต่ตอนนี้เขาแหกกฎ ซึ่งก็แน่นอนว่าข้ามีสิทธิ์ประหารเขา!”
หูหลีกำหมัดจนเส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบๆ ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารและกลิ่นอายรอบตัวเขาก็รุนแรงมากขึ้น
“หูโย่วอู่ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งประหารท่านพ่อข้า” หูหลินยก้าวออกมาแล้วถามอย่างโมโห
หูโย่วอู่พูดอย่างเย็นชา “ไม่ใช่แค่บิดาเจ้า แต่เจ้าและน้องชายเจ้าก็ต้องตายด้วยกันวันนี้ มาเอาตัวพวกมันไป!”
สีหน้าของหูหลินเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบร้องออกมา “น้องชายข้าเป็นศิษย์ระดับสวรรค์ของสำนักศึกษาเมืองประจิม!”
ผู้อาวุโสของตระกูลหูไม่ได้อ่อนแอ ถึงแม้น้องชายเขาจะมีพรสวรรค์ แต่เขาจะสู้กับผู้อาวุโสหลายคนพร้อมกันได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงพยายามขู่พวกเขาด้วยชื่อของสำนักศึกษาเมืองประจิม
“ศิษย์ระดับสวรรค์งั้นหรือ” ผู้อาวุโสตระกูลหูเยาะเย้ยอย่างดูแคลน “ถ้าเจ้าพูดจริงก็หมายความว่าการเป็นศิษย์ระดับสวรรค์นั่นไม่ใช่เรื่องยากน่ะสิ หากเขามีความสามารถจริงๆ บิดาเขาก็ควรจะป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้กันทั่วแล้ว จะต้องมาทนโดนย่ำยีรังแกไปไยกัน หูหลิน เจ้าคิดว่าพวกเราโง่งั้นหรือ ไม่มีใครเชื่อเรื่องไร้สาระของเจ้าหรอก!”
หูหลินหน้าแดงด้วยความโกรธ เขาจ้องหน้าทุกคนที่ล้อมพวกเขาอยู่
“หูหลี”
ตอนนั้นเองก็มีเสียงร้ายกาจดังขึ้นมาจากด้านหลัง
หูหลีหันไปก็เจอเด็กสาวคนหนึ่งกำลังเอามือกอดอกแล้วยืนพิงกรอบประตูอย่างเกียจคร้าน นางส่งยิ้มมาให้หูหลี
“ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกข้า”