ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 799 ควบคุมไม่ได้

ตอนที่ 799 ควบคุมไม่ได้

ตอนที่ 799 ควบคุมไม่ได้

ตามแนวทอดตัวของภูเขา ด้านหนึ่งหิมะกำลังละลาย ดอกไม้บนภูเขากำลังเบ่งบาน ส่วนอีกด้านหนึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง ลมหนาวกระโชกแรง

กองทัพกลับมาจากการบุกป่าฝ่าดง เขาเดินนำอยู่ด้านหน้าสุด ด้านหลังเขามีทหารที่เหนื่อยล้า ทั้งค่ายมีทหารบาดเจ็บเต็มไปหมด แต่นอกจากสีหน้าเหนื่อยล้าของทุกคนแล้วต่างก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่!

การรบรอบนี้เพิ่งยุติลง สถานการณ์การรบไม่สู้ดีนัก เอาชนะไม่ได้ สู้ไม่ไหวจริงๆ

กลุ่มชนเผ่าที่ออกมาจากถิ่นทุรกันดารไม่เพียงแต่นำความป่าเถื่อนมาด้วยเท่านั้น แต่ยังนำพลังที่ได้รับจากความป่าเถื่อนมาด้วย

หลายครั้งแล้ว เผชิญหน้ากันหลายครั้งแล้ว

ฝั่งของตัวเขาเองรบแพ้มากกว่าชนะ แต่ใช่ว่าจะไม่มีข่าวดี อย่างน้อยๆ ครั้งนี้ก็ไม่ได้ถูกตีพ่ายยับเยิน

เขาคือผู้นำทัพที่ขนาบหลังคุ้มกัน สกัดกั้นอยู่ท้ายขบวนสำเร็จ แม้ว่าจะต้องจ่ายด้วยราคาที่สาหัสมากก็ตาม แต่ขณะเดียวกัน ในที่สุดมันก็ทำให้ฝั่งนี้ยุติสงครามได้ชั่วคราวอย่างสมศักดิ์ศรี

แต่อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มหรือถอดใจใดๆ

ประการแรก เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มากนัก สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าคือเขาจะสามารถเพิ่มกำลังรบให้กับกองทัพใต้บังคับบัญชาก่อนการเปิดศึกครั้งหน้าได้มากเพียงใดต่างหาก

ขณะเดียวกัน จริงๆ แล้วเขารู้ดีว่า การปราชัยหลายครั้งก่อนหน้าก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง แต่อันที่จริงไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายมากนัก ตรงกันข้ามกลับทำให้พวกชนเผ่าที่อยากเห็นความหายนะของคนอื่นนั่งก้นไม่ติดแล้ว

จิ่วหลีนับว่าแข็งแกร่งจริง แต่นับตั้งแต่ผู้นำของพวกเขาลงมาล้วนเป็นกลุ่มคนที่ยโสโอหังจนทำให้คนอื่นเหลืออดเหลือทน พอย้อนกลับมามองฝั่งของตัวเอง เหอะๆ คนผู้นั้นพ่ายแพ้ติดต่อกันหลายครั้งถือว่าพ่ายแพ้ แต่หลังจากการพ่ายแพ้ทุกครั้ง ในการรบครั้งต่อไปกลับกลายเป็นว่ากองทัพและพลังของฝั่งนี้แข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าครั้งก่อนอีก

บางอย่างเขาก็ไม่อยากพูด คร้านจะเปิดเผยออกมาเช่นกัน เคยมีอยู่สองครั้งก่อนหน้านี้ที่เห็นเป็นประจักษ์ว่าไม่ควรแพ้ หรือจะพูดว่าไม่ควรพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชขนาดนี้ก็ได้ แต่กลับพ่ายแพ้และพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ส่งผลให้เผ่าที่ไม่ลงรอยกับคนผู้นั้นถูกจิ่วหลีกำจัดไป

เฮ้อ

เขาโบกมือให้ทหารหยุดพักผ่อน และหาจุดที่มีหญ้าลงนั่ง

เขาเคยเจอผู้นำของฝ่ายจิ่วหลีมาก่อน เป็นคนที่ทรงพลังมาก เพียงแต่ไม่เคยมีโอกาสได้ประมือกับอีกฝ่ายอย่างดุเดือดจริงๆ มาก่อน แต่เขากลับรู้สึกว่า ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ผู้นั้นไม่สามารถเอาชนะได้

ถามใจตัวเองดู เขากับคนผู้นั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก ทั้งหยิ่งยโสเกินไปและจองหองจนดูแคลนคนอื่น เพราะแบบนี้ เมื่อไรที่สู้กับคนผู้นั้น คนผู้นั้นจะต้องเป็นคนที่หัวเราะเป็นคนสุดท้ายอย่างแน่นอน

‘ถุย’

เขาถุยก้านหญ้าออกจากปาก จู่ๆ ก็รู้สึกเบื่อหน่าย

ทำสงครามก็ทำสงครามสิ เข่นฆ่าก็เข่นฆ่าสิ ผลัดกันไปมาระหว่างเจ้ากับข้า สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งไปเลย ทำไมจะต้องอ้อมโลกให้มันวุ่นวาย ถึงตอนท้ายให้เดาก็คงสู้ต่อไปเรื่อยๆ แพ้ไปเรื่อยๆ แต่กลับแพ้ในเกมที่ต้องชนะ แบบนี้จะมีความหมายอะไร

บนเนินเขาไกลออกไป

สตรีนางหนึ่งสวมลูกปัดอันวิจิตรบนข้อเท้าวิ่งมาอย่างมีความสุข ในสายตาของนางมีเพียงแม่ทัพผู้นั้นที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุด ซึ่งดูเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด

ชุดเกราะของเขาแวววาวสะดุดตาขนาดนั้น

กล้าสวมชุดเกราะที่สะดุดตาในสนามรบ เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากเลยทีเดียว

นางเก็บดอกไม้ใบหญ้าที่อยู่รายล้อมรอบตัวรวบมันไว้ด้วยกัน เมื่อดอกไม้ใบหญ้ารวมกันก็กลายเป็นเจ้านกฟ้าสีเขียวตัวหนึ่งบินวนอยู่ข้างๆ นาง

นางหยิบขวดเหล้านมจากเอวของตัวเอง นี่เป็นนมที่ชนเผ่าเป่ยหยวนมอบให้เสด็จแม่ของนาง มันมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด นางวางขวดสีเงินบรรจุนมไว้บนตัวเจ้านกฟ้า ขณะเดียวกัน ยังใช้มีดสั้นตัดปอยผมของตัวเองแล้วมัดไว้บนหางเจ้านกฟ้า

“ไปเถิด รีบไปบอกเขาว่าข้าเป็นคนส่งให้” สาวน้อยโบกมือให้เจ้านกฟ้า เจ้านกฟ้าบินขึ้นและบินโฉบไปยังทิศทางนั้นทันที

ต่อมา ดูเหมือนว่านางจะเหนียมอายเล็กน้อย ไม่กล้ามองดูฉากต่อไปที่อีกฝ่ายได้รับข้อความและปอยผมของนาง จึงหันหลังแล้ววิ่งกลับออกไปทันที

นางรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนตรงไปตรงมาและกล้าหาญมาก แม้จะเป็นหญิงสาวเหล่านั้นในชนเผ่ายังไม่กล้าแสดงความรู้สึกจากใจออกมาโดยตรงเสียด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ของชนเผ่า แต่นางอดไม่ได้จริงๆ ทุกครั้งที่เสด็จพ่อของนางต้อนรับเขา นางก็จะแอบมองมองเขาอยู่ข้างๆ มองเขา มองเขา มองเขา…

นางจำได้ว่าตอนแรกนั้น เขาเป็นเพียงชายหนุ่มผู้โดดเดี่ยวอยู่แถวชายแดนของชนเผ่า และไต่เต้าก้าวขึ้นมาทีละขั้น จนมาวันนี้ ได้กลายเป็นแม่ทัพใหญ่เป็นผู้บังคับบัญชาไปแล้ว

เด็กสาวคนไหนไม่มีความรักบ้าง สตรีนางไหนไม่รักวีรบุรุษบ้าง บางเรื่องที่เดิมทีไม่เคยชัดเจน ไม่เข้าใจ ประดังเข้ามากะทันหันขนาดนั้น ทำให้คนป้องกันไม่ทันถูกจู่โจมเข้าที่หัวใจอย่างจัง

เจ้านกฟ้าบินข้ามภูเขามาถึงด้านบนกองทัพที่พักผ่อนอยู่ ขณะที่มันกำลังตามหาเป้าหมายและกำลังจะบินลงมา เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น “พลิกเมฆา”

โซ่เหล็กหนาห้าเส้นพุ่งขึ้นมาในชั่วพริบตา และล็อกเจ้านกฟ้าไว้โดยตรง จากนั้น ‘ปัง’ เสียงดังคมชัด

เจ้านกฟ้ายังไม่ทันได้ทำภารกิจของมันให้สำเร็จก็ระเบิดกระจุยบนท้องฟ้าในทันใด กลายเป็นเศษหญ้าร่วงหล่นลงมา

เขายืนอยู่หน้ากองทัพ แววตาขรึมลง พูดอย่างเคร่งขรึมกับกลุ่มทหารที่อยู่รอบตัวเขา “เมื่อกลับไปแล้วจะเริ่มสอบสวนทันที มาดูกันว่าใครกล้าเพิกเฉยต่อข้อห้าม กล้าปล่อยหุ่นเชิดส่วนตัวบินว่อนไปทั่วชนเผ่า! ช่างเหิมเกริมเสียจริง กลัวว่าข่าวของสายลับจิ่วหลีจะส่งออกไปไม่ได้หรืออย่างไร!”

ตอนนี้เอง เส้นผมดำขลับร่วงหล่นลงมาอยู่แทบฝ่าเท้า รองแม่ทัพที่อยู่ข้างๆ หยิบขึ้นมา แล้วรองแม่ทัพก็อ้าปากพูดขึ้น “เส้นผมไม่มอดไหม้ นะ…นี่…นี่เป็นสายเลือดของเผ่าจักรพรรดิ” ทันใดนั้นรองแม่ทัพก็มองเส้นผมอีกครั้ง และบอกเขาด้วยความลำบากใจ “อาจจะเป็นองค์หญิงสักองค์”

เขาโบกมืออย่างดูแคลนและปัดเส้นผมออกไป พลางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “องค์หญิงช่างเยอะเสียนี่กระไร”

ทันใดนั้น เขาก็ชี้ไปทางทหารที่อยู่รอบตัวเขาแล้วเอ่ยว่าจาเสียงดัง “รอจิ่วหลีถูกทำลายสิ้นซาก หลังชนะสงครามจะหารือให้พวกเจ้าสามารถเป็นพระสวามีขององค์หญิงได้!”

ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด กองไฟขนาดใหญ่ถูกเผาไหม้ด้วยแสงไฟที่ลุกโชน ภูเขาลูกหนึ่งถูกขุดแหวกตรงกลาง และด้านในนั้นสุมไปด้วยเปลวเพลิง ใช้หุบเขาและหุบเหวเป็นเตาอั้งโล่ นำทางโดยดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว

ไฟนี้แผดเผาเป็นทางยาวระยะทางหลายสิบลี้จนราวกับเป็นตอนกลางวัน ในความเป็นจริง มันไม่เพียงแต่จะส่องประกายในค่ำคืนนี้เท่านั้น แต่ยังส่องสว่างไปชั่วนิรันดร์อีกด้วย

ที่เชิงเขาและบนไหล่เขา มีคนกลุ่มหนึ่งยืนออกันแน่นขนัด ทุกคนส่งเสียงโห่ร้องยินดี ทุกคนต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ทุกคนกำลังเฉลิมฉลอง

สงครามที่ยืดเยื้อสิ้นสุดลง ดินแดนสวรรค์สงบลง จักรวาลได้รับการสถาปนาแล้ว!

ท่ามกลางขุนเขาอันเป็นศูนย์กลางแห่งความอยู่รอดมีแท่นบูชาสีดำ บนแท่นบูชานั้นวางศีรษะแสนดุร้ายเอาไว้ ดวงตาเบิกกว้างฉายแววไม่ยินยอมและโกรธแค้น เขาลืมตามองเสียงโหวกเหวกทั้งหมดที่อยู่ด้านหน้าตลอดเวลา

แม้ว่าจะชนะ แม้ว่าจะสำเร็จแล้ว แต่ในบรรดาผู้คนและเทพปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนในที่นี้ มีเพียงไม่กี่คนที่กล้ามองศีรษะในเปลวเพลิงตรงๆ

ศีรษะนั้นเป็นสัญลักษณ์ของเงามืดและความหวาดกลัวที่ทำให้หัวใจหยุดเต้น

นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่ควรค่าแก่การเคารพ และเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ แม้ว่าเขาจะปราชัย แม้ว่าเขาจะตายไป แต่เพื่อไม่ให้เขาฟื้นคืนชีพได้อีกจำเป็นต้องมีการตระเตรียมการที่ยาวนาน

ฝั่งตรงข้ามของหุบเขามีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนกำแพงหิน ทางด้านขวาวางชุดเกราะของเขาเอาไว้ ชุดเกราะมีรอยขีดข่วน มีร่องรอยที่น่าสยดสยองเหลือทิ้งเอาไว้มากมายนับไม่ถ้วน และทางด้านซ้ายมีไหสุราชั้นดีมากกว่าหนึ่งโหล พูดให้ถูกต้องแม่นยำก็คือสุราผลไม้

เขาดื่มไปพลางมองดูศีรษะท่ามกลางกองไฟไปพลาง หวนนึกถึงฉากที่ตัวเองเอาดาบตัดศีรษะของอีกฝ่ายท่ามกลางสงคราม ดื่มสุราเคล้าไปกับการดูศีรษะนั้น ทั้งสบายกาย ทั้งพึงพอใจ และสะใจ

เขาไม่สนใจจะปิดบังท่าทีของตัวเองที่มีต่อชัยชนะในสงครามครั้งนี้ และไม่เสแสร้งแสดงความเคารพใดๆ ต่อผู้นำจิ่วหลีผู้นี้ ยิ่งไม่มีทางที่เขาจะเผชิญหน้ากับนักโทษที่เหลือของจิ่วหลีด้วยตนเอง แล้วเสแสร้งมีน้ำใจปล่อยศัตรูและปล่อยวางอดีตไป

ถ้าคนผู้นั้นชอบก็ปล่อยให้คนผู้นั้นทำไป เขาคร้านจะขบคิดเรื่องราวพวกนี้ กระทั่งรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เสียใจที่ตัวเองตัดหัวเขาเร็วเกินไป พอเขาตายก็จบแล้ว เช่นนั้นหากตัวเองอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป ในปีต่อๆ ไปจะรู้สึกเหงาสักเพียงใดกันนะ

กระดกสุราจนชุ่มคอ สุราผลไม้ที่มีความเข้มข้นต่ำ หลังจากเติมเลือดของเทพปีศาจที่ถูกสังหารในสนามรบแล้ว ก็ยังพอให้ซาบซ่านในลำคอได้!

เพียงแต่น่าเสียดายเล็กน้อยที่สงครามจบลงแล้ว จะหาเหตุผลมาตามล่าเทพปีศาจและใช้เลือดสดๆ ของพวกมันบ่มสุราได้อย่างไร

มีคนสวมใส่ชุดลำลองสบายๆ เดินขึ้นขั้นบันไดมา เขาสัมผัสได้แต่กลับไม่มีท่าทีสนใจเช่นเดิม

เมื่อตอนกลางวัน ผู้คน เทพเจ้า และปีศาจนับหมื่นนับพันคุกเข่าลงต่อหน้าคนผู้นั้น เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ขยับ เขาไม่ได้รู้สึกว่าเขาอยู่ผิดที่ผิดทางและไม่รู้สึกว่าเขาพิเศษ ในเหตุการณ์ช่วงกลางวันเขายังคิดว่ามันน่าขันด้วยซ้ำ

คนที่คุกเข่าอยู่ด้านล่าง จะมีกี่คนที่คุกเข่าด้วยความจริงใจจริงๆ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาเห็นคนผู้นั้นยืนอยู่ตรงกลาง เวลานั้นส่วนลึกในดวงตาของอีกฝ่ายได้ฉายแววที่แปลกไปจากในอดีต

เปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป

สิ่งที่หนาแน่นจะแปรเปลี่ยนเป็นเบาบาง

เรื่องน่าสนุกก็จะเปลี่ยนเป็นความน่าเบื่อหน่าย

เขาแหงนหน้าขึ้นกระดกสุรารสแรง ดวงตาพร่าเล็กน้อย พลางมองดูศีรษะในกองไฟบนภูเขาที่อยู่ตรงหน้า ทุบไหสุราใบหนึ่งให้แตก สุราไหลรินออกมา เชิญดื่มได้

ท่ามกลางกองไฟลุกโชน มุมปากของศีรษะนั้นขยับเล็กน้อย

รอบๆ ภูเขาลูกนั้น ผู้คนมากมายในชุดขาวท่ามกลางแท่นบูชาต่างตกตะลึง เริ่มตรวจสอบและเพิ่มความแข็งแรงของการปิดผนึกค่ายกลอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็มีเสียงคำรามดังขึ้น ใครคือผู้กระตุ้นวิญญาณที่เหลืออยู่ของชือโหยวกันแน่!

“ดื่มสุราเพียงผู้เดียวหรือ” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง แฝงไปด้วยการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

ผู้มาเยือนนั่งลงข้างเขา สวมชุดผ้าลินินเนื้อหยาบ แต่เวลานี้กลับดูจงใจอย่างชัดเจน

เขาจำได้ว่าเมื่อนานมาแล้ว มีแม่นางที่เลี้ยงหนอนไหมท่านหนึ่งมอบชุดผ้าไหมเนื้อดีให้หนึ่งชุด คนผู้นั้นสวมมันอย่างมีความสุขและจงใจเดินอวดไปมาในเผ่า แต่เมื่อตอนกลางวัน เทพปีศาจแห่งทิศตะวันตกได้มอบชุดเกราะสีทอง คนผู้นี้กลับรู้จักวางมันไว้ และตั้งใจเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมาหาเขาโดยเฉพาะ

เขาดื่มสุราต่อไปและไม่สนใจไยดีผู้มาเยือนข้างกายแม้แต่น้อย

ผู้มาเยือนหยิบไหสุราขึ้นมาดื่มด้วยกัน ทั้งสองนั่งใกล้กันมาก และดื่มจนตะวันขึ้น หลังจากดื่มสุราจนหมดแล้ว ผู้มาเยือนเอ่ยพูด “คุมทัพเหนือเพียงผู้เดียว คอยควบคุมเหล่าทวยเทพและปีศาจ แล้วตบแต่งองค์หญิงเสีย!”

มอบอำนาจทางทหาร มอบความรับผิดชอบ แล้วมอบองค์หญิงให้ อะไรควรให้ก็มอบให้เจ้า แต่เพื่อแลกกับการที่เจ้าต้องคุกเข่าแทบเท้าของข้าในวันข้างหน้า!

เจ้าอยากได้อำนาจ ข้าให้เจ้าได้!

เจ้าอยากได้ความรุ่งโรจน์ ข้าให้เจ้าได้!

เจ้าอยากได้ความสูงส่ง ก็ให้เจ้าได้!

ให้เจ้าได้ทั้งนั้น!

เขาเพียงแค่ส่ายหัวและหัวเราะ ในเสียงหัวเราะแฝงไปด้วยความหมายที่บาดหูผู้มาเยือน เหมือนกับความรู้สึกตอนที่เขายืนอยู่คนเดียวท่ามกลางฝูงชนเมื่อตอนกลางวัน

เขาตบขากางเกงพลางลุกขึ้นยืน พร้อมโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดขึ้น

“ไม่…ได้…หรอก…”

………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Score 10
Status: Completed
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

Options

not work with dark mode
Reset