ฮูหยินเหอรู้สึกว่าเจียงเซี่ยนพูดมีเหตุผล ยิ่งกว่านั้นนี่ยังเป็นแขกของเจียงเซี่ยน นางกังวลอยู่พักหนึ่งก็ลืมเรื่องนี้ไปจนหมดสิ้น แต่จู่ๆ นายหญิงหนิวที่เคยปรากฏตัวในวันแรกหลังจากที่พวกนางมาถึงก็พาคุณหนูหนิวลูกสาวของตนเองมาอวยพรวันเกิดฮูหยินเหอ
หลี่ฉางชิงให้ความสำคัญกับพวกพี่น้องของตนเองมาก ตั้งแต่พวกนางมาอยู่ หนิวหวาก็เคยมาเยี่ยมหลี่หลินหลายครั้ง และพาหลี่หลิน หลี่จี้ หลี่จวีไปเดินเล่นโดยรอบ เลี้ยงเหล้าพวกเขา แล้วแนะนำภูเขา แม่น้ำ และผู้มีชื่อเสียงแถวนี้ เข้ากับพวกหลี่หลินได้ดีมาก
อย่างไรก็ต้องเห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่
ฮูหยินเหอรีบเชิญแม่ลูกสกุลหนิวเข้ามา
นายหญิงหนิวนำกล่องของขวัญสิบสองสีมา ท่าทางกระตือรือร้นและมีมารยาทมากขึ้น ส่วนคุณหนูหนิวก็แลดูว่านอนสอนง่ายมากขึ้นกว่าที่พบครั้งแรกเช่นกัน
“ควรจะมาเยี่ยมฮูหยินอีกตั้งนานแล้ว แต่ลูกสาวของข้าไม่ค่อยสบาย จึงเลื่อนวันแล้วเลื่อนวันอีก จนเลื่อนมาถึงวันนี้” นายหญิงหนิวทักทายกับฮูหยินเหออย่างเกรงใจเล็กน้อย แล้วพาคุณหนูหนิวไปคารวะเจียงเซี่ยน นั่งอยู่ที่เรือนของเจียงเซี่ยนพักหนึ่ง ชมพวกไป่เจี๋ยกับฉิงเค่ออย่างหนัก และรับประทานอาหารเที่ยงที่บ้านของตระกูลหลี่ ถึงจะกลับ
เป็นคนที่มาถึงบ้านอย่างแปลกมากอีกคน
ฮูหยินเหอกับเจียงเซี่ยนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ผ่านไปสองวัน นายหญิงหนิวกับคุณหนูหนิวก็มาเยี่ยมฮูหยินเหอกับเจียงเซี่ยนอีกครั้ง
ครั้งนี้พวกนางนำเพียงผักที่งอกในที่ดินที่บ้านกับผักดองมา
ทว่าต้องบอกว่า ผักดองนั้นอร่อยมากทีเดียว
เจียงเซี่ยนชมสองสามคำ ตอนที่มาอีกครั้ง นายหญิงหนิงกับคุณหนูหนิวก็นำพวกไข่ไก่เค็มกับไข่เป็ดเค็มมา
คนสองตระกูลจึงเริ่มค่อยๆ ไปมาหาสู่กันแบบนี้
จนกระทั่งอีกไม่กี่วันก็เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว คนของตระกูลหยวนถึงจะปรากฏตัวอีกครั้ง
พวกเขามามอบของขวัญเทศกาลไหว้พระจันทร์ให้ตระกูลหลี่
นอกจากของขวัญเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ให้ตระกูลหลี่แล้ว นายหญิงใหญ่ตระกูลหยวนยังส่งพวกเครื่องหอมดอกหอมหมื่นลี้กับน้ำมันใส่ผมดอกหอมหมื่นลี้มาให้สมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงอย่างเจียงเซี่ยนและฮูหยินเหอเป็นพิเศษด้วย
ดูเหมือนเพียงแค่อยากแสดงความเป็นมิตรกับเจียงเซี่ยนอย่างเดียวมาก
เจียงเซี่ยนรับของขวัญจากตระกูลหยวน และคิดว่าหากวันที่คุณหนูสามตระกูลหยวนออกเรือน นางกลับไปทัน ก็จะไปกินเหล้ามงคลที่ตระกูลหยวนกับฮูหยินเหอ
จู่ๆ ป้าเหอก็มาพบนางคนเดียว
เจียงเซี่ยนพบป้าเหอที่ห้องพักผ่อนของห้องหลัก
ป้าเหอรอให้พวกฉิงเค่อออกไป แล้วกระโดดมาตรงหน้าเจียงเซี่ยนทันที และเอ่ยอย่างเกลียดมากว่า “ท่านหญิง ข้าก็ว่าคนแซ่หนิวนั่นทำไมถึงใจดีขนาดนี้ ที่มอบนั่นมอบนี่ให้พวกเรา ที่แท้นางได้ยินเรื่องแต่งงานของอาถงแล้ว อยากให้ท่านเป็นแม่สื่อให้ลูกสาวของพวกเขาด้วย!”
คนเดินไปสู่ที่สูง น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าเรื่องนี้ปกติมาก จึงพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจเช่นกัน
ป้าเหอร้อนใจทันที และเอ่ยว่า “ท่านหญิง คงไม่ได้คิดจะเป็นแม่สื่อให้ลูกสาวของพวกเขาจริงๆ ใช่หรือไม่? ข้าสืบมาแน่ชัดแล้ว คุณหนูหนิวคนนั้น นิสัยใจคอไม่ใช่น่ารำคาญธรรมดา นายท่านหนิวก็คุมไม่ไหวอย่างสิ้นเชิง และตระกูลหนิวให้ความสำคัญกับฐานะของครอบครัว อยากหาสามีให้คุณหนูหนิวมาตลอด เรื่องพวกนี้คนแถวนี้ถึงจะรู้ ท่านอย่าถูกพวกนางหลอกเชียว”
เจียงเซี่ยนรู้สึกถึงความหวังดีของป้าเหอ จึงยิ้มพลางพยักหน้า และเอ่ยว่า “ข้าไม่รู้จักใครด้วยซ้ำ เรื่องแต่งงานของน้องหญิงก็อาศัยบารมีของท่านแม่ทัพ นางหาข้าก็ไม่มีประโยชน์อะไรเช่นกัน!”
ป้าเหอถึงโล่งอก และชวนเจียงเซี่ยนไปกินข้าวที่เรือนของนาง “ทางฝูเจี้ยนส่งหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิมาชุดหนึ่ง รสชาติดีทีเดียว ข้าเอามาส่วนหนึ่ง วันนี้สั่งให้คนทำเล็กน้อยแล้ว ท่านหญิงต้องไปลองชิมให้ได้”
เจียงเซี่ยนว่างอยู่ในเรือนของตนเองก็ไม่มีธุระอะไรพิเศษเช่นกัน จึงตามป้าเหอไปที่เรือนตะวันออก
ฮูหยินเหอก็ถูกเชิญมาเช่นกัน
ใครจะรู้ว่าพวกนางเพิ่งจะรับประทานอาหารไป แม่นมข้างกายฮูหยินติงก็ส่งเทียบขอพบมา บอกว่าพรุ่งนี้ฮูหยินติงอยากมาเยี่ยมฮูหยินเหอกับเจียงเซี่ยน
ฮูหยินเหอตกใจ และถามสาวใช้ที่รายงานซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง “ฮูหยินติง? ฮูหยินของใต้เท้าติงผู้ว่าราชการมณฑลหรือ?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” ทว่าสาวใช้คนนั้นกลับสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเหมือนรู้สึกเป็นเกียรติและโชคดี “ก็คือฮูหยินของใต้เท้าติงผู้ว่าราชการมณฑล” แล้วบอกฮูหยินเหอกับเจียงเซี่ยนเอง “ข้าได้ยินท่านลุงที่เข้าเวรหน้าประตูบอกว่า ฮูหยินติงมาเมื่อวาน แล้วก็ยืมอาศัยอยู่ในบ้านของตระกูลหยวนที่เยื้องกับบ้านของพวกเรา”
ทีนี้ไม่เพียงแต่ฮูหยินเหอ แม้แต่เจียงเซี่ยนกับป้าเหอก็ประหลาดใจเช่นกัน
“ฤดูร้อนนี้ใกล้จะจบแล้วด้วยซ้ำ ลมในภูเขาพัดโดนตัวคนเย็นมาก เห็นว่าเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงก็เริ่มพัดลมฤดูใบไม้ร่วงแล้ว” ป้าเหอเอ่ยอย่างงุนงงว่า “ฮูหยินติงมาทำอะไรที่ภูเขามังกรเมฆในเวลานี้? หากพวกเราไม่ได้เตรียมจะไปเฝินหยางเลยหลังจากเทศกาลไหว้พระจันทร์ ก็กลับไท่หยวนไปตั้งนานแล้วเช่นกัน…”
ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะมาเยี่ยมพวกนางอย่างไร้สาเหตุ
เจียงเซี่ยนให้สาวใช้เชิญแม่นมของตระกูลติงเข้ามา แต่นางกลับอ้างว่าต้องหลีกเลี่ยง แล้วค่อยๆ ชมทิวทัศน์ในบ้านตลอดทาง พลางกลับเรือนของตนเอง และนอนกลางวันให้เต็มที่สักตื่น
วันรุ่งขึ้น ฮูหยินติงมาเยี่ยม
ฮูหยินเหอกับเจียงเซี่ยนต้อนรับฮูหยินติงด้วยกัน
ทั้งสองฝ่ายคุยกันเล็กน้อย ฮูหยินติงเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตระกูลซือ และตำหนิติงหวั่นที่ครั้งนี้ไม่ได้มาพร้อมกับมารดา “ถึงอย่างไรก็อายุน้อย ปกติข้าจะสั่งสอนนางว่าต้อง ‘ไม่มองสิ่งที่ผิดจารีตประเพณี’ นางก็ไม่บอกเรื่องนี้กับข้าจริงๆ หากไม่ใช่เพราะหลายวันก่อนข้ามีเรื่องถามแม่นมข้างกายนาง เกรงว่าจนถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ ตงจื้อสบายดีหรือไม่? หลังจากนั้นพวกเจ้าก็มาหลบร้อนที่ภูเขามังกรเมฆทันที แต่ฮูหยินจวงกลับวิ่งพล่านไปทั่วในเมืองไท่หยวนทั้งวัน ตอนนี้คิดดูแล้ว นางก็ทำเกินไปเช่นกัน”
เจียงเซี่ยนนึกถึงการต่อสู้ระหว่างตระกูลหลี่กับตระกูลจวง ซึ่งใต้เท้าติงนิ่งเงียบมาโดยตลอด แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชาในใจ จนไม่สามารถคล้อยตามฮูหยินจวงได้ และเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว พูดอีกก็ไม่มีความหมายอะไรเช่นกัน” แล้วเปลี่ยนเรื่องไปถามว่าฮูหยินติงจะอยู่ที่นี่กี่วัน “ถึงเวลานั้นพวกเราจะได้เชิญฮูหยินมาดื่มเหล้าสักถ้วย”
ฮูหยินติงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เกรงว่าจะต้องอยู่ที่นี่อีกสิบกว่าวัน” แล้วอธิบายถึงจุดประสงค์ที่ตนเองมาเอง “ข้ามาเพราะเรื่องแต่งงานของหวั่นเอ๋อร์…คนนั้นคนนี้ต่างมาคุยเรื่องแต่งงาน บางคนไม่เหมาะสมกันจริงๆ แต่ก็ไม่อาจล่วงเกินได้ จึงจำเป็นต้องอ้างว่าป่วยและมาพักผ่อน หลบพ้นช่วงนี้แล้วค่อยว่ากัน”
ฮูหยินเหอดีใจมาก รู้สึกว่านี่เป็นวาสนาของทั้งสองตระกูล หลังจากชมติงหวั่น ก็ปลอบใจฮูหยินติงเหมือนมีศัตรูร่วมกัน
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับความรู้สึกไวและพบว่า วันที่ฮูหยินติงไปจากภูเขามังกรเมฆนั้นเป็นวันที่สองที่พวกเขาไปเฝินหยางพอดี
ก็หมายความว่า พวกเขาไปก่อนหนึ่งวัน ฮูหยินติงก็จะไปจากภูเขามังกรเมฆหลังหนึ่งวัน
แต่ฮูหยินติงจะอยู่ฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ภูเขามังกรเมฆ
นี่เป็นความบังเอิญหรือเป็นการจัดการด้วยฝีมือคน?
เจียงเซี่ยนดื่มชา มุมปากเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
หลังจากนั้นฮูหยินติงก็จะมาเยี่ยมฮูหยินเหอกับเจี่ยงเซี่ยนเป็นประจำ แล้วก็จะเชิญพวกนางไปกินข้าว ดื่มเหล้า และนั่งที่บ้านของนางสักครู่เสมอ จนคนที่เชื่องช้าอย่างฮูหยินเหอก็ยังรู้สึกได้ถึงความกระตือรือร้นของฮูหยินติง และถามเจียงเซี่ยนอย่างไม่ค่อยสบายใจว่า “ฮูหยินติงมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
เจียงเซี่ยนปลอบใจนาง “หากไม่มีธุระก็ดีทุกอย่าง แต่หากมีธุระ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องพูดออกมาเหมือนนายหญิงหนิว”
ฮูหยินเหอรีบเอ่ยว่า “ถูก”
เสียดายที่ฮูหยินติงเหมือนกับคนของตระกูลหยวน จนถึงวันก่อนเทศกาลไหว้พระจันทร์ รถม้าที่พี่น้องตระกูลติงนั่งอยู่แล่นเข้าไปในบ้านที่ตระกูลหยวนให้ฮูหยินติงยืมอาศัย เจียงเซี่ยนถึงรู้สึกว่าตนเองคิดเรื่องต่างๆ ง่ายเกินไปแล้ว
————————————-