มีคนดีขึ้นเร็วขนาดนี้ที่ไหนกัน?
เจียงเซี่ยนสงสัยเล็กน้อย
เหอถงเหนียงลำบากใจ จึงเอ่ยเสียงเบาอย่างตะกุกตะกักว่า “ข้าไม่ได้เสียใจขนาดนั้นเพราะเรื่องของท่านพี่หลี่หลิน…แล้วก็เรื่องของพี่รองก่อนหน้านี้…ข้ารู้ว่าท่านอารู้สึกว่าข้าเป็นคนขี้ขลาดและอ่อนแอ จึงไม่ค่อยชอบข้า ข้าก็ไม่คิดที่จะแต่งมาตระกูลหลี่เช่นกัน เพียงแค่เสียใจเล็กน้อย…คุณหนูเกาสามารถทำให้คนมีความสุขได้ทุกที่ แต่ข้ากลับอย่างไรก็ทำได้ไม่ดี แถมยังทำให้ท่านอาหญิงเดือดร้อนถูกท่านอาเขยตวาดด่า…”
บางทีอาจจะเกลียดและสงสารตนเองที่พบว่าตนเองจู่ๆ ก็ชอบคนๆ หนึ่ง ทว่าปรากฏว่าคนๆ นั้นกลับชอบคนอื่นอยู่ด้วยกระมัง?
แต่หากเหอถงเหนียงเพียงแค่เสียใจเพราะเรื่องแบบนี้ สามารถเดินออกมาได้ ก็อาจจะเป็นเรื่องดีเช่นกัน
นางให้กำลังใจเหอถงเหนียง “ต่อไปเจ้าควรจะไปทุกที่กับตงจื้อให้มาก เปิดหูเปิดตาแล้ว ก็จะไม่ยึดติดกับวงเล็กๆ นี้ ถึงเวลานั้นเจ้าจะพบว่า บนโลกยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย”
เหอถงเหนียงพยักหน้า และเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยว่า “เมื่อก่อนข้ามักจะเห็นตงจื้อเป็นเด็ก ความจริงแล้วตงจื้อรู้มากกว่าข้าเสียอีก นางยังเตือนข้าด้วยว่าต่อไปข้ามีเรื่องอะไรอย่าเอาแต่กลั้นไว้ในใจจะดีที่สุด แบบนี้จะคิดฟุ้งซ่านได้ง่ายเป็นพิเศษ ข้ารู้สึกว่าตงจื้อพูดมีเหตุผลมาก ที่ข้าไม่พอใจ คิดไปคิดมา ก็เป็นเพราะข้าอิจฉาคุณหนูเกาเล็กน้อย…”
นางเปิดเผยตรงไปตรงมาแบบนี้ เจียงเซี่ยนชอบมาก จึงยิ้มพลางยื่นลูกพลัมให้นาง และเอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้าสามารถพูดออกมาได้ ก็แสดงว่าคิดได้แล้ว คุณหนูเกามีข้อดีของนาง แต่เจ้าก็มีข้อดีของเจ้าเหมือนกัน จะดูถูกตนเองเกินไปไม่ได้เด็ดขาด”
เหอถงเหนียงยิ้มอย่างเขินอาย ทว่ารอยยิ้มสดใสกว่าเมื่อก่อนมาก “ดังนั้นข้าจึงคิดว่าข้าควรเรียนรู้จากตงจื้อ ก่อนหน้านี้นางได้ยินคุณหนูจวงพูดจานินทาพี่สะใภ้ ก็สามารถพุ่งเข้าไปได้อย่างกล้าหาญมาก ข้าก็ได้ยินเช่นกัน แต่กลับกล้าเพียงยืนฟังอยู่ข้างๆ อย่างโง่ๆ…”
คำพูดของนางทำให้หลี่ตงจื้อเขินมาก นางเขินจนหน้าแดงและเอ่ยว่า “ที่ไหนกัน! ตอนนั้นท่านก็โกรธมากเหมือนกันไม่ใช่หรือ? ตอนหลังยังกลับมาเป็นเพื่อนข้าด้วย แถมท่านกลัวว่าท่านแม่จะต่อว่าข้า ยังปลอบข้าว่า จะให้ท่านป้าไปขอร้องท่านแม่ให้ข้า และยังบอกว่าหากท่านแม่ลงโทษให้ข้าคุกเข่าที่หอบรรพบุรุษ ท่านก็จะคุกเข่าที่หอบรรพบุรุษเป็นเพื่อนข้าด้วย”
“อันนั้นข้าปลอบเจ้าไม่ใช่หรือ?” นานๆ ทีเหอถงเหนียงจะพูดเล่นสักครั้ง นางล้อหลี่ตงจื้อเล่นว่า “หากเจ้าถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษ ก็ต้องเป็นหอบรรพบุรุษของตระกูลหลี่อย่างแน่นอน ข้าแซ่เหอ จะคุกเข่าที่หอบรรพบุรุษกับเจ้าได้อย่างไร”
หลี่ตงจื้ออึ้งไป แล้วก็กระโจนใส่เหอถงเหนียงอย่างโมโห พลางตะโกนว่า “ได้! ท่านหลอกข้า! เสียแรงที่ข้าซาบซึ้งมากทีเดียว…”
เหอถงเหนียงหัวเราะ
ทั้งสองคนเล่นด้วยกัน
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางมองพวกนาง ในใจรู้สึกสงบและมีความสุข
ปรากฏว่าตั้งแต่วันนั้น ทั้งสองคนก็มักจะมานั่งคุยเล่นที่เรือนของเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนอดที่จะเอ่ยอย่างแปลกใจไม่ได้ว่า “ทำไมพวกเจ้าสองคนถึงว่างขนาดนี้?”
เหอถงเหนียงเอ่ยว่า “หลายวันนี้ท่านอากับท่านแม่ต่างกำลังฟังแม่ชีที่ชื่อคงหมิงเทศน์ ว่างสนใจพวกเราที่ไหนกัน!”
เจียงเซี่ยนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
นางเคยเห็นคดีที่พระกับแม่ชีทำลายตระกูลมามากมาย
ใกล้ชิดกับคนพวกนี้มากเกินไป จนกระทั่งฟังความข้างเดียว เป็นเรื่องที่อันตรายสุดๆ
นางคิดแล้วก็สั่งไป่เจี๋ยว่า “เจ้าไปดูหน่อยว่าเป็นอย่างไร?”
ตอนนี้พวกนางอยู่ด้วยกัน หากทางนั้นวุ่นวายขึ้นมา ทางนางก็ไม่มีทางที่จะรอดพ้น
ไป่เจี๋ยขานรับและจากไป
เหอถงเหนียงกับหลี่ตงจื้อแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างไม่สบายใจ
เจียงเซี่ยนรู้สึกถึงความไม่สบายใจของพวกนาง และไม่อยากทำให้เด็กสาวสองคนนี้ตกใจ จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าแค่อยากรู้นิดหน่อย จึงให้ไป่เจี๋ยไปดู”
ทั้งสองคนโล่งอกพร้อมกัน
แต่เจียงเซี่ยนกลับเขียนจดหมายไปบอกเรื่องนี้กับหลี่เชียน
หลี่เชียนให้นางอย่ารีบร้อน และบอกว่าเขาจะส่งคนไปสืบ แล้วบอกนางว่า ทางเขามีงานติดพันเล็กน้อย อาจจะอีกหลายวันถึงจะไปเยี่ยมนางได้
เจียงเซี่ยนได้รับจดหมายแล้วรู้สึกหดหู่มาก นางถามปิงเหอที่ส่งจดหมายเข้ามาว่า “ช่วงนี้ท่านแม่ทัพกำลังทำอะไรอยู่หรือ?”
หากคนๆ นี้คือหลี่ฉางชิง ปิงเหอก็อาจจะจงใจแกล้งโง่เพื่อหลอกลวงคนก็ผ่านไปแล้ว ทว่าหากคนที่ถามเรื่องนี้กับเขาคือเจียงเซี่ยน เขาไม่กล้าที่จะไม่บอก…หลี่เชียนให้ความสำคัญกับเรื่องของเจียงเซี่ยนมากกว่าเรื่องของตนเองเสียอีก คนอื่นไม่รู้ แต่คนที่รับใช้อยู่ข้างกายอย่างพวกเขากลับรู้ดี ยิ่งกว่านั้นเพื่อให้พวกอวิ๋นหลินมีโอกาสที่จะชนะมากขึ้นตอนที่ปะทะกับคนของตระกูลเซ่า หลี่เชียนอยากไปเสฉวนและแอบนำแร่เหล็กกลับมาเล็กน้อย เพื่อเรื่องนี้ท่านหญิงไม่เพียงแต่ช่วยเปิดทางไปเสฉวนให้หลี่เชียน ทว่ายังนำเงินออกมามากมายด้วย เซี่ยหยวนซีเคยบอกคนที่รับใช้ใกล้ชิดอย่างพวกเขาแล้ว แค่เพียงเรื่องนี้ พวกเขาก็ต้องเคารพนบนอบต่อหน้าเจียงเซี่ยน
“นี่อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้วไม่ใช่หรือ?” เขาเอ่ยเสียงเบาว่า “แต่ละที่ต่างก็ต้องเริ่มตรวจสอบเขื่อน และใต้เท้าจวงคุมทางน้ำของซานซีอยู่ไม่ใช่หรือ? ทว่าเวลานี้ท้องพระคลังเป็นไปได้มากว่าว่างเปล่า ทางน้ำของซานซีก็ไม่เหมือนไคเฟิงหรือไหวเป่ยกับไหวหนาน ต่อให้มีเงินก็มาไม่ถึงที่นี่อยู่ดี จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงไม่มีเงิน แต่ทางน้ำนี้จะไม่ซ่อมก็ไม่ได้เช่นกัน หากเกิดเรื่องขึ้น นั่นจะเป็นการตัดศีรษะจากบนลงล่าง เช่นนั้นจะทำอย่างไร? เมื่อก่อนผู้ว่าราชการมณฑลจะเป็นคนออกหน้า ยืมทหารจากฐานที่มั่นแต่ละแห่งมาซ่อมแซมและขุดลอกทางน้ำ ไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง แค่ดูแลอาหารสองมื้อ แถมยังสามารถฉวยโอกาสแบ่งเงินให้พวกคนที่เป็นแรงงานได้ด้วย พอประหยัดไปสองอย่าง ก็สามารถเก็บเงินไว้ในอกได้ไม่น้อย”
“ทว่าปีนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“ท่านแม่ทัพของพวกเราบอกแล้วว่า จะยืมคนของฐานที่มั่นไปซ่อมแซมและขุดลอกทางน้ำนั้นสามารถทำได้ แต่ต้องคำนวณค่าจ้างตามราคาในตลาดอย่างละเอียด และค่าจ้างต้องให้ล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นไม่ไป”
“เรื่องยักยอกเงินเข้ากระเป๋าตนเองนั้นก็ไม่ใช่ใต้เท้าจวงคนเดียวที่เก็บไว้ในอก”
“งานของเขารายงานผลไม่ได้ ใครจะไม่โกรธแค้นอย่างรุนแรงบ้าง?”
“ใต้เท้าติงยังเคยตั้งใจมาหาใต้เท้าเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะด้วย”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ทว่าตอนนั้นใต้เท้านอนป่วยบนเตียง จึงไม่สามารถพบแขกได้อย่างสิ้นเชิง”
“ใต้เท้าติงไม่มีทางเลือก จึงมาหาท่านแม่ทัพ”
“แต่ท่านแม่ทัพบอกแล้วว่า ช่วงนี้เขาต้องจัดการเรื่องของตระกูลจวงกับตระกูลหลี่ เรื่องของกองบัญชาการนั้น ใต้เท้าเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง”
“ใต้เท้าจวงรู้ดีว่านี่เป็นคำพูดบอกปัด ก็ไม่อาจพูดอะไรได้เช่นกัน หลังจากกลับไปก็เรียกใต้เท้าจวง และให้ใต้เท้าจวงคิดหาทางปรึกษาหารือกับใต้เท้าของพวกเราเป็นการส่วนตัว ปรากฏว่าใต้เท้าของพวกเราไม่พบเขาเลย เขามาสองครั้ง ก็ถูกปฏิเสธหมด”
“เด็กรับใช้ที่รับใช้ข้างกายใต้เท้าบอกว่า ครั้งที่สองที่ใต้เท้าจวงถูกขวางอยู่นอกประตูนั้น ปากยังด่าคำหยาบคายสองสามคำด้วย แต่ปรากฏว่ากลับถูกใต้เท้าของพวกเราได้ยินอย่างชัดเจนมาก”
“ใต้เท้าของพวกเราบอกแล้วว่า การซ่อมแซมและขุดลอกทางน้ำครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรกองบัญชาการซานซีก็จะไม่ออกคน หากเขามีความสามารถ ก็ให้กองบัญชาการไท่หยวนหรือกองบัญชาการอวี๋หลินออกคน ถึงอย่างไรกองบัญชาการซานซีก็ไม่ทำ คนของกองบัญการซานซีต้องฝึกในฤดูหนาว หากตอนต้นฤดูใบไม้ผลิไม่มีของกิน แล้วเหล่าชนกลุ่มน้อยทางเหนือบุกมาจะทำอย่างไร?”
“พอคำพูดของใต้เท้าของพวกเราปล่อยออกไป กองบัญชาการไท่หยวนเป็นคนแรกที่ไม่ทำแล้ว โดยไม่เพียงแต่ไม่ตกลงที่จะออกทหารช่วยพวกเขาซ่อมแซมและขุดลอกทางน้ำ ทว่ายังบอกว่า ผู้ว่าราชการมณฑลก็ไม่ขาดแคลนเงินพวกนี้เสียหน่อย ปีนี้แม่น้ำเหลืองแห้งแล้ง คนที่หนีภัยแล้งมีมากมาย สู้ออกเงินให้พวกผู้ลี้ภัยซ่อมแซมและขุดลอกทางน้ำดีกว่า ทั้งสามารถรายงานผลต่อราชสำนักได้ และยังสามารถช่วยชีวิตคนได้หลายคนด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทำไมจะต้องคอยจ้องพวกแม่ทัพกับทหารอย่างพวกเขาไม่ปล่อย”
“ใต้เท้าจวงรู้สึกว่ามีเหตุผล จึงให้ใต้เท้าจวงใช้เงินที่ชดเชยแรงงานเกณฑ์ในมือไปจ้างคน”
“เงินที่ชดเชยแรงงานเกณฑ์เก็บง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน?”
“ใต้เท้าจวงรีบทำงานอยู่ข้างนอกมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว ยังเก็บเงินของอำเภอหนึ่งไม่ครบด้วยซ้ำ เวลานี้กำลังยุ่งจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี?”
ปิงเหอพูดไปก็หัวเราะเสียงดังสองสามครั้ง มีความสุขกับความทุกข์ของคนอื่นอย่างชัดเจนมาก
————————————-