ตอนที่ 79 เคล็ดวิชา?
เมื่อมาถึงสำนัก หยางเย่ไม่หยุดพักผ่อน เขาตรงไปยังศาลาเคล็ดวิชา จากความสำเร็จของหยางเย่ในหอคอยผู้รับใช้ดาบ เขาได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงไปทั่วสำนัก ตลอดทางไป ศิษย์นอกทุกคนก้มหัวคำนับหยางเย่ และเรียกเขาว่าศิษย์พี่ หยางเย่คนค่อนข้างประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาจึงตอบรับทุกคน ด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปมา
ทันทีที่หยางเย่มาถึงศาลาเคล็ดวิชา ผู้อาวุโสนอกคนหนึ่งได้เข้ามาหยุดเขาพร้อมกล่าว “เจ้าหนุ่ม เจ้าคือหยางเย่ใช่หรือไม่?”
หยางเย่ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า “ผู้อาวุโสคือ?”
ผู้อาวุโสนอกคนนั้นยิ้มให้พร้อมกล่าว “ข้าคือผู้อาวุโสนอกที่ดูแลที่นี่ หยานซู ทราบหรือไม่ เจ้าไม่เลวเลยเจ้าหนุ่ม เจ้าสามารถบรรลุชั้นยี่สิบสองได้ หลายปีก่อนข้าทำได้เพียงชั้นสิบหกเท่านั้น เจ้านี่เยี่ยมยอดจริง ๆ ฝึกฝนให้หนักยิ่งขึ้น ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถเข้าสู่อันดับที่ดีได้ในเทียบอันดับสวรรค์!”
หยางเย่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นได้กล่าว “ผู้อาวุโส ข้าสามารถเข้าไปยังศาลาเคล็ดวิชาเพื่อเลือกสรรเคล็ดวิชาได้หรือไม่?”
หยานซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตามกฎของสำนักดาบราชัน ศิษย์นอกทุกคนต้องจ่ายคะแนนสะสมเพื่อจะเข้าไปเลือกดูวิชาได้ แต่สำหรับเจ้า… ข้าสามารถยกเว้นให้ได้ ข้าอนุญาติให้เจ้าเลือกวิชาบ่มเพาะพลังขั้นสีเหลืองได้หนึ่งอย่าง และกระบวนท่าขั้นสีเหลืองได้อีกหนึ่งอย่างตรงชั้นสีเหลือง สำหรับชั้นสีดำ ชั้นปฐพี ชั้นสวรรค์ ชั้นเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในการดูแลของข้า”
เมื่อได้ยินหยานซู หยางเย่มีความประทับใจในตัวเขามาก “ขอบคุณผู้อาวุโส!”
หยานซูยิ้มพร้อมกล่าว “เข้าไปเลย เคล็ดวิชาขั้นสีเหลืองบางอย่างในนั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก!”
หยางเย่ขอบคุณผู้อาวุโสอีกครั้ง จากนั้นได้เดินเข้าไปยังศาลาเคล็ดวิชา
เมื่อเห็นคัมภีร์จำนวนมากวางอยู่ข้างในชั้นสีเหลือง หยางเย่ตกตะลึงพร้อมคิดในใจ ‘อย่างที่คาดไว้ จำนวนของคัมภีร์ขั้นสีเหลืองที่นี่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนเล่ม! และยังไม่รวมถึงเคล็ดวิชาอีกมากมายที่สูงกว่าชั้นนี้ จะไม่ให้เราตกใจได้เช่นไรกัน?’
หยางเย่ระงับความตกตะลึงไว้ในใจก่อนจะเดินเข้าไปด้านซ้าย เขาไม่รู้สึกอยากเลือกเคล็ดวิชาดาบเท่าไหร่ เพราะเขายังไม่บรรลุในวิชาที่มี ทั้งก้าววายุ วิชาควบคุมดาบ วิชาดาบแยกลมปราณ วิชาดัชนีดาบราชัน และปฏิกิริยาโต้กลับที่เขาคิดค้น ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะหาวิชามาเรียนเพิ่ม!
หยางเย่เข้าใจหลักการนี้ดี
เขาไม่สนใจวิชาบ่มเพาะทั้งหลายที่ช่วยเพิ่มพลังปราณ เพราะมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา โดยเฉพาะในแง่ของการเพิ่มปริมาณ เพราะหยางเย่มีตันเถียนน้ำวนอยู่แล้ว แม้มันจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่ แต่แค่พลังปราณทองคำก็เพียงพอสำหรับบ่มเพาะพลังขั้นปัจจุบัน
เขากำลังมองหาเคล็ดวิชาที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพเหมือนวิชากระตุ้นกาย เห็นได้ชัดว่า ในช่วงอายุเขาตอนนี้ ส่วนใหญ่ผู้คนจะฝึกฝนแต่พลังปราณ ไม่ใส่ใจพลังกายภาพ หยางเย่ค้นหาเกือบหนึ่งชั่วยามก็ไม่สามารถหาได้สักเคล็ดวิชาที่ช่วยพัฒนาพลังทางกายภาพได้
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม หยางเย่ถึงกับยอมแพ้ สายตาของเขามองหมุนไปทั่ว จากนั้นได้สะดุดไปที่มุมหนึ่ง เขาเดินไปอย่างรวดเร็วที่หินตรงหัวมุมก่อนจะยื่นแขนไปหยิบคัมภีร์ที่อยู่ใต้สุด หยางเย่เป่าฝุ่นออกเผยให้เห็นตัวอักษรข้างบน วิชาปราการร้อยชั้น
หยางเย่รู้สึกยินดีอย่างมากเมื่ออ่านอักษรบนคัมภีร์ เขารีบเปิดดูด้วยความตื่นเต้น
“วิชาปราการร้อยชั้นถูกแบ่งออกเป็นสี่ระดับ ระดับแรกคือกายศิลาเทวะ ระดับที่สองคือกายเหล็กกระดูกหิน ระดับสามคือกายทองแดงกระดูกเหล็ก ระดับที่สี่คือกายเหล็กกล้า ทุกครั้งที่พลังทางกายภาพเพิ่มขึ้น พลังป้องกันก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เมื่อฝึกฝนถึงระดับสี่ กระบวนท่าธรรมดาจะไม่สามารถทำร้ายร่างกายได้แม้แต่น้อย
เมื่อเห็นคำแนะนำ หยางเย่ค่อนข้างผิดหวัง ถูกต้อง หยางเย่ผิดหวังเพราะวิชาปราการร้อยชั้นนี้ค่อนข้างอ่อนแอ พลังทางกายภาพของเขาตอนนี้อยู่ขั้นกายเหล็กกระดูกหิน หากฝึกฝนอย่างหนักอีกนิดก็สามารถบรรลุระดับกายทองแดงกระดูกเหล็กได้
กล่าวคือวิชานี้ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อเขาเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่ามีไม่อะไรเลย โดยเฉพาะในคำอธิบายเพิ่มมีวิธีควบคุมอารมณ์ในร่างกาย สิ่งนี้ค่อนข้างดีสำหรับหยางเย่
หลังจากเก็บคัมภีร์ หยางเย่พร้อมจะออกจากที่นี่ แต่ทันใดนั้น สายตาหยางเย่หันไปเห็นคัมภีร์ที่วางอยู่ด้านข้างวิชาปราการร้อยชั้น เขาเห็นคำว่าเคล็ดวิชาดาบดึงสวรรค์
หยางเย่ชะงักไปชั่วครู่ เพราะเขาไม่คาดว่าจะมีเคล็ดวิชากระบวนท่าอยู่ในพื้นที่บ่มเพาะพลังนี้ อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจในทันทีว่ามันถูกวางไว้ผิดที่
หยางเย่ที่เต็มไปด้วยความสงสัยได้หยิบคัมภีร์ขึ้นมา เขามองไปที่คำว่า ‘ดึงสวรรค์’ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำ “ชื่ออะไรกัน?”
ทันทีที่กล่าวจบ เขาเริ่มเปิดดูข้างในของคัมภีร์
“เคล็ดวิชาดึงสวรรค์ วิชาดาบขั้นสีเหลืองระดับสูง…” ขณะที่อ่าน ดวงตาหยางเย่ส่องประกายจ้าขึ้นทุกที ความตื่นเต้นปรากฏบนใบหน้าของเขาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หยางเย่ปิดคัมภีร์พร้อมกล่าว “มันเยี่ยมจริง ๆ โชคดีที่เราไม่ได้ปล่อยให้หลุดมือไป”
วิชาฉีกสวรรค์มีวิชาการคล้ายกับปฏิกิริยาโต้กลับที่เขาคิดค้น แต่ก็แตกต่างกันอยู่ มันเน้นไปที่ความเรียบง่าย รวบรัด และจัดการได้ในการโจมตีเดียว มันไม่ต้องร่ายรำหรือท่าทีมากมาย แน่นอนว่ามันร้ายกาจ แต่หยางเย่ก็ทราบดีว่ามันยากที่จะบรรลุได้ เพราะต้องผสมผสานระหว่างกำลังและความเร็วเพื่อได้ผลตามที่ในคัมภีร์ได้กล่าวไว้
บางทีอาจจะยากสำหรับคนอื่น แต่ไม่ใช่สำหรับหยางเย่ เพราะเขาได้มีรากฐานวิชานี้อยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นเขาต้องการวิชานี้เพื่อให้ปฏิกิริยาโต้กลับสมบูรณ์แบบ ในอดีตที่หยางเย่ใช้ปฏิกิริยาโต้กลับ เขารู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นวิชาดาบนี้ เขาทราบทันทีว่ามันคือส่วนที่หายไป
มันขาดการโจมตีกลับแบบปะทุ ในอดีต เขาไม่เคยเก็บดาบไว้ในฝัก ไม่เพียงแค่เขา ศิษย์ส่วนใหญ่ในสำนักดาบราชันเองก็ไม่เก็บดาบไว้ในฝักเช่นกัน เพราะทุกคนคิดว่ามันน่ารำคาญ
หากเก็บดาบไว้ในแหวนมิติ มันสามารถปรากฏได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่นึกคิด มันสะดวกกว่ามากนัก
การคิดเช่นนี้้หาใช่เรื่องที่ผิดไม่ แต่ปฏิกิริยาโต้กลับของหยางเย่ไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะปฏิกิริยาโต้กลับจะจู่โจมที่จุดอ่อนของคู่ต่อสู้ และจัดการมันด้วยการโจมตีเดียว ดังนั้นเพื่อจะบรรลุวิชานี้ ไม่เพียงกำลังและความเร็ว มันยังต้องมีแรงปะทุที่รุนแรง! กล่าวคือ พลังดาบจะปะทุเมื่อดึงดาบกลับตามเคล็ดวิชาดึงสวรรค์
ด้วยวิชาดาบดึงสวรรค์ หยางเย่จะสามารถผสานเข้ากับปฏิกิริยาโต้กลับที่คิดค้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันจึงทำให้เขาค่อนข้างตื่นเต้น
หยางเย่นำวิชาทั้งสองกลับลงมาชั้นล่างตรงหยานซู “ผู้อาวุโสหยาน ข้าขอนำวิชาทั้งสองนี้กลับไป!”
เมื่อเห็นวิชาทั้งสองในมือหยางเย่ หยานซูขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “วิชาปราการร้อยชั้น? เจ้าหนุ่ม ไม่ทราบหรือว่าการฝึกวิชานี้ต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน? ยิ่งกว่านั้นหลังจากบรรลุขั้นปราณสวรรค์ เจ้าจะสามารถใช้พลังปราณล้ำลึกเพื่อดึงพลังมาปรับแต่งร่างกายได้ ดังนั้นมันไม่จำเป็นต้องทรมานตนเองฝึกวิชานี้หรอก!”
หยางเย่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นอะไร ข้าจะขอลองดูก่อน!”
เขาไม่ได้บอกผู้อาวุโสว่าวิชานี้มันเหมาะสมกับเขาที่สุด แต่ความปรารถนาดีของผู้อาวุโสทำให้หยางเย่รู้สึกอบอุ่นจิตใจ
หยานซูส่ายหัวเมื่อได้ยินหยางเย่ จากนั้นมองไปที่คัมภีร์อีกอันพร้อมกล่าว “ข้าไม่มากความหากเจ้าต้องการฝึกมัน แต่เจ้าคิดจะฝึกวิชาดาบดึงสวรรค์จริงหรือ? เจ้าทราบหรือไม่ว่าวิชาดาบส่วนใหญ่ในสำนักดาบราชันขึ้นอยู่กับความเร็ว? แต่เจ้าจะใช้วิชาดาบดึงสวรรค์ขณะที่ถูกดาบของผู้อื่นแทงเข้ามา หากไม่เร็วพอเจ้าจะต้องพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวงนะ”
หยางเย่กล่าว “ผู้อาวุโส ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่ข้าต้องขอทดสอบดูก่อน!”
หยานซูส่ายหัวพร้อมกล่าว “อย่าหาว่าข้าเรื่องมากเลย แต่ข้าเป็นผู้อาวุโสเฝ้าคัมภีร์มานาน ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดใช้วิชาปราการร้อยชั้นกับวิชาดาบดึงสวรรค์สักครั้ง ไม่ใช่ว่าวิชาทั้งสองนี้ไม่ดี แต่เพราะวิชาทั้งสองนั้นยากเกินไปที่จะใช้ ยิ่งกว่านั้นผลของมันอาจไม่เท่ากับวิชาอื่น ถ้าเจ้าต้องการจะยอมแพ้ ข้าก็จะให้เจ้าไปเลือกอีกครั้ง!”
หยางเย่ฝืนยิ้มพร้อมกล่าว “ข้าขอบคุณผู้อาวุโสจากใจจริงสำหรับคำแนะนำ แต่ข้าก็ต้องการจะลองดูก่อนสักครั้ง หากมันยากเกินไปจริง ๆ เช่นนั้นข้าจะหาคะแนนพิเศษมาแลกเปลี่ยนกับวิชาอื่น ดีหรือไม่?”
หยานซูถอนหายใจเมื่อเห็นหยางเย่ยังคงดื้อรั้น “ลืมมันเสีย ด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของเจ้า บางทีอาจจะสามารถบรรลุวิชาซับซ้อนในโลกนี้ได้ จำเอาไว้ว่าวิชาของสำนักดาบราชันนั้น ห้ามให้คนนอกฝึกฝนเด็ดขาด เจ้าต้องกลับมาคืนมันภายในหนึ่งเดือน มิเช่นนั้นเจ้าจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก!”
หยางเย่ถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นหยานซูหยุดไล่ไปเปลี่ยนวิชา เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากหยานซูบันทึกข้อมูลเรียบร้อย หยางเย่รีบพาวิชาทั้งสองกลับไปยังหุบเขาวายุเหมันต์ แต่ขณะกำลังผ่านลานฝึก เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นทำให้หยางเย่หยุดชะงัก จากนั้นเขาหันไปหาต้นทางของเสียง