ตอนที่ 150 มู่หรงเหยา
ห้าวันผ่านไป ณ หุบเขาวายุเหมันต์
ในส่วนลึกของป่า หีบดาบล้ําค่าที่เปาเอ๋อมอบให้หยางเย่ก่อนหน้านี้กําลังเปล่งแสง ไม่นานสามสิบหกดาบภายในหีบถูกยิงขึ้นฟ้า
ทั้งสามสิบหกดาบกลายเป็นประกายแสงอยู่กลางอากาศบนท้องฟ้าดาบทั้งหมดไม่ได้เป็นรูปแบบของค่ายกลเหมือนแต่ก่อน แต่เรียงแถวกันเป็นหนึ่งเส้น หลังจากนั้น พวกมันเริ่มร่ายรําไปมาราวกับตัวมังกร
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ทั้งสามสิบหกดาบเริ่มรวมตัวกันเป็นดาบมหึมาก่อนจะพุ่งยิงไปที่ป่าด้านล่าง
ปัง!
ต้นไม้จํานวนมากถูกฟันกระจายเป็นชิ้น ๆ
ไม่นานดาบที่รวมตัวกันเป็นรูปดาบขนาดยักษ์ได้แยกออกจากกันพร้อมกระจายไปทั่วป่า
ปิ้ง! บึง! ปัง!
แสงส่องประกายระยิบระยับไปทั่วพร้อมกับเสียงระเบิดอย่างต่อเนื่องต้นไม้ที่ล้มลงจํานวนมากทําให้รอบด้านดูวุ่นวายไปหมด
แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้น
ทั้งสามสิบหกดาบถูกยิงขึ้นฟ้าจากนั้นมันเริ่มหมุนเป็นวงกลมด้วยความเร็วสูงสุดด้วยความเร็วขนาดนั้นมันจึงไม่สามารถเห็นตัวดาบที่หมุนอยู่ได้
ไม่นานดาบทั้งหมดกวาดไปรอบพื้นที่ก่อนจะเข้ามารวมตัวกันที่จุดศูนย์และพุ่งลงไปยังผืนป่าที่ล้มระเนระนาด
ปัง!
คลื่นพลังที่น่าสะพรึงสะเทือนไปทั่วทั้งป่าทุกที่ที่มันผ่านพืชพรรณไม้นานาชนิดถูกถอนรากออกจากพื้นและที่พื้นได้ปรากฏรอยฟันจากดาบอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยคําสั่งภายในใจ ทําให้ดาบทั้งสามสิบหกเล่มพุ่งมาที่หยางเย่ราวกับสายฟ้าจากนั้นมันค่อย ๆ ช้าลงและไปโคจรรอบตัวหยางเย่
ใบหน้าเขาเผยรอยยิ้มขณะมองดูดาบทั้งหมด
ตอนต่อสู้กับเฟิงอวี่วันนั้น เขาสูญเสียดาบไปมากมายโชคดีที่ดาบเหล่านั้นไม่ได้เป็นขั้นสีดํา ถึงแม้จะไม่ใช่ขั้นสีดําเขาก็ไม่สามารถหาดาบมาทดแทนได้แต่เมื่อวานหยางเย่ได้ไปที่คลังสมบัติของหลินชานเขาไปเพื่อหาวัตถุดิบสร้างยันต์และสังเกตเห็นว่ามีสมบัติมากมายหลายประเภทอยู่ในนั้น
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้เหลือของดีมากเท่าไหร่นักเพราะแทบทั้งหมดถูกขโมยไปโดยเปาเอ่อ
หลังจากได้รับการยอมรับจากหลินชาน ดาบทั้งหมดในหีบดาบล้ําค่าก็กลายเป็นขั้นสีดําทุกเล่มและดูเหมือนจะร้ายกาจกว่าเดิมอย่างมาก!
หยางเยรู้สึกว่าเขาใช้เจตจํานงแห่งดาบเพิ่มพลังดาบเหล่านั้นได้ตอนนี้แม้แต่ยอดฝีมือขั้นปราณราชันก็ไม่ สามารถป้องกันการโจมตีของหยางเยู่ได้อีก
นอกจากนั้น หยางเย่สังเกตเห็นว่าหีบดาบล้ําค่ามีเพียงวิธีการโจมตีเดียวเขาจึงลองใช้วิชาควบคุมดาบพลิกแพลงการโจมตีของพวกมันดู
กล่าวได้ว่าหีบดาบล้ําค่ามีข้อจํากัดการโจมตีในอดีตเพราะมันโจมตีตามรูปแบบของค่ายกลภายในหีบดาบแต่หลังจากดาบถูกทําลายไปครั้งก่อนตอนนี้ราวกับพวกมันมีชีวิตใหม่ขึ้นมาอีกครั้งเพราะด้วยวิชาควบคุมดาบ ดาบที่เคยเป็นค่ายกลมาก่อนจึงได้ร่ายรําอย่างอิสระอีกครั้งตอนนี้
ทันใดนั้นหยางเย่ได้หันไปดูบางอย่างเพราะมีสตรีคนหนึ่งกําลังยืนอยู่และไม่ทราบว่านางยืนอยู่มานานแค่ไหนสตรีผู้นี้สวมชุดรัดรูปเผยให้เห็นภาพลักษณ์ที่ร้อนแรงน่าดึงดูดอย่างมาก
นางไม่ใช่ผู้ใดนอกจากมู่หรงเหยาที่หยางเย่เคยพบมาก่อนในตอนนั้นดวงตามู่หรงเหยาเผยอาการตกตะลึงและตื่นเต้นอย่างมากขณะมองดาบทั้งสามสิบหกเล่ม
หยางเผยแสดงท่าที่เคร่งขรึมขณะมองดูสตรีตรงหน้าเพราะเขาไม่สามารถทราบได้ว่านางมาอยู่ที่นี่เมื่อไหร่และยังรู้สึกว่าสิ่งนี้ค่อนข้างน่ากลัวไม่น้อย
กล่าวคือ สหายตัวจ้อยจะแจ้งให้เขาทราบทันที่ที่มีคนเข้าใกล้เขาแต่เหตุใดครั้งนี้มันไม่แจ้งเขา?เป็นไปได้หรือไม่ว่าสหายตัวจ้อยไม่สามารถทราบว่านางอยู่ตรงนี้?
หยางเย่มองไปที่หน้าท้องราวกับจะถามสหายตัวจ้อยแต่เขาก็ต้องหัวเราะออกมาอย่างขมขึ้นยิ่งกว่านั้นเขาทราบแล้วว่าเหตุใดสหายตัวจ้อยถึงไม่แจ้งให้ทราบเป็นเพราะสหายตัวจ้อยกําลังนอนกรนอยู่ภายในบ่อน้ําพลังปราณ!
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น หยางเย่ยังคงรู้สึกกลัวสตรีผู้นี้อยู่เล็กน้อยเพราะความสามารถของนางที่มาอยู่ด้านหลังเขาได้โดยที่ไม่รู้ตัว
“มันคือวิชาดาบอะไรกัน?” มู่หรงเหยาเอ่ยก่อน
“เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?” หยางเย่ตอบเป็นคําถาม
“ตั้งแต่ที่เจ้าใช่วิชาดาบ!”
หยางเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะนางได้เห็นวิชาทุกกระบวนท่าที่เขาใช้
เมื่อนึกได้เช่นนั้นหยางเย่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ขณะเดียวกันเขาตัดสินใจว่าจะทําให้มั่นใจก่อนว่าสหายตัวจ้อยตื่นอยู่ก่อนจะเริ่มบ่มเพาะพลังในครั้งหน้า!
“ตลอดหลายปีที่อยู่ในสํานักดาบราชันข้าไม่เคยเห็นวิชาที่เจ้าใช้มาก่อนเจ้าสามารถควบคุมดาบมากมายในเวลาเดียวกันและทําให้มันโจมตีได้ยิ่งกว่านั้นความร้ายกาจของมันยังไม่ธรรมดาเจ้าบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่ามันคือวิชาอะไร?”มู่หรงเหยาเอ่ยถามอย่างสุภาพ
หยางเย่ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “เคล็ดวิชาควบคุมดาบ!”
นางเห็นทุกอย่างไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องปิดบัง
ดวงตามู่หรงเหยาเปล่งประกายก่อนจะเอ่ย “มันเป็นวิชาของสํานักดาบราชันหรือไม่? หากใช่ เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินมันมาก่อน?”
หยางเย่ส่ายหัว “มันเป็นวิชาของข้าเองหาได้เป็นของสํานักดาบราชันไม่”
“เป็นไปได้ยังไง!?” มู่หรงเหยาสงสัยเล็กน้อยเท่าที่นางสงสัยมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่วิชาอันซับซ้อนนี้จะไม่ได้เป็นของสํานักดาบราชัน!เพราะมันวิชาที่ใช้ดาบแม้กระทั่งโรงเรียนปราชญ์ก็ไม่อาจทัดเทียมได้
“ข้ามีเหตุผลใดที่ต้องหลอกลวงเจ้า?” หยางเย่กล่าวอย่างเย็นชา
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ มู่หรงเหยากล่าว “ข้าสนใจวิชานี้!”
“โอ้” หยางเย่เอ่ยก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าเองก็สนใจหลายสิ่งมากมายแต่ก็ไม่ได้หมายความมันเป็นของข้า”
“ข้าสามารถแลกเปลี่ยนกับวิชาอื่น!” มู่หรงเหยาทําข้อเสนอ”ยกตัวอย่างเช่นวิชาลับที่ใช้ปกปิดพลังของข้า ข้าเห็นว่าเจ้าค่อนข้างตกตะลึงในครั้งแรก!”
หยางเย่ส่ายหัวก่อนจะกล่าว “ข้ายอมรับว่าตกตะลึง แต่ก็ไม่สนใจที่จะแลกเปลี่ยน!”
“ไม่มีใครปฏิเสธข้า!” ท่าทีของมู่หรงเหยากลายเป็นเย็นเยือก
หยางเย่มองไปที่นางพร้อมเอ่ย “หากเจ้าโจมตีข้าเช่นนั้นข้ายืนยันว่าสํานักดาบราชันจะต้องสูญเสียคนที่จะเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ไปอีกหนึ่งคนแน่เจ้าลองได้หากไม่เชื่อ”
มู่หรงเหยาหัวเราะเล็กน้อย”ศิษย์ในหลายคนบอกว่าเจ้านั้นเป็นคนยโสและมีความภาคภูมิใจในตนเองมากข้าเห็นได้ชัดแล้วในวันนี้ แต่เจ้ามั่นใจงั้นหรือว่ามีความสามารถเพียงพอที่จะสังหารข้า? ถึงแม่วิชาดาบเมื่อครู่จะน่าสะพรึงจนสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นปราณราชันได้แต่บอกตามตรงมันยังไม่เพียงสําหรับข้า!”
ด้วยคําสั่งในใจหยางเย่ ดาบที่อยู่รอบด้านพุ่งเข้าไปในหีบดาบล้ําค่าจากนั้นได้เก็บดาบทั้งหมดไว้ในตันเถียนนวนก่อนจะเอ่ยขึ้น”ในพื้นที่นี้มันแทบไม่มีใครเข้ามาข้าคาดว่าเจ้าคงตั้งใจมาหาข้าโดยตรงสินะบอกมาสิว่าเหตุใดถึงมาหาข้า?”
เขาไม่คิดจะโต้เถียงเรื่องไร้สาระกับนาง
“เจ้าคิดจะเข้าร่วมประลองในเทียบอันดับสวรรค์งั้นหรือ?”มู่หรงเหยาเอ่ยถาม
หยางเยู่พยักหน้า
“แต่เดิมข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดสํานักดาบราชันถึงอนุญาตให้คนที่อยู่เพียงขั้นปราณสวรรค์ระดับสองเข้าร่วม ได้ แต่ตอนนี้ขาเข้าใจแล้วด้วยเคล็ดวิชาดาบที่เจ้าแสดง ศิษย์ในพวกนั้นล้วนด้อยกว่าเจ้าทุกคน”มู่หรงเหยากล่าว
“เจ้ามาเพื่อดูว่าข้ามีความสามารถเพียงพอหรือไม่แค่นั้นสินะ?”หยางเย่มองมู่หรงเหยาขณะกล่าว
นางยิ้มเล็กน้อย “ถูกต้องแต่ไม่อีกต่อไป มีสัตว์อสูรราชันที่เทือกเขาแห่งความตาย ศิษย์ของสํานักเราส่วนหนึ่งที่เข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์พวกเขาคิดจะล่าและสังหารสัตว์อสูรราชันตัวนั้นอย่างแรกพวกเราสามารถได้คะแนนพิเศษจากสํานักอย่างที่สองพวกเรายังได้ฝึกฝนตนเองเจ้าสนใจจะเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่? มันมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรราชัน!”
“เจ้าคิดจะสังหารราชันหมีพสุธางั้นหรือ?”หยางตกตะลึง
มู่หรงเหยาพยักหน้า “มันคืออะไร?”
“ผู้ที่อยู่เบื้องบนของสํานักดาบราชั้นทราบเรื่องนี้หรือไม่?” หยางเย่ขมวดคิ้วขณะเอ่ยถาม
มู่หรงเหยาส่ายหัว “พวกเราที่เป็นตัวแทนเข้าร่วมประลองได้ตัดสินใจกันเอง และยังไม่ได้แจ้งให้บรรดาผู้ อาวุโสทราบ!”
ใบหน้าหยางเย่มืดดําทันทีที่ได้ยิน “ใครเป็นคนต้นคิด?”
“อู่หยางเหยิน!” มู่หรงเหยาถามต่อ “เกิดอะไรขึ้น?มีปัญหาอะไรหรือไม่?”
“ไม่ ข้ามีเรื่องอื่นที่ต้องไปทําเช่นนั้นข้าคงไม่อาจเข้าร่วมได้”ทันทีที่กล่าวจบหยางเย่หันหลังเดินจากไปยังทางออกหุบเขาอย่างไรก็ตาม คิ้วที่ขมวดของเขายังคงอยู่
คิ้วของมู่หรงเหยาเองก็ขมวดเล็กน้อยเช่นกันไม่นานนางส่ายหัวและออกจากหุบเขาไป