ตอนที่ 123 โจมตี
“เจ้าทราบหรือไม่ว่ากําลังสามหาวอยู่กับใคร?” ตงอู่ฉางกล่าวอย่างหงุดหงิด
“ศิษย์น้องหยาง นี่คือศิษย์พี่ตงอู่ฉางจากยอดเขานภา เขาเป็นผู้นํากลุ่มครั้งนี้” เหว่ยเหริ่นรีบอธิบายจากด้านข้าง เขาทราบนิสัยของหยางเย่อยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงกลัวหยางเย่จะมีความขัดแย้งกับตงอู่ฉาง
หยางเย่เผยยิ้มพร้อมกล่าว “ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่ตงอู่ฉางบอกจะให้คําอธิบายแก่ราชวังบุปผา ข้าต้องการทราบจริงว่ามันคือคําอธิบายประเภทใด หรือทั้งจะส่งข้าให้พวกนาง?”
“เหตุใดเจ้าถึงสังหารศิษย์ของราชวังบุปผา?” ตงอู่ฉางถามอีกครั้ง
“เป็นเพราะพวกนางโจมตีข้าก่อน” หยางเย่กล่าว เขาต้องการเห็นศิษย์ในของสํานักจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ตงอู่ฉางขมวดคิ้ว จากนั้นเขาหันไปมองจ้าวฮานเยว่ แต่นางไม่กล่าวสิ่งใด เมื่อเห็นเช่นนั้นตงอู่ฉางจึงสูดหายใจลึก เขาหันไปมองหยางเย่พร้อมเอ่ย “ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ถูกที่เจ้าจะไปสังหารศิษย์ของราชวังบุปผา เอาแบบนี้ไหม? ข้าจะไม่สังหารเจ้า แต่จะทําลายวรยุทธ์แทน เจ้ามีข้อโต้แย้งใดหรือไม่?”
เขาไม่ต้องการลงมือกับศิษย์ของสํานักตนเอง แต่ก็ไม่ต้องการให้จ้าวฮานเยว่เข้าร่วมกับสํานักภูตผี เพราะหากเป็นเช่นนั้น พวกเขาจะต้องตายวันนี้แน่นอน
เมื่อได้ยินตงอู่ฉางกล่าว ท่าทีเหว่ยเหรินเปลี่ยนไปทันที หยางเย่คือคนที่ผ่านเข้าสู่ชั้นยี่สิบสองของหอคอยผู้รับใช้ดาบได้ ศิษย์ที่มีพรสวรรค์และความสามารถถึงเพียงนี้ เขาไม่ใช่คนที่ศิษย์พี่ผู้ยืนอยู่ตรงหน้าจะมาชี้นิ้วสั่งได้
ขณะที่เหว่ยเหริ่นกําลังจะกล่าวบางอย่าง หยางเย่ได้กล่าวขัดขึ้น “หากเป็นตามที่ท่านกล่าว ก็มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สังหารข้าได้ แต่ข้าทําไม่ได้ใช่หรือไม่?”
“อิ่ม!” ทันใดนั้น จ้าวฮานเยว่อุทานอย่างไม่พอใจพร้อมกล่าวเย้ยหยัน “ตงอู่ฉาง ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะไม่สามารถควบคุมศิษย์นอกของสํานักดาบราชันได้ ข้าประเมินเจ้าสูงเกินไปสินะ!”
ซูหยานหัวเราะเบา ๆ พร้อมเอ่ย “พี่ตง ท่านเป็นคนเมตตาเกินไป แม้กระทั่งศิษย์นอก ก็ยังกล้าจะต่อต้าน ท่านนี้ช่างล้มเหลวในการเป็นศิษย์พี่โดยแท้จริง!”
“จ้าวฮานเยว่ ตงอู่ฉางไม่สามารถให้คําอธิบายกับเจ้าได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นเหตุใดพวกเราถึงไม่ร่วมกันจัดการพวกมันเสียที?” หัตถ์ภูติวิญญาณเฝ้าดูมาตลอด
ท่าทีของตงอู่ฉางเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อโดนเย้ยหยันจากพวกเขา เขารีบกล่าวด้วยน้ําเสียงเย็นเยือก “หยางเย่ ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ถูกที่ไปสังหารศิษย์ของราชวังบุปผา เพื่อป้องกันการขัดแย้ง ระหว่างสํานักดาบราชัน และราชวังบุปผา ข้าต้องทําลายวรยุทธ์เจ้าพร้อมส่งตัวให้ราชวังบุปผา สําหรับสํานักดาบราชัน ข้าจะให้คําอธิบายพวกเขาเอง!” เมื่อกล่าวจบ ตงอู่ฉางคิดจะลงมือกับหยางเย่
“ฮ่าฮ่า…” หยางเย่หัวเราะออกมาดังก่อนจะกล่าว “งั้นนี่ก็คือศิษย์ในของสํานักดาบราชันสินะ เห็นได้ชัดว่าศิษย์ในนั้นกระจอกดีแท้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดสํานักดาบราชันถึงอยู่อันดับล่างสุดของหกมหาอํานาจ ช่างน่าขันนัก! ทําลายวรยุทธ์ข้าแล้วส่งให้ราชวังบุปผาจัดการงั้นหรือ? ตงอู่ฉาง! เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร?”
ทันทีที่กล่าวจบ หยางเย่ไม่รอให้ตงอู่ฉางได้กล่าวสิ่งใดอีก เขาชักดาบฟันออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า!
เมื่อได้ยินหยางเย่กล่าว ตงอู่ฉางชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะบันดาลโทสะ ขณะที่กําลังจะลงมือ เขาไม่คาดคิดว่ายอดฝีมือขั้นปราณมนุษย์ที่ยืนตรงหน้าจะโจมตี ยิ่งกว่านั้นไม่คาดคิดว่าความเร็วของดาบหยางเย่จะน่ากลัวถึงเพียงนี้ โชคดีมันไม่ได้เร็วจนถึงขั้นที่เขาไม่สามารถต้านได้
เขาไม่มีเวลาคิดสิ่งใดมาก ตงอู่ฉางรีบถอยหลังอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหลีกการโจมตีของหยางเย่ แต่ขณะที่เท้ากําลังแตะพื้น มือที่ซีดเซียวคู่หนึ่งปรากฏตรงด้านหลังของเขา
มันคือหัตถ์ภูตวิญญาณที่รีบเข้ามาโจมตีพร้อมกลับหยางเย่
“หัตถ์ภูตวิญญาณ! ศิษย์พี่ตงระวังตัว!” เมื่อเห็นเช่นนั้น เหว่ยเหริ่นและศิษย์คนอื่นต่างพากันหน้าซีดเผือดจากความกลัว!
ท่าทีตงอู่ฉางเปลี่ยนไปทันที เขากระทืบเท้าก่อนจะพุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้าเพื่อหลบการโจมตีของหัตถ์ภูตวิญญาณ แต่ก็ยังมีเลือดออกมาจากไหล่ของเขา
หยางเย่ไม่ไล่ตามตงอู่ฉางไปเพื่อโจมตีครั้งที่สอง ถึงแม้เขาต้องการสังหารตงอู่ฉาง แต่ไม่ต้องการเข้าร่วมกับหัตถ์ภูตวิญญาณเพราะซูชิงฉือ
หัตถ์ภูตวิญญาณสถบในใจเมื่อการโจมตีของเขาพลาดท่า “บัดซบ!”
เขาต้องการจะโจมตีต่อ แต่ก็ไม่มีโอกาสอีก เพราะศิษย์ของสํานักดาบราชันได้เข้าไปอยู่ข้างตงอู่ฉางแล้ว
หัตถ์ภูตวิญญาณเลียโลหิตที่มือก่อนจะมองไปที่หยางเย่ “สหายน้อย มันเป็นการโจมตีที่รวดเร็วมาก เมื่อตงอู่ฉางต้องการส่งเข้าไป แล้วไฉนถึงไม่ร่วมมือกันล่ะ โฉมงามข้างกายเจ้าก็เช่นกัน เจ้าคิดเห็นเช่นไรหากพวกเราทั้งสามร่วมมือกันจัดการพวกสํานักดาบราชันที่นี่เสีย?”
“หยางเย่ เหตุใดเจ้าถึงกล้าทรยศสํานัก!” ตงอู่ฉางมองไปยังหยางเย่พร้อมกล่าวด้วยน้ําเสียงโกรธเกรี้ยว เขาไม่คาดคิดว่าศิษย์นอกจะกล้าโจมตีเขา ยิ่งกว่านั้นเขายังเกือบตายจากการโจมตีของหัตถ์ภูตวิญญาณเพราะการโจมตีนั้น สิ่งนี้ทําให้เขารู้สึกตกตะลึงและโกรธไปพร้อมกัน
“ข้าทรยศสํานัก?” หยางเย่หัวเราะออกมาอย่างดุเดือด “ตงอู่ฉาง ข้าหยางเย่ ไม่ใช่ศิษย์ของสํานักดาบราชัน ดังนั้นจะเป็นคนทรยศได้ยังไง? สําหรับเหตุผลนั้นเจ้ากลับไปถามผู้อาวุโสบัญชาดาบที่ยอดเขานภาเอง ยิ่งกว่านั้นความขัดแย้งระหว่างข้ากับแม่นางจ้าวก็หาได้เป็นธุระของเจ้าไม่ และยังไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสํานักดาบราชันแม้แต่น้อย เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็หยุดแส่หาเรื่องเสียที!”
“เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของสํานักดาบราชันงั้นหรือ?” ตงอู่ฉากกล่าวอย่างสงสัย ทั้งเหว่ยเหริ่นและคนอื่นข้างเขาก็สับสนเช่นกัน
“ยิ่งดีหากเจ้าไม่ใช่ศิษย์สํานักดาบราชัน สหายน้อย พวกเรามาร่วมมือกันจัดการพวกมันให้สิ้นซากไปเลยดีหรือไม่?” หัตถ์ภูตวิญญาณเชิญชวนอีกครั้งหนึ่ง
“เมื่อเจ้าไม่ใช่ศิษย์ของสํานักดาบราชัน แล้วเจ้าเป็นใครกัน? ผู้ใดมันบังอาจให้เจ้ามาสังหารศิษย์ของราชวังบุปผา?” จ้าวฮานเยว่มองหยางเย่พร้อมกล่าว
หยางเย่ไม่ตอบทั้งสอง เขาหันไปหาฉินที่เยว่พร้อมกล่าว “ไปกันเถอะ!”
ภายใต้สถานการณ์นี้ เขาไม่สามารถสังหารจ้าวฮานเยว่ได้แน่นอน ดังนั้นจึงไม่คิดอยู่ต่อให้เสียเวลา ยิ่งกว่านั้นตราบใดที่นางยังอยู่ในสุสานนี้ เขาก็ยังคงมีโอกาสอีกมาก
ฉินเยว่พยักหน้าก่อนจะตามหยางเย่ไป
เมื่อเห็นทั้งสองกําลังจะไป ประกายเย็นเยือกปรากฏผ่านดวงตาจ้าวฮานเยว่ นางต้องการจะโจมตีอยู่หลายครั้ง แต่ก็ต้องข่มไว้ เพราะเขายังมีสตรีอีกคนอยู่ด้านข้าง ดังนั้นนางจึงไม่มีความมั่นใจมากพอว่าจะสามารถเอาชีวิตชายหนุ่มนามหยางเย่ได้
หัตถ์ภูตวิญญาณลังเลอยู่ชั่วครู่แต่ก็ไม่ได้ทําสิ่งใด ถึงแม้เขาจะไม่พอใจในทัศนคติของหยางเย่ เขาก็ไม่กล้าจะโจมตีเช่นกัน เพราะสตรีด้านข้างที่อยู่ขั้นปราณราชันด้านข้าง ยิ่งกว่านั้นหากเขาลงมือ เช่นนั้นก็อาจตกอยู่ในอันตรายได้หากหยางเย่และตงอู่ฉางร่วมมือกัน
เมื่อนึกได้เช่นนั้นหัตถ์ภูตวิญญาณจึงหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือไปคว้าร่างซูเสียวเสี่ยวมา จากนั้นร่างเขาได้หายไปทันที “เมื่อไม่มีผู้ใดต้องการศพนี้ เช่นนั้นข้าหัตถ์ภูตวิญญาณขอรับของขวัญชิ้นนี้ไปแล้วกัน อย่ากังวล ข้าจะดูแลนางอย่างดี ฮ่าฮ่า…”
“หัตถ์ภูตวิญญาณ!” จ้าวฮานเยว่คํารามอย่างโกรธเกรี้ยวก่อนจะตามหัตถ์ภูตวิญญาณไป
“แต่เดิมข้าคิดจะมาชมเท่านั้น!” ซูหยานถอนหายใจพร้อมกล่าว “ข้าไม่คาดคิดว่ามันจะลงเอยเช่นนี้ พี่ตงลาก่อน!”
ทันทีที่กล่าวจบ เขาไม่อยู่อีกต่อไปพร้อมกับนําศิษย์จากโรงเรียนปราชญ์หายไปตามทางเช่นกัน
หลังจากเขาไป ตงอ่ฉางเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงต่ํา “เหว่ยเหริ่น หยางเย่เป็นศิษย์ของสํานักดาบราชันจริงหรือไม่?”
“ศิษย์พี่!” เหว่ยเหริ่นรีบกล่าว “แน่นอนว่าเขาใช่ เขาเคยเป็นศิษย์นอกมากก่อน แต่ผู้อาวุโสเซียนลดระดับเขาไปเป็นศิษย์ใช้แรงงาน เพราะไม่สามารถดูดซึมพลังปราณได้ในเวลานั้น แต่เขาก็กลับมาหลังจากผ่านไปหนึ่งปี ไม่เพียงแต่จะกลับมา เขายังเข้าไปถึงชั้นยี่สิบสองของหอคอยผู้รับใช้แห่งดาบได้ และยังทําลายสถิติของมู่หรง!”
“ชั้นยี่สิบสอง?” ตงอ่ฉางตกตะลึง
เหว่ยเหริ่นพยักหน้า “ไม่เพียงแค่นั้น เขายังจัดการหลิวชิงอวี่ที่อยู่ขั้นปราณสวรรค์ระดับสองด้วย”
เปลือกตาตงอู่ฉางกระตุกทันทีที่ได้ยิน นี่มันอัจฉริยะที่ร้ายกาจ เหลือเพียงเวลาเท่านั้นที่อัจฉริยะผู้นี้จะเหนือกว่าเรา!
“แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงบอกว่าไม่ใช่ศิษย์สํานักดาบราชัน!” เหว่ยเหริ่นสับสน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ตงอู่ฉากส่ายหัวพร้อมกล่าว “อย่าไปสนใจเขาให้มากเลย ข้าจะไปถามผู้อาวุโสทันทีที่กลับไป ยังดีที่เขาไม่ใช่ศิษย์สํานักดาบราชันของเรา แต่หากเขาใช่ เช่นนั้นสํานักคงลงโทษเขาอย่างหนักในฐานะที่เป็นศิษย์ผู้สังหารศิษย์ของราชังบุปผา และก็ไล่เขาออกอย่างแน่นอน!”
เมื่อกล่าวจบ ตงฉางเผยประกายเย็นเยือก
เหว่ยเหริ่นมุมปากขยับเล็กน้อย เขาตั้งใจจะบอกว่าราชวังบุปผาโจมตีก่อน แต่เมื่อเห็นท่าทีของตงอู่ฉางที่โกรธเกรี้ยวอยู่ เขาทราบดีว่าศิษย์พี่ตงคงเกลียดหยางเย่ งั้นเขาจึงหยุดคําที่จะกล่าวออกไป