ตอนที่ 106 การต่อสู้ที่วุ่นวาย
ในตอนแรกหยางเย่ชะงักเมื่อเห็นชายหนวดโค้ง แต่เมื่อเห็นว่าเขามีขนบนใบหน้าด้วย ท่าที่หยางเย่เปลี่ยนเป็นคิดหนักทันที เพราะชายหนวดโค้งตรงหน้าเป็นสัตว์อสูรจิตวิญญาณที่แปลงกายเป็นมนุษย์!
เมื่อมองไปยังชายหนวดโค้งตรงหน้ากับบรรดาสิงโตเพลิงกัมปนาทรอบด้าน หยางเย่หวังว่าที่สหายตัวจ้อยกล่าวมาไม่ใช่เรื่องโม้โอ้อวด มิเช่นนั้นเขาจะต้องกลายเป็นชิ้นเนื้อในปากพวกมันแน่นอน
ไม่ใช่เพียงหยางเย่คนเดียวที่มีท่าที่เคร่งขรึม ชายเกราะทองเองก็มีท่าทีเช่นเดียวกัน
เป็นที่ยอมรับอย่างเห็นได้ชัดว่า สัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ ระดับขั้นบ่มเพาะพลังของสัตว์อสูรราชันนั้นทัดเทียมกับมนุษย์ขั้นปราณสวรรค์ แต่ความแข็งแกร่งนั้นสามารถทัดเทียมได้กับมนุษย์ขั้นปราณราขัน ส่วนสัตว์อสูรขั้นจิตวิญญาณนั้นเหนือกว่ามนุษย์ขั้นปราณราชัน พวกมันแข็งแกร่งทัดเทียมกับมนุษย์ขั้นปราณจิตวิญญาณ มีเพียงขั้นจิตวิญญาณเท่านั้นที่ช่องว่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูรนั้นใกล้กันมากที่สุด
ชายเกราะทองได้สูดหายใจลึกก่อนปล่อยพลังจิตสังหารออกมาจากร่างกาย ขณะที่ปีกคู่หนึ่งได้ถูกก่อตัวขึ้นด้านหลังของเขา ปีกคู่นั้นกระพือเบา ทําให้ร่างของเขาลอยขึ้นไปก่อนจะลงมาอยู่ตรงหน้าชายหนวดโค้ง
การสร้างปีกด้วยพลังปราณล้ำลึกบ่งบอกว่าเขาเป็นยอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณ
หัวใจของหยางเย่เต้นรัวเมื่อมองไปยังปีกคู่นั้น จากนั้นได้ถอนหายใจโล่งอกออกมา เมื่อมียอดฝีขั้นปราณจิตวิญญาณอยู่ที่นี่ เช่นนั้นขณะที่พวกเขายังยุ่งกันอยู่ หยางเย่ก็สามารถปลีกตัวหนีออกไปได้ไม่ยาก
“ข้ามาตามคําบัญชาขององค์จักรพรรดิเพื่อส่งตัวองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ไปยังนครสัตว์อสูร เพื่อทําการหมั้นหมายกับองค์ชายแห่งอาณาจักรท่าน!” ชายเกราะทองจ้องเขม็งไปยังชายหนวดโค้งขณะกล่าวด้วยเสียงต่ำ
” หมั้นหมาย?” รอยยิ้มเย็นยะเยือกปรากฏผ่านมุมปากของเขาพร้อมกล่าว “ไม่จําเป็นต้องทําเช่นนั้น กลับไปยังที่ที่เจ้ามาเสีย! นอกจากนั้นฝากข้อความไปบอกองค์เหนือหัวของเจ้าด้วย บอกให้เขาเลิกคิดที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับอาณาจักรสัตว์อสูรของข้า มิเช่นนั้นกองทหารของขุนเขาไม่สิ้นจะบุกเข้าไปทําลายจักรวรรดิต้าฉินของพวกเจ้าสักวันหนึ่ง!”
ชายเกราะทองหรี่ตาลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นพร้อมเอ่ย ” ท่านทราบหรือไม่ว่าจะได้รับผลที่ตามมาเช่นไรจากการขัดขวางการแต่งงานเพื่อสมานฉันท์?”
“ผลที่ตามมา?” ชายหนวดโค้งหัวเราะอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขากระทืบพื้นด้วยเท้าขวา ทําให้พื้นดินในระยะสามสิบเมตรถล่มลงมา ”ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้งเดียว นําคนของเจ้าไสหัวออกไปจากพื้นที่นี่เสีย มิเช่นนั้นวันนี้จะกลายเป็นวันตายของพวกเจ้า!”
ทันทีที่กล่าวจบ สิงโตเพลิงกัมปนาทรอบด้านได้คํารามกันอย่างดุดัน ดูเหมือนว่าหากชายเกราะทองยังแสดงท่าทีที่จะไม่ยอมไป บรรดาสัตว์อสูรจะต้องพุ่งเข้าโจมตีอย่างแน่นอน
มิงค์ม่วงบนไหล่หยางเยรู้สึกไม่พอจเล็กน้อยเมื่อเห็นบรรดาสิงโตเพลิงกัมปนาทและชายหนวดโค้งทําตัวหยิ่งผยอง มันทําท่าราวกับจะเข้าไปสั่งสอนพวกนี้สักหน่อย แต่หยางเย่ก็รีบอุ้มมิงค์ม่วงไว้พร้อมกล่าว “สหาย สงบใจลงก่อน มันยังไม่ใช่เวลาของพวกเรา!”
หยางเย่ไม่กล้าให้มิงค์ม่วงออกไปแสดงพลัง เพราะคนของจักรวรรดิต้าฉันยังอยู่กันเต็มไปหมดและเขาไม่ต้องการให้สหายตัวจ้อยปรากฏตัวต่อหน้าคนของจักรวรรดิต้าฉิน ยิ่งกว่านั้นก็ไม่ทราบว่าพลังของสหายตัวจ้อยจะสามารถข่มพวกมันได้จริงหรือเปล่า มันดีหากสําเร็จ แต่หากล้มเหลวล่ะ?
ประกายเย็นชาปรากฏผ่านดวงตาของชายเกราะทอง เขามองอย่างเย็นเยือกไปที่ชายหนวดโค้ง จากนั้นได้หันหลังเดินไปยังรถม้า ทันใดนั้นเขาหยุดและหันไปมองหยางเย่ เขาตกตะลึงทันทีที่เห็นว่าไม่มีความหวาดกลัวบนใบหน้าของหยางเย่แม้แต่น้อย ความประหลาดใจถูกเผยผ่านดวงตาของเขาขณะกล่าว ” น้องชาย ดาบของเจ้าไม่เคยหลุดออกจากมือ เจ้าเป็นศิษย์สํานักดาบราชันงั้นหรือ?”
หยางเย่ชะงักเพราะไม่คาดคิดว่ายอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณจะทักทายเขาก่อน หยางเย่รีบส่ายหัวพร้อมกล่าว “ไม่ใช่!”
ชายเกราะทองประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคําตอบของหยางเย่ แต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ เขาพยักหน้าก่อนจะเดินไปยังรถม้า จากนั้นเขาบอกสิ่งที่ชายหนวดโค้งได้บอกไว้แก่คนข้างใน
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงเย็นชาของสตรีภายในรถม้าได้ดังขึ้น เมื่อพวกเขาไม่ต้อนรับเช่นนั้นเหตุใดต้องเอาชีวิตเข้าไปแลก มุ่งหน้ากลับจักรวรรดิเ”
ชายเกราะทองขมวดคิ้ว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกล่าว “ฝ่าบาท แล้วเราจะให้คําอธิบายยังไง เมื่อกลับไปเช่นนี้?”
” คําอธิบายงั้นหรือ?” เสียงหัวเราะเย็นชาดังออกมาจากรถม้า ” เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ปะทะกับพวกสัตว์อสูรตรงหน้าเสียก่อน แล้วก็ค่อยเข้าไปยังนครสัตว์อสูรดีหรือไม่?”
ชายเกราะทองหัวเราะอย่างขมขึ้นพร้อมกล่าว ” ฝ่าบาท จํานวนของพวกมันมากกว่าเราตั้งห้าสิบต่อหนึ่ง และพวกมันยังมีสัตว์อสูรจิตวิญญาณอยู่ด้วย เช่นนั้นพวกเราจะเอาชนะได้ยังไง?”
” เมื่อเจ้าไม่ต้องการกลับไปจักรวรรดิ และไม่ต้องการปะทะกับพวกสัตว์อสูร เช่นนั้นเจ้าต้องการสิ่งใด?” น้ำเสียงเย็นเยือกออกมาจากรถม้าพร้อมประกายแห่งความโมโห
” ข้าคิดว่าจะขอฝ่าบาทให้ใช้ยันต์สื่อสารเพื่อแจ้งให้องค์จักรพรรดิทราบ และขอให้ส่งกองกําลังเสริมมาช่วย!” ชายเกราะทองกล่าว
“เจ้ามียันต์สื่อสารระดับสูงงั้นหรือ?” ท่าที่อันขมขึ้นปรากฏบนหน้าของชายเกราะทองชัดขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาทราบว่าคนในรถม้าไม่ต้องการไปยังนครสัตว์อสูร ดังนั้นเขาจึงหยุดเสียเวลาพร้อมโค้งคํานับคนในรถม้า จากนั้นเขาหันหลังเดินไปยังชายหนวดโค้ง
ถึงแม้จะโดนลงโทษเมื่อกลับไปก็ยังดีกว่าถูกสังหารอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงทําการตัดสินใจ
ขณะที่ตัดสินใจจะออกคําสั่งถอยทัพ เหยียวทมิฬได้โฉบลงมาจากท้องฟ้าไปปรากฏตรงหน้าชายหนวดโค้ง จากนั้นไม่นาน ชายหนวดโค้งหันไปมองกลุ่มคนของจักรวรรดิต้าฉิน รังสีอํามหิต ปรากฏผ่านดวงตาของเขาพร้อมกล่าว “ข้าให้โอกาสแก่พวกเจ้าไปแล้ว แต่พวกเจ้ากลับไม่เห็นค่ามัน ตอนนี้พวกเจ้าไม่สามารถไปไหนได้แม้จะร้องขอชีวิต ฆ่าให้หมด!”
ทันทีที่กล่าวจบ บรรดาสิงโตกระหายเลือดได้พุ่งกระโจนใส่กลุ่มทหารม้าอย่างบ้าคลั่งทันที
ชายเกราะทองท่าที่เปลี่ยนไปทันที่เขารีบตะโกน “ปกป้องฝ่าบาท”
ทันทีที่เอ่ยออกไป เขากระโจนไปข้างหน้าพร้อมหอกในมือ จากนั้นได้เหวี่ยงกวาดไปยังฝูงสิงโตนับสิบ
ปั้ง!
ประกายสีเงินถูกยิงออกไป จากนั้นสิงโตเพลิงกัมปนาทนับสิบตัวตรงหน้ากลายเป็นชิ้นเนื้อทันที
ขณะเดียวกัน ทหารม้าด้านหลังต่างก็พากันเหวี่ยงหอกในมือไปยังกลุ่มสิงโตเพื่อปกป้องรถม้า
เวลานี้การต่อสู้ที่ยุ่งเหยิงได้เริ่มขึ้น
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!” เสียงคํารามดังก้องไปทั่วสนามรบ ชายหนวดโค้งปรากฏตรงหน้าชายเกราะทอง จากนั้นเขาทุบกําปั้นลงไป
เมื่อเห็นทั้งสองปะทะกัน หยางเย็พยายามหลบหลีกจากฝูงสิงโตไปด้านข้าง จากนั้นไม่คิดสิ่งใดอีกนอกจากวิ่งหนีขึ้นไปทางเหนือ
เขาไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับสงครามระหว่างจักรวรรดิต้าฉินกับอาณาจักรสัตว์อสูร “ช่วยเหลือพวกเขางั้นหรือ? ล้อเล่นหรือไง? เราควรจะเอาชีวิตตนเองให้รอดก่อน!”
ทันใดนั้นสิงโตเพลิงกัมปนาทได้ระดับเก้าได้กระโจนเข้ามาตะครุบหยางเย่
“บัดซบ!” หยางเย่ตะโกนด้วยความฉุนเฉียวพร้อมชักดาบฟันไปที่คอของสิงโต
ชิ้ง!
ร่างกายกํายําของสิงโตเพลิงกัมปนาทราวกับไม้แห้งเมื่อปะทะเข้ากับดาบของหยางเย่ ไม่นานหัวของสัตว์อสูรทมิฬระดับเก้าได้กระเด็นขึ้นกลางอากาศ
แต่ทันใดนั้นเปลือกตาหยางเย่กระตุกอีกครั้งก่อนจะหันไปชักดาบฟัน
เคล้ง!
เสียงโลหะกระทบกันดังออกมา คนชุดดําได้ปรากฏขึ้นตรงด้านหลังของเขา ดาบที่รวดเร็วของหยางเย่ถูกหยุดโดยมีดสั้นของคนชุดดํา และมันไม่สามารถขยับได้
ขณะมองไปที่คนชุดดําที่ปรากฏตัว จิตสังหารปรากฏผ่านดวงตาหยางเย่ เขาคํารามอย่างดุเดือดก่อนจะปล่อยพลังปราณทองคําให้เข้าสู่ดาบ จากนั้นจึงกดดาบลงไปอีกครั้ง
เคล้ง!
มีดสั้นหักเป็นสองส่วน จากนั้นดาบของหยางเย่ได้แทงไปยังหัวของคนชุดดํา แต่กลับไม่มีเลือดออกแม้แต่หยดเดียว
ร่างคนชุดดําค่อย ๆ จางลงทุกขณะ
หยางเย่มองไปยังที่ที่คนชุดดําหนีไปพร้อมกล่าวอย่างเคร่งขรึม “วิชาตัวเบาอะไรกันนี้ มันรวดเร็วเกินไปแล้ว!”
ทันทีที่เขาฟันมีดสั้นหักเป็นสองท่อน เขาก็รู้สึกว่าคนชุดดําได้หนีไปแล้ว และที่แทงไปนั้นก็แค่ภาพติดตาที่คนชุดดําทิ้งไว้
ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการจะไล่ตามไป แต่เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถตามทันแน่นอนแม้จะใช้รองเท้าที่มีวิชาตัวเบาของคนชุดดํานั้นเหนือชั้นมาก!
หยางเย่สูดหายใจลึกและตั้งใจจะหนี แต่ทันใดนั้นสิงโตเพลิงกัมปนาทห้าตัวได้เข้ามาล้อมเขาไว้
ประกายเย็นเยือกปรากฏผ่านดวงตาหยางเย่ขณะมองไปที่สิงโตทั้งห้าตัว แต่เดิมเขาตั้งใจจะออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อบรรดาสัตว์อสูรเหล่านี้ยืนกรานว่าจะไม่ให้เขาไปไหน เมื่อเป็นเช่นนั้น