พ่อผมแดง ลูกผมดำ [WN] 3 ลับ ๆ ตามดงหญ้า

ตอนที่ 3 ลับ ๆ ตามดงหญ้า

ตอนที่ 3 ลับ ๆ ตามดงหญ้า

          คนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเรียงแถวกันไปตามทางเดินบนภูเขา

          ผู้ที่เดินนำหน้าสุดนั้นเป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบสี่ ส่วนข้างหลังเป็นเด็ก ๆ หลายช่วงอายุประมาณสิบคน และที่เดินขนาบข้างอยู่คือชายวัยกลางคนผู้มีเส้นผมและเคราสีแดง เบลกริฟนั่นเอง

          “ทุกคนเดินระวังเท้าด้วย แล้วก็ระวังรอบ ๆ ด้วยนะ  พีท ข้างหน้าเห็นอะไรไหม”

          พีท เด็กที่เดินนำอยู่หันกลับมามองเมื่อได้ยินเสียงเรียก

          “มีแต่ป่าและดงหญ้าล้วน ๆ เลยครับ”

          “เรื่องนั้นไม่ต้องบอกก็รู้น่า ตั้งใจสังเกตให้มากกว่านี้หน่อย อย่าใช้แค่ตามอง ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าสิ”

          พีทขมวดคิ้ว พยายามสังเกตสิ่งที่อยู่ข้างหน้า

          “…ได้ยินเสียงน้ำไหลฮะ แล้วก็ เหมือนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมาด้วย”

          เบลกริฟฟ์พยักหน้าตอบอย่างพึงพอใจ

          “กลิ่นของดอกโอนิบามิเซริน่ะ เจ้าพืชพวกนี้จะบานโตได้แค่ที่ที่มีน้ำสะอาดเท่านั้น หมายความว่าข้างหน้านี้มีแหล่งน้ำอยู่ไงล่ะ”

          พวกเด็ก ๆ ร้องโหออกมาอย่างชื่นชม

          “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็มาตามหาแหล่งน้ำกันเถอะ ลองตามกลิ่นกับเสียงไป แต่อย่างมัวแต่หาจนใจลอยล่ะ ถ้าคิดแต่จะหาแหล่งน้ำจนไม่ระวังรอบข้างแล้วจู่ ๆ พวกสัตว์ป่าหรือสัตว์อสูรโผล่มาล่ะก็งานเข้าแน่นอนนะ”

          พวกเด็ก ๆ ขาน”คร้าบ/ค่า-“รับ จากนั้นแต่ละคนก็ช่วยกันใช้หูบ้างจมูกบ้างตามหาแหล่งน้ำ

          เมื่อเห็นภาพตรงหน้าแล้ว เบลกริฟก็หวนนึกไปถึงตอนที่พาแองเจลีนขึ้นมาที่ภูเขา

          แองเจลีนนั้นเป็นเด็กที่จำทุกอย่างได้หลังจากลองทำแค่ครั้งเดียว ทั้งการจำประเภทของสมุนไพรและของป่า ผลไม้ที่กินได้ การอ่านทิศ ทั้งวิธีการลบกลิ่นอายของตัวเองหรือการจับกลิ่นอายของสิ่งต่าง ๆ ก็สามารถเรียนรู้และนำมาใช้งานได้ในทันที

          พูดได้เต็มปากเลยว่าแองเจลีนมีพรสวรรค์มาก การที่ขึ้นเป็นระดับ S ได้ก็เป็นเครื่องหมายอย่างหนึ่ง

          ลูกของนักผจญภัยที่ต้องถอนตัวทันทีหลังจากที่เพิ่งเริ่มเป็นได้ไม่นานกลายเป็นระดับ S  หึ แค่คิดจะเอาไปเขียนเป็นพล็อตนิยายยังน่าขำเลย

          นี่ข้ากำลังอิจฉาอยู่งั้นรึ? อิจฉาลูกสาวตัวเองเนี่ยนะ?

          เบลกริฟหัวเราะสมเพชตัวเอง ถ้าเกิดว่าเขายังมีขาขวาอยู่ล่ะก็…

          เขาหยุดความคิดตัวเองไว้แค่นั้น อย่างไรเสียก็ย้อนกลับแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว อีกอย่าง ถ้าหากว่าเขาไม่ได้เสียขาไปจนต้องกลับมาที่โทเนลล่าก็คงไม่ได้พบกับแองเจลีนตั้งแต่แรก

          “คิดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาล่ะนะ” เบลกริฟพึมพำเบา ๆ ราวกับจะย้ำเตือนตัวเอง

          ตอนนั้นเองที่พีทตะโกนเรียกเขา

          “คุณลุงเบลลก์!  เจอแล้วล่ะ! มีแม่น้ำอยู่ตรงโน้นน!

          “โอ้ หาเจอแล้วรึ”

          เบลกริฟหันไปสำรวจดูว่าไม่มีเด็กคนไหนหายไป ก่อนจะพาเด็ก ๆ ลงไปทื่แม่น้ำ

          กระแสน้ำสะอาดไหล่ตามทางน้ำ มีโอนิบามิเซริขึ้นอยู่ตามทางน้ำ ส่งกลิ่นหอมชวนผ่อนคลายมาแตะจมูก ในน้ำเองก็มีต้นโทวเรนโตที่ออกดอกเล็ก ๆ สีขาวออกมา     โอนิบามิเซรินั้น หากตากให้แห้งแล้วนำไปผสมน้ำ จะได้ยาที่มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยบริเวณทางเดินหายใจได้ ส่วนโทวเรนนั้นถึงจะไม่มีสรรพคุณทางยา แต่ถ้ากลีบดอกของมันนั้นมีรสหวานมาก

          เบลกริฟบอกให้พวกเด็ก ๆ รวบรวมโอนิบามิเซริมา

          พวกเด็ก ๆ เองก็เคี้ยวกลีบดอกโทวเรนไปพลางเก็บโอนิบามิเซริไปพลาง พร้อมกับระวังไม่ให้เก็บมามากเกินไป

          “ระวังอย่าไปไหนไกล ๆ เองโดยพลการล่ะ”

          “คร้าบ-“ “เข้าใจแล้วค่า-“ พวกเด็ก ๆ ตอบรับอย่างร่าเริงเช่นทุกที

          จริง ๆ เลยนะเจ้าเด็กพวกนี้ เบลกริฟยักไหล่เบา ๆ 

          แต่เงียบดีจังนะ อากาศก็เย็นกว่าที่คิด เพราะอยู่ใกล้แหล่งน้ำงั้นรึ?

          เสียงน้ำไหลเอื่อย สายลมพัดผ่านเบา ๆ แล้วก็เสียงพวกเด็ก ๆ เล่นกัน ไม่มีเสียงอย่างอื่น

          เบลกริฟหลับตาลงเงียบ ๆ ตอนนั้นเองที่เขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งไม่ชอบมาพากล เขาลุกขึ้นมาทันที

          “ทุกคนอยู่ครบรีเปล่า”

          เบลกริฟถามเสียงเครียด พวกเด็ก ๆ จึงหันมองกันอย่างกระสับกระส่าย

          “ไลนัสไม่อยู่ฮะ”

          สิ้นคำของพีท ก็มีเสียงร้องดังขึ้น

          “อุว๊ากกกกก! ลุงเบลลล์!”

          ไลนัสโผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้ฝั่งตรงข้าม โดยที่มีหมาป่าขนเทากระโดดตามออกมา สัตว์อสูรประเภทเกรย์ฮาวด์เรอะ พวกมันแผ่จิตสังหารหมายพุ่งมาที่ไลนัสอย่างโจ่งแจ้ง

          ข้าประมาทเกินไป!

          เบลกริฟกล่าวโทษความอ่อนหัดของตัวเองขณะรีบพุ่งไปหาไลนัส

          อาศัยขาซ้ายถีบพื้นซ้ำ ๆ ทำให้เขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

          เขาอุ้มไลนัสขึ้นมาพร้อบกับชักดาบออกมาและฟันออกไปในจังหวะเดียว ทำให้เกรย์ฮาวน์ถูกผ่าครึ่งเป็นสองส่วน

          เขาสำรวจกลิ่นอายรอบ ๆ ทันที ดูเหมือนว่าจะไม่มีสัตว์เวทตัวอื่นแล้ว

          พอผ่อนคลายได้ไม่ทันไร เพราะหินที่เขาใช้ขาเทียมเหยียบไว้เพื่อหยุดตัวเอง จึงเกิดลื่นตกลงไปในน้ำอย่างแรง

          “ค-คุณลุง!”  “ไลนัส!” “เป็นอะไรรึปล่า!”

          พวกเด็ก ๆ รีบลงมาที่ริมแม่น้ำข้าง ๆ พวกเขาอย่างตื่นตระหนก

          เพราะว่าน้ำไม่ลึกมากพวกเขาก็เลยไม่จม แต่เพราะล้มลงไปทั้งตัวทั้งสองก็เลยเปียกโชก 

          ไลนัสร้องไห้ยกใหญ่พลางกอดเบลกริฟฟ์ไว้แน่น”

          “ดูไม่จืดเลยน๊า…”

          เบลกริฟยิ้มเจื่อน ๆ พลางลูบหัวไลนัส

 

……………………………………………….

 

          รถม้ากำลังสั่น

          สี่วันหลังจากเหตุการณ์กิก้าแอนท์บุกโจมตีเมืองแอสเทเรียส แองเจลีนที่รีบบึ่งตรงกลับมาที่ออร์เฟ่นทันทีหลังจบเรื่องก็รีบเก็บสัมภาระเตรียมออกเดินทางอีกครั้ง ด้วยความหมายมั่นว่าครั้งนี้จะต้องได้กลับโทเนลล่าพร้อมกับได้รบอนุญาตให้ลาหยุดได้หนึ่งเดือนเต็ม

          แม้ทางกิลด์จะไม่อยากให้นักผจญภัยระดับ S หายหน้าไปหนึ่งเดือนเต็มนักก็ตาม แต่เมื่อคำนึงถึงผลงานที่ผ่าน ๆ มาของแองเจลีนแล้วก็ปฏิเสธเธอได้ยาก และยิ่งดูสภาพแล้วเหมือนว่าหากปฏิเสธไปสาวเจ้าจะทำวินาศเอาทั้งคนทั้งตึก สุดท้ายทางกิลด์จึงต้องจำใจปล่อยให้เธอทำตามใจชอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ และได้แต่เพียงภาวนาให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงหนึ่งเดือนนี้

          ที่ที่แองเจลีนอยู่ตอนนี้จะว่าเป็นแถบชายแดนของอาณาจักรก็ไม่ผิดนัก เพราะแถบนี้เรียกว่าเป็นบ้านนอกของบ้านนอกอีกทีเลยก็ว่าได้

           ต้นหญ้าสูงชันพลิ้วไหวไปตามสายลมที่พัดมาเอื่อย ๆ แม้แดดของช่วงกลางหน้าร้อนจะจ้าขึ้นทุกวัน ๆ แต่เพราะมีลมเย็นคอยพัดอยู่เรื่อย ๆ จึงยังไม่ร้อนจนเหงื่อท่วมให้หงุดหงิดใจ

          เธอเดินทางออกจากออร์เฟนมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว ผ่านเมืองบ้างหมู่บ้านบ้างมาหลายที่ โดยอาศัยว่าหากมีรถม้าโดยสารก็จะนั่งไป ถ้าไม่มีก็ไปอาสาเป็นคนคุ้มกันชั่วคราวให้พวกพ่อค้าที่ไปทางเดียวกัน รถม้าที่เธอนั่งอยู่นี้ก็เป็นของแม่ค้าที่มาจากเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตโบลโดร์ หลังจากแวะหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งแล้ว จากนั้นจึงจะะมุ่งไปยังโทเนลล่า

          เนื่องจากโทเนลล่าเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับชายแดนของป่าเอลฟ์ทางตอนเหนือมาก การจะเดินทางมาจึงต้องอาศัยการเดินเท้าหรือขี่ม้ามาเท่านั้น กว่าจะไปถึงได้จึงต้องใช้เวลาพอสมควร

          เมื่อหักลบเวลาเดินทางขากลับแล้ว เธอก็จะอยู่ที่โทเนลล่าได้แค่ประมาณสามสี่วันเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แค่ได้เจอกับเบลกริฟก็คุ้มค่าเพียงพอแล้ว

          อันที่จริงแล้วหากขี่ม้าตรงไปโทเนลล่าเลยก็น่าจะไปถึงเร็วกว่านี้ แต่เธอนั้นไม่ถูกกับการขี่ม้ามากนัก หากต้องขึ้นไปนั่งบนม้าที่ควบไปด้วยความเร็วแล้วล่ะก็นางก็จะตัวสั่นงก ๆ ขึ้นมา แม้แต่นักผจญภัยระดับ S ผู้ไร้เทียมทานเองก็มีจุดอ่อนเช่นนี้เหมือนกัน

          ในกองสัมภาระขนาดใหญ่นั้นประกอบไปด้วยของฝากมากมาย

          ทั้งเมล็ดพันธุ์พืชเอย ผ้าเอย ทั้งหนังสือ และยังมีขนมที่เก็บไว้ได้นานอีกกองเป็นภูเขา

          เมื่อคิดไปถึงว่าจะได้นั่งกินขนมพวกนี้พลางพูดคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้กับคุณพ่อ เธอก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

          แม่ค้าสาวผมสีฟ้าสั้นที่เห็นแองเจลีนอารมณ์ดีเช่นนั้นก็เอ่ยทักขึ้นมา

“คุณหนูดูอารมณ์ดีจังเลยนะคะ”

“อื้ม..ก็ในที่สุดก็ได้กลับมาสักที…”

“อ๋า จะกลับไปบ้านเกิดสินะคะ เป็นนักผจญภัยนี่ก็ยุ่งมากเลยนะคะเนี่ย”

“ตามนั้นแหละ…เพราะโดนเรียกตัวไปนู่นไปนี่กระทันหันเลยไม่ได้กลับสักที แต่ในที่สุดก็ได้โอกาสกลับมาหาคุณพ่อจนได้… รู้จักรึเปล่า?’ยักษ์แดง’เบลกริฟน่ะ “

          อาการอวยพ่อของแองเจลีนกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

ทางแม่ค้าเองก็ยิ้มต่อไปพลางบังคับม้า      

“ฉันไม่ค่อยได้รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ก็เลยไม่รู้จักหรอกค่ะ แต่จะจำไว้นะคะ เขาเองก็คงจะเป็นนักผจญภัยที่แข็งแกร่งมากเลยสินะคะ”

“อื้ม…เป็นคุณพ่อที่ฉันภูมิใจเลยล่ะ จำไว้ให้ดี ๆ เลยนะ ’ยักษ์แดง’ เบลกริฟน่ะ”

“’ยักษ์แดง’ เบลกริฟสินะคะ จะจำไว้ค่ะ”

          ไม่เคยได้ยินชื่อเลยแฮะ นางคิดกับตัวเอง แต่ก็ด้วยเป็นแม่ค้าจึงยิ้มไว้และเก็บเรื่องนั้นไว้แค่ในใจ แต่อย่างไร หากเป็นชื่อของ “วัลคิรี่ผมดำ”แองเจลีนล่ะก็เธอรู้จักดี ถ้าเป็นผู้ที่นักผจญภัยระดับสูงอย่างเธอเอ่ยปากชมถึงขนาดนี้ เขาก็คงเป็นผู้เก่งกาจที่ปิดบังความสามารถที่แท้จริงเอาไว้อยู่กระมัง นางคิดกับตัวเอง

จากนั้นไม่นานพวกนางก็พ้นจากเขตที่ราบและเข้าสู่เขตภูเขา

          แม้ว่าจะมีถนนอยู่ก็จริง แต่เนื่องจากไม่มีผู้คนสัญจรผ่านทางนี้มากนักทำให้เส้นทางค่อนข้างขรุขระพอสมควร แม่ค้าจึงลดคความเร็วลดเพื่อไม่ให้รถม้าสั่นจนคว่ำไปเสียก่อน

          และเพราะภายในรถสั่นจนไม่เป็นอันนั่งดี แองเจลีนจึงลงจากรถม้ามาเดินข้าง ๆ คันรถ อย่างไรเสียตอนนี้รถม้าก็เร็วแค่พอ ๆ กับคนธรรมดาก้าวเท้าเดินไว ๆ เท่านั้น

“ขออภัยด้วยนะคะ ทางขรุขระมากก็เลยเร่งไม่ได้เลยน่ะค่ะ”

“ไม่หรอก…ไม่ใช่ความผิดคุณเสียหน่อย…”

          ทันใดนั้น แองเจลีนก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีคนกำลังจ้องมองมา เธอกวาดสายตาสำรวจรอบข้างอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายที่สัมผัสได้ทั้งจากหลังเงาโขดหินและใต้ร่มไม้ไม่ใช่สัตว์อสูรแต่เป็นกลิ่นอายของมนุษย์

“…..นี่ แถวนี้มีหมู่บ้านหรือเปล่า..?” แองเจลีนขยับเข้าไปถามใกล้ ๆ พลางเดินต่อไปเรื่อย ๆ

“เอ๊ะ? ไม่มีนะคะ…” 

          ไม่ผิดแน่ พวกนี้เป็นโจรภูเขา สายตาที่จ้องมาก็แผ่จิตสังหารออกมาชัดเจน ถึงจะไม่ได้ยินว่าแถวนี้มีโจรภูเขากบดานอยู่ก็เถอะ คงจะเป็นพวกที่พึ่งมากบดานแถวนี้ ไม่ก็พวกเร่ร่อน

แองเจลีนกระโดดขึ้นรถม้าอย่างคล่องแคล่ว แล้วขยับเข้าไปกระซิบกับแม่ค้า

“พวกโจรกำลังเล็งเราอยู่”

“เอะ เอ๋!!?”

“ชู่ว ใจเย็น ๆ ก่อน….มีฉันอยู่ทั้งคนเพราะงั้นหายห่วง ทำเป็นไม่รู้แล้วขับต่อไปทั้ง ๆ แบบนี้แหละ” แองเจลีนพูดพลางเอามือจับด้ามดาบ

          ทางแม่ค้าสาวแม้จะยังมีอาการตื่นกลัวอยู่ แต่ก็ขับรถม้ามุ่งต่อไปข้างหน้าตามคำของแองเจลีน แต่เพราะเส้นทางย่ำแย่มากจึงเคลื่อนไปได้ไม่เร็วนัก

ทันใดนั้นก็มีเสียงบางอย่างพุ่งแหวกสายลมเข้ามา แองเจลีนชักดาบออกมาฟันทันที ทำให้ปัดลูกธนูที่พุ่งมาทิ้งไปได้ 

“ฮ.ฮี๊!? ท.ท..ท่านมหาเทพวีน่า โปรดคุ้มครองลูกด้วย…” แม่ค้าส่งเสียงร้องด้วยตกใจพลางทำมือเป็นรูปกางเขน

“ถ้าแค่ดูอยู่เงียบ ๆ เฉย ๆ ก็ดีแล้วแท้ ๆ นะ….” แองเจลีนขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดแล้วจึงกระโดดลงจากรถม้า

          ก่อนหน้านี้เธอก็เคยรับภารกิจปราบปรามพวกอาชญากรหรือกองโจรอยู่บ้าง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ไม่เคยฆ่าคนมาก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธออยากฆ่าคนนัก ดังนั้นเธอจึงตะโกนออกมาแทน

“เฮ้ย! ชั้นคือลูกสาวของ ‘ยักษ์แดง’ เบลกริฟ ‘วัลคิรี่ผมดำ’แองเจลีน! ถ้ายังไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปซะ!!”

          แต่ทว่าคำตอบนั้นคือลูกธนูที่เพิ่มมากขึ้น แองเจลีนปัดศรที่พุ่งเข้ามาทั้งหมดทิ้งก่อนจะตะโกนออกมาอีกครั้ง

“จะยิงมาอีกกี่ทีก็เปล่าประโยชน์น่า!”

จากนั้นพวกโจรก็เงียบหายไป ดูเหมือนพวกนั้นจะตัดใจจนได้ แองเจลีนถอนหายใจ หึ แล้วจึงเก็บดาบเข้าฝัก

          ตอนนั้นเอง ที่ได้ยินเสียงร้อง”ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” ดังมาจากทางที่พวกโจรอยู่ แองเจลีนหันไปทางนั้นอย่างตื่นตระหนก ถึงจะมองไม่เห็นตัว แต่จากเสียงแล้วเหมือนจะเป็นเด็ก โดนลักพาตัวงั้นรึ

แองเจลีนเกิดลังเลขึ้นมา

          ตอนนี้นางใกล้จะถึงโทเนลล่าแล้ว แน่นอนว่าจึงไม่อยากไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยาก แต่หากทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วมุ่งตรงไปยังบ้านเกิด เบลกริฟคงไม่ชอบใจแน่

แองเจลีนกัดฟันกรอด

รีบจัดการให้จบก็แล้วกัน แค่แวะข้างทางนิดหนึ่งคงไม่มีปัญหา จากนั้นค่อยรีบตรงไปโทเนลล่าก็แล้วกัน

“…รอนี่ก่อนนะ”

“เอ๊ะ, อ่า, ค่ะ..”

แองเจลีนทิ้งแม่ค้าไว้แล้วพุ่งตรงไปยังที่ที่พวกโจรอยู่อย่างรวดเร็ว

เมื่อพวกโจรเห็นแองเจลีนที่จู่ ๆ ก็โผล่ออกมาตรงหน้าก็เกิดความแตกตื่นขึ้น

          เท่าที่ดูแล้วเหมือนพวกโจรกำลังจะอุดปากเด็กสาวอายุสิบห้าที่จับไว้อยู่ เด็กสาวคนนั้นเองก็พยายามขัดขืนเต็มที่ นางใส่ชุดค่อนข้างมีระดับพอสมควร คงจะเป็นพวกขุนนาง

“ถ้ายังไม่อยากตายล่ะก็…ปล่อยเด็กคนนั้นแล้วไสหัวไปซะ….”แองเจลีนขู่พลางชักดาบออกมาชี้ไปทางพวกโจร

          พวกโจรได้ยินดังนั้นก็เริ่มลนลาน แต่เมื่อคิดได้ว่าเป้าหมายของแองเจลีนคือเด็กสาวที่พวกมันจับมา โจรคนหนึ่งจึงชักมีดออกมาจี้คอของเด็กสาวอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย! อะไรของแกก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าทำอะไรไม่เข้าเรื่องล่ะก็ยัยเด็กนี่ต..”

แต่พูดยังไม่ทันจบ คอของโจรคนนั้นก็ปลิวหลุดขึ้นฟ้า พวกโจรคนอื่นเองก็ไม่ทันรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ตัวอีกทีแทนที่หัวของพวกก็กลายเป็นบ่อน้ำพุเลือดพุ่งออกมาแทนเสียแล้ว

“ตอนนี้ชั้นกำลังอารมณ์เสียได้ที่เลย…” ในชั่วขณะที่กำลังพูดนั่นเอง แองเจลีนก็ขยับไปข้าง ๆ อดีตโจรมีหัวที่จับตัวหญิงสาวไว้ แล้วคว้าตัวหญิงสาวที่กำลังอึ่งอยู่ด้วยมือข้างเดียว การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วและเงียบเชียบราวกับเป็นวิญญาณจากยมโลก

“พอกันที…..ไอ้พวกสามหาว พวกแกจะต้องเสียใจที่มาดูถูกชั้นคนนี้….!”         

          เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นเรียกว่าการต่อสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เป็นแค่การไล่สังหารอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น ภายในไม่กี่นาที พวกโจรกว่ายี่สิบคนก็กลายเป็นกองซากศพอยู่ที่พื้น

          โจรพวกนี้เกิดลำพองใจขึ้นมาหลังจากที่จับเด็กสาวตระกุลขุนนางได้ เมื่อเห็นรถพ่อค้าที่มีคนคุ้มกันแค่คนเดียวแล้วเห็นเป็นเหยื่อก็เป็นคราวจบสิ้นของพวกมันแล้ว เพราะเหยื่อที่ว่านั้นแท้จริงแล้วเป็นอสรูกายต่างหาก

แองเจลีนถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายจากชัยชนะที่ได้มาอย่างง่ายดายจากพลังอันท่วมท้น”อ๊า…ไม่ชอบเลยจริง ๆ ….การฆ่าคนเนี่ย…” 

แองเจลีนเช็ดคราบเลือดที่ดาบก่อนจะเก็บเข้าฝัก จากนั้นจึงปลดเชือกให้หญิงสาวเป็นอิสระ

“เป็นอะไรรึเปล่า…?”

“แค่ก.. ข ขอบพระคุณที่ช่วยดิฉันเอาไว้นะคะ…” หญิงสาวพูดพลางมองรอยเชือกที่ข้อมือด้วยสีหน้าปั้นยาก

          นางเป็นหญิงสาวที่งดงาม ผมสีแพลทตินั่มบลอนด์นั้นแม้จะเปื้อนเล็กน้อยแต่ก็ยังเปล่งประกาย ผิวของนางเองก็ไม่มีรอยคล้ำแดดเลยแม้แต่น้อย

“แล้วทำไมเธอถึงโดนเจ้าพวกนั้นจับได้กันล่ะ….”

“..คือว่าเรื่องนั้น…”

เธอบอกว่าเธอชื่อเซเลน

          เหมือนว่าจะเป็นลูกสาวของขุนนางตระกูลโบลโดร์แล้วก็กำลังออกลาดตระเวนพื้นที่รอบ ๆ อยู่ แต่พอได้ยินข่าวว่าพ่อตัวเองป่วยใกล้ตายขึ้นมา ก็เลยรีบขึ้นม้าเพื่อจะกลับไปหา แล้วตอนนั้นเองก็โดนพวกโจรป่าจู่โจม

          เพราะว่ารถม้าเร่งความเร็วได้ไม่มาก นางจึงเลือกขี่ม้าไปพร้อมกับคนคุ้มกันไม่กี่คนแทน และเพราะอย่างนั้นพอคนคุ้มกันถูกซุ่มโจมตีจนตายหมด นางก็เลยถูกจับอย่างไม่อาจขัดขืนได้

“….ช่างน่าละอายเหลือเกินค่ะ หากเป็นเช่นนี้แล้ว แม้จะรีบเร่งอย่างไรก็คงไม่อาจกลับไปเยี่ยมท่านพ่อได้ทันแล้ว”

เซเลนกำหมดแน่น แม้จะไม่หลั่งน้ำตาออกมา แต่ภายในใจนางจะต้องเต็มไปด้วยความคับแค้นและเศร้าสร้อยเป็นแน่

“…อยากเจอคุณพ่อเหรอ?”

“ค่ะ…ทว่าคงจะหมดหนทางแล้วล่ะค่ะ ดิฉันไม่มีม้าแล้ว ต่อให้ตอนนี้รีบวิ่งไปโบลโดร์อย่างไรก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่วัน…. นี่คงจะเป็นโชคชะตาของฉันสินะคะ” เซเลนแสร้งยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

แองเจลีนดึงมือของเธอให้ลุกขึ้นมาอย่างแรง ทำให้เซเลนเบิกตาสีฟ้าของตัวเองด้วยความตกใจ

“เอ๊ะ คือ ท่านแองเจลีนคะ…?”

“แบบนั้นน่ะดีแล้วเหรอ….! คุณพ่อคนสำคัญไม่ใช่รึไง…! อย่ามาพูดส่ง ๆ ว่าเป็นเพราะโชคเชียวนะ!”

แองเจลีนอุ้มเซเลนขึ้นมา แล้วกระโจนกลับลงไปที่ที่แม่ค้าจอดรออยู่

แองเจลีนกระโดดขึ้นรถม้าอย่างแรง ทำให้แม่ค้าสะดุ้งจนตัวลอย

“อุหวา ตกใจหมด! เกิดอะไรขึ้นรึคุณหนู แล้วพวกโจรล่ะคะ!?”

“กำจัดไปแล้วล่ะ นี่ เดี๋ยวฉันจ่ายค่าสินค้าทั้งหมดให้พร้อมกับค่าแรงด้วย ไม่เสียประโยชน์แน่เพราะงั้นช่วยย้อนกลับไปที…”

“ย ยังไงนะคะ?” แม่ค้าพูดพลางหันไปมองแองเจลีนสลับกับเซเลน เซเลนที่ยังตามสถานการณ์ไม่ทันอ้าปากพะงาบพะงาบอยู่ แองเจลีนเห็นดังนั้นจึงพูดต่อ

“เด็กคนนั้นอยากกลับไปเจอคุณพ่อที่ป่วยน่ะ…ขอร้องล่ะ…”

“…เข้าใจแล้วค่ะ จะจ่ายให้หมดจริง ๆ นะคะ!”

“อื้ม”

แม่ค้าสาวถอนหายใจ ก่อนจะหันรถม้ากลับไปทางเดิมด้วยความเร็วที่มากกว่าเดินตามทางขรุขระเมื่อครู่

แองเจลีนไหล่ตก

          ถ้าย้อนกลับไปจนถึงโบลโดร์ก็ไม่สามารถไปถึงโทเนลล่าได้ทันแน่ และครั้งนี้เธอก็จะไม่ได้เจอเบลกริฟอีกจนได้    แต่ถ้าเธอทิ้งเซเลนไว้แล้วกลับไปหา เบลกริฟเองก็คงไม่ดีใจแน่

          เมื่อหันกลับไปมองอีกทีก็พบว่าเซเลนกำลังร้องไห้อยู่ เด็กสาวที่กล้ำกลืนความขมขื่นแล้วทำเป็นเข้มแข็ง ตอนนี้กำลังร้องไห้ซบแขนแองเจลีนอยู่

แองเจลีนถอนหายใจ

ขอโทษด้วยนะคะคุณพ่อ แต่ว่า คราวหน้านี่แหละ หนูจะกลับไปหาแน่

แล้วรถม้าก็มุ่งลงจากภูเขา

พ่อผมแดง ลูกผมดำ [WN]

พ่อผมแดง ลูกผมดำ [WN]

Score 10
Status: Completed
JP: 冒険者になりたいと都に出て行った娘がSランクになってた (Rj: Boukensha ni Naritai to mikayo ni itta musume ga s ranku ni natteta) พึ่งเป็นนักผจญภัยได้ไม่นานก็ขาขาดไปข้างนึง ระหกระเหินกลับมาบ้านนอกมาเก็บหญ้า ปลูกป่า ดำนา ล่าสัตว์ ไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นลุงอายุสามสิบไปซะแล้ว สักพักเลยเก็บเด็กบนเขามาปั้นซะจนเป็นแรงค์ S เฉยเลย เรื่องนั้นเหรอ? ใช่ เรื่องนั้นแหละ ที่พึ่งได้ทำเป็นอนิเมะปีที่แล้วน่ะ! ป.ล. ขอบคุณชื่อไทยจากอ้ายอี๋ชี่

Options

not work with dark mode
Reset