พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 17 ลงโทษ ห้ามกินข้าว
รถม้าที่ออกจากวังได้เดินทางอยู่บนถนนอย่างมั่นคงเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั่วทั้งรถม้าเต็มไปด้วยบรรยากาศเยือกเย็น แม้แต่องครักษ์ที่ขับรถม้ายังสามารถรับรู้ได้ แรงที่ใช้ฟาดแส้ลงบนหลังม้าก็เบาลงกว่าทุกที
เฟิ่งชิงหัวถือหนังสือยุทธวิธีไว้เล่มหนึ่งและนั่งอ่านอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้าอย่างเพลิดเพลิน บางครั้งยังยื่นมือออกมาเอาของว่างที่วางอยู่บนโต๊ะไปกัดกินหนึ่งคำ
ของว่างของราชวังช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เข้าปากก็ละลายทันที
“หนาน กง เยว่ ลั่ว ”เสียงของชายหนุ่มราวกับดังมาจากขุมนรก ฟังแล้วรู้สึกขนลุกมาก
เฟิ่งชิงหัวเงยหน้าขึ้น มองชายหนุ่มอย่างสงสัย “ท่านอ๋องเป็นอะไรไป เจ็บคอหรือ ทำไมเสียงถึงได้ฟังดูแปลกนัก”
“ฮึๆ แปลกหรือ”จ้านเป่ยเซียวยังคงอย่างเย็นยะเยือก
เฟิ่งชิงหัวพลางกินของว่างพลางให้ความร่วมมือในการแสดง พยักหน้าพูดว่า “ใช่แล้ว แปลกมาก ท่านทำเช่นนี้ข้ารู้สึกกลัวมาก ถ้าหากมีตรงไหนที่ข้าล่วงเกินท่านอ๋อง ท่านอ๋องบอกกับข้าได้ ถ้าหากมีตรงไหนที่ข้าทำไม่ถูกต้อง ข้าจะแก้ไข”
น้ำเสียงนั้น ฟังดูจริงใจมาก สีหน้านั้น ดูน่าสงสารยิ่งนัก
แต่ไม่ว่าอย่างไรจ้านเป่ยเซียวก็รู้สึกว่า หญิงสาวคนนี้กำลังล้อเลียนเขา
พูดตรงๆหรือ
ถ้าหากเขาสามารถพูดออกไปตรงๆได้ ยังจะมาทำเสียงเคร่งขรึมแปลกๆอยู่อีกหรือ
น้อยมากที่เขาจะพูดคุยกับผู้หญิง เขาเป็นท่านอ๋อง และมักจะขลุกตัวอยู่แต่ในค่ายทหาร ซึ่งล้วนมีแต่ผู้ชาย ตรงไปตรงมาจนเคยชิน ไม่เคยมีใครสามารถทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่พูดไม่ออกเลย
“เจ้า ห้ามกิน เสียงเคี้ยวดังขนาดนี้ ทำเอาตกใจกันหมดแล้ว”จ้านเป่ยเซียวเอ่ยเสียงดุ
“ออ”เฟิ่งชิงหัวตอบรับอย่างเชื่อฟัง แล้วก็หยิบของว่างอีกชิ้นใส่เข้าปากไป แทะกินราวกับหนูแฮมสเตอร์ ไม่ได้อ้าปากกว้าง แต่ค่อยๆแทะเล็มไปเรื่อยๆ
ประกอบกับดวงตากลมโตของนาง มองดูแล้วก็มีความน่ารักอยู่
จ้านเป่ยเซียวยิ่งรู้สึกโมโห “ก็บอกแล้วไงว่าห้ามกินอีก ทำไมเจ้ายังยัดเข้าไปอีกชิ้น”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้น ก็กลืนของว่างชิ้นนั้นลงไปอย่างยากลำบากแล้วพูดว่า “ท่านรังเกียจที่ข้ากินเสียงดัง เช่นนั้นข้าก็กินอย่างไร้เสียง คงไม่รบกวนท่านกระมัง”
“ไม่ได้ ”จ้านเป่ยเซียวมองนางด้วยสายตาที่ทำให้สั่นสะท้าน
“ทำไม”
“รถม้าของข้า ข้าพูดอะไรเจ้าก็ต้องทำตาม”จ้านเป่ยเซียวไม่อยากจะบอกว่า เขาคิดว่านางกินจนเศษขนมเปื้อนเต็มปากทำให้เขารู้สึกขวางหูขวางตามาก
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้น ยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์โอเคให้เข้า ตบมือตนเองและลุกขึ้น “เช่นนั้นข้าจะออกไปกินข้างนอก จะได้ไม่ขวางหูขวางตาท่าน”
พูดจบแล้วก็เลิกผ้าม่านของรถม้าขึ้นและไปนั่งอยู่นอกรถม้า
ในรถม้าสงบลงทันที ทำให้จ้านเป่ยเซียวเกิดความรู้สึกไม่คุ้นเคยขึ้นมาอย่างประหลาด
กวาดตามองไปบนโต๊ะ ของว่างที่เดิมทีถูกจัดวางซ้อนกันไว้สามชั้นตอนนี้เหลือแค่ชั้นเดียวแล้ว หญิงสาวกินเก่งจริงๆ
ยกมือขึ้น เลือกมาหนึ่งชิ้น ใช้ปากกัดคำเล็กๆ คิ้วของจ้านเป่ยเซียวก็ขมวดขึ้นมาทันที
หวานเกินไป
คนแปลก รสชาติที่กินก็แปลกไปด้วย
ขณะที่คิด ก็ได้ยินเสียงพูดคุยของหญิงสาวดังขึ้น
“เจ้าองครักษ์ เจ้าชื่ออะไรหรือ”
“ข้าน้อยชื่อหลิวหยิ่ง”
“หลิวหยิ่ง ชื่อเจ้าก็เพราะดีนะ”
“ท่านอ๋องเป็นคนประทานชื่อให้ข้า”
“ที่สำคัญคือเจ้ายังมีหน้าตาไม่เลวด้วย”
ความเย็นชาของจ้านเป่ยเซียวที่เดิมทีเริ่มซาลงแล้วค่อยๆก่อตัวขึ้นอีกครั้ง แผ่ซ่านออกไปข้างนอก
หลิวหยิ่งรับรู้ได้ ตัวสั่นเทาไม่กล้าพูดจาอีก
แต่เฟิ่งชิงหัวยังคงพูดคุยสอบถามไม่หยุด “ฝีมือขับรถม้าของเจ้าไม่เลวเลย เคยฝึกฝนเป็นพิเศษหรือ”
หลิวหยิ่งพยักหน้าด้วยท่าทีแข็งทื่อ
“อะแฮ่ม”
ในรถม้ามีเสียงกระแอมเบาๆดังขึ้น แผ่นหลังของหลิวหยิ่งยืดตรงทันที มือแทบจะกำแส้ไว้ไม่มั่นคง
“ข้าเองก็ขับรถม้าเป็น ให้ข้าลองดูบ้าง ”เฟิ่งชิงหัวพูดขึ้น และแย่งแส้ไปจากมือหลิวหยิ่งโดยตรง ไม่ทันที่หลิวหยิ่งจะรู้ตัว นางก็ใช้แรงฟาดแส้ลงไปบนหลังม้า
ม้ารู้สึกเจ็บ จึงวิ่งด้วยฝีเท้าที่เร็วขึ้น วิ่งฉิวบนถนนกว้างอย่างไร้สิ่งขวางกั้น
บางครั้งก็มีรถม้าที่กำลังเดินทางผ่านมาเห็นว่าเป็นรถม้าของจวนอ๋องเจ็ดก็หยุดรถม้าของตนทันทีหรือไม่ก็หลบไปอยู่ด้านข้างให้พวกเขาไปก่อน
เดิมทีต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยามจึงจะถึงจวน แต่ตอนนี้ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งถ้วยชาก็กลับมาถึงแล้ว
รอจนกระทั่งรถม้ามาหยุดอยู่หน้าประตูจวนอ๋อง เฟิ่งชิงหัวจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่างนี้เร็วกว่าเยอะ”
หลิวหยิ่งรู้สึกชื่นชมมาก “ความสามารถในการขับรถม้าของพระชายาช่าง……”
“หลิวหยิ่ง”เสียงของจ้านเป่ยเซียวดังขึ้นจากภายในรถม้า ตัดบทคำพูดของหลิวหยิ่ง
หลิวหยิ่งรีบกระโดดลงจากรถม้า ประคองอ๋องเจ็ดลงจากรถม้า
เมื่อเก้าอี้รถเข็นถึงพื้น จ้านเป่ยเซียวก็พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “คืนนี้ไม่ต้องเตรียมสำรับสำหรับพระชายา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “ทำไม”
“จะคัดค้านหรือ”
“มีแน่นอน ข้าไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย”
“อยู่ในจวนอ๋อง คำพูดข้าก็คือคำบัญชา ”จ้านเป่ยเซียวพูดจบแล้ว ก็เข้าไปในจวน
เฟิ่งชิงหัวทำมือดูถูกลับหลังเขา เอ่ยพึมพำว่า “ฮึ ในเมื่อข้าก็ยังไม่หิว ไม่เตรียมให้ขาแล้วข้าจะอดตายหรืออย่างไร”
พลิกชะตาหมอยาบทที่ 17 ลงโทษ ห้ามกินข้าว
บทที่ 17 ลงโทษ ห้ามกินข้าว
Posted by ? Views, Released on March 17, 2024
, พลิกชะตาหมอยา
Status: Completed
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว เกี่ยวกับความรักของตัวเอกชายและหญิงที่มีอุปสรรคมากมาย หลังจากเกิดเหตุการณ์มากมาย ในที่สุดความรักของพวกเขาก็ชนะทุกสิ่ง…
หมอหญิงข้ามภพไปยังราชวงศ์เทียนหลิง บิดาไม่อยู่ มารดาไม่รู้ที่เป็นไป เพียงต้องแต่งงานแทนกับท่านอ๋องเจ็ดผู้พิการเสียโฉมณราชวงศ์นั้นเพื่อทดแทนบุญคุณ