โรงเตี๊ยมซือซือ
ร่างบางที่จับสังเกตวรกายสูงมาตลอดภายใต้พระพักตร์และท่าทีที่นิ่งเฉยนั้น มีความกังวลใจแผ่ออกมาจางๆ อยู่ตลอดเวลานางชวนพูดคุยก็ตอบเพียงประโยคสั้นๆพระเนตรคมที่เคยทอดมองนางอย่างเอ็นดูเสมอนั้นมีแววเปลี่ยนไป
“พี่เฟยหมิงอึดอัดพระทัยที่ต้องออกมากับอิงเออร์หรือเพคะ”
เห็นสตรีงดงามตรงหน้าใบหน้าหมองลงยามเอ่ยถามก็ทรงรู้สึกผิดขึ้นมาพระองค์กังวลมากเกินไปกระมัง
“มิใช่หรอกอิงเออร์ พี่เพียงคิดถึงงานที่ยังทำค้างไว้”
“หม่อมฉันนี่แย่จริงๆ ที่มารบกวนพระองค์ทรงงานเช่นนั้นเรากลับกันเลยดีหรือไม่เพคะ”
“อืม”
ยามเซิน (15.00-16.59)
รถม้าของชินอ๋องก็จอดอยู่หน้าตำหนักเฟยเทียนหลังจากออกจากโรงเตี๊ยมนั้นก็ทรงตั้งใจจะไปส่งอิงเออร์ที่จวนตระกูลหลานแต่อยู่ดีๆ ร่างเล็กของนางก็หน้ามืดราวจะหมดสติพระองค์จึงได้รีบพานางไปส่งที่จวนและอยู่ดูอาการนางจนเวลาล่วงเลยมายามเซินถึงได้เสด็จกลับเมื่อลงมาจากรถม้าก็เห็นกงกงชรายืนต้อนรับอยู่
“ถวายพระพรชินอ๋องพะยะค่ะ”
“ลุกขึ้น เป็นเช่นไรบ้างเกากงกง นางว่าอย่างไร”
ทรงถามถึงสิ่งที่รบกวนพระทัยตลอดวันทันที
“กระหม่อมทูลพระชายาว่าท่านอ๋องติดธุระสำคัญจึงให้ทรงรอก่อน พระชายาก็ทรงเข้าพระทัยดี ทรงตรัสว่าจะกลับไปรอที่ตำหนักแต่ด้วยเหตุใดไม่รู้ผ่านไปราวเค่อก็เห็นรถม้าของพระองค์ออกจากวังไปแล้วพะยะค่ะ”
“ตอนที่นางมามีท่าทีเช่นใด”
“ทรงปกติดีพะยะค่ะ ทรงคิดว่าพระองค์ยังทรงงานอยู่จึงจะมาเตรียมจัดโต๊ะเสวยให้พะยะค่ะ”
“เฮ้ออออ”
พระหัตถ์หนายกขึ้นมาลูบพระพักตร์เบาๆ พร้อมถอนหายใจยาว พระทัยแกร่งรู้สึกผิดขึ้นมา ทรงบอกให้นางรอนางก็รอ ทั้งยังมีใจห่วงพระองค์อีกแต่พระองค์กลับ…..
“เอาเถิด นางอาจรีบไปก็ได้ไปเตรียมชามาเปิ่นหวางจะทำงานต่อ”
“พะยะค่ะ”
ร่างสูงที่นั่งตรวจเอกสารอยู่ห้องทรงงานนั้นรู้สึกไร้สมาธิ ราวกับถูกรบกวนจึงวางมือจากกระดาษเหล่านั้น
“หานอี้กลับมารึยัง”
ทรงตรัสถามหรงไจ้ที่คอยอารักขาอยู่ในห้อง
“ยังพะยะค่ะ จะให้กระหม่อมตามให้หรือไม่พะยะค่ะ”
“มิต้อง ถ้ากลับมาแล้วให้มาเข้าเฝ้าเปิ่นหวางทันที”
“พะยะค่ะ”
หรงไจ้ได้แต่มองคนกระวนกระวายพระทัยจนไม่เป็นอันทรงงานอย่างสะใจแปลกๆ
จวนจงเฉิงโหว
ผู้คนในจวนต่างออกมารอสับเสด็จชินหวางเฟยที่เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านประมุขของจวน ฮูหยินของจวนต่างออกมายืนรอรับเสด็จ เพราะบุตรีส่งจดหมายมาว่าท่านอ๋องจะเสด็จมาด้วย
ร่างบางระหงก้าวลงมาจากรถม้าเพียงลำพังโดยมีนางกำนัลคนสนิททั้งสองประคองลงมา
“ลูกคารวะท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ”
ร่างบางย่อกายทำความเคารพบุพการีทั้งสองจนทั้งสองรีบถลาไปประคองนางทันที
“มิได้เพคะพระชายาจะทรงทำความเคารพหม่อมฉันได้อย่างไร”
“เอาละๆ มีสิ่งใดค่อยเข้าไปคุยกันข้างในเถิด”
เสียงทุ้มของจงเฉิงโหวเอ่ยบอกเพราะตอนนี้พวกเขายืนอยู่หน้าจวนที่ชาวบ้านกำลังออกมายืนดูอยู่เต็มถนนแล้ว
เมื่อเข้ามาในจวนแล้วต่างก็ถามไถ่ทุกข์สุขกันตามประสาครอบครัว
“ฟางเออร์ คราแรกแจ้งว่าท่านอ๋องจะเสด็จมาด้วยเหตุใดจึงได้มาคนเดียวเล่า”
เฉินฮูหยินเอ่ยถามด้วยคำสามัญเพราะบุตรีขอไว้ว่าหากอยู่กันในครอบครัวเช่นนี้ให้ละเว้นธรรมเนียมไปบ้าง
“ทรงติดธุระสำคัญเลยมามิได้เจ้าค่ะ ลูกมิอยากรอจึงได้เดินทางมาก่อน”
“ธุระสำคัญที่น้องว่าคือการพาสตรีตระกูลหลานไปเที่ยวตลาดและทานอาหารเที่ยงที่โรงเตี๊ยมชื่อดังรึเปล่าน้องเล็ก”
ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาทันได้ยินคำตอบจากน้องน้อยเขารู้ว่านางพูดแบบนั้นออกมาเพื่อให้ท่านพ่อท่านแม่สบายใจเท่านั้น แต่เขาจะเปิดโปงเสียผู้ใดจะทำไม ผู้กระทำผิดสมควรแก่การปกปิดช่วยเหลือหรือ ไม่มีทางซะหรอก
“พี่รอง”
“เจ้ารอง มาตั้งแต่เมื่อไหร่มิเห็นส่งข่าวมาก่อน”
“ลูกคารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ”
“ที่ลูกพูดหมายความว่าอย่างไร”
“ว่าอย่างไรละน้องเล็ก”
“เจ้าค่ะ ทรงเสด็จออกไปกับคุณหนูหลาน”
ร่างบางตอบออกมาตามตรงไร้ร่องรอยสิ่งใดในน้ำเสียงราบเรียบนั้นแต่คนในครอบครัวมีหรือจะไม่รู้ว่าน้ำเสียงเช่นนี้คือนางกำลังอดทนอดกลั้นสิ่งใดไว้ในใจเป็นแน่
“หากไม่สบายใจก็พักผ่อนที่จวนเราสักหลายวันดีหรือไม่พี่มีเรื่องเล่าให้เจ้าฟังมากมาย”
“จริงหรือเจ้าคะ”
“เจ้ารอง ชักจะเหลวไหลไปใหญ่แล้ว น้องแต่งงานแล้วจะให้กลับมาอยู่จวนได้อย่างไรผู้คนมินินทาให้นางเสียหายหรอกหรือ”
เฉินฮูหยินเอ็ดอย่างไม่จริงจังนัก
“เอาเถิด พักสักคืนคงไม่เสียหายสิ่งใดพรุ่งนี้สายๆ ค่อยกลับก็ได้กระมัง”
เสียงของประมุขของจวนเอ่ยขึ้นเป็นอันจบ
“ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ”
“ตามใจกันให้หมดเถิด ข้าคร้านจะพูดแล้ว คุยกันไปก่อนแม่จะไปดูในครัวสักหน่อยจะทำของโปรดเจ้าทุกอย่างเลยดีหรือไม่”
“ดีเจ้าค่ะ อย่างนั้นให้ลูกไปด้วยนะเจ้าคะ”
“ไปสิ”
ลับร่างของสตรีต่างวัยทั้งสองบุรุษที่เหลือก็หันมาสนทนากันต่อ
“ลูกมิเข้าใจขอรับท่านพ่อเหตุใดต้องให้ฟางเออร์แต่งกับคนที่มิได้ใส่ใจในตัวนางเช่นนี้นางจะมีความสุขได้อย่างไร”
“มันเป็นการตัดสินใจของนางเอง น้องของเจ้าเข้มแข็งกว่าที่เจ้าคิด แต่หากวันใดนางทนมิไหวจริงๆ พวกเราก็ทำได้แค่คอยสนับสนุนนางเพียงเท่านั้น”
หลังจากรับประทานอาหารร่วมกันและพูดคุยกันเหมือนตอนที่นางยังเป็นเพียงคุณหนูเล็กของจวนบรรยากาศอบอุ่นปลอบประโลมใจให้นางผ่อนคลายลงได้เป็นอย่างดี
หลังจากพูดคุยกันจนล่วงเลยมายามจื่อ (23.00-24.59) จึงได้แยกย้ายมาพักผ่อน นางที่ได้กลับมานอนที่เรือนร้อยบุปผาเรือนเดิมของนาง รอบๆ เรือนปลูกดอกไม้นานาพรรณจนเต็มบริเวณไปหมดยามสายลมพัดผ่านหอบเอากลิ่นหอมลอยมาให้สดชื่น
“พวกเจ้าไปพักได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาเก็บดอกไม้ให้ข้า”
“เพคะ”
หลังจากเอ่ยไล่นางกำนัลทั้งสองออกไปแล้วจึงได้หยิบตำรามาคัดต่อสักพักจึงดับตะเกียงเข้านอนไป