เฉิน รุ่ย หลิน ศิษย์เอกหมอเทวดาเว่ยชุนนั่งจิบสุราชั้นดีอยู่บนชั้นสองเห็นชินอ๋องเฟยหมิงมากับสตรีน้อยนางหนึ่งแต่สตรีนางนั้นมิใช่ เฉิน รุ่ยฟาง น้องสาวคนดีของเขาเจ้าน้องเขยสูงศักดิ์คนนี้ เขาที่ไม่เห็นด้วยที่จะให้น้องแต่งเข้าวังเสิ่นหยางกงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยังมาเห็นสิ่งที่ตอกย้ำความไม่พอใจให้มากขึ้นไปอีก กล้าทำให้ฟางเออร์ถูกนินทาว่าสวามีมิโปรดงั้นหรือน่าตายยิ่ง
ร่างสูงจึงเดินเข้าไปยังโต๊ะของคนทั้งสองทันที
“ข้าน้อย เฉิน รุ่ยหลิน คารวะชินอ๋องพะยะค่ะ”
“ไม่ต้องมากพิธีคุณชายเฉิน”
ร่างสูงอดแปลกใจไม่ได้ที่อยู่ๆ พี่ชายคนรองของนางก็มาปรากฏกายต่อหน้าพระพักตร์คงเพราะเห็นพระองค์มากับสตรีอื่นกระมัง
“หลานกุ้ยอิงคาระวะคุณชายเฉิน”
“อ้อ ที่แท้เป็นคุณหนูหลานนี่เอง”
รอยยิ้มกว้างอย่างคุณชายเจ้าสำราญแต่สายตาที่มองมายังนางอย่างรู้เท่าทันทุกอย่างทำให้นางได้แต่เสหลบตา
“มิทราบว่าคุณชายเฉินมีธุระอันใดกับเปิ่นหวางงั้นรึ”
“กระหม่อมเพียงมาทานอาหาร กำลังจะกลับจวนบังเอิญเจอท่านอ๋องจึงเข้ามาคารวะเท่านั้น อย่างไรหม่อมฉันขอตัวก่อน ทูลลาพะยะค่ะ”
ร่างโปร่งคารวะผู้สูงศักดิ์และหันมาก้มหัวน้อยๆ ให้แก่สตรีเพียงหนึ่งก่อนเดินออกจากโรงเตี๊ยมไปทันที
“คุณชายเฉินคงมิพอใจที่ข้ามากับพี่เฟยหมิง”
“รีบทานเถิด เจ้าหิวมิใช่หรือ”
“เพคะ”
ยามเว่ย (13.00-14.59)
ร่างบางที่เตรียมตัวเก็บของเรียบร้อยแล้วนั่งมองขนมในกล่องที่เตรียมไปฝากท่านพ่อท่านแม่ที่จวน เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงยามเว่ยแล้วท่านอ๋องยังมิส่งคนมาตามนางหรือจะยังทรงงานมิเสร็จนางต้องไปเตรียมสำรับเที่ยงให้พระองค์กระมังรอทรงงานเสร็จแล้วค่อยไปก็ยังทันอยู่
“เสี่ยวอวี้ ข้าจะไปตำหนักใหญ่เจ้าไปกับข้าเถิด”
“เพคะพระชายา”
ตำหนักเฟยเทียน
ร่างบางเดินมาถึงตำหนักใหญ่เห็นกงกงชรายืนเฝ้าหน้าตำหนักจึงส่งยิ้มงดงามไปให้
“ถวายพระพรพระชายาพะยะค่ะ”
“มิต้องมากพิธีท่านกงกง”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”
“ท่านอ๋องทรงงานมิเสร็จอยู่หรือข้ามิเห็นคนไปแจ้งจึงได้มาที่นี่เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะไปจัดโต๊ะเสวยท่านกงกงไปทูลพระองค์ด้วยเถิด”
“พระชายาพะยะค่ะเอ่ออ.. คือว่า”
“มีอันใดหรือกงกง”
“คือท่านอ๋องออกไปธุระข้างนอกพะยะค่ะทรงรับสั่งว่าให้พระองค์ทรงรอก่อนท่านอ๋องเสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมาพะยะค่ะ”
“อ้อ เช่นนั้นรึ งั้นข้ากลับไปรอพระองค์ที่ตำหนักถ้าทรงเสด็จกลับมาแล้วก็ส่งคนไปแจ้งแล้วกัน”
“พะยะค่ะ น้อมส่งพระชายา”
ลับร่างระหงออกจากตำหนักไปกงกงชราได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกดีที่พระชายามิใช่คนมากเรื่องจุกจิกมิเช่นนั้นเขาคงช่วยท่านอ๋องมิได้แล้ว
ร่างระหงที่เดินกลับมายังตำหนักหลันเทียนระหว่างทางเห็นนางกำนัลสามสี่คนกำลังจับกลุ่มสนทนากันอย่างออกรส
“พวกเจ้ารู้หรือไม่เมื่อเช้าคุณหนูหลานมาหาชินอ๋องถึงตำหนักเฟยเทียน”
“จริงหรือ นางมาได้อย่างไร”
“ทำไมจะมามิได้เล่า เมื่อก่อนนางก็เข้านอกออกในได้มิเห็นแปลก”
“แต่ตอนนี้ท่านอ๋องทรงอภิเษกแล้วนะนางมิกลัวคนนินทาหรืออย่างไร”
“นั่นนะสิคุณหนูหลานผู้นี้นี่ก็กระไรอยู่รู้ทั้งรู้ยังจะกล้ามา”
“ทำไมนางจะไม่กล้าเล่า นี่พวกเจ้าอย่าได้พูดไปนะข้าได้ยินมาว่าท่านอ๋องจะทรงแต่งนางเข้ามาเป็นชายารองล่ะ”
“จริงหรือ”
“น่าสงสารหวางเฟยยิ่งนักวันนี้ท่านอ๋องทรงรับปากว่าจะพาพระนางกลับจวนโหวแต่พอคุณหนูหลานขอให้พระองค์พาไปเดินเที่ยวตลาดกลับพาไปกระนั้น”
“ใช่ ข้าก็อยู่ในตอนที่ทรงพาคุณหนูหลานออกไป”
ร่างบางที่หยุดฟังนางกำนัลเหล่านั้นจนพวกนางเดินห่างออกไปแล้ว นางได้แต่ยืนนิ่งมิเอ่ยสิ่งใด ที่แท้ธุระสำคัญของพระองค์ก็คือคุณหนูหลานผู้นั้น นางไม่น่าคิดไปเองว่าพระองค์จะให้ความสำคัญกับคำพูดที่ให้ไว้กับนาง เป็นนางที่โง่เขลาเองบางทีอาจจะทรงอยากกลั่นแกล้งนางขึ้นมาอีกกระมัง หัวใจดวงน้อยเจ็บแปลบกระบอกตาร้อนผ่าวราวกับจะร้องไห้ ได้แต่พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ อดกลั้นเอาไว้กลืนความรู้สึกแปลกๆ ที่มันจุกอยู่ในอกกลืนมันลงท้องไป
“พระชายาเพคะ”
เสี่ยวอวี้ที่เห็นและได้ยินทุกสิ่งเหมือนกันยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ สงสารพระชายาจับใจแต่พระองค์ทรงพระทัยแข็งยิ่งนักไม่มีน้ำพระเนตรสักหยด ใบหน้างามกลับมานิ่งเฉยเหมือนเดิมมีเพียงแววตาหวานที่ฉายแววผิดหวังแต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น
“ไปกันเถิดเสี่ยวอวี้ ท่านพ่อท่านแม่คงรอข้านานแล้ว”