แม้ว่าชั่งกวน อี้ยวิน ในตอนนี้จะอยู่ตามลำพังกับชายที่ไม่รู้จักในห้องด้วยกัน แต่นางก็ยังคงเป็นว่าที่พระชายาขององค์ชายรองในอนาคต
ดังนั้นวิธีที่ฟั่น อี้ แสดงนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่เคารพต่อองค์ชายรองรวมถึงราชวงศ์
แต่เมื่อคิดถึงว่าชั่งกวน อี้ยวิน พร้อมที่จะสวมหมวกให้กับองค์ชายรองอย่างไร พวกเขาต่างก็เป็นเหมือนกัน
พวกเขาทั้งสองจะไม่จบลงด้วยดี
แต่แล้วมือของฟั่น อี้ ที่กำลงจะยื่นไปถึงชั่งกวน อี้ยวิน ก็ถูกข้อมือที่เรียวบางหยุดเอาไว้ก่อน
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นจับเพียงเล็กน้อย แต่ฟั่น อี้ ก็ไม่สามารถขยับนิ้วได้
“เจ้า!”
ฟั่น อี้โกรธพร้อมด้วยความอายเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับไปและดูว่าใครกำลังจับขอมือเขาอยู่ ก่อนจะแข็งค้างไป
คนอื่นต่างก็ตกตะลึงและไม่สามารถขยับได้
เดิมทีพวกเขาคิดว่า คนที่หันหลังให้กับพวกเขาน่าจะเป็นคนที่จับข้อมือของฟั่น อี้ เอาไว้
แต่เมื่อพวกเขามองไปที่ใบหน้าของเขา มันก็เป็นสีขาวและเหมือนหยกที่มีเสน่ห์งดงามในขณะที่มันถูกเปิดเผย
มันเกือบจะดูดวิญญาณพวกเขาเนื่องจากความมีเสน่ห์ของมัน ผมสีดำยาว “ของเขา” ตกลงมาเหมือนน้ำ ในขณะที่แสงอาทิตย์สีทองส่องหน้าของเขา
ในช่วงเวลานั้น มันเหมือนราวกับว่าพวกเขาได้สูญเสียจิตวิญญาณของพวกเขาไปเมื่อพวกเขามองดู “เขา”
ผู้ชายคนนี้ก็คือคุณหนูเหย่ จี้ แห่งเฉิน เก้อหลาน
“อา! มันคือคุณหนูเหย่ จี้! คุณหนูเหย่ จี้!” ไม่มีใครรู้ว่าใครตะโกนก่อน แต่มันก็ทำให้ทุกคนตื่นขึ้นมา
ในเวลาไม่นาน หอน้ำชาก็ราวกับระเบิดลง
เฉิน เก้อหลาน มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว โฉมงานทั้งสี่ที่มีชื่อเสียงและยังมีฝีมือในการเล่นพิณเป็นเลิศ
และในบรรดาที่โด่งดังที่สุดในเรื่องความงามและทักษะในการเล่นพิณและทักษะในการเต้นรำก็คือคุณหนูเหย่ จี้
ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการผู้สูงศักดิ์ สุภาพบุรุษหรือคุณหนู พวกเขาต่างก็ไปที่เฉิน เก้อหลาน โดยหวังว่าจะได้พบคุณหนูเหย่ จี้
ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะได้พบนางด้วยตาของตนเองในวันนี้
ดวงตาของฟั่น อี้ ที่แต่เดิมติดกาวอยู่ที่ชั่งกวน อี้ยวิน ตอนนี้หันมาจ้องมองไปที่เหย่ จี้ทันที
เหย่ จี้โค้งมุมปากของนางขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอย่างเย็นชา
ขนตายาวๆ ของนางซ่อนความเย็นชาเอาไว้ ในขณะที่นางยกมือขึ้นแล้วหันไปมองรอบๆ
ผู้คนรอบตัวนางรู้สึกเหมือนหัวใจของพวกเขากำลังจะกระโดดออกมา ในขณะที่พวกเขากลั้นลมหายใจเอาไว้
จากนั้นเหย่ จี้ก็รู้สึกพึงพอใจก่อนจะมีรอยยิ้มขึ้น และเปล่งเสียงที่ราวกับว่ามันมาจากสวรรค์ของนางขึ้น“ ทุกคนดูเหมือนจะ…เข้าใจผิดอะไรบางอย่างอยู่หรือไม่”
ทุกคน:“ ….. ”
เข้าใจผิดหรือ?
มันเป็นความเข้าใจผิดหรือ!
ไม่ว่าเหย่ จี้จะพูดอะไรมันก็ถูกเสมอ!
“แม่นางชั่งกวน มาหาข้า แต่เดิมเพราะนางได้ยินว่าองค์ชายรอบชอบเสียงพิณของข้า ดังนั้นนางจึงมาเรียนรู้มันจากข้าเล็กน้อย แต่ใครจะรู้ว่าจะมีใครบางคนที่คิดว่าพวกเขาเป็นคนชั้นสูงและสูงส่งอย่างไม่น่าเชื่อคิดที่จะมาต่อแยกับว่าที่พระชายาขององค์ชายรอง อาญานี้…จะเรียกว่าเล็กหรือใหญ่ดี?”
ข้อมือที่เหมือนหยกของนางเผยให้เห็นผิวขาวของนาง ราวกับผีเสื้อสีทองที่มันกำลังจะบินออกไป ทำให้ดวงตาของฟั่น อี้เต็มไปด้วยความมึนงง
เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไป ในขณะที่ดวงตาของเขาเปิดกว้างและมองไปที่มือหยกที่อยู่ตรงหน้าอกของเขา
จิตใจของเขาว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ เพราะหัวใจของเขารู้สึกเหมือนกำลังมีลูกแมวกำลังเกาอยู่ เขารู้สึกเหมือนกำลังจะละลาย
“ สมควรที่จะถูกลงโทษ, ถูกลงโทษ…”
เขาพึมพำราวกับคนมึนเมา ก่อนได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคน
เหย่ จี้ปิดปากของนางขณะที่นางหัวเราะ“ ในเมื่อคุณชายฟั่นเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของเหย่ จี้ เช่นนั้น…ทุกคนโปรดเป็นพยาน ก่อนที่คุณชายฟั่นจะเดินทางไปยังกระทรวงยุติธรรม”
จากนั้นฟั่น อี้ ก็ตะลึงงัน
แต่เขาก็พูดไปแล้วก่อนที่จะมีสติ
เขาได้ต่อแยกับว่าที่พระราชาขององค์ชายรองจริงๆ
เมื่อเขาไปถึงกระทรวงยุติธรรมและอาญาที่เขาต่อแยว่าที่พระราชาขององค์ชายรองก็ตกอยู่กับเขาและยังมีพยานอีกด้วย
เจ้าหน้าที่โจวของกระทรวงยุติธรรมวางทบลงโทษฟั่น อี้ ทันทีและสั่งให้เขารอรับการลงโทษ
เมื่อเหย่ จี้และชั่งกวน อี้ยวิน ออกมาจากกระทรวงยุติธรรม มันก็สี่ชั่วยามต่อมาแล้ว