“ โอ้ แล้วมันคืออะไร?” นางลดสายตาของนางลง ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ข้อมือบางของฮูหยินเก้า
ในที่สุดหัวใจของนางก็อ่อนลง
“ แม่ของเจ้าไม่สบาย ข้าต้องขอยืมเลือดของเจ้าสักเล็กน้อย เจ้าจะเห็นด้วยไหมไม่?” ฮูหยินเก้ารู้สึกไม่สบายใจ
มือของนางจับไปที่แขนของโหลว ชิงอู๋ อย่างแน่นหนา ดวงตาที่งดงามของนางดูเป็นกังวลและเต็มไปด้วยน้ำ
โหลว ชิงอู๋ เงยหน้าขึ้นมองตรงเข้าไปในดวงตาของนาง
นางกลัวว่านางจะไม่เห็นด้วยหรือ?
นางจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร?
นางหัวเราะขึ้นเบาๆ “ข้าจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร? ”
“ดีจริงๆ…” ฮูหยินเก้าปล่อยลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การแสดงออกของนางยังละเอียดอ่อนและสง่างาม
“ แต่” โหลว ชิงอู๋ เฝ้าดูนางอย่างลึกซึ้ง “ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาจากการนำเลือดของข้าไปจะเป็นอย่างไร?”
“ข้ารู้” ปากของฮูหยินเก้าโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม วิธีที่นางยิ้มนั้นเหมือนกับโหลว ชิงอู๋มาก
นางมีรอยบุ๋มขนาดใหญ่ข้างมุมปากของนาง ทำให้นางดูอ่อนหวานเป็นพิเศษ
นางไม่ได้ดูตรงกับอายุของนาง นางดูเหมือนเด็กผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าๆ
วิธีที่นางพูดนั้นจริงใจ ไม่ได้มีความสงสัยเลยแม้แต่น้อย “ข้าแค่ขอยืมเลือดเล็กน้อย ผู้นำตระกูลหยวนบอกว่าไม่มีอันตราย”
“ …. เช่นนั้นหรือ?” รอยยิ้มของโหลว ชิงอู๋ ลึกขึ้น แล้วนางก็ค่อย ๆ จับมือของฮูหยินเก้า ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านแม่ ข้าจะช่วยท่าน”
จนกระทั่งโหลว ชิงอู๋ จากไปแล้วเท่านั้น ฮูหยินเก้าถึงได้กลับมาเป็นตัวของตัวเอง หูของนางดูเหมือนจะสะท้อนวลีสุดท้ายของโหลว ชิงอู๋อยู่
“ช่วยหรือ?”
ฮูหนินเก้าจ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า จนกระทั่งนางเห็นหยวน ซิวเหริน
นางก็วิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
“ซิวเหริน ท่านซ่อนอะไรบางอย่างจากข้าหรือไม่ ทำไมนางถึงบอกว่านางจะช่วยข้า ท่านไม่ได้บอกว่ามันเป็นเพียงแค่การยืมเลือดเท่านั้นหรอกหรือ?”
“หนิงเออร์ผู้โง่เขลา เจ้าคิดมากเกินไป เราไม่ได้บอกนางว่าทำไมเราต้องขอยืมเลือดของนาง ดังนั้นนางจะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะใช้มันเพื่ออะไร ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงเจ้าที่กังวลมากเกินไป” หยวน ซิวเหริน โอบกอดฮูหยินเก้าไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่น
คิ้วของเขาขมวดเข้าด้วยกัน เขาไม่รู้ว่าเขาคิดมากเกินไปหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าวลีที่โหลว ชิงอู๋ พูดดูเหมือนจะแปลกไปไหม?
ฮูหยินเก้ายังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขา แต่คิ้วที่สง่างามของนางก็มีรอยย่นขึ้นเล็กน้อยด้วยเช่นกัน “ซิวเหริน นางเป็นลูกสาวของจ้าจริงๆหรือ แต่ทำไมข้าถึงไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้กับนางเลย?”
“ ไม่ใช่ว่าข้าเคยบอกข้าไปแล้วหรือ? เจ้าเคยเจ็บป่วยอย่างหนักมาก่อน ดังนั้นเจ้าจึงลืมทุกอย่างเกี่ยวกับอดีตไปจนหมด “
“ แต่…การทำเช่นนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อนางจริงๆใช่ไหม”
“ หนิงเออร์ผู้โง่เขลา” หยวน ซิวเหริน คลายอ้อมแขนของเขาออกเล็กน้อย
นิ้วของเขาลูบไล้ไปบนใบหน้าของนางเบา ๆ “ นางเป็นลูกสาวของเจ้า ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร กับสายเลือดของเจ้า? ข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไร หนิงเออร์ ไม่ต้องกังวล มันเป็นเลือดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันจะไม่เป็นไร? หรือว่าเจ้าไม่เชื่อข้าแล้ว?”
“ เชื่อ ข้าจะไม่เชื่อท่านได้อย่างไร ซิวเหริน ไม่มีความทรงจำช่างเป็นเรื่องที่น่าสงสารจริงๆ แม้ว่าข้าจะคิดถึงมัน แต่ร่างกายของข้าก็เต็มไปด้วยความเย็นชา มันเป็นสิ่งที่ดีที่ข้าได้พบท่าน … ”
“ ตอนนี้เจ้ามีข้าแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป” หยวน ซิวเหริน โอบกอดนางอีกครั้ง ดวงตาเหยี่ยวของเขาคมชัดขึ้น ก่อนที่จะมองไปที่ฮูหยินเก้าและเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นอีกครั้ง
ตราบใดที่เขาสามารถช่วยชีวิตนางได้ เขาก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว!
โหลว ชิงอู๋ ออกจากร้านอาหารไป ในขณะที่รถม้าที่หลานป๋าย ส่งมามาถึงพอดี
นางขึ้นรถม้าแล้วยกม่านขึ้น ในขณะที่นางมองไปที่ชั้นสอง ก่อนที่จะปล่อยมันลงอย่างช้าๆ และซ่อนแสงแห่งความไม่แยแสเอาไว้ในสายตาของนาง
“ ไปได้” โหลว ชิงอู๋ ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบ ๆ ไม่สามารถอธิบายได้ว่านางรู้สึกอย่างไร
นางหลับตาลงและปล่อยให้หัวใจได้แยกแยะความยุ่งเหยิงของตัวมันเอง
รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆและเมื่อผ่านโรงน้ำชาก็มีรถม้าอีกคันหนึ่งผ่านมา
เมื่อรถม้าผ่านไป มันก็หยุดอยู่หน้าหอน้ำชา ก่อนที่สาวใช้จะยกม่านขึ้นและร่างที่บอบบางของใครบางคนก็เดินออกมา
จากข้างในมีหญิงสาวที่เรียวบางและสง่างามพร้อมด้วยท่าทางที่อ่อนโยนของนางกำลังเดินออกมา
มันเป็นว่าที่พระราชารอง ชั่งกวน อี้ยวิน