จนกระทั่งนกพิราบหายตัวไปในขอบฟ้าแล้ว นางจึงได้จัดการตกแต่งหน้าของนางและวางจดหมายอีกฉบับที่นางเตรียมไว้ก่อนหน้านี้เอาไว้ในมือ
ก่อนจะเคาะประตูห้อง
“เข้ามา” จากภายในห้องมีเสียงอ่อนโยนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“คุณหนู นายท่านโจวส่งข้อความาเจ้าค่ะ” หญิงสาวคนนั้นผลักให้ประตูเปิดออก ใบหน้านางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
จนกระทั่งนางมาถึงหญิงสาวอีกคนหนึ่ง นางก็ส่งข้อความให้นาง
ชั่งกวน อี้ยวิน แข็งค้างไปครู่หนึ่งก่อนที่ใบที่งดงามหน้าของนางจะแดงขึ้นและตอบกลับด้วยเสียงต่ำ ๆ
“เฟย เหย่ เจ้าออกไปได้”
“เจ้าค่ะ!” สาวน้อยสดสายตาลงและเมื่อนางยืนยันว่าชั่งกวน อี้ยวิน ได้อ่านจดหมายแล้ว นางก็หันหลังและจากไปอย่างสุภาพ
แต่เมื่อนางปิดประตู นางก็ส่งเสียงเยาะเย้นออกมา ก่อนที่จะรีบจากไป
จวนอ๋องรัตติกาล
โหลว ชิงอู๋ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าใบหน้าของนางไร้ความรู้สึก
ข้างหลังนางมีเสียงดังขึ้นอย่างฉับพลันทำให้โหลว ชิงอู๋ หันต้องกลับไปมองทันที
ดวงตาของนางตกลงไปบนม้วนหนังสือที่เปิดอยู่บนพื้น
จากนั้น ดวงตาของนางก็หันไปหาคนที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำกลับพยายามที่จะก้มลงไปเก็บม้วนหนังสือขึ้น
แต่เขาใช้มือที่ได้รับบาดเจ็บของเขา
โหลว ชิงอู๋ช่วยไม่ได้ที่จะถูหน้าผากของนางได้ เขาจะแสร้งทำเป็นว่าได้รับความทุกข์ยากมากกว่านี้ได้อีกไหม?
นางรีบเดินไปหาเขาและหยิบหนังสือม้วนนั้นขึ้นมาจากพื้นแทนเฟิ่ง เหย่เก้อ และส่งมันให้เขา
แต่เขาไม่ได้รับมันไปจากนาง กลับนอนลงบนโซฟาและยกมือที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นและยื่นมันมาทางนาง
จากนั้นเขาก็มองนางด้วยดวงตาหงส์ของเขา
“แผลมันเปิดแล้ว”
“ท่านอ๋องรัตติกาลเองก็เป็นหมอ ท่านพันผ้าพันแผลด้วยตัวเองไม่ได้หรือ” หัวคิ้วของโหลว ชิงอู๋ขมวด ในขณะมองดูแผลที่มีเลือดออกอีกครั้งของเขา
ในใจของนาง มีความโกรธที่ผ่านมาชั่วครู่และผ่านไปอย่าง
เขาต้องทรมานตัวเองอย่างนี้จริงๆ หรือ?
“…. มือ เจ็บ ไม่สามารถพันแผลได้”
“…….”
โหลว ชิงอู๋ เหลือบมองเขา
เขามองกลับมาที่นางอย่างสงบ ราวกับว่าถ้าเจ้าไม่พันผ้าพันแผลให้กับข้า ข้าก็จะปล่อยให้มันอยู่เช่นนี้ตลอดไปและก็ปล่อยให้มันมีเลือดไหลต่อไป
ในที่สุด หัวใจของโหลว ชิงอู๋ ก็อ่อนลง ในขณะที่นางเดินไปหากล่องยาอย่างเงียบๆ
นางเปิดแผลที่ได้รับบาดเจ็บที่มีเลือดไหลออกมาอีกครั้งและเริ่มเปลี่ยนยาและพันผ้าพันแผลให้เขาอีกครั้ง
เมื่อนางมองไปที่พวกมัน นางดูสุภาพและอ่อนโยน
เฟิ่ง เหย่เก้อ เฝ้าดูนางอย่างมึนงง
เขารู้สึกราวกับว่ามีความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกจากหัวใจไปจนถึงแขนขาที่เหลืออยู่ของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการเขาก็รู้สึกเหงาอยู่ลึก ๆ
โหลว ชิงอู๋ ผูกผ้าพันแผลก่อนที่จะปล่อยมันไปและมองขึ้นไปที่เฟิ่ง เหย่เก้อ
เฟิ่ง เหย่เก้อยังไม่ได้ดึงมือของเขากลับไป
ริมฝีปากที่บางของเขากดลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดวลีที่เกือบจะทำให้โหลว ชิงอู๋โกรธแทบตาย
“มันดูน่าเกลียด ผูกมันอีกครั้ง.”
โหลว ชิงอู๋ มองไปที่เขาอย่างเย็นชา
แต่สายตาของนางก็ยังแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอที่หาได้ยาก
โหลว ชิงอู๋ ถอยหายใจออกมาอย่างเงียบๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะพันผ้าพันแผลให้เขาใหม่
แต่เฟิ่ง เหย่เก้อ ก็ยังไม่ได้ดึงมือของเขากลับ
หัวของโหลว ชิงอู๋ เริ่มที่จะปวดขึ้น
นางถูหน้าผากของนาง ก่อนที่จะเปลี่ยนวิธีการผูกปมผ้าพันแผลของเขาอีกครั้ง
ในที่สุดเฟิ่ง เหย่เก้อก็พอใจ ในขณะที่เขาดึงมือกลับไป
แล้วเขาก็ยื่มมือออกมา
“หนังสือ”
“ข้าจะส่งมันให้กับท่าน!” นางหยิบหนังสือม้วนนั้นขึ้นมาและขว้างมันไปที่มือของเฟิ่ง เหย่เก้อ
นางยืนขึ้นและเมื่อนางมองไปที่ปมผีเสื้อที่ขัดแย้งกับร่างของเขา นางก็ช่วยไม่ได้ที่จะพูดขึ้น”ราวกับเด็ก”
เฟิ่ง เหย่เก้อ ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ลืมตาขึ้นและดวงตาหงส์ของเขาก็ยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้น
ริมฝีปากบางๆ ของเขาขยับเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ”ข้าชอบมัน”
“ถ้าท่านชอบมัน ท่านก็สามารถเปลี่ยนยาของท่านด้วยตัวเองในวันพรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้มาอีกครั้ง”
“ไม่!” นางหยิบกล่องยาขึ้นมาและเมื่อเห็นว่ามันกำลังเย็นแล้ว นางจึงกล่าวคำอำลาและกำลังจะจากไป
เฟิ่ง เหย่เก้อ ไม่ได้บอกให้นางอยู่ต่อ แต่เมื่อมือของนางคว้าไปที่ประตูเขาก็พูดขึ้น
“อากาศเริ่มร้อนขึ้นแล้ว ถ้าในสิบหรือสิบสี่วันแขนไม่ได้รับการเปลี่ยนยาก็มันก็อาจจะติดเชื้อได้ “
“…. ” มือที่เอื้อมไปหาลูกบิดประตูก็ค่อยๆกำเป็นกำปั้นแน่นขึ้น
โหลว ชิงอู๋ ถูหน้าผากของนางอย่างหนัก ในขณะที่นางไหล่ตกลงอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าจะมาในวันพรุ่งนี้”
ประตูเปิดและปิดลง และมุมปากของเฟิ่ง เหย่เก้อก็โค้งขึ้น