เฟิง เหย่เก้อร์ ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น หน้าตาที่หล่อเหลาของเขาดำมืดลงเล็กน้อย”นางฉลาดมาก นางต้องรู้ถึงความรู้สึกของข้าอย่างแน่นอน”
“มันเช่นเจนขนาดนั้น นางจะดูไม่ออกได้อย่างไร? ”
“แต่นางรู้ … และนางยังคงผลักใสข้าไปให้คนอื่น”
นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาอารมณ์เสียมากที่สุด
แต่หลังจากที่อารมณ์เสียแล้วส่วนใหญ่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
เขารู้ว่าเขาสามารถอยู่เคียงข้างนางได้ถ้านางยังคงแกล้งทำเป็นว่านางไม่รู้ แม้ว่ามันจะอยู่ในฐานะศิษย์พี่เท่านั้น
แต่ตอนนี้ด้วยบุคลิกของนาง และนางก็ได้ค้นพบบางสิ่งบางอย่างแล้วนางคงจะปฏิเสธเขาไปตลอดกาล
นี่คือสิ่งที่เขาไม่รู้จะทำอย่างไรและเป็นสิ่งที่เขากลัวมากที่สุด
หลี่ หยวนแข็งค้างไปชั่วครู่“เจ้าแน่ใจหรือ?”
“อืม…. ”
หลี่ หยวนเริ่มเป็นกังวล ดวงตาดอกท้อของเขาก็ยังให้ความรู้สึกช่วยไม่ได้ขึ้น”เช่นนั้นก็ไม่มีทางอื่น ถ้านางตั้งใจจะหลีกเลี่ยงเจ้า … “
ดวงตาของเขามองไปที่เฟิง เหย่เก้อร์ อย่างจริงจังก่อนจะพูดขึ้น “ถ้ามันไม่ได้ผลก็ต้องยอมแพ้ เจ้าไม่เหนื่อยหรืออย่างไรกับการที่ต้องเลี้ยงดูเด็กอยู่เป็นเวลานานเพียงเพื่อให้นางกลายเป็นเนื้อในปากของคนอื่น? นอกจากนี้เจ้าจะบอกอาจารย์ว่าอย่างไร? แน่นอนเขาจะไม่ยอมรับจิ้งจอกน้อย “
การแสดงออกของเฟิง เหย่เก้อร์ ยังคงไม่แยแสและเฉื่อยชา แต่ในดวงตาหงส์ของเขามีเพียงความดื้อรั้น”เจ้าคิดว่ามันจะเป็นไปได้หรือ? และสำหรับคนผู้นั้น เขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าต้องการจะทำได้ “
หลี่ หยวนลูบหน้าผากของเขา “เอาล่ะก็แค่แสร้งทำเป็นว่าข้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่ แต่เพียงแค่มองไปที่สถานะของเจ้า ใบหน้าของเจ้า จิ้งจอกน้อยจะไม่ชอบเจ้าได้อย่างไร หรือว่ามันกลายเป็นนิสัยไปแล้ว ที่นางอาจจะเคยชินกับการปฏิบัติของเจ้าในฐานะพี่ชาย ดังนั้น … “
เขาหยุดพูด เมื่อเห็นดวงตาของเฟิง เหย่เก้อร์หรี่ลง
“ฮ่าฮ่าๆ ข้าล้อเล่น มันจะเป็นแค่เพียงความรู้สึกระหว่างพี่ชายกับน้องสาวได้อย่างไร? ”
ทำไมเขารู้สึกว่ายิ่งเขาพยายามโน้มน้าวเขามากเท่าไหร่ เขายิ่งเห็นทางตันมากขึ้นเท่านั้น?
เฟิง เหย่เอ้อร์ มองไปที่ท้องฟ้าที่มืดมิดอยู่เป็นเวลานาน
ปากของเขาโค้งขึ้นและกลายเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น ความรู้สึกระหว่าง … พี่ชายและน้องสาวหรือ?
เรือนลมเอนเอียง
จู่ๆ ก็มีเงาของคนปรากฏขึ้นอย่างไร้ซุ่มเสียง
ดวงตาของเขากวาดไปทั่วลานที่ว่างเปล่าและเงียบสงบ ก่อนที่จะมองไปรอบๆ อีกสองสามครั้ง ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าที่อยู่ข้างหลังของเขา
ขณะที่กำปั้นของอีกฝ่ายกำลังจะโจมตีไปที่เขา เขาก็หันกลับมาและคว้ามันไว้ด้วยมือของเขาทันที
เมื่อพวกเขามองเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย พวกเขาก็ร้องขึ้น “เจ้า”
หลานป๋าย จ้องมองไปที่อีกฝ่าย
นางคิดว่ามันมือสังหาร แต่เมื่อเห็นอีกฝ่าย หัวคิ้วของนางขมวดขึ้น “ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
เมื่อคิดถึงตัวตันของพวกเขา นางก็ไม่เต็มใจที่จะคุกเข่าของนางลง “เคารวะองค์ชายเจ็ด”
“อืม”เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ในขณะที่ไอขึ้นก่อนจะพูดขึ้น”เจ้านายของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ในห้องของนาง ทำไม?”
“ข้ามีเรื่องต้องการที่จะคุยกับเจ้านายของเจ้า ให้ข้าเข้าไป!”
“บอกข้ามาก่อนว่ามีอะไร” นางมีความรู้สึกว่าเขามาที่นี่เนื่องจากความคิดที่ไม่ดี
ถ้าเขามีเรื่องที่จะพูดคุยกับเจ้านายของนาง เขาก็สามารถเข้ามาทางประตูหน้าของจวนได้ แต่ทำไมเขาถึงได้แอบเข้ามา?
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหลานป๋าย ทำให้เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน รู้สึกผิดมากขึ้น “อย่าขวางทางข้า เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของพระราชวัง เจ้าที่เป็นเพียงคนตัวเล็กๆ กล้าที่จะขัดขวางหรือ? ”
“ท่าน!” สายตาที่ดูหมิ่นของเซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน ทำให้หลานป๋าย โกรธแทบบ้า
แต่เมื่อคิดว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ของพระราชวัง นาก็ไม่กล้าขัดขวางเรื่องของเจ้านายของนาง ดังนั้นนางจึงก้าวออกไปอย่างลังเล
หัวคิ้วของเซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนยกขึ้นพร้อมกับอารมณ์ที่ดีขึ้นมาก