เรือนลมเอนเอียง
หลายไป๋มองอย่างลังเลไปที่โหลว ชิงอู๋ ก่อนที่จะไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและพูดขึ้น “นายท่าน เมื่อข้าไปพบผู้ช่วยร้านจินก่อนหน้านี้ ข้าชนเข้ากับใครบางคน”
“โอ้? ใคร? “โหลว ชิงอู๋ พลิกหน้าหนังสือเล่มหนึ่งที่นางถืออยู่ขึ้นอย่างสบายๆ
“เฟิง สืออีเจ้าค่ะ”
“เฟิง สืออีหรือ”
“โอ้?” มือของโหลว ชิงอู๋ หยุดไปชั่วคราว
นางเงยหน้าขึ้นและเห็นดวงตาที่กระพริบของหลานป๋าย ก่อนจะถามขึ้น“แล้วเขาพูดอย่างอย่างไร?”
“นายท่าน เขาบอกว่าแม่นางจี้ได้ส่งขนมอบไปให้ท่านอ๋องรัตติกาลเมื่อเช้านี้ และจากนั้นเขาก็กินจนหมด หลังจากนั้นเมื่อเขาพบว่าไม่ใช่เจ้านายที่เป็นคนทำพวกมัน เขาก็โกรธมาก นายท่าน ท่านไม่คิดว่าท่านควรจะให้คำอธิบายกับท่านอ๋องหรือเจ้าค่ะ? เห็นได้ชัดว่าขนมอบพวกนั้นท่านเป็นคนทำ แต่ทำไมท่านจึงปล่อยให้แม่นางจี้เอามันไปให้ท่านอ๋องรัตติการเพื่อเอาใจเขา? แล้วถ้าท่านอ๋องโกรธท่านขึ้นมา … “
โหลว ชิงอู๋ฟัง แต่ไม่ตอบ
นางมองลงไป ในขณะที่ดวงตาของนางตกลงไปที่คำในหนังสือของนาง แต่นางไม่สามารถอ่านหนังสือเหล่านั้นได้
หลังจากนั้นไม่นาง นางก็พูดขึ้นเบาๆ “กลับไป และอย่าบอกสืออี เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้ามีเหตุผลในการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของข้า “
“แต่ว่า ….”
หลายป๋าย ยังคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าโหลว ชิงอู๋ ไม่ต้องการที่จะพูดถึงมันอีก นางจึงทำได้เพียงแค่หันหลังและเดินออกไปเท่านั้น
จนกระทั่งประตูปิดลงและห้องเงียบสงบเหมือนก่อนหน้านี้ที่มันสงบและเงียบจนทำให้หัวใจของนางรู้สึกว่างเปล่า ดวงตาของโหลว ชิงอู๋ ตกลงไปบนกล่องอัญมณีสีดำที่อยู่ใต้หน้าต่าง
นางลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินไปหามัน นิ้วมือของนางจับไปที่ด้านบนของกล่อง
นิ้วของนางจับไปรอบ ๆ ก่อนจะเปิดมันออกอย่างช้าๆ
แสงแดดส่องผ่านเข้ามาบนกล่องและสิ่งที่อยู่ภายในกล่อง
มันเป็นชิ้นเล็ก ๆ ของเสื้อสีขาวชิ้นหนึ่งที่ประณีตและถูกพับบนอยู่ด้านบนของอีกชิ้นอย่างเรียบร้อย
มันดูดีและละเอียดมาก
โหลว ชิงอู๋ มองในขณะที่นิ้วของนางแตะลงไปที่เสื้อผ้าชิ้นเล็กๆ ก่อนจะยกมันขึ้นมาพร้อมกับมีร่องรอยของความเหงาในดวงตาของนางลึกของนาง
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน นางก็วางเสื้อผ้าชิ้นเล็ก ๆ ไว้ตรงกับหัวใจของนาง ในขณะที่นางมองลงเพื่อซ่อนความเจ็บปวดในดวงตาของนางเอาไว้
แล้วน้ำเสียงเบาๆ ของนางก็พึมพำขึ้น “แม่จะทำให้เจ้ากลับมาสู่โลกใบนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน … “
ตั้งแต่ช่วงที่นางกลับมาเกิดใหม่ นางก็รู้ว่าหนทางของนางถูกปิดตายแล้ว
นางจะไม่สามารถออกไปได้และคนอื่น ๆ ก็จะไม่สามารถเข้ามาได้
มือของนางที่เปียกโชกไปเลือดสีแดงสดและยังสกปรก ดังนั้นนางจึงไม่สามารถที่จะลากศิษย์พี่ของนางให้เข้ามาในหลุมนรกนี้ได้?
นางไม่สามารถทนกับมันได้และจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น … นางสามารถทำได้เพียงผลักดันให้เขาออกไปเท่านั้น
เมื่อหลี่ หยวน พบเฟิง เหย่เก้อร์ เขาก็นอนอยู่บนที่นอนยาวและดื่มเหล้าอยู่ในเรือนฉิงเก้อร์น้อยของเขา
หลี่ หยวน เดินเข้าไปและคว้าไหเหล้าออกจากมือของเฟิง เหย่เก้อร์ทันที
เฟิง เหย่เก้อร์ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“ทุกอย่างไม่ใช่เพราะเจ้าหรอกหรือ “ข้าสูญเสียความรักและโลกทั้งโลกก็มืดมน” การแสดงออกของเจ้าทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดต่างก็หวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ พวกเขาวิ่งไปหาข้า และข้าผู้ที่เวลาของข้ามีค่าหลายร้อยตำลึงและข้าก็มาที่นี่ เจ้าซาบซึ้งหรือไม่? ถ้าเจ้าซาบซึ้ง เจ้าก็ควรจะลุกขึ้น กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ดังกล่าวและก็ไม่ใช่ว่าเจ้านั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจหรอกหรือถึงได้ฉกฉวยนางไปก่อนหน้านี้? แล้วเจ้าตอนนี้มันอะไรกัน? ”
เฟิง เหย่เก้อร์ยื่นมือออกมาและคว้าไหเหล้าไปได้อย่างง่ายดายจากมือของหลี่ หยวน “เจ้าไม่เข้าใจ”
“ข้าไม่เข้าใจอะไร? มันไม่ใช่เพียงแค่จานของขนมอบหรอกหรือ เจ้าจำเป็นต้องไปไกลถึงขนาดนี้? ”
เฟิง เหย่เก้อร์ มองเขาอย่างเย็นชา
หลี่ หยวนรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น “ดี! ข้าจะไม่พูดมันก็ได้? เช่นนั้นเจ้ากำลังวางแผนที่จะยอมแพ้อย่างนั้นหรือ? ”
เฟิง เหย่เก้อร์ ดื่มเหล้าลงไปอีกครั้ง ดวงตาหงส์ ของเขามองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นทุกอย่างก็จบ? ถ้าเจ้าจะไม่ยอมแพ้ เช่นนั้นก็ไปหาวิธีอื่นเพื่อคว้าหัวใจของสุนัขจิ้งจอกน้อยกลับมา ไม่ใช่แค่องค์ชายสามหรอกหรือ? แต่เจ้าเป็นถึงท่านอ๋องรัตติกาล เจ้าช่วยมั่นใจในตัวเองหน่อยได้หรือไม่? ”
เฟิง เหย่เก้อร์ ถึงกับเงียบไป “…. “
หลี่ หยวนเห็นว่าการแสดงออกของเขาไม่ถูกต้อง เขาจึงนั่งลงข้างๆเขา “จริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่?”