บทที่ 463 กล่องในหัวใจ
……….
แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากที่อุโมงค์ภูตในครั้งนั้น!
ตอนนั้นในอุโมงค์ภูต สวี่ชิงมองเห็นเทพเจ้าของจริง การโจมตีที่เกิดขึ้นหลังจากอีกฝ่ายลืมตา ส่งผลกระทบต่อทุกอย่างในอุโมงค์ภูต
พลานุภาพประเภทนั้นไม่อาจต่อต้านได้ ไม่อาจแบกรับได้ ไม่อาจจับต้องได้
กระทั่งว่าสิ่งที่ถูกแยกส่วนไม่ได้มีเพียงกายเนื้อเท่านั้น แม้แต่พลังเวทในกายและความคิดที่เกิดขึ้นในใจก็คล้ายว่าจะถูกแยกส่วนด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังทำให้มีชีวิตเป็นอีกตัวตนหนึ่งขึ้นมา
ความรู้สึกในเสี้ยวขณะนั้นทำให้สวี่ชิงรู้สึกว่า ทุกอย่างล้วนต้องพังทลาย แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
หากไม่ใช่การปรากฏตัวขึ้นจากหญิงสาวตะขาบ เกรงว่าเขาในตอนนั้นคงต้องเผชิญกับวิกฤตอันตรายที่ไม่อาจจินตนาการได้ ต่อให้อาศัยตัวเองฝืนรอเสียงเพลงปลอบประโลมเทพเจ้าที่ดังมาจากบ้านไม้ห้าเหลี่ยม แต่การเสียเวลาก็สร้างอาการบาดเจ็บให้สวี่ชิงอย่างแสนสาหัสเช่นกัน
ต่อให้ไม่ตายก็จะกลายพันธุ์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างพวกผีประหลาดในอุโมงค์ภูตพวกนั้น
แต่ตอนนี้เผชิญหน้ากับฉู่เทียนฉวิน แม้วิธีจะคล้ายกัน แต่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
แม้เสียงรำพึงรำพันของฉู่เทียนฉวินจะใช้ร่างทดสอบเทพเจ้าของตัวเองเป็นสื่อกลาง ลอกเลียนแบบการรำพึงรำพันของเทพเจ้า แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่เทพจริงๆ มาเยือน อย่างไรเสียก็เป็นเพียงแค่การลอกเลียนแบบเท่านั้น
ต่อให้ข้างหลังมีเงาเทพเจ้าปรากฏขึ้น แต่จากแก่นแท้แล้วก็แตกต่างไปจากทุกอย่างที่สวี่ชิงเคยประสบพบเจอในอุโมงค์ภูต
อีกทั้งสวี่ชิงในตอนนี้ ก็แตกต่างไปจากในตอนที่อยู่ในอุโมงค์ภูตตอนนั้นเช่นกัน
สวี่ชิงพลันเงยหน้าขึ้น เส้นเลือดในดวงตาเต็มไปหมด ฉายประกายแสงแปลกประหลาด
เขาจ้องฉู่เทียนฉวินที่นั่งขัดสมาธิ ทั่วทั้งร่างเปล่งแสงสีทองพร่างพรายเจิดจ้า ไม่สนใจติ่งเนื้อนับไม่ถ้วนที่งอกบนร่างกายภายใต้ฟ้าดินที่บิดเบี้ยวในตอนนี้ ปล่อยให้ติ่งเนื้อเหล่านี้เกิดขึ้น ยืดยาวออกไป
เขารู้ดี อยากต่อต้านพลังเทพประเภทนี้ของฉู่เทียนฉวิน ก็ใช่จะไม่มีวิธี
ไม่ว่าจะเป็นอสูรสมุทรบรรพกาลวิถีสวรรค์หรือจะเป็นเขาจักรพรรดิภูต หรือจะเป็นขวดจับเสียงที่เก็บเสียงผู้หญิงร้องเพลงงิ้วที่ตนซื้อมาจากย่านการค้าเมืองผี ล้วนสามารถลองดูได้ทั้งนั้น
ส่วนพลังพิษลูกกลอนต้องห้ามกับพระจันทร์สีม่วง ก็สามารถทำให้ตนต้านทานเสียงพึมพำ ในเสี้ยวขณะนี้ได้เช่นกัน
แต่จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงฉายวาบ สิ่งที่เขาอยากได้ไม่ใช่การต่อต้าน แต่เป็นการสะกดสยบ!
ใช้พลังเทพสะกดพลังเทพ!
สวี่ชิงอยากลองดู
เพราะการใช้พลังเทพประเภทนี้ของฉู่เทียนฉวินสร้างแรงบันดาลใจให้เขา
‘ข้าก็ทำได้เหมือนกันหรือเปล่านะ’
สวี่ชิงพึมพำในใจ
ตัวอยู่ในเศษชิ้นส่วนโลกเผ่าควันขจร ดูเหมือนอันตรายแต่ก็เป็นวาสนาแบบหนึ่ง อย่างน้อยที่นี่ก็ค่อนข้างลับตา
แม้ก่อนหน้านี้พลังพระจันทร์สีแดงพยายามค้นหา แต่สวี่ชิงรู้ หากอยู่ที่โลกภายนอก เกรงว่าเสี้ยวพริบตาที่เอาพระจันทร์สีม่วงออกมา ตัวเองก็จะถูกเจอตัวทันที
‘เช่นนั้นหากข้ากระตุ้นไม่มาก ร่วมกับใช้พิษต้องห้ามปกปิด รวมกับเศษชิ้นส่วนโลกใบนี้ของเผ่าควันขจร…’ สวี่ชิงดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว เงยหน้าอย่างยากลำบากมองไปยังรอยแยกบนท้องฟ้า
จากการที่ความคิดของเขาเพียงขยับ ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่อยู่ท่ามกลางเสียงพึมพำก็ได้รับผลกระทบ อสูรสมุทรบรรพกาลวิถีสวรรค์ที่เห็นได้ชัดว่ายังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ หางพลันสะบัด ซัดไปบนรอยแยก
เสียงตูมดังขึ้น รอยแรกที่ถูกสวี่ชิงฉีกเมื่อก่อนหน้านี้รางเลือนไปในทันที ผสานตัวอีกครั้ง กลับคืนสู่สภาวะพันธนาการแต่เดิม
จากนั้นสายตาของสวี่ชิงก็จับจ้องไปที่ร่างของฉู่เทียนฉวิน วังสวรรค์วังที่สามและสี่ปะทุขึ้นพร้อมกัน
พิษต้องห้ามที่มาจากแผ่นดินเทวะอันลึกลับเกินหยั่ง ในเสี้ยวขณะที่แผ่ซ่านมาในร่างสวี่ชิง ขณะเดียวกับที่ตลบอวลในเลือดเนื้อทั้งหมด ติ่งเนื้อบนร่างเหล่านั้นก็เน่าสลายไปในทันที กลายเป็นเลือดสีดำสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศ
สิ่งที่ถูกพิษกำจัดไปยังมีเสียงที่แทรกเข้าไปในเลือดเนื้อของเขา ไม่อาจหลบหนีไปได้ ถูกสลายไปในทันที การต้านทานทุกอย่างล้วนถูกกำจัด การแยกส่วนทุกอย่างถูกลบล้างไป
จากนั้นพิษต้องห้ามก็แผ่ออกมานอกกายของเขา ผสานไปในความว่างเปล่ารอบๆ ทำให้รอบๆ เขายิ่งเกิดการบิดเบี้ยวและรางเลือนปั่วป่วนหนักขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกัน ไอพลังประหลาดที่เป็นเฉพาะของเขาอันเกิดจากพลังพิษต้องห้าม ในเสี้ยวขณะนี้ก็ถูกหล่อเลี้ยงออกมา วนล้อมออกมาไม่ขาดสายโดยมีสวี่ชิงเป็นศูนย์กลาง สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้คล้ายว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีคุณสมบัติพิเศษของเทพเจ้า
ยังไม่จบแค่นั้น เสี้ยวขณะต่อมา พระจันทร์สีม่วงในร่างสวี่ชิงก็พลันแผ่ลาม ทุกที่ที่ผ่าน เลือดเนื้อของเขาล้วนกลายเป็นสีม่วง สุดท้ายทั้งร่างก็กลายเป็นเช่นนั้น กลายเป็นคนสีม่วง
แสงสีม่วงที่แผ่ซ่านทั่วร่างส่งผลกระทบต่อโลกภายนอก ทำให้ในบริเวณรอบๆ เขา แสงสีม่วงพราวพร่างเจิดจ้าในทันที
ภายใต้การปกคลุมของแสงสีม่วงนี้ ไอพลังอีกประเภทหนึ่งที่เป็นของสวี่ชิงก็หล่อเลี้ยงออกมาจากในนั้น
นั่นคือไอพลังประหลาดที่พระจันทร์สีม่วงสร้างขึ้น หลังจากที่โจมตีทุกสรรพสิ่งแล้ว ก็มีสวี่ชิงทางนี้เป็นจุดกำเนิด
ตอนนี้พวกมันพันรัดเข้ากับไอพลังประหลาดพิษต้องห้ามอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งพันล้อมรอบกายสวี่ชิงด้วย หมุนวนไม่หยุด เพียงพริบตาก็ก่อเป็นลมพายุ เชื่อมต่อกับท้องฟ้า พัดกวาดไปทั่วสารทิศดังกึกก้อง
ในลมพายุจะเห็นพระจันทร์สีม่วงมายาดวงหนึ่งอยู่รางๆ
นั่นแปลงมาจากอำนาจแห่งเทพเจ้า เป็นพลังเทพเจ้าของแท้
และข้างหลังพระจันทร์สีม่วงเป็นดวงตาสีดำคู่หนึ่งที่อยู่ในโลกสีม่วงใบนี้ และไม่อาจถูกโจมตีอาบย้อมได้
ในดวงตาคู่นี้แฝงไว้ด้วยพิษมหาศาล พันธนาการไม่สิ้นสุด
อำนาจเทพเจ้าที่ต่างกันสองประเภทปะทุขึ้นในร่างสวี่ชิง ต่างไม่ผสานเข้าหากัน และไม่ซ้อนทับ แต่ในขณะเดียวกับที่ต่อต้านซึ่งกันและกัน ก็อยู่ร่วมด้วยกัน
ตอนนี้ทั้งหมดล้วนแผ่พลานุภาพที่เป็นของเหล่าองค์ท่าน!
สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้ ท่ามกลางพลานุภาพแห่งเทพที่ตลบอวล สีหน้าฉายแววเฉยชา บนร่างแผ่ความสูงส่งสูงสุด พลังของเขาส่งเสียงดังกึกก้องในฟ้าดิน ยิ่งพวยพุ่งขึ้นไปอย่างทรงพลังท่ามกลางมิติที่สั่นสะเทือน!
สุดท้ายภายใต้การเพิ่มพลังจากอำนาจเทพสองประเภท มาถึงยังระดับที่น่าครั่นคร้าม คล้ายว่า…กลายเป็นเทพองค์ใหม่ที่เป็นเค้าร่างแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์องค์หนึ่ง
เจ้าเงาสั่นสะท้าน บรรพจารย์สำนักวัชระสั่นงันงก พวกมันไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น รีบปรากฏตัวออกมาทันที คุกเข่าคารวะอยู่ข้างหน้าสวี่ชิง เทียบกับความหวาดเกรงกับบรรพจารย์สำนักวัชระแล้ว เจ้าเงาทางนั้นกลับแผ่ความคลั่งไคล้และภักดีอย่างหาสิ่งใดเทียบได้ออกมา
สวี่ชิงลืมตาขึ้นช้าๆ ในดวงตามีแสงสีทองแผ่ซ่าน สุดท้ายก็ปกคลุมทั่วทั้งร่าง ดูแล้วเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า
“พันธนาการขังเงา โองการสั่งผี วิชาเซียนสังหารวิญญาณ ฟ้าดินชีวิตข้า”
คำพูดที่เหมือนจะเป็นบทท่องแต่ก็ไม่ใช่ท่อนนี้ เป็นบทที่สวี่ชิงให้บรรพจารย์สำนักวัชระแต่งขึ้นมาเพื่อปกปิดเคล็ดวิชาลับผสานเงา ตอนนี้ เขาท่องมันออกมาก็ไม่ได้มีความหมายแฝงพิเศษอะไร เพียงแค่พูดไปตามปากก็เท่านั้น
ทว่านอกจากจะทำให้เจ้าเงาทางนั้นอึ้งตะลึงแล้ว อารมณ์ของมันยิ่งฮึกเหิมขึ้นด้วย
ขณะเดียวกันคำพูดนี้ดังออกมาจากปากสวี่ชิง น้ำเสียงเกิดความรู้สึกรางเลือนขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ คล้ายว่าทุกตัวอักษรล้วนได้รับการเพิ่มซ้อนทับจากข้อมูลมากมายมหาศาล แฝงไว้ด้วยความหมายอีกอย่าง ในยามที่สะท้อนไปทั่วทุกสารทิศ ฟ้าดินก็เปลี่ยนสี ลมเมฆหอบทะลัก
ทุกอย่างที่นี่เพียงพริบตาก็บิดม้วนอย่างไร้ขอบเขต การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่แฝงไว้จากเสียงพึมพำของเทพเจ้าที่ดังขึ้นประเภทนั้น จากการเอ่ยขึ้นของสวี่ชิงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
พื้นดินสั่นสะเทือน เม็ดทรายทุกเม็ดเริ่มแหลกสลาย เหตุการณ์ประหลาดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบกายสวี่ชิง เสียงคำรามแต่ละเสียงๆ ที่เหมือนดังมาจากห้วงเวลาก็ดังโหยหวนขึ้นมาในเสี้ยวขณะนี้
พื้นดินแตกทลาย รยางค์เนื้อชุ่มเลือดชุ่มโชกแต่ละเส้นๆ พุ่งทะยานขึ้นมา โลกทั้งใบในเสี้ยวขณะนี้รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดและอัปมงคล
สรรพสิ่งถูกโจมตี ทุกอย่างล้วนปั่นป่วน โลกสั่นคลอน บิดเบี้ยวอย่างแปลกประหลาด
และต้นกำเนิดทุกอย่างนี่ก็คือสวี่ชิง
ภายใต้การเพิ่มพลังจากอำนาจเทพทั้งสองประเภท แม้เขาจะไม่สมบูรณ์ แม้เป็นเพียงเค้าร่าง แต่ในเสี้ยวขณะนี้ พลังของเขามาถึงระดับที่ไม่อาจคาดได้ถึง
ดังนั้น เสียงของเขาในระดับหนึ่งแล้วก็คือเสียงของเทพเจ้า
ฉู่เทียนฉวินแค่ลอกเลียนแบบ แต่สวี่ชิงไม่ใช่ จากแก่นแท้แล้ว คำพูดที่เขาพูดออกมา เป็นการรำพึงรำพันที่แท้จริง!
แม้จะไม่เหมือนเทพเจ้าองค์อื่น แต่สยบสะกดฉู่เทียนฉวินนั้นก็สามารถทำได้
เสียงรำพึงรำพันของฉู่เทียนฉวิน ‘ปั่นป่วน’ ขึ้นมาทันที จากที่ฟังไม่เข้าใจก่อนหน้านี้เปลี่ยนมาเหมือนจะฟังเข้าใจแล้ว
“เทพเจ้าคราแรกเดินตามหนทางมืด ปรโลกเหนือล้ำนำวิญญาณ…บุญกุศลซ่อนจันทรา…”
หน้าอกของเขายุบพอง ดวงตาจากหลับตาก็ลืมตื่นขึ้น มองสวี่ชิงอย่างหวาดกลัว กำลังจะเอ่ยต่อ แต่แสงสีทองนอกร่างพลันแตกสลายในชั่วขณะนี้
ไอพลังประหลาดนับไม่ถ้วนบนร่างเขาปะทุขึ้นมาจากการแตกสลายทันที
ร่างของเขาเริ่มแยกส่วน ความคิดของเขากำลังเป็นอิสระ ทุกอย่างของเขาท่ามกลางการเอ่ยปากของสวี่ชิงตอนนี้ ก็กลายพันธุ์อย่างสาหัส เสียงพึมพำกลายเป็นเสียงร้องเวทนาโหยหวน
ในช่วงวิกฤต มือขวาของฉู่เทียนฉวินยกขึ้นจิ้มไปในดวงตาข้างหนึ่งของตัวเอง หลังจากจิ้มไปเต็มแรง ลูกตาก็ระเบิด เลือดสีทองหลายเป็นหมอกเลือด แผ่ซ่านไปรอบๆ อย่างรุนแรง ต้านทานเสียงเทพของสวี่ชิง
ส่วนสวี่ชิงตอนนี้ก็ไม่สู้ดีเช่นกัน ในชั่วขณะนี้พลังที่เขาปะทุขึ้นมาไม่ใช่สิ่งที่กายเนื้อจะทนรับได้ ท่ามกลางเสียงที่ดังออกมาของเขา ร่างกายก็เริ่มแตกสลาย
แต่ว่าการทดลองครั้งนี้ทำให้สวี่ชิงตระหนักได้ถึงพลังเทพสองชนิดในตัวเองได้อย่างชัดเจน มีจุดให้ขุดค้นอีกมาก แต่เช่นเดียวกันนั้น การมีอยู่ของเหล่าองค์ท่านก็อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
นอกเสียจากตัวเองจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มิเช่นนั้นแล้วในยามที่ใช้หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อย ก็จะแตกดับจากการนี้
สวี่ชิงจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย หลังจากสยบเสียงรำพึงของฉู่เทียนฉวิน ก็รีบเก็บพลังพิษต้องห้ามและพระจันทร์สีม่วงทันที
ลมพายุสลายไป ฟ้าดินกลับเป็นปกติ
ส่วนทางฉู่เทียนฉวินทางนั้น ขณะเลือดสีทองแผ่ซ่าน ปากส่งเสียงโหยหวยแหลมเล็ก แต่นับว่าพอจะควบคุมการกลายพันธุ์ของตัวเองได้ ตอนนี้พุ่งขึ้นฟ้าด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม ส่งเสียงคำรามบนท้องฟ้าอย่างเจ็บใจ
“เจ้าเป็นแค่ผู้บำเพ็ญแท้ๆ เป็นแค่ผู้บำเพ็ญแท้ๆ!
“ทำไมเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้าจึงสยบข้าได้เช่นนี้!!
“ข้าไม่เชื่อ!”
ฉู่เทียนฉวินใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดสีทอง สีหน้าบิดเบี้ยวบ้าคลั่ง ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวจ้องมองสวี่ชิงที่อยู่บนพื้น มือขวายกขึ้น แล้วทะลวงหน้าอกตัวเองทะลุ คว้าหัวใจเอาไว้ แล้วกระชากอย่างเต็มแรง
เลือดพุ่งกระฉูด เขาขยี้หัวใจสีทองที่เต้นอยู่ในมือแหลกละเอียด
เลือดหยาดหยด หัวใจดวงนี้มีกล่องใบหนึ่งปรากฏขึ้น!
หากนายท่านเจ็ดอยู่ที่นี่ก็จะจำได้ทันทีว่า วัตถุชิ้นนี้คล้ายกับกล่องที่รัชทายาทรัฐม่วงครามถือในวันนั้นเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมองอย่างละเอียดแล้วก็จะพบความแตกต่าง ไม่ได้เหมือนกันหมด คล้ายว่าจะเรียบง่ายกว่ามาก
ตอนนี้ฉู่เทียนฉวินถือไว้ในมือ หลังจากขยี้แหลก ในนั้นก็แผ่แสงทางหนึ่งออกมา!
นั่นเป็นสายตาของเทพเจ้า!
ในพริบตาที่สัมผัสแสงทางนี้ สวี่ชิงจิตใจสั่นสะท้าน พิษต้องห้ามและพระจันทร์สีม่วงในกายเกิดสัญญาณถูกควบคุมในพริบตา
และแสงนี้ไม่ได้ส่องไปทั่วทิศ มันเปลี่ยนเป็นวัตถุจริงผสานไปในมือขวาของฉู่เทียนฉวิน ทำให้ฝ่ามือของเขาเจิดจ้าพร่างพราย ยกมือขึ้นกดไปหาสวี่ชิงข้ามอากาศ ปากส่งเสียงคำรามต่ำทุ้ม
“วิชาเทพ อนาคต กำหนด!”
สวี่ชิงหายใจหอบถี่ ในยามสู้กับฉู่เทียนฉวิน เขารู้เป็นอย่างดีว่าร่างทดสอบเทพเจ้ากุมวิชาที่ลึกลับเกินหยั่งเอาไว้ เหมือนเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องในตอนนั้นก็สำแดงวิชาที่น่าครั่นคร้ามตื่นตะลึง แม้สุดท้ายจะล้มเหลวทำไม่สำเร็จ แต่ก็สร้างความทรงจำลึกซึ้งให้กับสวี่ชิง
ตอนนี้ในชั่วเสี้ยวขณะที่ฉู่เทียนฉวินเอ่ย สวี่ชิงก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงรอบๆ ทันที
รอบๆ เขาเกิดภาพฉากแต่ละฉากๆ ภาพเหล่านี้มีเป็นร้อยเป็นพัน ทุกภาพล้วนมีเงาร่างของเขา
บ้างนั่งสมาธิสงบนิ่ง บ้างวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน บ้างหมดลมหายใจดับดิ้น บ้างโหยหวนครวญคร่ำ
ภาพมากมายนับไม่ถ้วน
ภาพเหล่านั้น…ล้วนเป็นอนาคตในเสี้ยวขณะต่อไปของสวี่ชิง
ภาพเหล่านี้ซ้อนทับอยู่ด้วยกันกลายเป็นสมุดภาพเล่มหนึ่ง จากการสะบัดมือของฉู่เทียนฉวินก็กำลังกรีดเปิดอย่างรวดเร็ว
คล้ายว่าเขาอยากหาภาพการตายของสวี่ชิง ถ่ายจากอนาคตการเปลี่ยนแปลงในนั้นให้กลายเป็นความจริง
นี่ก็คือวิชาเทพ อนาคต กำหนด!
ภาพที่คล้ายกัน ตอนนั้นที่สวี่ชิงสู้กับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็เคยผ่านประสบการณ์มาแล้ว
วิธีการแก้ในตอนนั้นก็คือรบกวนอนาคต ให้ตัวเองควบคุมโชคชะตาเองอีกครั้ง
เพียงแค่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องตอนนั้นเป็นเพียงแค่ผลงานกึ่งสำเร็จ วิชาเทพยังไม่สำเร็จโดยสมบูรณ์ ยิ่งไม่เคยมีกล่องนี้ปรากฏขึ้น
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าฉู่เทียนฉวินทุ่มทุกอย่าง การปรากฏขึ้นของกล่องใบนั้น ฝ่ามือที่ผสานสายตาในนั้นทำให้สวี่ชิงจิตใจเกิดคลื่นซัดโหมกระหน่ำไม่หยุด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดล้วนมีสองด้านทั้งนั้น สัมผัสกับวิชาเทพที่ทั้งน่ากลัวอีกทั้งยังสมบูรณ์แบบประเภทนี้ สำหรับสวี่ชิงแล้ว ในมุมหนึ่งก็นับว่าเป็นผลเก็บเกี่ยวแบบหนึ่ง
อย่างน้อยเขาในตอนนี้ การสัมผัสรับรู้วิชาเทพประเภทนี้ก็ยิ่งครบทุกด้านกว่าในอดีต สมองในเสี้ยวขณะนี้มีข้อมูลมากมายนับไม่ถ้วนผุดขึ้น